คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 Leon x Sasha
I Will Protect You 1
หลังจากอเมริกาและรัสเซียเข้าควบคุมสถานการณ์ในสลาฟตะวันออกไว้ได้ บัดดี้ ซึ่งตอนนี้คงต้องเรียกชื่อจริงว่า “ซาช่า” ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้ว่าขาของเขาจะพิการและต้องนั่งรถเข็นก็ตาม
เขากลับไปทำงานเป็นครูอีกครั้ง ในโรงเรียนประถมของเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ครั้งแรกที่เห็นซาช่าในชุดสูทสีฟ้าอ่อนดูเรียบร้อยสมเป็นคุณครูนั้น ทำเอาผมอึ้งไปหลายวิเลยทีเดียว มันช่างเหมาะกับเขามากๆ มากกว่ามาใส่ชุดโทรมๆ ถือปืนวิ่งไปวิ่งมาเยอะเลย
ดูเหมือนการใช้ชีวิตประจำวันของเขาจะไม่มีปัญหาอะไร และเจ้าตัวก็ดูมีความสุขดีด้วย
แต่ผมรู้ดี...ลึกๆ ในใจ เขากำลังเศร้าโศกและทรมานกับการสูญเสียบางสิ่งไป
เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง ซาช่ามักจะทำหน้าเหงาๆ รอยยิ้มของเขาดูเศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก พอเห็นสีหน้าแบบนั้น ผมก็อยากเข้าไปโอบกอดไว้ อยากจูบที่เปลือกตาบางๆ นั้นแล้วปลอบโยนให้เขาสบายใจ
ผมชอบรอยยิ้มของเขามากที่สุด
ไม่อยากให้ทำหน้าเศร้าเลยแม้สักวินาทีเดียว
“ฉันหาหมอดีๆ ได้แล้ว ถ้านายพร้อมเมื่อไหร่ ก็ผ่าตัดได้เลย” ผมแจ้งข่าวดีนี้แก่เขาในวันถัดจากที่ทางโรงพยาบาลติดต่อมา เป็นโรงพยาบาลมีชื่อในอเมริกา บ้านเกิดของผมเอง ผมกำลังจะกลับไปที่นั่นในอีก 2 วันข้างหน้า และอยากพาเขาไปรักษาตัวที่นั่นด้วย ผมคิดว่าเขาน่าจะดีใจกับข่าวนี้ แต่ซาช่ากลับทำหน้าเศร้า
“ฉันไม่อยากทิ้งเด็กๆ ที่นี่ไปเลย” ตัวเขาที่นั่งอยู่บนรถเข็น ดูเล็กลงกว่าปกติมาก ผมคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกุมมือเขาไว้
“ถ้าหายดี นายจะได้กลับมาที่นี่แน่นอน แล้วก็จะได้กลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนด้วยไง” ผมยิ้มให้กำลังใจเขา ซาช่ามองหน้าผมด้วยแววตาเป็นกังวล
“แต่ว่า...” ผมกระชับมือที่กุมไว้แล้วพยายามเกลี้ยกล่อมเขาต่อ
“ไปเถอะ ฉันรับรองว่านายต้องหายดี ฉันจะดูแลให้จนกว่าจะถึงตอนนั้นเอง”
“ลีออน...ขอบใจนะ” ในที่สุดเขาก็ยิ้มออก “นายช่วยชีวิตฉันไว้หลายครั้งหลายครา จนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว”
“แค่นายหายดี แล้วยิ้มได้ ฉันก็พอใจแล้ว”
“นายใจดีจริงๆ เลยนะ”
“ก็ไม่กับทุกคนหรอกนะ” ผมพูดพึมพำเบาๆ ซึ่งเขาคงได้ยินไม่ถนัดนัก เพราะเขามองหน้าผมอย่างสงสัยพลางเอียงคอ ดวงตาใสๆ คู่นั้นทำเอาผมตื้นตันจนตัวสั่น จะน่ารักเกินไปแล้วนะ ซาช่า!
ตอนที่เรียกชื่อของเขาแรกๆ ผมรู้สึกขัดๆ เขินๆ นิดหน่อย ชื่อของเขาฟังดูน่ารักออกขนาดนั้น แม้ตอนนี้จะเริ่มชินแล้ว แต่กับท่าทางและสีหน้าน่ารักๆ ของเขา จะเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยชินเสียที มีแต่จะทนไม่ไหวซะมากกว่า
จากนั้น ซาช่าก็ตัดสินใจไปอเมริกากับผม เราขึ้นเครื่องในอีกสองวันถัดมา ตามกำหนดเดิม พอถึงที่นั่น ผมก็พาเขาไปห้องพักของผม ซึ่งจะเป็นที่พักชั่วคราวของเขา จนกว่าจะถึงวันผ่าตัด
ซาช่าดูจะประหม่าไม่น้อยกับสถานที่ใหม่ๆ ตอนนี้เขาเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ขี้กลัวไปแล้ว เขามองไปรอบๆ ห้องของผมช้าๆ
“...สะอาดเรียบร้อยกว่าที่คิดแฮะ” พูดแบบนั้นมันยังไงกันล่ะนั่น คิดว่าฉันเป็นคนประเภทไหนกันนะ
“เอ...” เขาทำท่าครุ่นคิดพลางใช้มือเคลื่อนล้อรถเข็นเข้าไปทางครัวด้วยตัวเอง ก่อนจะเปิดตู้เย็นดู แล้วก็ทำหน้าตกอกตกใจเสียยกใหญ่
“นี่นายกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย?”
“อ่า...ก็ช่วงนี้ไม่ได้อยู่บ้านนี่นา”
ให้ตายสิ ลืมไปเลยว่าในตู้เย็นมีแต่เบียร์กับเหล้า
“ไม่เกี่ยวกับอยู่หรือไม่อยู่แล้วมั้ง ลีออน...” แววตาของเขาดูเหมือนคุณครูเจ้าระเบียบขึ้นมาทันที “จัดการเจ้าพวกนี้ซะ ฉันต้องการที่วางของ”
“ที่วางของ?” ผมขมวดคิ้ว
“ใช่ วางกับข้าวไงล่ะ...ฉันจะทำอาหารให้เอง”
“จะดีเหรอ?”
“อยู่บ้าน ฉันก็ทำเองอยู่แล้ว ถึงจะไม่ถนัดเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่ แต่ก็พอจะทำได้ จะให้อยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก” เขาส่ายหน้าไปมาช้าๆ แล้วเคลื่อนรถเข็นไปทางห้องนั่งเล่น
เฮ้ย...เดี๋ยว ผมตั้งท่าจะห้าม แต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว แม้แต่เสียงร้องห้ามก็ยังไม่ทันได้ส่งออกไปเลย
ซาช่าเข้าไปในห้องนั่งเล่น ซึ่งมันก็ไม่ได้รกรุงรังอะไรหรอก แต่ผมลืมเก็บหนังสือผู้ใหญ่ต้องห้ามกับพวกวิดีโอเรทๆ ที่ยืมมาจากพวกที่ทำงานน่ะสิ ให้ตายเหอะ...จะอะไรก็ช่างมันแล้วกัน
ปฏิกิริยาของเขาต่างจากที่คิดไว้เล็กน้อย ซาช่าเพียงแค่เก็บของพวกนั้นวางบนชั้น โดยไม่พูดอะไร แล้วเคลื่อนเลยไปจนถึงห้องน้ำ แล้วก็ต่อด้วยห้องนอน คงจะอยากสำรวจที่ทางไว้ก่อน เพื่อจะได้ปรับตัวให้ชินล่ะมั้ง
แล้วจู่ๆ เขาก็เอ่ยปากขึ้น
“ฉันรบกวนรึเปล่า?...ถ้าเกิดนายจะพาแฟนมาหรือ...”
“หา? ฉันยังไม่มีแฟนหรอก...ถึงจะมีคนที่ดูๆ กันอยู่ แต่ก็ไม่ได้คบกันหรอก” ผมว่าพลางเดินไปหาเขาในห้องนอน ซึ่งผมเตรียมไว้ให้เขานั่นแหละ
“เห็นว่าคนอเมริกันค่อนข้างจะฟรีเรื่องพวกนี้...ถ้าเกิดอยากพาสาวๆ มาก็บอกได้นะ...ฉันจะได้ออกไปก่อน” เขาพูดโดยที่หันหลังให้ผม จึงไม่เห็นว่าทำหน้ายังไง แต่น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับจะร้องไห้
ทำไม? อึดอัดใจที่ต้องอยู่ด้วยกันเหรอ? กลัวว่าจะรบกวนผมงั้นเหรอ?
“ซาช่า สบายใจได้เลย ฉันไม่เคยพาใครมา นอกจากนาย” ผมย้ำด้วยเสียงหนักแน่น แล้วเดินไปหาเขาใกล้ๆ ซาช่าหันมามองผมแล้วก็ยิ้มบางๆ
“ก็เผื่ออยากพามาไงล่ะ” ทั้งที่ยิ้มอยู่ แต่ก็ดูเศร้าๆ ความเหงาของเขามันแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ทันที
“คิดถึงคู่หมั้นของนายเหรอ?” ผู้หญิงที่เป็นครูเหมือนกับนาย และเป็นเพื่อนสมัยเด็กด้วย
“เปล่าหรอก...แต่จะว่างั้นก็ได้มั้ง” เขาพูดอะไรกำกวมแล้วก็หนีห่างจากผม หันหลังให้ผม ไหล่บางๆ ที่สั่นเทานั้นทำให้ผมอยากเข้าไปกอดไว้...อยากกอดให้แน่นๆ
ซาช่า...ดูเหมือนฉันจะ...
“ลีออน” แล้วเขาก็หันมา ผมจึงรีบเข้าไปหาพลางยิ้มแย้มตามปกติ
“อะไรเหรอ?”
“เดี๋ยวพาไปดูรอบๆ เมืองหน่อยได้มั้ย?”
“อ้อ ได้สิ ไปเลยนะ” ผมยื่นมือจับรถเข็นของเขาแล้วออกแรงเข็นมันออกไป สัมผัสที่รถเข็นเย็นเฉียบ สิ่งที่ฉันอยากสัมผัสจริงๆ น่ะ ไม่ใช่เหล็กเย็นๆ นี่สักหน่อย...ฉันอยากสัมผัสที่ตัวนายต่างหาก ซาช่า
ทำไมตัวผมถึงได้คิดอะไรแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกันไปได้นะ? เพราะรอยยิ้มหวานๆ ของเขางั้นเหรอ? หรือเพราะความอ่อนแอที่เขาแสดงให้ผมเห็นแค่คนเดียวเท่านั้น ผมรู้สึกสับสนปั่นป่วนไปหมดเวลามองหน้าเขา ถ้าหากว่า...พลาดพลั้งห้ามใจไม่ไหวขึ้นมา ทุกอย่างจะจบลงทันทีเลยรึเปล่านะ?
ผมกลัวทุกวินาที ทุกชั่วโมงที่อยู่กับเขา กลัวว่าจะทนไม่ไหว กลัวว่าจะเผลอทำอะไรแปลกๆ ที่เขาไม่ชอบ ยิ่งตอนนี้อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือ ยิ่งอยากสัมผัส อยากรู้ว่าเขาจะทำหน้าแบบไหนเวลาที่...
นี่ผม...คิดบ้าอะไรกันเนี่ย? พิลึกไปกันใหญ่แล้ว ลีออน สกอต เคเนดี้
ผมสะบัดหัวแรงๆ สองสามที เพื่อไล่ความคิดวิตถารของตัวเองออกไปให้หมด แต่มันก็ยังหลงเหลือค้างคาอยู่ไม่น้อย คริสคงเห็นผมทำหน้าตาพิลึกเลยเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ช่วงนี้ดูแปลกๆ นะ ลีออน ถ้าสภาพไม่ค่อยดีก็พักดีกว่ามั้ย?” วันนี้ผมมาช่วยงานที่ BSAA เป็นการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการ และตอนนี้อยู่ในช่วงพัก ผมจึงออกมาทานข้าวกลางวันกับคริสและเพียร์ส
“ได้ข่าวว่าคุณบัดดี้มาอยู่ด้วยใช่มั้ยฮะ? เขาเป็นไงมั่ง?” มือสไนเปอร์หนุ่มผู้เป็นความหวังใหม่ของ BSAA เอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ ดูจากแววตาก็รู้ว่าสนใจเป็นพิเศษซะด้วยสิ แล้วทำไมผมรู้สึกฉุนเจ้าเด็กนี่ขึ้นมาตะหงิดๆ ซะงั้นล่ะ
“ผมเคยเจอครั้งเดียวเอง เป็นคนที่สุดยอดมากๆ เลย” เพียร์สชื่นชมออกทางสีหน้า ผมเหล่มองเขา
“ขนาดนั้นเลย” จู่ๆ ก็มีเสียงคุ้นๆ ดังขึ้นอีกเสียงหนึ่ง ผมเงยหน้ามอง เห็นเจคยืนค้ำหัวเพียร์สอยู่พลางเอานิ้วจิ้มๆ ที่แก้มของสไนเปอร์หนุ่มเหมือนจะแหย่เล่น สองคนนี้เคยไม่ถูกกันอย่างแรง แต่หลังจากผ่านอะไรมาด้วยกันหลายอย่าง (ตั้งแต่ครั้งที่เพียร์สเกือบตาย) ก็ดูจะสนิทสนมกันมากขึ้น
“ยุ่งน่า ไอ้เด็กตูดหมึก” แล้วเพียร์สก็หันไปโวยวายใส่เด็กหนุ่มร่างสูงข้างหลังเขา คริสหันมายิ้มแหยๆ ให้ผม
“โทษทีนะ พวกนี้ก็อย่างงี้ทุกทีเลย ว่าแต่ บัดดี้ เอ้อ...ซาช่าสินะ ใกล้จะเข้าผ่าตัดรึยัง?”
“อีกอาทิตย์นึงน่ะ ตอนนี้ก็พักผ่อนสบายๆ อยู่บ้านไปก่อน แต่เจ้าตัวไม่ค่อยจะยอมอยู่เฉยเลย คอยทำงานบ้านเรื่อย บอกว่าไม่อยากมารบกวนเฉยๆ” ผมเล่ากึ่งบ่นให้ฟัง ในขณะที่เจควางจานอาหารแล้วนั่งลงข้างๆ เพียร์ส ได้ยินเสียงเจ้าลูกหมาน้อยขู่แง่งๆ ใส่ แต่เห็นเจคทำไม่รู้ไม่ชี้ ผมก็เลยไม่พูดอะไร
“ฮ่าๆ ก็คนเคยทำนู่นทำนี่น่ะนะ ตอนฉันเข้าร.พ.ก็เซ็งจะแย่เหมือนกัน” คริสหัวเราะร่วน พลางตักอาหารเข้าปาก
“ไว้ผมไปเยี่ยมบ้างได้มั้ย คุณลีออน” จู่ๆ เพียร์สก็ยื่นหน้ามาหา ดวงตากลมโตสดใสของเขาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเด็กๆ ที่ร้องขอของเล่นจากพ่อแม่
“ฉันไปด้วย” เจคแทรกขึ้น
“แกไม่ต้องยุ่งเลย” แล้วก็หันไปกัดกันเหมือนเดิม ให้ตายสิ เจ้าพวกนี้ ขืนไปก็มีแต่หนวกหูซาช่าเปล่าๆ
“ได้สิ เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน เจคด้วยสินะ แล้วคริส?” ผมหันไปทางคริส
“ไว้ค่อยนัดไปทีเดียวแล้วกัน ก่อนซาช่าเข้าร.พ.น่าจะดีนะ” เขาพยักหน้ากับผม แล้วหันไปถามสองหนุ่ม พอนัดแนะกันได้ก็ตกลงกับผมว่าจะไปเยี่ยมอีกสามวันข้างหน้า
“งั้นฉันจะบอกซาช่าไว้ให้แล้วกัน วันนั้นฉันอาจจะต้องไปDSO น่ะ”
“ฝากด้วยนะ ลีออน” คริสยิ้มแล้วตบบ่าผม “ขอบใจมาก”
“เล็กน้อยน่า ดีซะอีก จะได้มีคนไปอยู่เป็นเพื่อนซาช่าบ้าง” ผมว่าพลางยิ้มกลับ
ความคิดเห็น