[FIC YAOI BIO6] After that day [JAKE X PIERS] มีใครเล่นมั้ยเนี่ย? - [FIC YAOI BIO6] After that day [JAKE X PIERS] มีใครเล่นมั้ยเนี่ย? นิยาย [FIC YAOI BIO6] After that day [JAKE X PIERS] มีใครเล่นมั้ยเนี่ย? : Dek-D.com - Writer

    [FIC YAOI BIO6] After that day [JAKE X PIERS] มีใครเล่นมั้ยเนี่ย?

    จะมีใครรู้จักสองหนุ่มนี้มั้ยนะ เห็นคนญี่ปุ่นเค้าจิ้นกันด้วย ตามหารูปและอ่านฟิค (ญี่ปุ่น) ได้ใน Pixiv คิดว่าคนรู้จักเกมนี้น่าจะมี แต่สาววายบ้านเราจะจิ้นกันมั้ย ไม่รู้แฮะ...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,506

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    1.5K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    14
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ม.ค. 56 / 21:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ยืมรูปจาก Pixiv นะคับ


    After that day

    “ฉันเกลียดนาย”

     

    ได้ยินเสียงน้ำหยดลงบนพื้น

    จ๋อม...

    แล้วก็เงียบหายไป

     

    เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าอายุเพียงแค่ 20 ปี ลืมตาแล้วค่อยๆ พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงขอบกำแพงที่ถูกระเบิดจนแหว่งเป็นรูปจันทร์เสี้ยวอย่างน่าพิศวง มือขวากุมหัวไหล่ซ้ายที่มีรอยเลือดยาวเป็นทางไหลออกมา

    “โดนจนได้ ให้ตายเหอะ” เขาสบถเบาๆ แล้วดึงแขนเสื้อที่ขาดวิ่นออก มองดูบาดแผลที่โดนกระสุนถากไป โชคดีที่ไม่ได้ฝังเข้าในเนื้อ

    “ไม่น่าทำตัวเป็นฮีโร่เลยแฮะเรา” เขาพึมพำกับตัวเองพลางหลับตาลงอีกครั้ง

    เพราะออกมาช่วยเด็กที่กำลังถูก B.O.W. โจมตี ก็เลยต้องมาติดแหง่กอยู่ที่ซากเมืองร้าง ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน และไม่รู้ว่าจะออกไปยังไงด้วย แต่อย่างน้อยที่รู้ เจ้าพวกนั้นโดนระเบิดของพวกทหาร BSAA จนแหลกสลายไปหมดแล้ว และเด็กคนนั้นก็น่าจะปลอดภัย แค่นั้นก็คงคุ้มค่าแล้วล่ะมั้ง

    เขาคิดแบบนั้น แล้วก็นั่งพิงซากกำแพงด้วยท่าทางหมดห่วง

    “แค่นั้นไม่ถึงตายหรอกน่า” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังก้องสะท้อนในหู เจคลืมตาแล้วมองไปยังต้นเสียงนั้นด้วยรอยยิ้มเหยียดๆ

    “กะอีแค่โดนยิงเฉียดๆ กับระเบิดลูกสองลูก คนอย่างแกไม่ตายหรอก ฉันพูดถูกใช่มั้ย?” เสียงนั้นดังก้องขึ้นอีก ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าของเจ้าของมัน

    ทหารหนุ่มวัย 26 ฉายาสไนเปอร์ผู้ไม่เคยพลาดเป้า มือหนึ่งของ BSAA

    เพียร์ส นีวานส์

    ใช่...ชื่อนี้ที่จำได้แม่นยำราวกับสลักฝังอยู่ในหัว

    ยิ่งกว่าใครทั้งนั้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      After that day

      “ฉันเกลียดนาย”

       

      ได้ยินเสียงน้ำหยดลงบนพื้น

      จ๋อม...

      แล้วก็เงียบหายไป

       

      เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าอายุเพียงแค่ 20 ปี ลืมตาแล้วค่อยๆ พยุงร่างตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงขอบกำแพงที่ถูกระเบิดจนแหว่งเป็นรูปจันทร์เสี้ยวอย่างน่าพิศวง มือขวากุมหัวไหล่ซ้ายที่มีรอยเลือดยาวเป็นทางไหลออกมา

      “โดนจนได้ ให้ตายเหอะ” เขาสบถเบาๆ แล้วดึงแขนเสื้อที่ขาดวิ่นออก มองดูบาดแผลที่โดนกระสุนถากไป โชคดีที่ไม่ได้ฝังเข้าในเนื้อ

      “ไม่น่าทำตัวเป็นฮีโร่เลยแฮะเรา” เขาพึมพำกับตัวเองพลางหลับตาลงอีกครั้ง

      เพราะออกมาช่วยเด็กที่กำลังถูก B.O.W. โจมตี ก็เลยต้องมาติดแหง่กอยู่ที่ซากเมืองร้าง ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน และไม่รู้ว่าจะออกไปยังไงด้วย แต่อย่างน้อยที่รู้ เจ้าพวกนั้นโดนระเบิดของพวกทหาร BSAA จนแหลกสลายไปหมดแล้ว และเด็กคนนั้นก็น่าจะปลอดภัย แค่นั้นก็คงคุ้มค่าแล้วล่ะมั้ง

      เขาคิดแบบนั้น แล้วก็นั่งพิงซากกำแพงด้วยท่าทางหมดห่วง

      “แค่นั้นไม่ถึงตายหรอกน่า” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังก้องสะท้อนในหู เจคลืมตาแล้วมองไปยังต้นเสียงนั้นด้วยรอยยิ้มเหยียดๆ

      “กะอีแค่โดนยิงเฉียดๆ กับระเบิดลูกสองลูก คนอย่างแกไม่ตายหรอก ฉันพูดถูกใช่มั้ย?” เสียงนั้นดังก้องขึ้นอีก ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าของเจ้าของมัน

      ทหารหนุ่มวัย 26 ฉายาสไนเปอร์ผู้ไม่เคยพลาดเป้า มือหนึ่งของ BSAA

      เพียร์ส นีวานส์

      ใช่...ชื่อนี้ที่จำได้แม่นยำราวกับสลักฝังอยู่ในหัว

      ยิ่งกว่าใครทั้งนั้น

      “เด็กนั่นบอกว่าแกช่วยเขาไว้ เพราะงั้น...จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วปล่อยให้แกมานอนตายเหมือนหมาข้างถนน ชายชาติทหารอย่างฉันก็เสียชื่อหมด” เพียร์สพูดจากระแทกแดกดันตามประสา พลันนั่งยองๆ ลงข้างๆ เจค ซึ่งทำได้เพียงแค่ยิ้มกวนๆ ให้

      “พูดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็กลัวฉันตายสินะ”

      “ตายซะได้ก็ดี” เพียร์สตบเพียะลงบนแขนข้างที่โดนยิงของเจค ก่อนจะจัดการปฐมพยาบาลให้

      “เลือดฉัน...” เจคยิ้มอย่างอ่อนโยน อย่างน่าแปลกใจ “จำเป็นกับนายไม่ใช่รึไง?”

      !” หนุ่มมือสไนเปอร์ชะงักไปครู่หนึ่ง พอทำแผลจนเสร็จก็ยังคงนิ่งเงียบ แต่ตอนที่จะลุกขึ้นก็ถูกฉุดแขนไว้

      “ปล่อย” เพียร์สดุเสียงดัง แต่เจคกลับยึดมือนั้นไว้แน่นขึ้น

      “ได้เวลารึยังล่ะ? ที่อุตส่าห์มาหาถึงนี่ เพราะเรื่องนั้นไม่ใช่รึไง?” เขารั้งร่างบางให้ล้มลงในอ้อมกอด แม้ว่าเพียร์สจะดิ้นรนขัดขืนก็ไม่ปล่อย แต่แขนที่ยังบาดเจ็บก็ร้องประท้วงจนต้องเบ้หน้าหนี เมื่อถูกเพียร์สตบที่แขนนั้นเข้าให้

      “อย่าดื้อนักสิ ฉันเป็นคนเจ็บนะ” เจคโวยวายหลังจากยอมปล่อยมือเพียร์สแล้ว

      “เพราะแกทำตัวน่ารำคาญไง ขืนยุ่มย่ามอีกล่ะก็ ฉันจะทุบให้มันแหลกไปเลย” ร่างบางปั้นหน้ายักษ์ใส่ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินหนีไป

      “เร็วๆ เซ่! ไอ้เด็กลามก ฉันไม่ว่างมายืนรอแกลุกหรอกนะ” เสียงนุ่มๆ ที่ดังก้อง ทำให้เจคหัวเราะอย่างพอใจก่อนจะลุกตามไป

       

      เมื่อกลับมาที่ฐานบัญชาการของ BSAA แล้ว เพียร์สก็ขังตัวเองในห้องไม่ยอมออกมาอีก

      “สิ่งแลกเปลี่ยน...ฉันไม่เอาเป็นเงินหรอก”

      ใบหน้ากวนๆ ของเด็กหนุ่มลอยเข้ามาในหัว รอยยิ้มกวนๆ ถือดีนั่นแล้วยังคำพูดสองแง่สองง่ามที่ทำให้หงุดหงิด ยิ่งคิดถึงมันเพียร์สก็แทบจะบ้าตายทุกครั้ง

      เขาเอาหมอนปิดหน้าแล้วนอนกลิ้งไปมาอย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู

      “เพียร์ส กินข้าวกัน” ทันทีที่ได้ยินเสียง เพียร์สก็เด้งขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตู

      “กัป...” แต่คนที่อยู่ข้างหลังกัปตันของเขาเป็นคนที่เขาเกลียดขี้หน้ามากที่สุด

      “อ้อ เจคจะค้างที่นี่น่ะ ยังบาดเจ็บอยู่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะ เพราะงั้นไปกินกันสามคนนะ” คริสพูดไปยิ้มไป ไม่ได้สังเกตุว่าสีหน้าท่าทางของเพียร์สนั้นแสดงความไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้ง

      “ผมไม่กิน กัปตันไปกับเจ้านั่นละกัน”

      “อ้าว? ทำไมล่ะ วันนี้เขาทำเนื้อสเต๊กของโปรดนายด้วยนะเนี่ย” กัปตันจอมซื่อก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ยังคงทำหน้าสงสัย

      “ผมยังไม่หิว” เพียร์สตอบแค่นั้น จากสีหน้าที่ดูหมองๆ ลง ทำให้คริสคิดว่าคงจะไม่ค่อยสบาย

      “อืม งั้นเดี๋ยวฉันจะเก็บสเต๊กไว้แล้วเอามาให้นายนะ” ความใจดีของกัปตันทำให้เพียร์สตื้นตันอยากจะเข้าไปกอดขอบคุณ แต่เพราะมีอีกคนนึงอยู่ ก็เลยได้แต่ยิ้มแล้วบอกขอบคุณ ก่อนจะปิดประตูขังตัวเองต่อไป

       

      ผ่านไปเกือบๆ ชั่วโมงครึ่ง เพียร์สเริ่มหิวจนชักแสบท้อง เพราะปกติกินตรงเวลาและกินจุเสียด้วย ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งลูบท้องด้วยความทรมาน พลางเคียดแค้นคนที่โผล่มาในจังหวะที่ทำให้ตนอดสเต๊กร้อนๆ จากครัว

      ก๊อกๆ

      ทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาคิดว่าต้องเป็นกัปตันเอาสเต๊กมาให้ตามสัญญาแน่ๆ จึงรีบลุกไปเปิดให้

      ทว่า...ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย

      “แก! มาทำไม?”

      “คริสบอกให้เอานี่มาให้” ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นข้างหนึ่งแสยะยิ้ม

      “ขอบใจ ไสหัวไปได้แล้ว” เพียร์สยื่นมือไปรับจานสเต๊ก โดยไม่ยอมเปิดประตูกว้างกว่านั้น เพื่อให้เจคเข้าไป

      “อะไรกัน? ให้เข้าไปหน่อยสิ”

      “จะเข้ามาทำไม?” ร่างบางขมวดคิ้ว

      “คืนนี้ฉันจะค้างที่นี่” เจคตอบเหมือนเป็นอีกเรื่อง เพียร์สได้แต่หางคิ้วกระตุก

      “ก็เรื่องของแก”

      “งั้นก็ให้ฉันเข้าไปสิ ฉันจะนอนห้องนี้” เด็กหนุ่มว่าพลางออกแรงดันประตูแล้วแทรกร่างเข้าไป

      “อ๊ะๆ อย่าหนีบล่ะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องกัปตันของนาย” เจครีบร้องห้ามเชิงขู่ ในที่สุดก็เข้าไปในห้องสำเร็จ แม้เพียร์สจะทำหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ก็นั่งกินสเต๊กเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก

      “เมื่อกลางวัน ขอโทษ” จู่ๆ คำที่ไม่คาดคิดก็ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มหน้าบาก เพียร์สเคี้ยวเนื้อนุ่มๆ ไปพลางหันมามองหน้าเขา

      “ฉันคึกไปหน่อย ไมได้ตั้งใจให้นายอายต่อหน้าคนอื่นนะ”

      เรื่องที่เขาพูดก็คือ หลังจากที่เพียร์สไปรับเจคที่ซากเมืองร้างแล้วนั่นเอง และมันคือสาเหตุให้เพียร์สไม่ยอมไปกินข้าว ทั้งที่มีของโปรดของตัวเองรออยู่

      “จะต่อยคืนก็ได้นะ เอ้า!” แม้จะปากไม่ค่อยดีและชอบแกล้งแค่ไหน แต่เจคก็เป็นเด็กที่ว่าง่ายนิดหน่อยเสมอ

      “หรือจะให้ฉันไปอัดไอ้หมอนั่นปิดปากก็ได้”

      “ไม่ต้อง!” เพียร์สดุเสียงดัง “หมอนั่นไม่มีทางพูดอยู่แล้ว ฉันรู้...”

      “งั้นก็...ดีกันแล้วสินะ” เจคยิ้มเหมือนเด็กๆ เป็นรอยยิ้มที่นานๆ จะได้เห็น พอเห็นทีไรก็โกรธไม่ลงเสียที

      “เออ” เพียร์สหันกลับไปกินอาหารต่อจนเกลี้ยง

      ความเงียบเข้าปกคลุมในห้องนั้น

      “ต่อจากเมื่อกลางวันได้มั้ย?” เจคเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยการเข้าไปโอบจากด้านหลังร่างบาง

      “ปล่อย...” เพียร์สยังคงปฏิเสธเช่นเดิม

      “ฉันให้เลือดนายแล้วนะ สิ่งแลกเปลี่ยนล่ะ?” เจคไม่ยอมปล่อยตามที่สั่ง กลับซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของร่างในอ้อมกอดอย่างถือดี แขนที่โอบเอวบางรัดแน่นขึ้น มือซุกซนลูบไล้หน้าท้องของเพียร์สเบาๆ

      “อยู่ในห้องแล้ว ไม่น่าจะเป็นไรนะ หรือกลัวเสียงดัง?”

      “ใครเสียงดังกัน? ไอ้เด็กลามก” เพียร์สขมวดคิ้วหน้ามุ่ย พยายามเกาะมือที่นัวเนียๆ นั้นออกห่างๆ

      “เลือดของฉันน่ะมีค่าแค่ไหนนายก็รู้ แลกกับของแค่นี้ ได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?” คำพูดของเจคไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่เพียร์สก็อดโมโหไม่ได้

      “พูดเหมือนฉันไม่มีค่าเลยนะ” และคำพูดของเพียร์สเองก็กระแทกเต็มๆ จนเจคชะงักไป

      “ก็ได้...ฉันจะให้แกตามต้องการ” เพียร์สหันหน้าไปจ้องตาตรงๆ “ก็แค่ร่างกายที่ไร้ค่านี่ จะให้ฉันยกให้กี่ครั้ง ก็เอาสิ”

      “ไม่ได้หมายความอย่าง...” พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากบางก็ประกอบมาแบบไม่ให้ตั้งตัว เพียร์สยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอร่างสูงแนบแน่น และไม่เว้นช่วงให้ได้พูดจาอีกต่อไป

      มันเริ่มต้นจากอะไรกันนะ?

      เพราะไอ้เด็กนี่มันบอกว่าจะให้เลือดของมัน เพื่อให้ C Virus ในร่างกายเราสงบลง จนกว่ามันจะหายไปทั้งหมด

      แลกกับ...ร่างกายของเรา

      ตอนแรกก็งงๆ ว่าหมายถึงอะไร แล้วคืนนั้นก็ได้รู้เลยทันที

      ทำตัวเหมือนพวกตาแก่ตัณหากลับไปได้

      แทนที่จะไปหาผู้หญิงโสเภณีหรืออะไรที่ไหน กลับมาลงที่เราทุกครั้ง

      ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ตามมาหลอกหลอน

      มันยิ้มอย่างนั้น กระซิบข้างหู กอดเราเสียแน่นแล้วก็...

      นี่เรา...กำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ?

       

      “เพียร์ส?” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างหู เป็นเสียงของกัปตัน

      “เป็นอะไรไป? วันนี้ดูเหนื่อยๆ นะ” กัปตันยังคงอ่อนโยนเสมอ

      “เปล่าครับ แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย” เขาตอบรับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

      “ไม่สบายเหรอ?” กัปตันคริสเอาหลังมือแตะที่หน้าผากของเขา

      “ตัวร้อนๆ นี่นา ไม่สบายแน่ๆ เลย”

      “ไม่เป็นไรจริงๆ ฮะ กัปตัน” เพียร์สพยายามปฏิเสธ แต่ก็รู้สึกอยู่บ้างว่าตัวมันรุ่มๆ อาจจะเพราะ...เรื่องเมื่อคืน

      “ไปนอนพักที่ห้องพยาบาลดีกว่านะ เดี๋ยวฉันพาไปเอง”

      “แต่ว่า...”

      “เอาน่า วันนี้แค่ซ้อมเฉยๆ ไปเถอะ” แล้วกัปตันก็ฝากคนอื่นดูแลทีม ก่อนจะพาเพียร์สไปส่งที่ห้องพยาบาล

      ร่างกายของเพียร์สหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ พอนอนลงบนเตียงนุ่มก็แทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว

      “โห ตัวร้อนขึ้นอีกนะเนี่ย แย่ล่ะๆ ถ้าไงจะให้คนมาดูแลนายนะ นอนพักไปก่อน”

      พอฟังกัปตันพูดแล้ว เขาก็ค่อยๆ หลับไป

       

      จ๋อม...

      เสียงน้ำ

       

      เพียร์สลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับโฟกัสได้แล้วก็มองเห็นร่างของใครบางคนนั่งอยู่ที่ข้างเตียง

      “เจค?”

      คนที่กัปตันบอกว่าจะให้มาดูแล...คือหมอนี่น่ะเรอะ?

      “อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอ? กินข้าวแล้วก็ยานี่ซะ เดี๋ยวฉันจะพานายไปนอนที่ห้องเอง” เจคลุกขึ้นจัดแจงอาหารและยาให้อย่างคล่องแคล่ว

      คงเพราะเคยดูแลแม่ที่ป่วยเรื้อรังมานานสินะ

      “ฉันไม่ทันสังเกตเลย ถ้ารู้เร็วกว่านี้ล่ะก็...” เจคกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ ในขณะที่ช่วยพยุงร่างบางขึ้นนั่งพิง

      “ช่างเถอะ...ก็แค่มีไข้นิดหน่อยเอง”

      “ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา...”

      “ช่างมันเถอะน่า” เพียร์สตัดบทอย่างไม่ใส่ใจ โดยไม่ทันเห็นแววตาที่เจ็บปวดของอีกฝ่าย

      “ยังไงฉันก็ควรจะตายไปนานแล้ว ต้องขอบใจแกที่ช่วยยืดอายุขัยนะ กับเรื่องแค่นี้...ไม่เป็นไรหรอก”

      ในน้ำเสียงของเพียร์สนั้นสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้

      เจคได้แต่กัดริมฝีปากอย่างอัดอั้น อยากจะพูดอะไรสักอย่าง

      “คราวหน้าต้องบอกฉันนะว่านายไม่พร้อม ฉันไม่ได้อยากบังคับใคร อย่างน้อยล่ะนะ”

      “อย่างกับแกจะยอมฟังงั้นแหละ”

      “ฟังสิ!” เจคเน้นเสียงหนักแน่น จนเพียร์สนิ่งอึ้ง “ต่อไปฉันจะฟังแน่นอน!

      หมายความว่ายังไง?

      ตั้งแต่แรก แม้จะบอกว่าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน แต่ก็บังคับกันมาตลอดนี่

      แม้จะห้ามแล้วว่าอย่า ก็ไม่เคยฟังเลยสักครั้งแท้ๆ

      แล้วครั้งนี้ทำไมจู่ๆ ก็...ว่าง่ายขึ้นมา

      ไอ้เด็กบ้านี่!

       

      “ไม่ต้องทำมาเป็นเห็นใจกันเลย!” เพียร์สรู้สึกฉุนขาดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาปัดถาดอาหารจนร่วงลงบนพื้น หกเลอะเทอะไปหมด

      “มันเป็นเพราะฉันทำตัวเองทั้งนั้น! ฉันยินดีแบกรับทุกอย่างเอง เพราะงั้นอย่ามาทำหน้าเหมือนสงสารกันแบบนั้นอีกนะเฟ้ย!

      ไม่ว่าเรื่องไหน ก็พร้อมรับอยู่แล้ว

      “เรื่องที่แกขอมา ถ้าฉันไม่ให้ก็จบ แต่ฉัน...ฉันอยากอยู่ข้างๆ กัปตัน” เพียร์สร้องออกมาอย่างสุดจะทน น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสอง

      “ฉันอยากกลับมาที่นี่...เพราะงั้นถึงได้ยอม...ต่อให้แกจะทำอะไร”

      “พอแล้ว” เจคเข้าไปโอบกอดร่างบางที่สั่นเทา แต่เพียร์สก็พยายามขัดขืน แม้กระนั้น เจคก็ยังคงไม่ยอมปล่อยมือ

      “ฉันเข้าใจนายแล้ว ฉันไม่ได้สงสาร” เด็กหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

      “ฮึก...ก็ที่แกทำนี่แหละ...เขาเรียกว่าสงสาร”

      “ฉันไม่ได้สงสารนาย...” เจคยังย้ำต่อไป “ฉันรักนาย...เพียร์ส”

       

      เสียงน้ำนั่นอีกแล้ว...

      หนวกหูเหลือเกิน

      ทำไม...มันถึงได้เป็นแบบนี้

      “เพียร์ส ฉันขอโทษ ฟังกันหน่อยสิ”

      ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เสียงนั้นก็ยังตามมาหลอกหลอน

      จะหนีไปไหน จะต้องหนีไปที่ไหนดี

      “ฉันรักนายจริงๆ นะ เพราะงั้นถึงได้...”

      พูดแบบนั้นทำไม

      เพราะอะไรถึงต้องเป็นแบบนี้

      ให้มันเป็นความสัมพันธ์แบบเดิมก็ดีแล้วแท้ๆ

      ฉันก็แค่ของเล่นที่นายชอบใจ

      ก็แค่แลกกับชีวิตที่นายมอบให้

      แค่นั้นก็ดีแล้วแท้ๆ

      “เพียร์ส...” เจคหยุดลงเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะพูดอะไรไปเท่าไหร่ในตอนนี้ อีกฝ่ายก็ดูไม่พร้อมที่จะรับฟังเลยสักนิด เพียร์สนั่งขดตัวแล้วอุดหูอยู่อย่างนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมฟังเลยจริงๆ เจคได้แต่ถอนหายใจ

      “ถ้าไม่อยากฟังก็ตามใจ แต่ฉันพูดจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น และถ้านายรังเกียจก็ควรจะพูดออกมาตรงๆ เหมือนทุกที”
      เหมือนที่เคยบอกว่าเกลียดฉัน

      ที่เคยบอกว่าไม่เชื่อใจฉัน

      “ฉัน...เกลียดนาย”

      น้ำเสียงของเพียร์สดูเลื่อนลอย แต่กลับหนักแน่นในความหมาย เจคก้มหน้านิ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากห้องนั้น

      “ฉันเกลียดนาย...เกลียดๆๆๆ เกลียดที่สุด!!!” แม้เจคจะเดินออกไปแล้ว ร่างบางก็ยังคงร้องตะโกนโวยวายอยู่คนเดียวอย่างนั้น พอเริ่มสงบใจลงได้ก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น

      ทรมาน...ที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกนั้นได้

      เพราะคิดอย่างนั้นมาตลอด

      จู่ๆ ก็บอกว่ารัก แล้วจะให้ทำยังไงกัน

      เพียร์สพาร่างกายที่หนักอึ้งเหมือนมีลูกตุ้มเหล็กถ่วงขาเป็นร้อยๆ โลเดินลากไปจนถึงห้อง

      เจคไม่อยู่ที่นั่นแล้ว

      ไม่ได้อยู่ที่ไหนในที่แห่งนี้เลย

      “หมอนั่นออกไปแล้วน่ะ เห็นว่าหายดีแล้ว อยากไปผจญภัยต่อ” คริสบอกมาว่าอย่างนั้น

      “คงไม่ได้ทะเลาะกันหรอกนะ ดูท่าทางเขาเครียดๆ”

      “เปล่าครับ...” มันเหมือนทะเลาะกันมั้ยนะ

      “นายเองก็อย่าเครียดนักสิ ผ่อนคลายบ้าง ขมวดคิ้วทุกทีเลยน้า” คริสหัวเราะแล้วลูบหัวมือขวาคนเก่งที่มักจะหน้านิ่วคิ้วขมวดประจำให้คลายใบหน้าที่เครียดขึงลง

      เพียร์สเพียงแค่นยิ้มแกนๆ ตอบรับอย่างไม่สู้ดีนัก

       

      เขาจำเป็นต้องใช้เลือดของเจคทุกสัปดาห์ แม้จะมีที่สกัดไว้แล้ว แต่บางครั้งก็ต้องได้จากเจ้าตัวโดยตรงด้วย

      และเจคจะมาหาทุกสัปดาห์ไม่เคยขาด

      ไม่เคยมีสักครั้งที่บ่นว่าวุ่นวายหรือรำคาญที่ต้องมาหา

      โดนสูบเอาเลือดออกไปมากมายแค่ไหนก็ไม่เคยแสดงสีหน้าไม่พอใจ

      แต่ถ้าติดธุระหรือมีเรื่องอยู่ล่ะก็

      เพียร์สจะเป็นคนไปหาเอง

       

      ก็แค่ความสัมพันธ์แบบนั้นเอง

       

      “ฉันรักนาย”

       

      เสียงนั้นดังสะท้อนก้องในหัว แทนที่เสียงหยดน้ำเหงาๆ นั่น

      “กัปตัน ผมขอพักร้อนสักระยะได้มั้ย?”

      “เอ ได้สิ ตามสบายเลยนะ”

      “ขอบคุณครับ”

       

      ครั้งนี้ ก็คงต้องออกไปหาด้วยตัวเองล่ะนะ

       

      ในทะเลทรายร้อนระอุ ลมร้อนพัดมา สัมผัสกับผิวกายจนรู้สึกแห้งผาก ร้อนมากขนาดนี้แต่ก็ยังต้องสวมชุดรัดกุมมิดชิดยิ่งร้อนหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่า

      ร่างบางหอบเหนื่อยแล้วทรุดลงนั่งหลบแดด

      “โธ่เว้ย! ไปอยู่ไหนของมันวะ? น้ำก็หมดแล้วนะเฟ้ย ถ้าฉันตายอยู่ที่นี่ล่ะก็...จะเป็นผีตามไปฆ่าแกแน่” ยิ่งบ่นคอที่แห้งก็ยิ่งรู้สึกแย่ลง เหงื่อที่ไหลโชกเป็นสายน้ำอาบทั่วร่างไม่ได้ช่วยผ่อนคลายความร้อนสักเท่าไหร่เลย

      แม้ปกติจะขี้หนาว แต่เจออากาศร้อนแทบคลั่งแบบนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

      แถมตอนกลางคืนก็หนาวจับขั้วหัวใจอีก

      “นี่เรา...กำลังทำอะไรอยู่กันนะ?” ร่างบางเหม่อมองออกไปยาวไกลในทะเลทรายผืนกว้าง มันทอดยาวจนมองหาจุดสิ้นสุดไม่ได้เลย เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า

      “ถ้าต้องมาตายแบบนี้...สู้ไม่มีชีวิตอยู่แต่แรกดีกว่าอีก” เขาทิ้งตัวลงนอนบนพื้นทรายสากๆ ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงพอสมควร อีกไม่นานก็จะมีลมเย็นๆ พัดมาแล้ว แต่ว่า...ความกระหายน้ำ ทำยังไงก็คงไม่หายไป และสุดท้ายก็คงทนไม่ไหวไปเอง

      เขาผ่อนลมหายใจช้าๆ พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด

      “ถ้าฉันตาย...นายจะทำหน้ายังไงนะ?”

      “คิดว่าฉันจะร้องไห้งั้นเหรอ?” เงาคนทอดผ่านอยู่บนร่าง

      พอเงยหน้ามองดีๆ ก็เห็นคนที่ตามหายืนก้มลงมองอยู่ตรงนั้น

      “เจค!

      “อุตส่าห์มาถึงนี่เชียว” เด็กหนุ่มหน้าบากหัวเราะแห้งๆ “เลือดของฉัน คงสำคัญมากสินะ”

      “เจค!ในที่สุดก็เจอแล้ว” ร่างบางไม่ได้สนใจฟังคำประชดประชันอะไรเลย หากแต่โผกอดร่างสูงเอาไว้เสียแน่น เพราะตามหามาตลอด พอได้เจอก็อดแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้

      เจคได้แต่ยืนอึ้ง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา แต่พอโอบเอวร่างบางปุ๊บ ก็โดนหมัดสวนมาทันที

      “โอ๊ยยยย อะไรวะเนี่ย?” เขายกมือลูบหน้าที่โดนต่อยด้วยความเจ็บปวด เลือดซึมที่มุมปากนิดๆ

      “ไอ้เด็กเฮงซวย! หายหัวไปไหนมา ต้องให้ฉันออกมาตามหาแบบนี้ อย่าคิดว่าจะจบง่ายๆ นะเฟ้ย” เพียร์สโวยวายลั่นเหมือนความแค้นมันอัดแน่นในอกมานาน

      “หา? ฮะๆๆ” แต่เจคกลับหัวเราะ เพราะสีหน้าของเพียร์สในตอนนี้มันไม่ได้แฝงอารมณ์โกรธเกรี้ยวอะไรเลย ทั้งที่โวยวายแต่ก็หน้าแดงก่ำ แล้วยังมีน้ำตาเอ่อคลออีก ถ้าเชื่อว่าโกรธก็บ้าแล้ว

      “ขอโทษนะ แต่จะหาฉันทำไมเหรอ?” เจคถามหน้าตาย

      “แก!” เพียร์สกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดๆ สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมา เล่นเอาเจคทำอะไรไม่ถูก อยากแกล้งอยู่หรอก แต่เห็นแบบนี้ก็สงสาร

      “หวาๆ อย่าร้องสิ ไหนว่าลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆ ไง ขนาดตอน...”

      ผัวะ

      หมัดลุ่นๆ ปะทะแก้มขวาอีกครั้ง คราวนี้ไม่แรงเท่าเดิม แต่ก็เจ็บสุดๆ จนเจคร้องโอดโอยอย่างทนไม่ได้

      “เพราะจู่ๆ แกก็ออกมาไม่ลากันสักคำ ฉันถึงต้องดั้นด้นมาหานี่ไง ไอ้เด็กบ้า!” ร่างบางทรุดลงนั่ง

      “ฉันคิดว่าแกโกรธเรื่องนั้น...ที่ฉันไม่ยอมฟังแกพูด”

      “เรื่องนั้น...?”

      “อย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้นะ”

      “ก็มันเรื่องอะไรล่ะ?”

      “ก็นั่นน่ะ” พูดแล้วร่างบางก็หน้าแดงขึ้นมาอีก

      “อ้อ ที่บอกว่ารักนายน่ะเหรอ?” เจคหัวเราะ

      “แกจะล้อเล่นหรืออะไรก็ตาม แต่ฉันจะมาบอกว่า ฉันฟังแล้วนะ อย่าพูดซ้ำ”

      “ใครว่าล้อเล่นล่ะ?” เจคสบตาเพียร์สตรงๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาคว้าแขนร่างบางไว้แล้วดึงให้เข้ามาหาใกล้ๆ

      “ฉันพูดจริง ฉันรักนาย ถึงได้เสนอข้อแลกเปลี่ยนแบบนั้น”

      “ก็แค่...อยากได้ร่างกายไม่ใช่รึไง?” เพียร์สไม่หลบตาและจ้องหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจังไม่แพ้กัน

      “นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ฉันคิดว่ามันจะทำให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ นาย” เขาพูดความในใจออกมาทีละน้อย “มันก็แค่ข้ออ้างน่ะ แต่พอได้กอดนาย มันก็ต้องการมากขึ้น ฉันอยากได้นาย อยากให้เป็นของฉันเท่านั้น”

      “พะ...พูดอะไรของแก? บ้าเปล่า?” เพียร์สถึงคราวต้องหลบตาก่อน ด้วยความอายกับสิ่งที่เจคกล้าพูด

      “นายเองก็แค่อยากได้เลือดของฉันสินะ?” คำถามนี้ทำให้เพียร์สต้องเงยหน้าขึ้น

      “ถ้าฉันบอกว่า ใช่ ล่ะ”

      “ก็ดีแล้วนี่” เจคก้มหน้าลง ในดวงตาของเขาดูสงบนิ่ง และเยือกเย็นกว่าเดิม

      “ดีแล้ว”

       

      “ฉันไม่เชื่อใจแก แล้วก็เกลียดขี้หน้าแกด้วย”

      “ก็ดีแล้วนี่...”

       

      เมื่อไหร่กันนะ ที่รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดนั้น

      เจคปล่อยมือจากเพียร์ส และลุกขึ้นออกเดินไปอีกครั้ง

      “แกจะไปไหน?” เพียร์สถามขึ้นทั้งที่ยังนั่งอยู่บนทราย

      “อย่าห่วงเลย ฉันจะกลับไปหานายเองเมื่อถึงเวลาที่นายต้องการเลือดนี้” เจคพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แล้วค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ

      ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินตามมา เขาจึงหันหลังกลับไป

      “ตามมาทำไม?”

      “แกยังฟังไม่จบนะ” เพียร์สยักยิ้มกวนๆ

      “?”

      “เลือดของแกจำเป็นก็จริง แต่ถึงจะไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว ฉันก็ยังอยากให้แกอยู่กับฉัน”

      “หา?”

      “ไม่อยากได้ฉันแล้วงั้นเหรอ?” นั่นเป็นรอยยิ้มที่ยั่วยวนที่สุดเท่าที่เจคเคยเห็นมา เพียร์สไม่เคยยิ้มแบบนี้มาก่อน และมันทำให้เขาอดใจเต้นระรัวไม่ได้เลย

      “ฉัน...” ร่างบางดึงคอเสื้อเด็กหนุ่มให้โน้มลงมาใกล้ๆ แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหู ให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น

      เจคยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เขาโอบเอวบางไว้แน่นแล้วอุ้มร่างบางขึ้นจนตัวลอย

      ริมฝีปากที่ประกบกันนั้นอบอุ่น เร่าร้อน

      รู้สึกดีที่ได้สัมผัสกันและกันแบบนี้

       

      “ฉันรักนาย”

       

      The End

       ปล. PAIN กำลังต่อเรื่องอย่างเมามันมาก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะจบยังไงดี 555 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×