ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ferlatisia

    ลำดับตอนที่ #2 : Ferlatisia ตอนที่ 1 ฝันที่เป็นจริง

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 52


    แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างลงมายังใบหน้าเด็กหนุ่ม เขาลืมตาขึ้นปะทะแสงแดดที่
     
    ร้อนผ่าว และสว่างจ้า จนทำให้แสบตาไม่น้อย
     
    ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงๆ รู้สึกเหมือนว่านอนหลับอย่างเต็มอิ่ม และหลับสนิท เขาลุกขึ้นบิดซ้าย
     
    บิดขวา พร้อมกับหันหน้ารับแสงแดดยามเช้า ฟังเสียงลมหน้าร้อนที่พัดพาให้กระดิ่งที่แขวนไว้
     
    มีเสียง ผสมกับเสียงนกนานาชนิดที่ต่างโห่ร้องกันราวกับดนตรีที่ไพเราะ เมื่อได้สติดีเขาก็ต้อง
     
    ประหลาดใจ เมื่อที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คือห้องนอนของตัวเอง ทั้งที่เมื่อคืนเขาก็เพิ่งจะเผชิญหน้า
     
    กับอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาพยายามจะนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เขาเกาหัวอย่างงุนงงและรีบเข้า
     
    ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวเหมือนกับทุกเช้า ก่อนที่จะลงมาทานอาหารมื้อเช้า มองเวลาตอนนี้
     
    ก็เกือบ 8 โมง เสียงการ์ตูนเรื่องโปรดของพีทน้องชายของเขา ดังลั่นบ้านจนเขาต้องออกปาก
     
    “พีท เปิดเบาๆหน่อยสิ น่ารำคาญชะมัด” เขาตะโกนอย่างสุดเสียง
     
    พีทยังทำท่าทางเมินเฉย และดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร ปาร์คเกอร์รู้ดีว่าเขาไม่ใช่ลูกคนโปรดของ
     
    แม่เลี้ยงของเขา จะทำอะไรก็ผิดไปหมด จึงได้แต่เก็บความรู้สึกโกรธ และโมโหไว้ตามลำพัง
     
    อาหารเช้ายังไม่ทันหมดจากจาน เขาก็นำจานอาหารไปล้าง เห็นโน้ตติดตรงอ่างล้างจานว่า
     
    “เรื่องโคล่าและไฟทีเปิดทิ้งไว้เมื่อคืน กลับมาเราจะได้คุยกันยาว แม่”
     
    เขาถอนหายใจก่อนที่จะแกะโน้ตใบนั้นขยำและเขวี้ยงลงถังขยะอย่างแม่นยำหันไปมองพีทและ
     
    เห็นสีหน้าเยาะเย้ยของพีทก่อนจะหันกลับไปดูทีวีต่อเขาทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากล้างจานให้
     
    เสร็จเดินขึ้นบันไดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เข้าไปในห้องนอนและปิดประตูอย่างรุนแรงเสียงดัง ปัง!!
     
    เขาใช้สายตามองออกไปผ่านหน้าต่างยังสุสาน และหวนคิดถึงฝันร้ายเมื่อคืน มีเสียงเบาๆในใจ
     
    สั่งให้เขาไปดูว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทั้งๆที่สมองไม่ได้นึกเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริงได้
     
    เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ ก่อนที่จะออกจากบ้าน และตรงไปยังสุสานประจำเมือง เขาเดินไปตาม
     
    ทาง ด้านข้างเต็มไปด้วยหมู่บ้านจัดสรร และร้านค้า สุสานนั้นอยู่ห่างจากบ้านของเขาไม่ถึงครึ่ง
     
    กิโล ไม่นานเขาก็ถึง เขามองเข้าไปยังตำแหน่งที่เขาเห็นในฝันทำให้เขาถึงกับต้องขยี้ตาเพื่อ
     
    ให้รู้ว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตา ศพนั้นหายไปจริงๆ มองไปที่ต้นไม้ที่เขายืนในฝัน เขาก็พบกับจี้รูป
     
    ตัว พี เป็นอลูมิเนียม สะท้อนกับแสงอาทิตย์ เขาเพิ่งรู้สึกเหมือนกัน ว่าตอนนี้เขาไม่ได้ใส่สร้อย
     
    เส้นเดิมอยู่ ก่อนที่จะมองซ้ายขวา กล้าๆกลัวๆ แล้วเดินเข้าไปหยิบจี้ของเขาขึ้นมามอง มันคือ
     
    ของเขาจริงๆ แต่เขาหาสร้อยคอไม่พบเท่านั้น พยายามหาเท่าไรก็หาไม่เจอ ทั้งๆที่มันไม่ควร
     
    จะไปไกลจากจี้มากนักเขาเลิกหาสร้อยและวิ่งตรงไปยังหลุมศพเพื่อจะไปดูว่าเป็นหลุมของใคร
     
    “....พ่อ....” เขาพูดด้วยความตกใจ
     
    หลุมศพที่เห็นในฝัน ทำไมนะ ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าเป็นหลุมศพของพ่อของเขา
     
    เขารีบเดินกลับบ้าน ในสมองคิดอยู่ตลอดว่า เรื่องนี้ควรจะบอกใครไหม อากาศที่ร้อนจัดและ
     
    เสื้อคลุมตัวหนา ทำให้เขาเหงื่อชุ่มทั่วร่างและใบหน้า ก่อนจะตรงไปยังประตูบ้านและรีบ
     
    เปิดประตูเดินเข้าบ้าน
     
    “ไปไหนมา ปาร์ค” พีทเอ่ยถามขึ้น
     
    เขายังคงเดินต่อไปทำหูทวนลมคล้ายไม่ได้ยินสิ่งที่พีทถามเขา พีทแสดงท่าทางไม่พอใจอย่าง
     
    แรง แต่เขาก็ไม่สนใจและยังเดินขึ้นไปบนห้องของเขา ถอดเสื้อคลุมออก ล้มตัวลงบนที่นอน
     
    พรางคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขา มันคืออะไรกัน มันไม่น่าเป็นไปได้ มันจะเป็นเหตุบังเอิญ
     
    ก็ไม่ควรจะบังเอิญขนาดนี้
     
    เขาเข้าไปในห้องน้ำ แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อภายในห้องน้ำมีชายคนหนึ่ง รอคอยเขาอยู่
     
    “คุณเป็นใคร?” ปาร์คเกอร์เอ่ยถาม
     
    ชายผู้นั้นได้แต่เงียบและยืนเฉยๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่หัวปาร์คเกอร์
     
    เขาพยายามหลบแต่ก็หลบไม่พ้น เสียงบทสวดภาวนา แปลกๆผุดขึ้นมาในหู เขายืนยันได้ว่า
     
    ชายคนนี้ไม่ใช่ชายชุดดำที่อยู่ในฝันเขาอย่างแน่นอน เพราะกลิ่นที่สัมผัสได้ กลับเป็นกลิ่นของ
     
    น้ำหอมที่ฉุนน้อยกว่ากลิ่นนั้นมาก เขาปวดหัวอย่างมาก จนต้องพยายามแกะมือชายคนนั้นออก
     
    เขาหลับตาและเห็นภาพ ห้องที่มีผนังสีขาวเป็นห้องว่างเปล่า เขาไม่อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น
     
    และพยายามถ่างตา แต่พอลืมตาได้สักพักความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันก็เกินกว่าที่จะทำให้เขา
     
    ลืมตามองได้นานนัก เขาเห็นภาพประตูบานหนึ่ง ดูรู้สึกคุ้นเคย มีกุญแจและโซ่คล้องอยู่
     
    มีฝ่ามือที่เดาได้เลยว่าเป็นมือของผู้ชาย เพราะที่แขนเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน ดุแข็งแรง
     ยื่นมือมากระชากโซ่ และกุญแจให้แตกเป็นเสี่ยงๆอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะร้องอย่าง
     
    สุดเสียงด้วยความทรมาน ลืมตาขึ้นมาอีกทีตัวของเขากลับอยู่บนเตียงที่เดิม เขาผล็อยหลับไป
     
    โดยที่ไม่รู้ตัวว่าหลับได้อย่างไร ทั้งที่เมื่อเช้าเขาก็รู้สึกว่าได้หลับเต็มอิ่ม และไม่ได้รู้สึกง่วงเลย
     
    ยังรู้สึกปวดหัวมากเหมือนในฝัน และอย่างแรกที่ต้องทำคือเข้าไปดูในห้องน้ำ เขากำลังจะจับ
     
    ลูกบิด แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ควรเข้าไปดู และในที่สุดเขาก็เปิดประตูเข้าไป ทุกอย่าง
     
    เป็นปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และกลับลงไปนั่งที่เตียงอีกครั้ง ดูเวลาก็เกือบ 4 โมงเย็น
     
    คิดทบทวนเรื่องฝัน ห้องสีขาวนั่นคืออะไร ชายคนนั้นเป็นใคร ประตูบานนั้นคืออะไร ฝันครั้งนี้
     
    พยายามจะบอกอะไรกับเขา ด้วยความเหนื่อยและกระหาย ทำให้เขาต้องลงไปหาอะไรเพื่อดับ
     
    กระหายในห้องครัว เมื่อกำลังจะถึงห้องครัวก็พลันนึกถึงฝันเมื่อครู่ และนึกถึงประตูบานนั้น
     
    นั่นคือประตูห้องลึกลับ ที่ปิดตาย เขาพลันนึกขึ้นมาว่า ถ้าฝันนั้นเป็นจริงเหมือนกับฝันที่สุสาน
     
    ประตูบานนั้นจะต้องถูกปลดล็อกแล้วเป็นแน่ เขาค่อยๆหันกลับไปและพบว่าประตูยังถูกล็อกอยู่
     
    ถอนหายใจอย่างโล่งอก และเดินตรงไปยังตู้เย็น หยิบกระป๋องน้ำมาเลือกรส จนในที่สุดก็หยิบ
     
    โคล่าที่เหลือเมื่อคืน และซดจนหมดกระป๋อง และเดินออกมาจากห้องครัว และต้องตกใจเมื่อ
     
    เห็นประตูห้องลึกลับเปิดอยู่ โดยไม่มีโซ่หรือกุญแจให้เห็นที่พื้น นึกในใจว่า เมื่อกี้ประตูยังปิด
     
    และถูกล็อกอยู่ มันเปิดได้อย่างไรกัน และค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง
     
    “พีทหรอ” ไม่มีเสียงตอบรับ
     
    “แม่หรอ” เขาถามทั้งๆที่รู้ว่าแม่ต้องยังไม่กลับแน่นอน
     
    เมื่อเดินเข้ามา พ้นประตูไปได้ซักระยะ หนึ่งประตูก็ปิดเองคล้ายมีคนแกล้ง
     
    เขาวิ่งกลับไปที่ประตู ทุบอย่างสุดแรง พยายามเปิดเท่าไรก็ไม่ออก
     
    “พีทเปิดเดียวนี้นะ อย่ามาแกล้งกันแบบนี้น่า ถ้าฉันออกไปได้นายเจอดีแน่”เขาพูดด้วยน้ำเสียง
     
    โมโห ก่อนจะหยุดทุบแล้วหันกลับมาอย่างระแวง มองจนทั่วห้องและพบว่า มันคือห้องว่าง
     
    เปล่าสีขาวที่เขาเห็นในฝัน สิ่งที่เขานึกตอนนี้ไม่ใช่เรี่องในฝัน แต่เขากำลังนึกถึงพ่อเขา
     
    คิดในใจว่า พ่อห้ามเราเข้ามาในห้องที่ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เก้าอี้สักตัว หน้าต่างสักบาน
     
    ในหัวก็พลันคิดอีกเรื่องแทรกไม่มีหน้าต่างสักบาน เวลานี้ห้องนี้ไม่มีไฟ ไม่ควรจะสว่างขนาดนี้
     
    ภายในห้องอากาศหนาวเย็นเหมือนมีเครื่องปรับอากาศ มองไปรอบเห็นเสื้อหนาวเก่าๆตัวหนึ่ง
     
    วางอยู่ที่พื้น แล้วคิดต่อถึงเรื่องในฝันว่าทำไมห้องนั้นไม่มีเสื้อหนาว หรือมันจะเป็นคนละห้อง
     
    กัน หรือเราไม่ได้สังเกตเห็นเอง ตอนนี้ในหัวเขามีคำถามที่หาคำตอบยากมากมายเหลือเกิน
     
    มันทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก ทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนมีอะไรในเสื้อหนาวกำลังเคลื่อนไหว
     
    ร่างกายของมันและมองเขาผ่านรูเสื้อหนาว เขาเห็นตาโตๆกระพริบถี่ผ่านรูขาดของเสื้อหนาว
     
    และพูดกับตัวเองว่า “เราไม่ได้คิดไปเองแน่”
     
    เพราะเสื้อหนาวขยับจริงๆ เขาได้ยินเสียงผู้ชายโห่ร้องดังกึกก้อง ก่อนที่เสื้อหนาวจะพุ่งเข้ามา
     
    หาเขา และ เขาก็หมดสติลง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×