ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ۞ Amulet Classic ۞ [TaeYeon Yoona Tiffany Jessica]

    ลำดับตอนที่ #8 : ۞ Amulet Classic ۞ [Chapter VII]

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 55


     

     

     

     

    Chapter VII

     

     

     

     


    "ไม่เห็นว่ะ ใครวะเช็คดูที"
    ยูริเอ่ยอย่างหัวเสียพลางตะโกนบอกซฮยอนหลังจากที่วิ่งออกมาแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ
    ก็ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากพวกผู้ชมที่ตื่นตระหนก
    แทงกูเดิมาสะกิดไหล่ผายของเธอเบาๆพอหันไปก็เห็นว่าคนตัวเล็กนั้นส่ายหน้าหน้าช้าๆก่อนจะเอ่ย
    "เขามาเพื่อเจอฉัน"
    "ใครกัน คุณเห็นมันแล้วเหรอ"
    ยูริหามาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจก็เธอว่าเธอมองทั่วแล้วนี่ก็ไม่เห็นเจอไอ้ตัวก่อเรื่องเลย
    แทงกูไม่ได้ตอบตอบอะไรเพียงแค่ชักปืนกระบอกเล็กออกมาจากเข็มขัดสีเงิน
    ก่อนจะยกขึ้นชี้ไปยังทางด้านหน้าของเราทั้งคู่แล้วเหนี่ยวไกไปยังเป้าหมายที่เห็นโดยไร้ซุ่มเสียงใดๆ

    ฟลุบ

    "พวกนี้มองด้วย 'ตาเปล่า' ไม่เห็นหรอก"
    คนตัวเล็กกว่าหันหน้ากลับไปพูดต่อจนจบก็เดินไปยังร่างของชายหนุ่มที่พึ่งปรากฎกายขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น
    แทงกูยืนมองชายหนุ่มที่กำลังยันกายลุกขึ้นประจันหน้าเธอด้วยสีหน้าและแววเขาดูโกรธเกรี้ยวไม่เบาเลยทีเดียว
    เมื่อตั้งหลักได้แล้วเพียงแค่วินาทีเดียวชายหนุ่มพุ่งตรงมายังร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งอย่างรวดเร็วครั้ง
    แทงกูมองร่างใหญ่ที่พุ่งกายตรงมายังร่างของเธอไกปืนถูกเหนี่ยวไปอีกสองสามครั้งโดยไร้ซุ่มเสียงใดๆ
    เธอเปลี่ยนไปใช้กระสุนธรรมดาที่ไร้พิษธาตุใดๆเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มบาดเจ็บมากจนเกินไป
    ร่างสูงใหญ่ผงะไปอีกครั้งก่อนจะก้มลงมองร่างตัวเองที่เริ่มมีของเหลวสีแดงข้นไหลเยิ้ม
    จนซึมออกมาจากชุดผ้าสีขาวของเขากลิ่นคาวของเลือดสดเริ่มกรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ

    "ฉันไม่อยากมีเรื่องกับคุณ คุณกลับไปเถอะ"
    แทงกูเอ่ยเสียงเรียบบรรยากาศรอบข้างมีเพียงความเงียบผู้คนส่วนมากกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    เพราะคงมีแค่ไม่กี่คนที่จะมองเห็นร่างของแทคยอนได้ถ้าเขาไม่ปรากฏกายออกมา
    "ไม่!!ถ้าฉันยังเก็บแกไม่ได้แทงกู!!" ชายหนุ่มตวาดเสียงกราดเกรี้ยวที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นที่สุมอยู่ในอก
    เขาเริ่มตั้งหลักเตรียมจะพุ่งตัวเข้าใส่แทงกูอีกครั้ง
    "ฉันไปทำอะไรคุณถึงได้แค้นเคืองฉันนัก" แทงกูยังพูดอย่างใจเย็น จนชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
    โดยทิ้งระยะห่างไว้เพียงศอกเดียว เขาก้มลงมองหน้าร่างเล็กและแทงกูก็เงยหน้ามองเขาอยู่เช่นกัน
    เพราะปกติเธอไม่ได้เป็นศัตรูกับคนคนนี้ แล้วเธอก็ไม่เคยเข้าไปถากถางหรือทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจนี่
    ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่รอฟังเหตุผล ไม่สิเธอจะไม่รอให้เขาได้มีโอกาสเผยร่างออกมาด้วยซ้ำ

    "อาทิตย์ก่อนแกนอนกับใครมาล่ะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะเป็นของฉัน!"
    ร่างใหญ่ตะคอกใส่หน้าคนตัวเล็กกว่าจบก็เหวี่ยงกำปั้นหนักๆใส่ใบหน้าของแทงกูเต็มแรง
    จนร่างเล็กปลิวไปตามแรงเหวี่ยงและล้มกลิ้งกับพื้นพร้อมกับเสียงฮือฮาของบรรดาแฟนๆ
    แทงกูกระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วยันกายลุกขึ้นมือเล็กก็ยกขึ้นมาใช้ปลายนิ้วปาดคราบเลือดสีแดงสดที่มุมปากออกลวกๆราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร
    แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่เดิมตรงหน้าร่างสูงใหญ่อีกครั้ง
    ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเส้นเลือกปูดขึ้นจนทั่วใบหน้าคมไปถึงขมับ ครั้งที่แล้วเขาก็ยอมให้คนตัวเล็กนี่ไปแล้วครั้งนึงนะ
    แต่เพราะตอนนั้นเขาเป็นคนที่มาทีหลังเอง แล้วคราวนี้เขามาก่อนและแทงกูก็ได้หญิงสาวคนนั้นไปหลังจากที่เขา...

    ยิ่งได้ฟังเหตุผลของคนตัวโตแล้วมันยิ่งทำให้แทงกูไม่นึกอยากจะตอบโต้หรือสู้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
    เพราะถ้าจะให้คนอย่างเธอต้องมามีเรื่องทะเลาะวิวาทรบราฆ่าฟันกับใครแค่เพราะเรื่องชู้สาวล่ะก็..
    ให้เธอไปออกรบในสงครามโลกเสียยังจะดีกว่า
    ยูริกับยุนอาแทบจะพุ่งเข้าไปสับร่างของชายหนุ่มให้แหลกเป็นชิ้นๆอยู่แล้วแต่ก็โดนโบอาและเจสสิก้าปรามไว้ก่อน
    ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าสองคนนั้นจะห้ามพวกเธอทำไมแต่ทั้งคู่ก็ยอมหยุดแล้วยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล


    "ฉันเป็นของนายเหรอ นายแน่ใจเหรอแทคยอน และไอ้แผนบ้าๆของนายน่ะล้มเลิกมันไปได้แล้ว"
    เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างบางเดินนวยนาดออกมาจากทางด้านหลังของแทคยอน
    ทิฟฟานี่เดินผ่านร่างของชายหนุ่มมาราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุ แล้วมาหยุดยืนอยู่ข้างๆร่างเล็ก
    โดยที่ยังไม่หันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มไม่แม้เพียงปลายตามอง มือเรียวขยับเลื่อนไปสอดประสานเข้ากับมือของแทงกู
    ที่ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เชิงให้ทุกคนรับรู้เข้าใจว่าเธอยอมเป็นของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้แล้วจริงๆ
    แทคยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นทิฟฟานี่ทำอย่างน้ันเพราะมันไม่ได้ต่างอะไร
    จากการยอมจำนนกายให้แทงกูเก็บไว้เป็น'สัตว์เลี้ยง'ดีดีเลยนะ อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่าจะได้เจอร่างบางในคืนนี้
    แถมยังถูกถากถางหยามหน้ากันแบบนี้อีก เสียงฮือฮากรี๊ดกร๊าดดังขึ้นทันทีที่เห็นทิฟฟานี่ทำแบบนั้น

    "ฉันน่ะ..เป็นของแทงกูต่างหากล่ะ"
    สิ้นหวานร่างบางก็หมุนตัวหันกลับไปทางร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มและเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที
    ปลายนิ้วเรียวก็สัมผัสเข้ากับขมับซ้ายของแทคยอนแผ่วเบา
    ก่อนที่ร่างใหญ่ของเขาจะสิ้นสติและล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ร่างบางนั่นก็กลับมายืนข้างๆแทงกูเรียบร้อยแล้ว

    "ไปโปรยเสน่ห์ไว้หรือไงแรงหึงหวงเขาถึงได้รุนแรงแบบนี้"
    แทงกูเอ่ยอย่างไม่จริงจังพลางหันไปโบกมือส่งสัญญาณให้คนมาเก็บร่างใหญ่ของแทคส่งกลับไปในที่ที่เขาควรจะอยู่
    ทิฟฟานี่ทองใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าที่มีรอยบวมช้ำเป็นรูปสันมืออย่างเห็นได้ชัด เธอทันเห็นวินาทีที่แทงกูกระเด็นไปกลิ้งอยู่กับพื้น
    เพราะแรงจากหมัดของแทคยอน และภาพนั้นก็เล่นเอาเธอแทบอยากจะฉีกแทคยอนออกเป็นชิ้นๆ
    โทษฐานที่บังอาจมาวุ่นวายกับ'เหยื่อหมายเลขหนึ่ง'ของเธอในตอนนี้
    มือเรียวถูกยกขึ้นช้าๆหวังจะแตะไล้ไปยังรอยช้ำบนใบหน้าของเค้าแต่ร่างบางก็ต้องชะงักมือไว้ก่อนที่จะแตะสัมผัสผิวของแทงกูเสียอีก

    "แทงกู!!ไหนเอาหน้ามาดูดิ๊"
    เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจนทิฟฟานี่หันขวับมองไปยังต้นเสียงก็ได้เห็นว่าเจสสิก้ากำลังรีบวิ่งเข้ามาหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
    โดยไม่ได้สนใจอีกคนที่มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอยู่...
    เจสสิก้าไล้ปลายนิ้วลงบนใบหน้าของเพื่อนสาวเบาๆ ไม่นานรอยช้ำและบาดแผลก็หายไป
    "ขอบใจ..เออนี่ทิฟฟานี่ เป็นใครไม่รู้ถามเอาเอง" แทงกูหันไปพูดกับเพื่อนรักยิ้มๆ
    ก่อนจะเพยิดหน้าไปทางร่างบางที่ยืนกอดอกด้วยท่าทางหยิ่งยโสปลายตามองเพื่อนสาวเธออยู่
    "ทำตัวให้มันดีดีหน่อยสิ นี่เจสสิก้า'เพื่อนสนิท'ฉัน"
    แทงกูหันไปเอ่ยกับทิฟฟานี่น้ำเสียงเนือยๆพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองสาวนั้นทำความรู้จักกันเอาเอง

    "ยัยนั่นมันยอมเป็นของคุณ?" ยูริเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อแทงกูเดินกลับเข้ามาในจุดพักแล้ว
    "ไม่รู้สิที่แน่ๆฉันไม่ไว้ใจเค้า" แทงกูส่ายหน้าเล็กน้อยถอดหายใจออกมาเบาๆ
    ยูริตวัดสายตากลับไปมองยังร่างบางทั้งสองที่ยืนคุยกันอยู่ ถ้าทิฟฟานี่ยอมเป็นของแทงกูก็เยี่ยมเลยสิ
    ถึงแม้ว่าเธอจะยังมีเรื่องขุ่นเคืองต่อร่างบางอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็จะยอมมองข้ามมันไปให้ได้
    ถ้าทิฟฟานี่ยอมเป็นของแทงกูจริงล่ะก็
    ยุนอาที่ยืนมองอยู่ห่างๆกับซอฮยอนก็รู้สึกหนึบๆยังไงชอบกล
    เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าหัวใจเธอรู้สึกแปลกๆเพราะอะไรทั้งๆที่เธอก็มีเพียงแค่แทยอน
    แต่พอได้รู้เรื่องของแทงกูและทิฟฟานี่จู่ๆหัวใจมันก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ


    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนแทงกูและยุนอาแข่งจบแล้วด้วยผลตัดสินที่ผิดคาด
    และยุนอาเองก็คิดว่าแทงกูไม่ได้เอาจริง
    ผลถึงได้ออกมาเสมอกันได้ ชึ่งแทงกูก็พูดแค่ว่าเค้าทำดีที่สุดแล้ว แต่ยูริเองก็ยังรู้สึกไม่ต่างไปจากยุนอาเลย
    ไม่รู้สิมันแปลกเกินไปที่ยุนอาจะเทียบเท่าแทงกูได้ แล้วสองพี่น้องก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าแค่ถอนหายใจ

    "วันนี้ฉันไม่ว่าง ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ" แทงกูเอ่ยขึ้นเมื่อร่างบางก้าวเข้ามาแนบชิดกายอย่างถือวิสาสะ
    ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูรถสปอตคันหรูของตัวเองที่มีเจสสิก้านั่งอยู่ในนั้นรอเธอก่อนแล้ว
    เพราะคิดว่าจะไปต่อกับพวกเยอนแทงกูจึงบอกให้คนมาเอารถของเจสสิก้ากลับไปก่อนเพราะเธออยากให้เจสสิก้านั่งไปกับเธอมากกว่า
    แทงกูหันกลับไปมองใบหน้าเรียวสวยที่แสนถูกใจเธออีกครั้ง

    "โธ่ แทงกูคะ คุณทิ้งให้ฉันคิดถึงคุณแทบแย่ พอฉันหาคุณเจอคุณกลับไม่ว่าง"
    เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อแขนเรียวก็วาดโอบรอบคอคนตัวเล็กที่ยืนพิงรถคันหรูของเค้าอยู่นั้น
    เธอซุกใบหน้าลงกับซอกคอเค้าสูดกลิ่นกายหอมๆจากผิวขาวๆนั้นแล้วพ่นลมหายใจอุ่นๆเป่ารดลำคอระหงของคนตัวเล็ก
    ราวกับตั้งใจจะยั่วให้เค้าอยากจะไปกับเธอ..
    และภาพนั้นก็เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างได้ไม่น้อย
    แต่ส่วนมากทุกคนจะฮือฮาเพราะคิดว่าอีกไม่นานแทงกูต้องยิงทิฟฟานี่ทิ้งแน่ๆ

    "อย่าได้คิดนะ ว่าติดGPSที่ตัวฉันได้เธอจะตามตัวฉันเจอ" ทิฟฟานี่ชะงักนิ่งไปเล็กน้อย...เค้ารู้ได้ไง
    เธอไม่รู้จริงๆว่าแทงกูรู้ได้ไงว่าเธอกำลังจะติดGPSขนาดจิ๋วไว้บนร่างและรถของเค้า
    เพราะที่ผ่านมาเธอมั่นใจว่าเธอโปรมากพอ เธอเคยใช้วิธีนี้มาหลายหนและกับใครหลายคนที่เธอจำต้องไปสืบเรื่องของบุคคลนั้นๆ
    และก็ไม่มีใครเคยจับได้เลยแม้แต่คนเดียว
    แต่เค้า..กลับรู้ก่อนที่เธอจะแตะปลายนิ้วที่มีGPSลงบนผิวกายเค้าเสียอีก
    แทงกูจับร่างของทิฟฟานี่ให้ผละออกจากร่างเตัวเองสบลึกเข้าไปนัยน์ตาสีโลหะนั้น..

    "ฉันคิดว่าเธอคงรู้นะว่าที่ฉันทำกับเธอมัน 'พิเศษ' กว่าคนอื่น เพราะงั้นอย่าทำให้ฉันต้องลดความ 'พิเศษ' นี้ลงไป เข้าใจไหม"
    แทงกูกระซิบบอกเพียงแผ่วเบาราวก็บกลัวว่าใครจะได้ยิน
    " ฉันคงอยากเจอคุณมากไป" ทิฟฟานี่เอ่ยทั้งที่ยังสบตากับเค้าอยู่อย่างนั้นเธอต้องทำให้เค้ารู้สึกให้ได้ว่าเธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
    ถึงจะรู้สึกแย่ๆอยู่บ้างที่คิดจะติดGPSไว้บนร่างเค้าและถูกจับได้ แต่เหตุผลที่ทำให้เธอคิดจะทำอย่างนั้นก็เพราะว่าเธออยากเจอเค้า
    ไม่ได้คิดอย่ากจะสืบเรื่องเค้าเหมือนกับที่ทำกับคนอื่นๆที่ผ่านมา ร่างบางส่งสายตาเว้าวอนขอให้เค้าเห็นใจ
    แทงกูกะตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะทาบริมฝีปากลงกับส่วนเดียวกันของอีกคนแล้วผละออก

    "ไปได้แล้ว เพื่อนฉันรอนานแล้ว"
    "อีกนิดสิคะ" ทิฟฟานี่ยังคงออดอ้อนแต่แทงกูกลับถอนหายใจออกมา
    มือเล็กดันร่างของทิฟฟานี่ให้ถอยออกห่างจากตัวเอง แล้วหันกลับมาเปิดประตูก้าวขึ้นรถไปทันที
    ปล่อยให้ทิฟฟานี่ยืนชี้หน้าเธออยู่ข้างนอกดูเค้าคงหมั่นไส้เธอมากเลยล่ะ
    ว่าแล้วก่อนจะออกรถก็ส่งจุ๊บกวนๆพร้อมขยิบตาไปให้หน้าหวานต้องแทบต้องกรี๊ดใส่หน้าเธออีกครั้ง


    "แปลกจังทำไมเธอเล่นกับคนนี้มากขนาดนี้" เจสสิก้าถามขึ้นหลังจากที่ออกรถมาสักพักแล้ว
    เธอเห็นและได้ยินทุกอย่างที่แทงกูและทิฟฟานี่คุยกันเมื่อครู่และมันทำให้เธอก็อดแปลกใจไม่ได้
    เพราะคนอย่างแทงกูคงไม่ยอมตามใจใครที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันได้มากขนาดนี้แน่
    "ไม่รู้สิฉันว่าฉันชอบเค้านะ"
    แทงกูหันมาตอบยิ้มๆ เธอว่าเธอชอบทิฟฟานี่ตั้งแต่แว๊บแรกที่เห็นเค้าเลยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเธอจะชี้เรียกเค้าทำไม
    ไม่อย่างนั้นเธอจะปล่อยให้เค้ามีชีวิตอยู่จนมาเจอเธอในวันนี้ได้อีกเพื่ออะไร..
    "จะดีเหรอทำแบบนี้น่ะ อีกอย่างเราก็ยังรู้ได้ไม่แน่ชัดด้วยว่าเค้าเป็น'ใคร'กันแน่"
    เจสสิก้าเอ่ยด้วยสีหน้าดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกกังวลเรื่องผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้
    ทั้งๆที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าแทงกูนั้นไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แต่มันก็อดคิดมากไม่ได้
    "เธอคิดดูนะสิก้า..
    ทิฟฟานี่น่ะ..สวยมากน่ารักมากและหน้าอกไม่ใหญ่มากบั้นท้ายก็เซ็กซี่แถมยังยั่วเก่งอีก ฉันหาเจอแล้วนี่ไง"
    เจสสิก้าคิดตามที่แทงกูพูด เออหว่ะทิฟฟานี่ตรงตามความต้องการของแทงกูหมดทุกข้อ..
    อย่างที่เธอเคยถามเค้าไปว่าชาติไหนจะหาเจอจริงๆด้วย เมื่อรู้แบบนั้นแล้วเจสสิก้าก็ไม่คิดจะห้ามอะไรแทงกูอีก
    เพราะเข้าใจว่าร่างเล็กนั้นเพิ่งได้เจอกับคนในฝันที่หามานาน...




    ซูยองและซันนี่ที่นั่งอยู่ในร้านซูดริ๊งเหมือนทุกวันตั้งแต่ที่ทั้งสองรู้จักกันเมื่อเดือนก่อน
    พวกเธอก็พัธนาความสัมพันธ์จนสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็วจนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็สนิทกันอยู่มากพอตัว
    เนื่องจากเป็นคนคุยเก่งเหมือนกันเลยทำให้ทั้งคู่นั้นมีเรื่องเม้าส์มอยกันอยู่ตลอด

    "โอ๊ยยมดกัด"
    เสียงแหลมดังขึ้นมาเสียบเข้าโสตประสาทให้ทั้งคู่ต้องหันไปมองยังต้นเสียง ร่างบางเดินนวยนาดเข้าร้านมานั่งข้างๆซูยอง
    พอดีกับซันนี่ที่ขอตัวกลับก่อนเพราะสาวเจ้ามานั่งสิงห์อยู่ที่ร้านของซูยองตั้งแต่ก่อนเที่ยงจนตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว
    ร่ำลากันอยู่ไม่นานสาวร่างเล็กก็เดินออกจากร้านไป
    "ว่าไปนั่นแกอ่ะ ไอโฟนไหม้คามือแล้วมั้ง"
    ซูยองเหลือบมองไอ้คนที่มันเปิดปากแซวชาวบ้านแล้วตัวมันเองน่ะนั่งยิ้มแก้มปริหัวเราะคิกคัก
    อยู่กับไอโฟนแทบจะทุกเวลาซะงั้น เธอสังเกตว่าสเตฟานี่เป็นแบบนี้มาเดือนกว่าๆเห็นจะได้แล้วมั้ง

    "คุยกับใครวะ" สงสัยจนต้องถามออกไปและก็ได้คำตอบมาว่าแฟนนางนั่นแหละถึงได้แปลกใจ
    จะไม่ให้แปลกใจได้ไงล่ะก็ยัยนี่มันครองโสดมาเป็นปีแถมนานๆจะมีแฟนที มีได้ก็คบแป๊บๆแล้วก็เลิก
    ทั้งๆที่มันก็สวยมากสวยแบบสวยไร้ที่ติซึ่งข้อนี้เธอเองก็ยอมรับ แต่มันดันไม่ชอบเข้าหาใครก่อน
    แล้วปกติคนส่วนมากก็จะไม่กล้าเข้ามาจีบมัน
    โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องจีบก็รู้ว่าไม่ติด ไม่ก็เค้าคิดว่ามันต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ และแฟนมันคงดุน่าดู
    เอิ่มนั่นแหละที่มันจะพาเอาเพื่อเธอขึ้นคานตาย เลยอดอยากรู้เล็กๆไม่ได้ว่าใครกันเป็นผู้กล้าคนนั้นที่มาสอยมันไป
    ว่าแล้วก็แย๊บๆมันไปแต่มันก็ไม่ยอมบอกสักที จนต้องพยามแย่งไอโฟนมันมานั่นแหละ

    "เออๆ บอกก็ได้อีนี่ แต่แกห้ามโกรธฉันนะ ...เจสสิก้า"
    สเตฟานี่หันไปถามเพื่อนร่างสูงก่อนรอจนมันยอมตกลงว่าจะไม่โกรธนั่นแหละถึงได้ยอมบอกมันไป
    แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ ซูยองชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่สีหน้ามันจะแปลเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วยุ่งไปทั้งหน้าทันที
    "ระวังเถอะแกจะซวยไปพร้อมกับยัยนั่น แกก็รู้อยู่นี่นั่นน่ะเป้าหมายสำคัญเลยนะเว่ย"
    ซูยองตำหนิเพื่อนสาวออกมาอย่างเสียไม่ได้แต่ก็พยามพูดให้เสียงตัวเองเบาที่สุดเท่าทีจะทำได้
    เธอก็ไม่ได้คิดจะกีดกันหรือไม่พอใจอะไรอยู่แล้วไม่ว่าเพื่อนสาวเธอนั่นจะคบกับใคร
    เพียงแค่เธอเป็นห่วงร่างบางนี่ก็เท่านั้น

    "ก็ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรหรอก แต่มันคงเป็นเพราะฉันไม่มีใครมานานมั้งก็เลยเผลอใจไป"
    ทั้งทีความจริงมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะทั้งที่รู้ว่าเป็นเจสสิก้าความจริงเธอน่าจะปัดความสัมพันธ์ไปตั้งแต่แรก
    เธอไม่ควรปล่อยให้เราได้รู้จักกันจนรักกันจริงๆแบบนี้
    ซูยองถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เธอเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้
    แต่ต่อไปเธอควรจะทำอย่างไรดีถ้าอีกฝั่งนั้นมีเพื่อนเธอได้แต่คิดวนไปวนมาอยู่แค่นั้น
    แล้วอย่างนี้เธอจะทำยังไงกับเพื่อนสาวคนนี้ของเธออย่างไรกันดีล่ะ

    "เฮ่ย..แกอย่าคิดมากดิ ฉันไม่เป็นไรหรอก"
    "แกจะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไงวะ แกเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉันที่ยังมีชีวิตอยู่
    แล้วตอนนี้แฟนแกก็เป็นศัตรูของบอสฉัน"
    เพราะแบบนี้มันก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับต้องเลือกระหว่างตัวเองกับเพื่อนเลยจริงไหมล่ะ
    "งั้นฉันถามแกอย่างนึง สมมุตินะว่าบอสแกตาย แกจะทำไงวะ"
    "คงทำเหมือนแกมั้ง"
    สเตฟฟานี่พยักหน้าเล็กน้อย กลับไปนึกถึงเรื่องตัวเองแล้วก็อดใจหายไม่ได้

     


    ลีจุนผู้เก่งกาจจนไม่ใครที่สามารถโค่นเขาลงได้ไม่ว่าจะสู้รอบครั้งแล้วครั้งเล่าเขาก็ยังเป็นผู้รอดชีวิต
    จนอยู่มาวันนึงยูริประกาศกร้าวว่าจะโค่นลีจุนให้ได้ชายหนุ่มจึงสนองให้โดยการนัดแนะเวลาลาและสถานที่ไป
    ในตอนนั้นเธอคิดว่าทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างจากเธอเท่าไร ว่ายูรินั้นเกิดบ้าอะไรขึ้นมาดูดีไม่ว่าดี
    ถึงได้ป่าวประกาศออกมาอย่างนั้น

    ลีจุนให้เธอและลูกน้องอีกสี่ห้าคนติดตามไปด้วย ทั้งที่จริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นเท่าไร
    เมื่อถึงจุดนัดหมายที่คล้ายๆจะเป็นป่าก็ไม่เชิงคล้ายๆจะเป็นลายกว้างๆ
    แต่มันไกลออกมาจากตัวเมืองมากพอที่แถวระแวกนี้จะไม่มีบ้านคนหรือที่พักอาศัยอยู่เลย
    พวกเราจึงเรียกที่นี่ว่า แบทเทิ้ลคิง ซึ่งใช้ในการท่าประลองตัวต่อตัวกันนั่นแหละ
    มองไปรอบๆแล้วก็พบว่ายูริมากับผู้หญิงอีกสองคนเท่านั้น
    ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินตรงไปยังกลางลานกว้างพร้อมกับร่างเพียวของยูริที่หยุดยืนประจันหน้าเขา
    หลังจากนั้นคนของยูริชูปืนขึ้นสุดแขนเป็นสัญญาให้ทั้งคู่เตรียมพร้อม

    ปัง!!

    ทั้งสองคนพุ่งกายพรวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว เริ่มมาลีจุนก็บุกหนักรัวกำปั้นหนามใส่ร่างเพียวของยูริไม่ยั้ง
    จนเห็นได้ชัดว่าเกิดรอยแดงช้ำไปทั่วทั้งหน้าท้องไหล่ผายและใบหน้า บางจุดก็มีเลือดซึมออกมาบ้าง
    เธอคิดว่าบอสของเธอคงไม่อยากจะเสียเวลามากนักถึงได้รัวฟาดเอาฟาดเอาใส่ราวกับยูริเคยไปฆ่าพ่อเขางั้นแหละ
    แต่ยูริก็ยังสวนสนับมือใส่ใบหน้าคมไปสองสามที แต่ส่วนมากจะเบี่ยงตัวหลบหมัดของชายหนุ่มมากกว่า

    "นั่นมันหมดแรงแล้วหรือไงกัน"
    ผ่านไปครู่นึงสเตฟฟานี่ก็พูดออกมาลอยๆแต่ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้วยกันก็เออออเห็นด้วยกับเธอ
    ก็ดูแล้วแทบนับได้เลยมั้งว่ายูริปล่อยหมัดใส่ลีจุนไปกี่ครั้ง
    แล้วตอนนี้ร่างเพียวนั้นก็กำลังทำตัวเป็นกระสอบทรายให้บอสของเธออยู่

    "จบเลยแล้วกัน ฉันไม่อยากเสียเวลาแล้ว"
    พูดจบลีจุนก็ชักมีดออกมาแล้วพุ่งไปยังร่างเพียวทันทีหวังจะใช้คมมีดเสียบแทงเข้าที่ลำคอระหง

    เคร้ง!

    "ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ" ยูริรับคมมีดทั้งสองของลีจุนไว้ด้วยสนับมือ
    ก่อนจะเหวี่ยงท่อนขาฟาดรองเท้าหนังสีเข้มฝังโลหะเข้าไปที่ใบหน้าของลีจุนเต็มแรง
    ร่างสูงใหญ่ถลากลิ้งไปกับพื้น แต่แค่นั้นไม่อาจทำให้ลีจุนสะทกสะท้านได้
    เขาลุกขึ้นแล้วพุ่งปลายแหลมคมของอาวุธที่ถืออยู่เข้าหายูริอีกครั้ง
    ร่างเพียวใช้ไหวพริบที่มากล้นเบี่ยงหลบอาวุธของอีกฝ่ายอย่างว่องไว เธอจับทางการจู่โจมของชายหนุ่ม
    ด้วยการหลอกให้เขาบุกจู่โจมเข้าหาเธอ จากที่หลบได้เริ่มจะกลายเป็นหลบแบบสบายๆ
    แถมยังเริ่มสวนหมัดเหล็กใส่เขาได้อีก คราวนี้ร่างเพียวเริ่มโต้ตอบการจู่โจมอีกฝ่าย
    ด้วยการฟาดสนับโลหะลงบนท่อนแขนที่เขาพุ่งมา จนลีจุนเริ่มเปลี่ยนการจู่โจมใหม่
    เทคนิคการเคลื่อนไหวจึงถูกนำมาใช้ ร่างของชายหนุ่มแว๊บไปแว๊บมาจนเธอเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาอยู่จุดไหน
    เสี้ยววินาทีเดียวที่เขามาหยุดตรงหน้าเธอในระยะประชิด ปลายแหลมของมีดสั้นเสียบเข้าที่เอวบางทั้งสองข้าง
    แล้วถูกชักกลับออกไปพร้อมกับของเหลวสีแดงข้นไหลหยิ้มออกมาจากบาดแผล
    ก่อนจะที่ร่างสูงใหญ่จะพุ่งคมมีดกลับมายังร่างเพียวอีกครั้ง

    ซึบ!!

    ร่างสูงใหญ่นั้นชะงักนิ่งไปก่อนที่คมมีนั้นจะสะกิดโดนหน้าท้องเธอเสียอีก
    และเพียงอึดใจเดียวที่เธอเงยหน้ามองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังจะล้มลง
    แต่แล้วเธอต้องเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีศรธนูปริศนาพุ่งตรงมายังร่างเธออีกสองสามครั้ง

    "เฮ่ยใครวะ เบรกก่อนมั้ยเขาหมดสติไปแล้ว ยุนอาตามมันไป ลากคอมันมาให้ได้"
    หลังจากศรธนูอีกสามดอกปักลงยังพื้น ยูริเอ่ยบอกฝั่งของลีจุน ก่อนจะหันกลับไปสั่งน้องสาวของเธอ
    หญิงสาวร่างสูงเพียวที่ดูคล้ายคลึงกับยูริจึงรีบพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของผู้เป็นพี่

    สเตฟฟานี่และลูกน้องรีบปรี่เข้ายังร่างของชายหนุ่มที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น
    เมื่อครู่เธอศรธนูสีม่วงเสียบเข้าที่ต้นคอด้านหลังของเขา
    แต่ตอนนี้มัน...ไม่มี!! มันหายไปไหนแล้วแต่เธอไม่คิดหรอกว่าลีจุนจะเป็นอะไร เพราะหนักกว่านี้เขาก็ผ่านมาแล้ว
    ยูริเดินไปดูยังจุดที่เคยมีลูกธนูปักอยู่เมื่อครู่มันก็หายไปแล้วเช่นกัน
    ร่างเพียวขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ที่อยู่ๆมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

    "นั่นคนของใครกัน" สเตฟฟานี่ก้าวเข้ามาใกล้ร่างเพียวหลังจากที่สั่งลูกน้องให้พาร่างของบอสไปพักดูอาการที่รถ
    "ไม่รู้สิแต่มันพยามยิงฉันเหมือนกัน"
    ยูริหันกลับมาสบตาเข้ากับเธอพยักหน้าเล็กน้อย เพราะตอนที่เค้าพยามหลบเธอก็เห็นอยู่เหมือนกัน
    จะว่าเป็นการเล่นละครตบตาสีหน้าของยูริตอนที่เห็นลูกธนูนั้นก็คงจะแนบเนียนเกินไปแล้วมั้ง
    อีกอย่างถ้ามันเป็นคนของยูริจริงคงมันคงไม่เสี่ยงจะยิงติดต่อกันจนยูริแทบหลบไม่ทันขนาดนั้นหรอกมั้ง
    เพราะถ้าร่างสูงหลบไม่ทันลูกธนูนั่นคงปักเข้าที่กลางหน้าผากเค้าเลยล่ะ แต่เรื่องลูกธนูสีม่วงนี่มันก็เคยมีมาหลายหนแล้วนะ
    ทำไมถึงยังไม่มีใครตามหาตัวเจ้าของมันเจอสักทีล่ะจะรอให้มันใช้วิธีสกปรกแบบนี้ตามเก็บใครต่อใครไปง่ายๆงั้นเหรอ...
    "คุณสเตฟ!! บอสไม่หายใจแล้วครับ"
    เสียงลูกน้องคนนึงดังขึ้น ร้อนถึงหญิงสาวต้องรีบวิ่งไปยังรถตัวเองก่อนจะรีบออกรถไปทันที

    "อีสเตฟว้อย!!!"

    "อ่ะ หะ..ฮ๊ะ อะไร จะเสียงดังทำไมเล่า"

    "ฉันเรียกแกไปร้อยรอบแล้วมั้ง แกก็ยังเหม่อเนี่ย คิดอะไรอยู่วะ อย่าบอกนะว่าคิดถึงนังนั่นอ่ะ"

    "ไม่ไช่เว่ย ฉันแค่นึกถึงวันที่บอสตายต่างหาก แกเชื่อปะจนถึงวันนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของลูกธนูนั่นอ่ะ"

    หลังจากที่บอสตายไปสเตฟฟานี่และลูกน้องคนอื่นๆก็ตั้งใจไว้ว่าจะสืบหาให้คนคนนั้นให้พบ

    แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะคืบหน้าเลยทุกคนจึงตัดสินใจแยกทางกัน และเธอก็อยู่ตัวคนเดียวมาจนถึงตอนนี้

    เพราะเธอยังไม่อยากผูกพันธะตัวเองไว้ในสังกัดใครสังกัดนึง

    ซูยองตบไหล่เพื่อนสาวเบาๆเชิงให้กำลังใจเพราะจริงๆข่าวเรื่องลีจุนกับลูกธนูนั่นก็ดังอยู่พักนึงเลย

    ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานอะไรว่ามีลูกธนูนั่นด้วยซ้ำ และเหตุการณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นเสียเมื่อไร

    แต่มันทิ้งช่วงไปนานมากแล้วต่างหากพอกลับมามีอีกผู้คนก็ฮือฮากัยกใหญ่

     

     


    "พี่แทยอนนน"
    แทยอนหันไปเลิกคิ้วมองใบหน้าดูดีที่กำลังออดอ้อนคลอเคลียอยู่ไม่ห่างให้เธอเดามันคงจะขออะไรสักอย่างแน่ๆ
    "พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน" นั่นไงคิดแล้วไม่มีผิด ปกติแล้วยุนอาก็ชอบชวนเธอออกไปขับรถเล่นตอนเย็นบ่อยๆ
    ไปหามื้อค่ำกินบ้างบางครั้งก็ไปเดินช็อปปิ้ง แต่ส่วนมากกินข้าวเสร็จแทยอนก็มักจะชวนกลับบ้านเลยมากกว่า
    ถ้าเป็นวันธรรมดาน่ะนะ เพราะเธอไม่อยากให้ยุนอาเสียการเรียน นี่ก็จะจบอยู่แล้ว
    เธอก็อยากให้เค้าเรียนไปให้มันจบๆไปซะต่อไปอยากจะทำอะไรก็จะได้ทำได้ตามใจต้องการ

    แต่ถ้าเป็นวันหยุดก็ตามใจเด็กมันหน่อย มันอยากไปเดินเล่นช็อปปิ้งกินไอติมหรือดูหนังก็ไปกับมัน
    อ่า..เหมือนแฟนกันใช่มั้ยล่ะแต่อย่าเพิ่งเหมาว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะยังหรอก
    ยุนอาและแทยอนยังคงสถานะโสดแปะอยู่กลางหน้าผากถึงแม้ว่าการกระทำบางอย่างมันอาจจะเกินเลยกันไปเยอะแล้วก็ตาม
    อย่างแบบจูบกันดูดดื่มแลกลิ้นกันนอนด้วยกันก็คลอเคลียลูบไล้ซุกไซร้ซอกคอแนบชิดกันไปเรื่อย
    แต่เรายังไม่ได้มีอะไรกันนะ ถึงแทยอนจะยั่วจะอ่อยยุนอามากแค่ไหน
    แต่ยุนอาก็ไม่เคยได้แตะต้องจุดสงวนของเธอเลยแม้แต่น้อยและวันนี้ก็เป็นอีกวัน
    ที่เราออกมานั่งกินข้าวในร้านบรรยากาศเงียบๆสบายๆเป็นส่วนตัว กินอิ่มแล้วก็นั่งคุยกันต่ออยู่ไม่นาน
    ร่างสูงก็ขอมานอนกับเธออีกซึ่งก็ไม่แปลกอะไร แต่เธอก็ไม่ได้อ่อนข้อจนให้เค้ามานอนด้วยบ่อยๆหรอก
    อาจจะอย่างมากก็สัปดาห์ละสองคืนอะไรแบบนั้นหรือถ้าช่วงไหนที่เธอต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด
    เธอก็จะละไว้ในฐานที่เข้าใจเพราะเธอก็คิดถึงเค้าเหมือนกันบางทีเธอก็ต้องไปหลายวันติดกันอะไรแบบนั้น
    ก็ไม่ได้เจอหน้ากันอาจจะมีคุยแอปคุยสไกด์กันบ้างแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้หายคิดถึงไปเสียเท่าไร

    ระหว่างขับรถกลับยุนอาก็โทรบอกยูริว่าคืนนี้จะไม่กลับไปนอนบ้าน พี่สาวปากร้ายก็โวยวายๆ
    อีกเหมือนทุกครั้งแต่ก็ยังอนุญาตินั่นแหละ ช่วงหลังๆมานี้รู้สึกว่ายูริจะเริ่มวางใจมากขึ้นเยอะแล้ว
    ที่จะให้ยุนอามาอยู่กับเธอและดูเหมือนที่โวยวายอยู่นั่นก็เพราะยูริบอกให้ยุนอาพาเธอไปให้เจอบ้าง
    ไปกินข้าวด้วยกันบ้างเชิงประมาณว่ามึงช่วยเอาน้องสะใภ้มาเปิดตัวทีเถอะอะไรแบบนั้น
    และไอ้เด็กดื้อนี่มันก็ยังไม่ยอมท่าเดียวเลยพอเธอถามว่าทำไมมันก็ตอบแค่ว่ามันหวง
    ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะหวงอะไรขนาดนั้น
    ก็แค่ไปเจอทักทายกันหรือเรียกว่าทำความรู้จักกันใหม่น่าจะเข้ากว่า เพราะนั่นมันก็ผ่านมานานเกินไปแล้ว
    ที่เธอกับยูริเคยเป็นเพื่อนกัน ยุนอาบอกยูริแค่ว่าคนที่จีบน่ะชื่ออะไรแต่ยังไม่บอกว่าคือใคร
    แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ว่ายูริไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงอะไรเลย ก็คงลืมไปแล้วเหมือนตอนแรกที่เธอกับยุนอาเจอกันนั่นแหละ


    กลับมมาถึงบ้านไอ้เด็กร่างสูงก็วิ่งจู๊ดขึ้นห้องเธออย่างเร็ว
    ทำยังกะบ้านตัวเองงั้นแหละเดินตามมันเข้าห้องมาก็แขวะมันไปหน่อยว่ากลัวเธอเปลี่ยนใจหรือไง
    มันก็หัวเราะแล้วพยักหน้าใส่ เธอเลยถามมันไปอีกว่ากลัวไม่ได้นอนหรือไงมันก็ครางตอบอือ
    เธอเลยบอกมันกลับไปว่างั้นรีบอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานอนเลยนะไม่ต้องมายุ่งกับเธอก่อนนอน
    เด็กมันก็งุงงิงๆอยู่แป๊บนึงก็โดนเธอไล่ให้ไปอาบน้ำ มันยังจะมีหน้าชวนเธอไปอาบด้วยอีกแหน่ะ
    เลยทำท่าจะส่งหมอนไปแทน มันก็หัวเราะคิกคักชอบใจแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

    จนถึงทุกวันนี้แทยอนก็ยังไม่เลิกแซวว่ายุนอาวิ่งผ่านน้ำแล้วก็จะแกล้งทำท่าไม่อยากเข้าใกล้
    ก็แหมอาบน้ำบ้าอะไรของมันไม่ถึงสิบนาทีมันก็เห็นเดินออกมาและ
    แต่เธอเนี่ยล่อไปครึ่งชั่วโมงกว่าเลยมั้ง บ้างทีก็นึกอยากรู้นะว่ามันอาบยังไงของมันถึงได้เร็วขนาดนั้น
    เพราะเธอเคยลองอาบแบบรีบๆแล้วก็ยังเกินสิบนาทีอยู่ดี
    อยากจะถามมันนะว่ามันอาบยังไงพอมาคิดๆดูแล้วไม่ถามดีกว่าเดี๋ยวมันจะบอกให้ไปอาบด้วยอีก

    พออาบน้ามเสร็จก็มานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง นี่ก็เพิ่งจะสองทุ่มอยู่เลยแล้วปกติก็เป็นแบบนี้แหละ
    พอวันไหนมันได้มานอนด้วยมันก็จะรีบๆกลับแต่ถ้าวันไหนเมันไปนอนบ้านมันก็จะวนรถไปวนรถมาโอ้เอ้อยู่นั่นแหละ
    จนเธอจะหลับบนรถอยู่แล้วสุดท้ายก็เข้าบ้านสามทุ่มกว่าสี่ทุ่มทุกที
    อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆจนยุนอาก็เริ่มจะรู้ใจเธอมากขึ้นเยอะเลย ไม่ค่อยมีชะงักนิ่งเอ๋อเหมือนช่วงแรกๆแล้ว
    อีกอย่างเธอเองก็เริ่มจะอ่อนลงไปจากเดิมมากอยู่พอสมควร
    อย่างบางทีอยู่ๆไอ้เด็กตัวสูงนั่นมันก็มาขโมยหอมแก้มเธอบ้างแหละจุ๊บปากเธอบ้างแหละ
    ถ้าอยู่ในที่ลับตาคนเธอก็จะไม่ว่าอะไรบางครั้งก็มีหันไปจุ๊บตอบเด็กมันบ้าง

    "พี่แทยอน"
    ร่างสูงขยับพลิกมาคร่อมร่างเล็กเท้าศอกลงกับเตียงขนาบใบหน้าใสของคนด้านล่างไว้ทั้งสองข้าง
    สายตาก็จับจ้องใบหน้าใสที่มองเธอกลับมาเช่นกัน แทยอนเลิกคิ้วเชิงให้เธอพูดต่อ
    "เมื่อไรเราจะเป็นแฟนกัน"
    ถามจบทั้งคู่ก็หัวเราะคิกคักไม่ได้จริงจังมาก ก็อย่างว่าแหละไม่เป็นก็เหมือนเป็นไปแล้ว
    มีอย่างที่ไหนไม่ได้เป็นแฟนกันแต่กอดหอมลูบจูบกันขนาดนี้
    แทยอนยกเรียวแขนโอบรอบคอคนด้านบนไว้แล้วจุ๊บเบาๆที่ปลายจมูกโด่งนั้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงเชิงยั่วๆถามเค้าไป
    "แล้วเธออยากเป็นหรือเปล่าล่ะ"
    ยุนอาเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้ว่าแทยอนแค่ถามกวนๆไปอย่างนั้นแหละ เธอก็แกล้งทำท่าครุ่นคิดนานๆหน่อย
    แต่ถ้าถามจริงๆจากความรู้สึกก็ต้องอยากอยู่แล้วแหละแหมตามจีบเค้ามาขนาดนี้แล้ว

    "ถ้าเป็นแล้วจะได้อะไรบ้าง"
    ก็เพราะเอาแต่ถามกวนกันไปกวนกันมาอยู่แบบนี้ไง ถึงได้ยังคลองสถาณะโสดกันอยู่ถึงทุกวันนี้
    แต่ถึงจะอย่างนั้นทุกอย่างมันก็ฟ้องหมดแล้วแหละว่าเราสองคนรู้สึกอย่างต่อกัน
    และถึงคำถามนั้นเธอจะอยากรู้คำตอบจริงๆของมันไม่น้อยแต่ก็ไม่เคยหวังมากเท่าไร
    "เอ้าถามได้ เป็นแล้วก็ได้แฟนสิ"
    นั่นไงแทยอนตอบอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆด้วย ว่าแล้วก็พองลมใส่แก้มให้คนอายุมากกว่าหมั่นไส้เล่น
    จนต้องดึงเธอลงไปหอมฟอดใหญ่ ยุนอาซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากผิวกาย
    แม้จะเคยผ่านเวลาแบบนี้กับแทยอนมากี่ครั้งหัวใจเธอก็ยังเต้นแรงขึ้นทุกครั้ง
    ยิ่งเวลาที่แทยอนพรมจูบเนิบนาบๆอยู่แถวๆลำคอเธอหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจนรู้สึกได้
    ไม่รู้ร่างเล็กจะได้ยินหรือเปล่าบางครั้งไรขนบนร่างก็ลุกชันเวลาที่แทยอนพ่นลมหายใจอุ่นๆใส่ใบหู
    ก่อนจะแนบกลีบปากตามลงมาและเล็มเบาๆช้าๆ ทำยังกับจะยั่วเธอให้ตบะแตกงั้นแหละ
    มีหลายครั้งที่เธอเผลอส่งเสียงครางเบาๆจนเค้าแซวกลับมาถึงได้รีบปิดปากเงียบทันที
    แล้วอย่างที่ผ่านๆอาจจะดูเหมือนแทยอนออกจะดูแรงๆนะออกตัวแรงรุกใส่เธอฝ่ายเดียวตลอดเลย
    แต่จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก เธอก็ยังไม่ค่อยกล้ารุกใส่เค้าเท่าไร ซุกไซร้ซอกคอเค้าบ้างแต่ไม่ให้มากจนเกินไป
    กลัวเค้าไม่พอใจเพราะอย่างว่าแหละแทยอนชอบเริ่มก่อนเองเสียมากกว่า

    "อยู่แบบนี้ทั้งคืนเลยได้มั้ย"
    ร่างสูงกระซิบแผ่วเบาข้างๆหูแทยอนหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะตอบว่าก็อยู่ไปสิ
    เสร็จแล้วก็ไล่พรมจูบไปตามลำคอเธอต่อไป มือเล็กก็ลูบไล้เนิบนาบไปทั่วแผ่นหลังเธอ
    จนยุนอาเริ่มรู้สึกถึงความปั่นป่วนในร่างกาย สักพักยุนอาก็ต้องพลิกตัวลงนอนข้างๆร่างเล็กจนได้
    "อ้าวไม่อยู่แล้วเหรอ" แทยอนหัวเราะร่วน
    "อยู่ต่อคงทนไม่ไหวอ่ะ"
    ยุนอาย่นจมูกใส่ แหมบอกว่าอยู่ไปสิแต่รุกเธอซะหนักเลย เห็นเธอเป็นพระอิฐพระปูนหรือไง
    เกิดเธอห้ามใจไม่ไหวขึ้นมาจริงๆใครจะรับผิดชอบเนี่ย
    "ทนอะไรเหรอคะยุนอาา"
    แทยอนคว้าร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆรั้งให้แนบชิดเข้ามา ยุนอาก็ได้แต่บ่นงุบงิบประมาณว่าก็รู้ยังจะถามอีก
    ร่างเล็กได้ยินก็ขำเล็กน้อย จริงๆแล้วเธอคิดว่าเธอคงชอบยุนอามากพอที่จะยอมให้เค้าได้แล้วล่ะ
    แต่ที่ยังไม่ยอมอยู่เนี่ยเพราะเธอคิดว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับคนที่เหมือนจะเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน
    ถึงจะยังไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแต่เธอก็ยังนิสัยเสียชอบไปยั่วไปอ่อยเค้าทุกที
    คิดแล้วถ้าเสียตัวก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

    นอนตะแคงกอดกันอยู่แบบนั้นเธอก็แกล้งถามร่างสูงไปว่าเวลามานอนกับเธอที่ชอบรีบกลับเนี่ยหวังอะไรหรือเปล่า
    ยุนอาหัวเราะแต่ก็แกล้งถามกลับว่า หวังอะไรล่ะ
    เธอก็เลยบอกว่าไม่รู้ สะบัดเสียงหน่อยๆ จนมันบอกมาว่าแค่ได้อยู่กับเธอก็มีความสุขแล้ว
    โดนแบบนี้คนถามก็เขินเลยไงถึงจะรู้ว่ามันแกล้งปากหวานใส่ไปงั้นแหละ
    แต่มันก็อดเขินไม่ได้อยู่ดีเลยแก้เขินด้วยการจุ๊บหนักๆลงไปที่ริมฝีปากมันนั่นแหละ
    หยอกกันอยู่ไม่นานแทยอนก็เอื้อมมือมาปิดโคมไฟที่หัวเตียง...

     

    From...Writer

     

    อั๊ยย๊ะ....ไม่รุ้จะแซวคู่ไหนดี ฮ่าๆๆ

    กว่าลูกธนูสีม่วง(โลโก้เรื่อง)จะได้เปิดตัวว่ามีอยู่ในเรื่อง

    ก็ปาไปแชปเจ็ดแล้ว งิงิ รอลุ้นกันต่อไปนะคะว่ามันจะเป็นของใคร หึหึ

    เป็นไงบ้างคะทิฟฟานี่นางเจ๋งไม่เบาเลยชิมิล่ะ

    สังเกตุดีดีว่าบีมพยามเขียนให้ความรู้สึกของตัวทิฟฟานี่ดูสับสนๆอ่านแล้วอาจจะงงได้

    แฮ่ แต่ตั้งใจให้นางสับสนอยู่แบบนั้นแหละว่านางจะชอบแทงกูจริงๆหรือแค่อยากเอาชนะเค้า

    แอร๊ยยย ยอมพลีกายขนาดนั้นแล้วน่ะเนอะ กร๊ากกกก

     

    ปล.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร

    แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่

     

    ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา

     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×