คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ۞ Amulet Classic ۞ [Chapter VII]
Chapter VII
"ไม่เห็นว่ะ ใครวะเช็คดูที"
ยูริเอ่ยอย่างหัวเสียพลางตะโกนบอกซฮยอนหลังจากที่วิ่งออกมาแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ
ก็ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากพวกผู้ชมที่ตื่นตระหนก
แทงกูเดิมาสะกิดไหล่ผายของเธอเบาๆพอหันไปก็เห็นว่าคนตัวเล็กนั้นส่ายหน้าหน้าช้าๆก่อนจะเอ่ย
"เขามาเพื่อเจอฉัน"
"ใครกัน คุณเห็นมันแล้วเหรอ"
ยูริหามาเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจก็เธอว่าเธอมองทั่วแล้วนี่ก็ไม่เห็นเจอไอ้ตัวก่อเรื่องเลย
แทงกูไม่ได้ตอบตอบอะไรเพียงแค่ชักปืนกระบอกเล็กออกมาจากเข็มขัดสีเงิน
ก่อนจะยกขึ้นชี้ไปยังทางด้านหน้าของเราทั้งคู่แล้วเหนี่ยวไกไปยังเป้าหมายที่เห็นโดยไร้ซุ่มเสียงใดๆ
ฟลุบ
"พวกนี้มองด้วย 'ตาเปล่า' ไม่เห็นหรอก"
คนตัวเล็กกว่าหันหน้ากลับไปพูดต่อจนจบก็เดินไปยังร่างของชายหนุ่มที่พึ่งปรากฎกายขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น
แทงกูยืนมองชายหนุ่มที่กำลังยันกายลุกขึ้นประจันหน้าเธอด้วยสีหน้าและแววเขาดูโกรธเกรี้ยวไม่เบาเลยทีเดียว
เมื่อตั้งหลักได้แล้วเพียงแค่วินาทีเดียวชายหนุ่มพุ่งตรงมายังร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งอย่างรวดเร็วครั้ง
แทงกูมองร่างใหญ่ที่พุ่งกายตรงมายังร่างของเธอไกปืนถูกเหนี่ยวไปอีกสองสามครั้งโดยไร้ซุ่มเสียงใดๆ
เธอเปลี่ยนไปใช้กระสุนธรรมดาที่ไร้พิษธาตุใดๆเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มบาดเจ็บมากจนเกินไป
ร่างสูงใหญ่ผงะไปอีกครั้งก่อนจะก้มลงมองร่างตัวเองที่เริ่มมีของเหลวสีแดงข้นไหลเยิ้ม
จนซึมออกมาจากชุดผ้าสีขาวของเขากลิ่นคาวของเลือดสดเริ่มกรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ
"ฉันไม่อยากมีเรื่องกับคุณ คุณกลับไปเถอะ"
แทงกูเอ่ยเสียงเรียบบรรยากาศรอบข้างมีเพียงความเงียบผู้คนส่วนมากกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะคงมีแค่ไม่กี่คนที่จะมองเห็นร่างของแทคยอนได้ถ้าเขาไม่ปรากฏกายออกมา
"ไม่!!ถ้าฉันยังเก็บแกไม่ได้แทงกู!!" ชายหนุ่มตวาดเสียงกราดเกรี้ยวที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นที่สุมอยู่ในอก
เขาเริ่มตั้งหลักเตรียมจะพุ่งตัวเข้าใส่แทงกูอีกครั้ง
"ฉันไปทำอะไรคุณถึงได้แค้นเคืองฉันนัก" แทงกูยังพูดอย่างใจเย็น จนชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
โดยทิ้งระยะห่างไว้เพียงศอกเดียว เขาก้มลงมองหน้าร่างเล็กและแทงกูก็เงยหน้ามองเขาอยู่เช่นกัน
เพราะปกติเธอไม่ได้เป็นศัตรูกับคนคนนี้ แล้วเธอก็ไม่เคยเข้าไปถากถางหรือทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจนี่
ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่รอฟังเหตุผล ไม่สิเธอจะไม่รอให้เขาได้มีโอกาสเผยร่างออกมาด้วยซ้ำ
"อาทิตย์ก่อนแกนอนกับใครมาล่ะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะเป็นของฉัน!"
ร่างใหญ่ตะคอกใส่หน้าคนตัวเล็กกว่าจบก็เหวี่ยงกำปั้นหนักๆใส่ใบหน้าของแทงกูเต็มแรง
จนร่างเล็กปลิวไปตามแรงเหวี่ยงและล้มกลิ้งกับพื้นพร้อมกับเสียงฮือฮาของบรรดาแฟนๆ
แทงกูกระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วยันกายลุกขึ้นมือเล็กก็ยกขึ้นมาใช้ปลายนิ้วปาดคราบเลือดสีแดงสดที่มุมปากออกลวกๆราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร
แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่เดิมตรงหน้าร่างสูงใหญ่อีกครั้ง
ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนเส้นเลือกปูดขึ้นจนทั่วใบหน้าคมไปถึงขมับ ครั้งที่แล้วเขาก็ยอมให้คนตัวเล็กนี่ไปแล้วครั้งนึงนะ
แต่เพราะตอนนั้นเขาเป็นคนที่มาทีหลังเอง แล้วคราวนี้เขามาก่อนและแทงกูก็ได้หญิงสาวคนนั้นไปหลังจากที่เขา...
ยิ่งได้ฟังเหตุผลของคนตัวโตแล้วมันยิ่งทำให้แทงกูไม่นึกอยากจะตอบโต้หรือสู้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
เพราะถ้าจะให้คนอย่างเธอต้องมามีเรื่องทะเลาะวิวาทรบราฆ่าฟันกับใครแค่เพราะเรื่องชู้สาวล่ะก็..
ให้เธอไปออกรบในสงครามโลกเสียยังจะดีกว่า
ยูริกับยุนอาแทบจะพุ่งเข้าไปสับร่างของชายหนุ่มให้แหลกเป็นชิ้นๆอยู่แล้วแต่ก็โดนโบอาและเจสสิก้าปรามไว้ก่อน
ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าสองคนนั้นจะห้ามพวกเธอทำไมแต่ทั้งคู่ก็ยอมหยุดแล้วยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
"ฉันเป็นของนายเหรอ นายแน่ใจเหรอแทคยอน และไอ้แผนบ้าๆของนายน่ะล้มเลิกมันไปได้แล้ว"
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างบางเดินนวยนาดออกมาจากทางด้านหลังของแทคยอน
ทิฟฟานี่เดินผ่านร่างของชายหนุ่มมาราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุ แล้วมาหยุดยืนอยู่ข้างๆร่างเล็ก
โดยที่ยังไม่หันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มไม่แม้เพียงปลายตามอง มือเรียวขยับเลื่อนไปสอดประสานเข้ากับมือของแทงกู
ที่ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เชิงให้ทุกคนรับรู้เข้าใจว่าเธอยอมเป็นของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้แล้วจริงๆ
แทคยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นทิฟฟานี่ทำอย่างน้ันเพราะมันไม่ได้ต่างอะไร
จากการยอมจำนนกายให้แทงกูเก็บไว้เป็น'สัตว์เลี้ยง'ดีดีเลยนะ อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่าจะได้เจอร่างบางในคืนนี้
แถมยังถูกถากถางหยามหน้ากันแบบนี้อีก เสียงฮือฮากรี๊ดกร๊าดดังขึ้นทันทีที่เห็นทิฟฟานี่ทำแบบนั้น
"ฉันน่ะ..เป็นของแทงกูต่างหากล่ะ"
สิ้นหวานร่างบางก็หมุนตัวหันกลับไปทางร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มและเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที
ปลายนิ้วเรียวก็สัมผัสเข้ากับขมับซ้ายของแทคยอนแผ่วเบา
ก่อนที่ร่างใหญ่ของเขาจะสิ้นสติและล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ร่างบางนั่นก็กลับมายืนข้างๆแทงกูเรียบร้อยแล้ว
"ไปโปรยเสน่ห์ไว้หรือไงแรงหึงหวงเขาถึงได้รุนแรงแบบนี้"
แทงกูเอ่ยอย่างไม่จริงจังพลางหันไปโบกมือส่งสัญญาณให้คนมาเก็บร่างใหญ่ของแทคส่งกลับไปในที่ที่เขาควรจะอยู่
ทิฟฟานี่ทองใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าที่มีรอยบวมช้ำเป็นรูปสันมืออย่างเห็นได้ชัด เธอทันเห็นวินาทีที่แทงกูกระเด็นไปกลิ้งอยู่กับพื้น
เพราะแรงจากหมัดของแทคยอน และภาพนั้นก็เล่นเอาเธอแทบอยากจะฉีกแทคยอนออกเป็นชิ้นๆ
โทษฐานที่บังอาจมาวุ่นวายกับ'เหยื่อหมายเลขหนึ่ง'ของเธอในตอนนี้
มือเรียวถูกยกขึ้นช้าๆหวังจะแตะไล้ไปยังรอยช้ำบนใบหน้าของเค้าแต่ร่างบางก็ต้องชะงักมือไว้ก่อนที่จะแตะสัมผัสผิวของแทงกูเสียอีก
"แทงกู!!ไหนเอาหน้ามาดูดิ๊"
เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจนทิฟฟานี่หันขวับมองไปยังต้นเสียงก็ได้เห็นว่าเจสสิก้ากำลังรีบวิ่งเข้ามาหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ได้สนใจอีกคนที่มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจอยู่...
เจสสิก้าไล้ปลายนิ้วลงบนใบหน้าของเพื่อนสาวเบาๆ ไม่นานรอยช้ำและบาดแผลก็หายไป
"ขอบใจ..เออนี่ทิฟฟานี่ เป็นใครไม่รู้ถามเอาเอง" แทงกูหันไปพูดกับเพื่อนรักยิ้มๆ
ก่อนจะเพยิดหน้าไปทางร่างบางที่ยืนกอดอกด้วยท่าทางหยิ่งยโสปลายตามองเพื่อนสาวเธออยู่
"ทำตัวให้มันดีดีหน่อยสิ นี่เจสสิก้า'เพื่อนสนิท'ฉัน"
แทงกูหันไปเอ่ยกับทิฟฟานี่น้ำเสียงเนือยๆพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองสาวนั้นทำความรู้จักกันเอาเอง
"ยัยนั่นมันยอมเป็นของคุณ?" ยูริเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อแทงกูเดินกลับเข้ามาในจุดพักแล้ว
"ไม่รู้สิที่แน่ๆฉันไม่ไว้ใจเค้า" แทงกูส่ายหน้าเล็กน้อยถอดหายใจออกมาเบาๆ
ยูริตวัดสายตากลับไปมองยังร่างบางทั้งสองที่ยืนคุยกันอยู่ ถ้าทิฟฟานี่ยอมเป็นของแทงกูก็เยี่ยมเลยสิ
ถึงแม้ว่าเธอจะยังมีเรื่องขุ่นเคืองต่อร่างบางอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็จะยอมมองข้ามมันไปให้ได้
ถ้าทิฟฟานี่ยอมเป็นของแทงกูจริงล่ะก็
ยุนอาที่ยืนมองอยู่ห่างๆกับซอฮยอนก็รู้สึกหนึบๆยังไงชอบกล
เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าหัวใจเธอรู้สึกแปลกๆเพราะอะไรทั้งๆที่เธอก็มีเพียงแค่แทยอน
แต่พอได้รู้เรื่องของแทงกูและทิฟฟานี่จู่ๆหัวใจมันก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนแทงกูและยุนอาแข่งจบแล้วด้วยผลตัดสินที่ผิดคาด
และยุนอาเองก็คิดว่าแทงกูไม่ได้เอาจริง
ผลถึงได้ออกมาเสมอกันได้ ชึ่งแทงกูก็พูดแค่ว่าเค้าทำดีที่สุดแล้ว แต่ยูริเองก็ยังรู้สึกไม่ต่างไปจากยุนอาเลย
ไม่รู้สิมันแปลกเกินไปที่ยุนอาจะเทียบเท่าแทงกูได้ แล้วสองพี่น้องก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่าแค่ถอนหายใจ
"วันนี้ฉันไม่ว่าง ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ" แทงกูเอ่ยขึ้นเมื่อร่างบางก้าวเข้ามาแนบชิดกายอย่างถือวิสาสะ
ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูรถสปอตคันหรูของตัวเองที่มีเจสสิก้านั่งอยู่ในนั้นรอเธอก่อนแล้ว
เพราะคิดว่าจะไปต่อกับพวกเยอนแทงกูจึงบอกให้คนมาเอารถของเจสสิก้ากลับไปก่อนเพราะเธออยากให้เจสสิก้านั่งไปกับเธอมากกว่า
แทงกูหันกลับไปมองใบหน้าเรียวสวยที่แสนถูกใจเธออีกครั้ง
"โธ่ แทงกูคะ คุณทิ้งให้ฉันคิดถึงคุณแทบแย่ พอฉันหาคุณเจอคุณกลับไม่ว่าง"
เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อแขนเรียวก็วาดโอบรอบคอคนตัวเล็กที่ยืนพิงรถคันหรูของเค้าอยู่นั้น
เธอซุกใบหน้าลงกับซอกคอเค้าสูดกลิ่นกายหอมๆจากผิวขาวๆนั้นแล้วพ่นลมหายใจอุ่นๆเป่ารดลำคอระหงของคนตัวเล็ก
ราวกับตั้งใจจะยั่วให้เค้าอยากจะไปกับเธอ..
และภาพนั้นก็เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างได้ไม่น้อย
แต่ส่วนมากทุกคนจะฮือฮาเพราะคิดว่าอีกไม่นานแทงกูต้องยิงทิฟฟานี่ทิ้งแน่ๆ
"อย่าได้คิดนะ ว่าติดGPSที่ตัวฉันได้เธอจะตามตัวฉันเจอ" ทิฟฟานี่ชะงักนิ่งไปเล็กน้อย...เค้ารู้ได้ไง
เธอไม่รู้จริงๆว่าแทงกูรู้ได้ไงว่าเธอกำลังจะติดGPSขนาดจิ๋วไว้บนร่างและรถของเค้า
เพราะที่ผ่านมาเธอมั่นใจว่าเธอโปรมากพอ เธอเคยใช้วิธีนี้มาหลายหนและกับใครหลายคนที่เธอจำต้องไปสืบเรื่องของบุคคลนั้นๆ
และก็ไม่มีใครเคยจับได้เลยแม้แต่คนเดียว
แต่เค้า..กลับรู้ก่อนที่เธอจะแตะปลายนิ้วที่มีGPSลงบนผิวกายเค้าเสียอีก
แทงกูจับร่างของทิฟฟานี่ให้ผละออกจากร่างเตัวเองสบลึกเข้าไปนัยน์ตาสีโลหะนั้น..
"ฉันคิดว่าเธอคงรู้นะว่าที่ฉันทำกับเธอมัน 'พิเศษ' กว่าคนอื่น เพราะงั้นอย่าทำให้ฉันต้องลดความ 'พิเศษ' นี้ลงไป เข้าใจไหม"
แทงกูกระซิบบอกเพียงแผ่วเบาราวก็บกลัวว่าใครจะได้ยิน
" ฉันคงอยากเจอคุณมากไป" ทิฟฟานี่เอ่ยทั้งที่ยังสบตากับเค้าอยู่อย่างนั้นเธอต้องทำให้เค้ารู้สึกให้ได้ว่าเธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ถึงจะรู้สึกแย่ๆอยู่บ้างที่คิดจะติดGPSไว้บนร่างเค้าและถูกจับได้ แต่เหตุผลที่ทำให้เธอคิดจะทำอย่างนั้นก็เพราะว่าเธออยากเจอเค้า
ไม่ได้คิดอย่ากจะสืบเรื่องเค้าเหมือนกับที่ทำกับคนอื่นๆที่ผ่านมา ร่างบางส่งสายตาเว้าวอนขอให้เค้าเห็นใจ
แทงกูกะตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะทาบริมฝีปากลงกับส่วนเดียวกันของอีกคนแล้วผละออก
"ไปได้แล้ว เพื่อนฉันรอนานแล้ว"
"อีกนิดสิคะ" ทิฟฟานี่ยังคงออดอ้อนแต่แทงกูกลับถอนหายใจออกมา
มือเล็กดันร่างของทิฟฟานี่ให้ถอยออกห่างจากตัวเอง แล้วหันกลับมาเปิดประตูก้าวขึ้นรถไปทันที
ปล่อยให้ทิฟฟานี่ยืนชี้หน้าเธออยู่ข้างนอกดูเค้าคงหมั่นไส้เธอมากเลยล่ะ
ว่าแล้วก่อนจะออกรถก็ส่งจุ๊บกวนๆพร้อมขยิบตาไปให้หน้าหวานต้องแทบต้องกรี๊ดใส่หน้าเธออีกครั้ง
"แปลกจังทำไมเธอเล่นกับคนนี้มากขนาดนี้" เจสสิก้าถามขึ้นหลังจากที่ออกรถมาสักพักแล้ว
เธอเห็นและได้ยินทุกอย่างที่แทงกูและทิฟฟานี่คุยกันเมื่อครู่และมันทำให้เธอก็อดแปลกใจไม่ได้
เพราะคนอย่างแทงกูคงไม่ยอมตามใจใครที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันได้มากขนาดนี้แน่
"ไม่รู้สิฉันว่าฉันชอบเค้านะ"
แทงกูหันมาตอบยิ้มๆ เธอว่าเธอชอบทิฟฟานี่ตั้งแต่แว๊บแรกที่เห็นเค้าเลยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเธอจะชี้เรียกเค้าทำไม
ไม่อย่างนั้นเธอจะปล่อยให้เค้ามีชีวิตอยู่จนมาเจอเธอในวันนี้ได้อีกเพื่ออะไร..
"จะดีเหรอทำแบบนี้น่ะ อีกอย่างเราก็ยังรู้ได้ไม่แน่ชัดด้วยว่าเค้าเป็น'ใคร'กันแน่"
เจสสิก้าเอ่ยด้วยสีหน้าดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้รู้สึกกังวลเรื่องผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้
ทั้งๆที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าแทงกูนั้นไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แต่มันก็อดคิดมากไม่ได้
"เธอคิดดูนะสิก้า..
ทิฟฟานี่น่ะ..สวยมากน่ารักมากและหน้าอกไม่ใหญ่มากบั้นท้ายก็เซ็กซี่แถมยังยั่วเก่งอีก ฉันหาเจอแล้วนี่ไง"
เจสสิก้าคิดตามที่แทงกูพูด เออหว่ะทิฟฟานี่ตรงตามความต้องการของแทงกูหมดทุกข้อ..
อย่างที่เธอเคยถามเค้าไปว่าชาติไหนจะหาเจอจริงๆด้วย เมื่อรู้แบบนั้นแล้วเจสสิก้าก็ไม่คิดจะห้ามอะไรแทงกูอีก
เพราะเข้าใจว่าร่างเล็กนั้นเพิ่งได้เจอกับคนในฝันที่หามานาน...
ซูยองและซันนี่ที่นั่งอยู่ในร้านซูดริ๊งเหมือนทุกวันตั้งแต่ที่ทั้งสองรู้จักกันเมื่อเดือนก่อน
พวกเธอก็พัธนาความสัมพันธ์จนสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็วจนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็สนิทกันอยู่มากพอตัว
เนื่องจากเป็นคนคุยเก่งเหมือนกันเลยทำให้ทั้งคู่นั้นมีเรื่องเม้าส์มอยกันอยู่ตลอด
"โอ๊ยยมดกัด"
เสียงแหลมดังขึ้นมาเสียบเข้าโสตประสาทให้ทั้งคู่ต้องหันไปมองยังต้นเสียง ร่างบางเดินนวยนาดเข้าร้านมานั่งข้างๆซูยอง
พอดีกับซันนี่ที่ขอตัวกลับก่อนเพราะสาวเจ้ามานั่งสิงห์อยู่ที่ร้านของซูยองตั้งแต่ก่อนเที่ยงจนตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว
ร่ำลากันอยู่ไม่นานสาวร่างเล็กก็เดินออกจากร้านไป
"ว่าไปนั่นแกอ่ะ ไอโฟนไหม้คามือแล้วมั้ง"
ซูยองเหลือบมองไอ้คนที่มันเปิดปากแซวชาวบ้านแล้วตัวมันเองน่ะนั่งยิ้มแก้มปริหัวเราะคิกคัก
อยู่กับไอโฟนแทบจะทุกเวลาซะงั้น เธอสังเกตว่าสเตฟานี่เป็นแบบนี้มาเดือนกว่าๆเห็นจะได้แล้วมั้ง
"คุยกับใครวะ" สงสัยจนต้องถามออกไปและก็ได้คำตอบมาว่าแฟนนางนั่นแหละถึงได้แปลกใจ
จะไม่ให้แปลกใจได้ไงล่ะก็ยัยนี่มันครองโสดมาเป็นปีแถมนานๆจะมีแฟนที มีได้ก็คบแป๊บๆแล้วก็เลิก
ทั้งๆที่มันก็สวยมากสวยแบบสวยไร้ที่ติซึ่งข้อนี้เธอเองก็ยอมรับ แต่มันดันไม่ชอบเข้าหาใครก่อน
แล้วปกติคนส่วนมากก็จะไม่กล้าเข้ามาจีบมัน
โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องจีบก็รู้ว่าไม่ติด ไม่ก็เค้าคิดว่ามันต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ และแฟนมันคงดุน่าดู
เอิ่มนั่นแหละที่มันจะพาเอาเพื่อเธอขึ้นคานตาย เลยอดอยากรู้เล็กๆไม่ได้ว่าใครกันเป็นผู้กล้าคนนั้นที่มาสอยมันไป
ว่าแล้วก็แย๊บๆมันไปแต่มันก็ไม่ยอมบอกสักที จนต้องพยามแย่งไอโฟนมันมานั่นแหละ
"เออๆ บอกก็ได้อีนี่ แต่แกห้ามโกรธฉันนะ ...เจสสิก้า"
สเตฟานี่หันไปถามเพื่อนร่างสูงก่อนรอจนมันยอมตกลงว่าจะไม่โกรธนั่นแหละถึงได้ยอมบอกมันไป
แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ ซูยองชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่สีหน้ามันจะแปลเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วยุ่งไปทั้งหน้าทันที
"ระวังเถอะแกจะซวยไปพร้อมกับยัยนั่น แกก็รู้อยู่นี่นั่นน่ะเป้าหมายสำคัญเลยนะเว่ย"
ซูยองตำหนิเพื่อนสาวออกมาอย่างเสียไม่ได้แต่ก็พยามพูดให้เสียงตัวเองเบาที่สุดเท่าทีจะทำได้
เธอก็ไม่ได้คิดจะกีดกันหรือไม่พอใจอะไรอยู่แล้วไม่ว่าเพื่อนสาวเธอนั่นจะคบกับใคร
เพียงแค่เธอเป็นห่วงร่างบางนี่ก็เท่านั้น
"ก็ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรหรอก แต่มันคงเป็นเพราะฉันไม่มีใครมานานมั้งก็เลยเผลอใจไป"
ทั้งทีความจริงมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะทั้งที่รู้ว่าเป็นเจสสิก้าความจริงเธอน่าจะปัดความสัมพันธ์ไปตั้งแต่แรก
เธอไม่ควรปล่อยให้เราได้รู้จักกันจนรักกันจริงๆแบบนี้
ซูยองถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เธอเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้
แต่ต่อไปเธอควรจะทำอย่างไรดีถ้าอีกฝั่งนั้นมีเพื่อนเธอได้แต่คิดวนไปวนมาอยู่แค่นั้น
แล้วอย่างนี้เธอจะทำยังไงกับเพื่อนสาวคนนี้ของเธออย่างไรกันดีล่ะ
"เฮ่ย..แกอย่าคิดมากดิ ฉันไม่เป็นไรหรอก"
"แกจะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไงวะ แกเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉันที่ยังมีชีวิตอยู่
แล้วตอนนี้แฟนแกก็เป็นศัตรูของบอสฉัน"
เพราะแบบนี้มันก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับต้องเลือกระหว่างตัวเองกับเพื่อนเลยจริงไหมล่ะ
"งั้นฉันถามแกอย่างนึง สมมุตินะว่าบอสแกตาย แกจะทำไงวะ"
"คงทำเหมือนแกมั้ง"
สเตฟฟานี่พยักหน้าเล็กน้อย กลับไปนึกถึงเรื่องตัวเองแล้วก็อดใจหายไม่ได้
ลีจุนผู้เก่งกาจจนไม่ใครที่สามารถโค่นเขาลงได้ไม่ว่าจะสู้รอบครั้งแล้วครั้งเล่าเขาก็ยังเป็นผู้รอดชีวิต
จนอยู่มาวันนึงยูริประกาศกร้าวว่าจะโค่นลีจุนให้ได้ชายหนุ่มจึงสนองให้โดยการนัดแนะเวลาลาและสถานที่ไป
ในตอนนั้นเธอคิดว่าทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างจากเธอเท่าไร ว่ายูรินั้นเกิดบ้าอะไรขึ้นมาดูดีไม่ว่าดี
ถึงได้ป่าวประกาศออกมาอย่างนั้น
ลีจุนให้เธอและลูกน้องอีกสี่ห้าคนติดตามไปด้วย ทั้งที่จริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นเท่าไร
เมื่อถึงจุดนัดหมายที่คล้ายๆจะเป็นป่าก็ไม่เชิงคล้ายๆจะเป็นลายกว้างๆ
แต่มันไกลออกมาจากตัวเมืองมากพอที่แถวระแวกนี้จะไม่มีบ้านคนหรือที่พักอาศัยอยู่เลย
พวกเราจึงเรียกที่นี่ว่า แบทเทิ้ลคิง ซึ่งใช้ในการท่าประลองตัวต่อตัวกันนั่นแหละ
มองไปรอบๆแล้วก็พบว่ายูริมากับผู้หญิงอีกสองคนเท่านั้น
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินตรงไปยังกลางลานกว้างพร้อมกับร่างเพียวของยูริที่หยุดยืนประจันหน้าเขา
หลังจากนั้นคนของยูริชูปืนขึ้นสุดแขนเป็นสัญญาให้ทั้งคู่เตรียมพร้อม
ปัง!!
ทั้งสองคนพุ่งกายพรวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว เริ่มมาลีจุนก็บุกหนักรัวกำปั้นหนามใส่ร่างเพียวของยูริไม่ยั้ง
จนเห็นได้ชัดว่าเกิดรอยแดงช้ำไปทั่วทั้งหน้าท้องไหล่ผายและใบหน้า บางจุดก็มีเลือดซึมออกมาบ้าง
เธอคิดว่าบอสของเธอคงไม่อยากจะเสียเวลามากนักถึงได้รัวฟาดเอาฟาดเอาใส่ราวกับยูริเคยไปฆ่าพ่อเขางั้นแหละ
แต่ยูริก็ยังสวนสนับมือใส่ใบหน้าคมไปสองสามที แต่ส่วนมากจะเบี่ยงตัวหลบหมัดของชายหนุ่มมากกว่า
"นั่นมันหมดแรงแล้วหรือไงกัน"
ผ่านไปครู่นึงสเตฟฟานี่ก็พูดออกมาลอยๆแต่ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้วยกันก็เออออเห็นด้วยกับเธอ
ก็ดูแล้วแทบนับได้เลยมั้งว่ายูริปล่อยหมัดใส่ลีจุนไปกี่ครั้ง
แล้วตอนนี้ร่างเพียวนั้นก็กำลังทำตัวเป็นกระสอบทรายให้บอสของเธออยู่
"จบเลยแล้วกัน ฉันไม่อยากเสียเวลาแล้ว"
พูดจบลีจุนก็ชักมีดออกมาแล้วพุ่งไปยังร่างเพียวทันทีหวังจะใช้คมมีดเสียบแทงเข้าที่ลำคอระหง
เคร้ง!
"ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ" ยูริรับคมมีดทั้งสองของลีจุนไว้ด้วยสนับมือ
ก่อนจะเหวี่ยงท่อนขาฟาดรองเท้าหนังสีเข้มฝังโลหะเข้าไปที่ใบหน้าของลีจุนเต็มแรง
ร่างสูงใหญ่ถลากลิ้งไปกับพื้น แต่แค่นั้นไม่อาจทำให้ลีจุนสะทกสะท้านได้
เขาลุกขึ้นแล้วพุ่งปลายแหลมคมของอาวุธที่ถืออยู่เข้าหายูริอีกครั้ง
ร่างเพียวใช้ไหวพริบที่มากล้นเบี่ยงหลบอาวุธของอีกฝ่ายอย่างว่องไว เธอจับทางการจู่โจมของชายหนุ่ม
ด้วยการหลอกให้เขาบุกจู่โจมเข้าหาเธอ จากที่หลบได้เริ่มจะกลายเป็นหลบแบบสบายๆ
แถมยังเริ่มสวนหมัดเหล็กใส่เขาได้อีก คราวนี้ร่างเพียวเริ่มโต้ตอบการจู่โจมอีกฝ่าย
ด้วยการฟาดสนับโลหะลงบนท่อนแขนที่เขาพุ่งมา จนลีจุนเริ่มเปลี่ยนการจู่โจมใหม่
เทคนิคการเคลื่อนไหวจึงถูกนำมาใช้ ร่างของชายหนุ่มแว๊บไปแว๊บมาจนเธอเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาอยู่จุดไหน
เสี้ยววินาทีเดียวที่เขามาหยุดตรงหน้าเธอในระยะประชิด ปลายแหลมของมีดสั้นเสียบเข้าที่เอวบางทั้งสองข้าง
แล้วถูกชักกลับออกไปพร้อมกับของเหลวสีแดงข้นไหลหยิ้มออกมาจากบาดแผล
ก่อนจะที่ร่างสูงใหญ่จะพุ่งคมมีดกลับมายังร่างเพียวอีกครั้ง
ซึบ!!
ร่างสูงใหญ่นั้นชะงักนิ่งไปก่อนที่คมมีนั้นจะสะกิดโดนหน้าท้องเธอเสียอีก
และเพียงอึดใจเดียวที่เธอเงยหน้ามองใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังจะล้มลง
แต่แล้วเธอต้องเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีศรธนูปริศนาพุ่งตรงมายังร่างเธออีกสองสามครั้ง
"เฮ่ยใครวะ เบรกก่อนมั้ยเขาหมดสติไปแล้ว ยุนอาตามมันไป ลากคอมันมาให้ได้"
หลังจากศรธนูอีกสามดอกปักลงยังพื้น ยูริเอ่ยบอกฝั่งของลีจุน ก่อนจะหันกลับไปสั่งน้องสาวของเธอ
หญิงสาวร่างสูงเพียวที่ดูคล้ายคลึงกับยูริจึงรีบพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของผู้เป็นพี่
สเตฟฟานี่และลูกน้องรีบปรี่เข้ายังร่างของชายหนุ่มที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น
เมื่อครู่เธอศรธนูสีม่วงเสียบเข้าที่ต้นคอด้านหลังของเขา
แต่ตอนนี้มัน...ไม่มี!! มันหายไปไหนแล้วแต่เธอไม่คิดหรอกว่าลีจุนจะเป็นอะไร เพราะหนักกว่านี้เขาก็ผ่านมาแล้ว
ยูริเดินไปดูยังจุดที่เคยมีลูกธนูปักอยู่เมื่อครู่มันก็หายไปแล้วเช่นกัน
ร่างเพียวขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ที่อยู่ๆมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
"นั่นคนของใครกัน" สเตฟฟานี่ก้าวเข้ามาใกล้ร่างเพียวหลังจากที่สั่งลูกน้องให้พาร่างของบอสไปพักดูอาการที่รถ
"ไม่รู้สิแต่มันพยามยิงฉันเหมือนกัน"
ยูริหันกลับมาสบตาเข้ากับเธอพยักหน้าเล็กน้อย เพราะตอนที่เค้าพยามหลบเธอก็เห็นอยู่เหมือนกัน
จะว่าเป็นการเล่นละครตบตาสีหน้าของยูริตอนที่เห็นลูกธนูนั้นก็คงจะแนบเนียนเกินไปแล้วมั้ง
อีกอย่างถ้ามันเป็นคนของยูริจริงคงมันคงไม่เสี่ยงจะยิงติดต่อกันจนยูริแทบหลบไม่ทันขนาดนั้นหรอกมั้ง
เพราะถ้าร่างสูงหลบไม่ทันลูกธนูนั่นคงปักเข้าที่กลางหน้าผากเค้าเลยล่ะ แต่เรื่องลูกธนูสีม่วงนี่มันก็เคยมีมาหลายหนแล้วนะ
ทำไมถึงยังไม่มีใครตามหาตัวเจ้าของมันเจอสักทีล่ะจะรอให้มันใช้วิธีสกปรกแบบนี้ตามเก็บใครต่อใครไปง่ายๆงั้นเหรอ...
"คุณสเตฟ!! บอสไม่หายใจแล้วครับ"
เสียงลูกน้องคนนึงดังขึ้น ร้อนถึงหญิงสาวต้องรีบวิ่งไปยังรถตัวเองก่อนจะรีบออกรถไปทันที
"อีสเตฟว้อย!!!"
"อ่ะ หะ..ฮ๊ะ อะไร จะเสียงดังทำไมเล่า"
"ฉันเรียกแกไปร้อยรอบแล้วมั้ง แกก็ยังเหม่อเนี่ย คิดอะไรอยู่วะ อย่าบอกนะว่าคิดถึงนังนั่นอ่ะ"
"ไม่ไช่เว่ย ฉันแค่นึกถึงวันที่บอสตายต่างหาก แกเชื่อปะจนถึงวันนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของลูกธนูนั่นอ่ะ"
หลังจากที่บอสตายไปสเตฟฟานี่และลูกน้องคนอื่นๆก็ตั้งใจไว้ว่าจะสืบหาให้คนคนนั้นให้พบ
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะคืบหน้าเลยทุกคนจึงตัดสินใจแยกทางกัน และเธอก็อยู่ตัวคนเดียวมาจนถึงตอนนี้
เพราะเธอยังไม่อยากผูกพันธะตัวเองไว้ในสังกัดใครสังกัดนึง
ซูยองตบไหล่เพื่อนสาวเบาๆเชิงให้กำลังใจเพราะจริงๆข่าวเรื่องลีจุนกับลูกธนูนั่นก็ดังอยู่พักนึงเลย
ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานอะไรว่ามีลูกธนูนั่นด้วยซ้ำ และเหตุการณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นเสียเมื่อไร
แต่มันทิ้งช่วงไปนานมากแล้วต่างหากพอกลับมามีอีกผู้คนก็ฮือฮากัยกใหญ่
"พี่แทยอนนน"
แทยอนหันไปเลิกคิ้วมองใบหน้าดูดีที่กำลังออดอ้อนคลอเคลียอยู่ไม่ห่างให้เธอเดามันคงจะขออะไรสักอย่างแน่ๆ
"พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน" นั่นไงคิดแล้วไม่มีผิด ปกติแล้วยุนอาก็ชอบชวนเธอออกไปขับรถเล่นตอนเย็นบ่อยๆ
ไปหามื้อค่ำกินบ้างบางครั้งก็ไปเดินช็อปปิ้ง แต่ส่วนมากกินข้าวเสร็จแทยอนก็มักจะชวนกลับบ้านเลยมากกว่า
ถ้าเป็นวันธรรมดาน่ะนะ เพราะเธอไม่อยากให้ยุนอาเสียการเรียน นี่ก็จะจบอยู่แล้ว
เธอก็อยากให้เค้าเรียนไปให้มันจบๆไปซะต่อไปอยากจะทำอะไรก็จะได้ทำได้ตามใจต้องการ
แต่ถ้าเป็นวันหยุดก็ตามใจเด็กมันหน่อย มันอยากไปเดินเล่นช็อปปิ้งกินไอติมหรือดูหนังก็ไปกับมัน
อ่า..เหมือนแฟนกันใช่มั้ยล่ะแต่อย่าเพิ่งเหมาว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะยังหรอก
ยุนอาและแทยอนยังคงสถานะโสดแปะอยู่กลางหน้าผากถึงแม้ว่าการกระทำบางอย่างมันอาจจะเกินเลยกันไปเยอะแล้วก็ตาม
อย่างแบบจูบกันดูดดื่มแลกลิ้นกันนอนด้วยกันก็คลอเคลียลูบไล้ซุกไซร้ซอกคอแนบชิดกันไปเรื่อย
แต่เรายังไม่ได้มีอะไรกันนะ ถึงแทยอนจะยั่วจะอ่อยยุนอามากแค่ไหน
แต่ยุนอาก็ไม่เคยได้แตะต้องจุดสงวนของเธอเลยแม้แต่น้อยและวันนี้ก็เป็นอีกวัน
ที่เราออกมานั่งกินข้าวในร้านบรรยากาศเงียบๆสบายๆเป็นส่วนตัว กินอิ่มแล้วก็นั่งคุยกันต่ออยู่ไม่นาน
ร่างสูงก็ขอมานอนกับเธออีกซึ่งก็ไม่แปลกอะไร แต่เธอก็ไม่ได้อ่อนข้อจนให้เค้ามานอนด้วยบ่อยๆหรอก
อาจจะอย่างมากก็สัปดาห์ละสองคืนอะไรแบบนั้นหรือถ้าช่วงไหนที่เธอต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด
เธอก็จะละไว้ในฐานที่เข้าใจเพราะเธอก็คิดถึงเค้าเหมือนกันบางทีเธอก็ต้องไปหลายวันติดกันอะไรแบบนั้น
ก็ไม่ได้เจอหน้ากันอาจจะมีคุยแอปคุยสไกด์กันบ้างแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้หายคิดถึงไปเสียเท่าไร
ระหว่างขับรถกลับยุนอาก็โทรบอกยูริว่าคืนนี้จะไม่กลับไปนอนบ้าน พี่สาวปากร้ายก็โวยวายๆ
อีกเหมือนทุกครั้งแต่ก็ยังอนุญาตินั่นแหละ ช่วงหลังๆมานี้รู้สึกว่ายูริจะเริ่มวางใจมากขึ้นเยอะแล้ว
ที่จะให้ยุนอามาอยู่กับเธอและดูเหมือนที่โวยวายอยู่นั่นก็เพราะยูริบอกให้ยุนอาพาเธอไปให้เจอบ้าง
ไปกินข้าวด้วยกันบ้างเชิงประมาณว่ามึงช่วยเอาน้องสะใภ้มาเปิดตัวทีเถอะอะไรแบบนั้น
และไอ้เด็กดื้อนี่มันก็ยังไม่ยอมท่าเดียวเลยพอเธอถามว่าทำไมมันก็ตอบแค่ว่ามันหวง
ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะหวงอะไรขนาดนั้น
ก็แค่ไปเจอทักทายกันหรือเรียกว่าทำความรู้จักกันใหม่น่าจะเข้ากว่า เพราะนั่นมันก็ผ่านมานานเกินไปแล้ว
ที่เธอกับยูริเคยเป็นเพื่อนกัน ยุนอาบอกยูริแค่ว่าคนที่จีบน่ะชื่ออะไรแต่ยังไม่บอกว่าคือใคร
แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ว่ายูริไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงอะไรเลย ก็คงลืมไปแล้วเหมือนตอนแรกที่เธอกับยุนอาเจอกันนั่นแหละ
กลับมมาถึงบ้านไอ้เด็กร่างสูงก็วิ่งจู๊ดขึ้นห้องเธออย่างเร็ว
ทำยังกะบ้านตัวเองงั้นแหละเดินตามมันเข้าห้องมาก็แขวะมันไปหน่อยว่ากลัวเธอเปลี่ยนใจหรือไง
มันก็หัวเราะแล้วพยักหน้าใส่ เธอเลยถามมันไปอีกว่ากลัวไม่ได้นอนหรือไงมันก็ครางตอบอือ
เธอเลยบอกมันกลับไปว่างั้นรีบอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานอนเลยนะไม่ต้องมายุ่งกับเธอก่อนนอน
เด็กมันก็งุงงิงๆอยู่แป๊บนึงก็โดนเธอไล่ให้ไปอาบน้ำ มันยังจะมีหน้าชวนเธอไปอาบด้วยอีกแหน่ะ
เลยทำท่าจะส่งหมอนไปแทน มันก็หัวเราะคิกคักชอบใจแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
จนถึงทุกวันนี้แทยอนก็ยังไม่เลิกแซวว่ายุนอาวิ่งผ่านน้ำแล้วก็จะแกล้งทำท่าไม่อยากเข้าใกล้
ก็แหมอาบน้ำบ้าอะไรของมันไม่ถึงสิบนาทีมันก็เห็นเดินออกมาและ
แต่เธอเนี่ยล่อไปครึ่งชั่วโมงกว่าเลยมั้ง บ้างทีก็นึกอยากรู้นะว่ามันอาบยังไงของมันถึงได้เร็วขนาดนั้น
เพราะเธอเคยลองอาบแบบรีบๆแล้วก็ยังเกินสิบนาทีอยู่ดี
อยากจะถามมันนะว่ามันอาบยังไงพอมาคิดๆดูแล้วไม่ถามดีกว่าเดี๋ยวมันจะบอกให้ไปอาบด้วยอีก
พออาบน้ามเสร็จก็มานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง นี่ก็เพิ่งจะสองทุ่มอยู่เลยแล้วปกติก็เป็นแบบนี้แหละ
พอวันไหนมันได้มานอนด้วยมันก็จะรีบๆกลับแต่ถ้าวันไหนเมันไปนอนบ้านมันก็จะวนรถไปวนรถมาโอ้เอ้อยู่นั่นแหละ
จนเธอจะหลับบนรถอยู่แล้วสุดท้ายก็เข้าบ้านสามทุ่มกว่าสี่ทุ่มทุกที
อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆจนยุนอาก็เริ่มจะรู้ใจเธอมากขึ้นเยอะเลย ไม่ค่อยมีชะงักนิ่งเอ๋อเหมือนช่วงแรกๆแล้ว
อีกอย่างเธอเองก็เริ่มจะอ่อนลงไปจากเดิมมากอยู่พอสมควร
อย่างบางทีอยู่ๆไอ้เด็กตัวสูงนั่นมันก็มาขโมยหอมแก้มเธอบ้างแหละจุ๊บปากเธอบ้างแหละ
ถ้าอยู่ในที่ลับตาคนเธอก็จะไม่ว่าอะไรบางครั้งก็มีหันไปจุ๊บตอบเด็กมันบ้าง
"พี่แทยอน"
ร่างสูงขยับพลิกมาคร่อมร่างเล็กเท้าศอกลงกับเตียงขนาบใบหน้าใสของคนด้านล่างไว้ทั้งสองข้าง
สายตาก็จับจ้องใบหน้าใสที่มองเธอกลับมาเช่นกัน แทยอนเลิกคิ้วเชิงให้เธอพูดต่อ
"เมื่อไรเราจะเป็นแฟนกัน"
ถามจบทั้งคู่ก็หัวเราะคิกคักไม่ได้จริงจังมาก ก็อย่างว่าแหละไม่เป็นก็เหมือนเป็นไปแล้ว
มีอย่างที่ไหนไม่ได้เป็นแฟนกันแต่กอดหอมลูบจูบกันขนาดนี้
แทยอนยกเรียวแขนโอบรอบคอคนด้านบนไว้แล้วจุ๊บเบาๆที่ปลายจมูกโด่งนั้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงเชิงยั่วๆถามเค้าไป
"แล้วเธออยากเป็นหรือเปล่าล่ะ"
ยุนอาเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้ว่าแทยอนแค่ถามกวนๆไปอย่างนั้นแหละ เธอก็แกล้งทำท่าครุ่นคิดนานๆหน่อย
แต่ถ้าถามจริงๆจากความรู้สึกก็ต้องอยากอยู่แล้วแหละแหมตามจีบเค้ามาขนาดนี้แล้ว
"ถ้าเป็นแล้วจะได้อะไรบ้าง"
ก็เพราะเอาแต่ถามกวนกันไปกวนกันมาอยู่แบบนี้ไง ถึงได้ยังคลองสถาณะโสดกันอยู่ถึงทุกวันนี้
แต่ถึงจะอย่างนั้นทุกอย่างมันก็ฟ้องหมดแล้วแหละว่าเราสองคนรู้สึกอย่างต่อกัน
และถึงคำถามนั้นเธอจะอยากรู้คำตอบจริงๆของมันไม่น้อยแต่ก็ไม่เคยหวังมากเท่าไร
"เอ้าถามได้ เป็นแล้วก็ได้แฟนสิ"
นั่นไงแทยอนตอบอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆด้วย ว่าแล้วก็พองลมใส่แก้มให้คนอายุมากกว่าหมั่นไส้เล่น
จนต้องดึงเธอลงไปหอมฟอดใหญ่ ยุนอาซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากผิวกาย
แม้จะเคยผ่านเวลาแบบนี้กับแทยอนมากี่ครั้งหัวใจเธอก็ยังเต้นแรงขึ้นทุกครั้ง
ยิ่งเวลาที่แทยอนพรมจูบเนิบนาบๆอยู่แถวๆลำคอเธอหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจนรู้สึกได้
ไม่รู้ร่างเล็กจะได้ยินหรือเปล่าบางครั้งไรขนบนร่างก็ลุกชันเวลาที่แทยอนพ่นลมหายใจอุ่นๆใส่ใบหู
ก่อนจะแนบกลีบปากตามลงมาและเล็มเบาๆช้าๆ ทำยังกับจะยั่วเธอให้ตบะแตกงั้นแหละ
มีหลายครั้งที่เธอเผลอส่งเสียงครางเบาๆจนเค้าแซวกลับมาถึงได้รีบปิดปากเงียบทันที
แล้วอย่างที่ผ่านๆอาจจะดูเหมือนแทยอนออกจะดูแรงๆนะออกตัวแรงรุกใส่เธอฝ่ายเดียวตลอดเลย
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก เธอก็ยังไม่ค่อยกล้ารุกใส่เค้าเท่าไร ซุกไซร้ซอกคอเค้าบ้างแต่ไม่ให้มากจนเกินไป
กลัวเค้าไม่พอใจเพราะอย่างว่าแหละแทยอนชอบเริ่มก่อนเองเสียมากกว่า
"อยู่แบบนี้ทั้งคืนเลยได้มั้ย"
ร่างสูงกระซิบแผ่วเบาข้างๆหูแทยอนหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะตอบว่าก็อยู่ไปสิ
เสร็จแล้วก็ไล่พรมจูบไปตามลำคอเธอต่อไป มือเล็กก็ลูบไล้เนิบนาบไปทั่วแผ่นหลังเธอ
จนยุนอาเริ่มรู้สึกถึงความปั่นป่วนในร่างกาย สักพักยุนอาก็ต้องพลิกตัวลงนอนข้างๆร่างเล็กจนได้
"อ้าวไม่อยู่แล้วเหรอ" แทยอนหัวเราะร่วน
"อยู่ต่อคงทนไม่ไหวอ่ะ"
ยุนอาย่นจมูกใส่ แหมบอกว่าอยู่ไปสิแต่รุกเธอซะหนักเลย เห็นเธอเป็นพระอิฐพระปูนหรือไง
เกิดเธอห้ามใจไม่ไหวขึ้นมาจริงๆใครจะรับผิดชอบเนี่ย
"ทนอะไรเหรอคะยุนอาา"
แทยอนคว้าร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆรั้งให้แนบชิดเข้ามา ยุนอาก็ได้แต่บ่นงุบงิบประมาณว่าก็รู้ยังจะถามอีก
ร่างเล็กได้ยินก็ขำเล็กน้อย จริงๆแล้วเธอคิดว่าเธอคงชอบยุนอามากพอที่จะยอมให้เค้าได้แล้วล่ะ
แต่ที่ยังไม่ยอมอยู่เนี่ยเพราะเธอคิดว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับคนที่เหมือนจะเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน
ถึงจะยังไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแต่เธอก็ยังนิสัยเสียชอบไปยั่วไปอ่อยเค้าทุกที
คิดแล้วถ้าเสียตัวก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
นอนตะแคงกอดกันอยู่แบบนั้นเธอก็แกล้งถามร่างสูงไปว่าเวลามานอนกับเธอที่ชอบรีบกลับเนี่ยหวังอะไรหรือเปล่า
ยุนอาหัวเราะแต่ก็แกล้งถามกลับว่า หวังอะไรล่ะ
เธอก็เลยบอกว่าไม่รู้ สะบัดเสียงหน่อยๆ จนมันบอกมาว่าแค่ได้อยู่กับเธอก็มีความสุขแล้ว
โดนแบบนี้คนถามก็เขินเลยไงถึงจะรู้ว่ามันแกล้งปากหวานใส่ไปงั้นแหละ
แต่มันก็อดเขินไม่ได้อยู่ดีเลยแก้เขินด้วยการจุ๊บหนักๆลงไปที่ริมฝีปากมันนั่นแหละ
หยอกกันอยู่ไม่นานแทยอนก็เอื้อมมือมาปิดโคมไฟที่หัวเตียง...
From...Writer
อั๊ยย๊ะ....ไม่รุ้จะแซวคู่ไหนดี ฮ่าๆๆ
กว่าลูกธนูสีม่วง(โลโก้เรื่อง)จะได้เปิดตัวว่ามีอยู่ในเรื่อง
ก็ปาไปแชปเจ็ดแล้ว งิงิ รอลุ้นกันต่อไปนะคะว่ามันจะเป็นของใคร หึหึ
เป็นไงบ้างคะทิฟฟานี่นางเจ๋งไม่เบาเลยชิมิล่ะ
สังเกตุดีดีว่าบีมพยามเขียนให้ความรู้สึกของตัวทิฟฟานี่ดูสับสนๆอ่านแล้วอาจจะงงได้
แฮ่ แต่ตั้งใจให้นางสับสนอยู่แบบนั้นแหละว่านางจะชอบแทงกูจริงๆหรือแค่อยากเอาชนะเค้า
แอร๊ยยย ยอมพลีกายขนาดนั้นแล้วน่ะเนอะ กร๊ากกกก
ปล.สำหรับเรื่องคำผิดนะคะยังมีอยู่อีกเยอะแยะ 5555+ บางคำบีมก็ตั้งใจใช้วิบัติเพื่อสื่อถึงอารมณ์ตัวละคร
แต่บางคำก็อาจจะพลั้งมือพิมพ์ผิดไป 555+ ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ แฮ่
ขอให้มีความสุขกับฟิคร่าา
ความคิดเห็น