ตอนที่ 6 : Special Part : #พยูนเกยเต้ EP09 [JOYLADA]
Special Part EP09 : พยูนเกยเต้
วันนี้เป็นวันหยุดที่แสนจะพิเศษสำหรับผม เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีเป็นสปอนเซอร์พาผมออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่อ่าวมะนาว ซึ่งเขาคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลหรอกครับ
แต่คือพี่พยูนสุดแสว๊กแก๊กของทุกคนไงครับ
ไม่ได้อยากจะอวดนะครับ แต่มากับพี่พยูนนี่เหมือนมากับทัวร์ระดับworld classเลยอ่ะ เลี้ยงดีมากตั้งแต่กาแฟราคาแพงยันซีฟู้ดในร้านอาหารสุดหรู เรียกได้ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยมาแต่ตัวก็อิ่มได้
“อิ่มม่ะ?”
ผมถามคนพี่ที่นั่งพุงกางอยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากเราทั้งคู่พึ่งจัดการกับอาหารซีฟู้ดที่เคยเรียงรายเป็นหน้ากระดานหมดในชั่วพริบตา
“ไม่อิ่มก็ไม่ใช่คนละว่ะ”
พี่พยูนพูดพลางตบพุงน้อยๆของตัวเองไปด้วย ผมมองท่าทีคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะหยิบกล้องCannon Eos5D คู่ใจของตัวเองขึ้นมาเก็บภาพพี่เขาไว้
นี่น่ะเหรอพ่อคนแสว๊ก?
พอได้มาเที่ยวกับพี่เขาทั้งวันแบบนี้ ทำให้ผมได้รู้ว่าพี่พยูนคนแสว๊กจอมถ่อยนะมันเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น เพราะตัวตนที่แท้จริงของพี่เขา
คือพี่พยูนคนน่ารักต่างหาก
ท่าทางต่างๆของพี่พยูนมักจะเรียกรอยยิ้มจากผมได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆนั่นตั้งใจดูดอเมริกาโน่จนเหมือนกับว่าเจ้าตัวกำลังทำปากจู๋ หรือว่าจะเป็นตอนที่ริมฝีปากน่ารักนั่นบ่นผมตลอดทางที่เจ้าตัวขับรถ เพียงเพราะผมทำหน้าพี่เขาเลอะตอนป้อนขนมให้ทาน
ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมให้ป้อนต่อ
แบบนี้ถ้าไม่ใช่คำว่า ‘น่ารัก’
แล้วจะให้ใช้คำไหนนิยามครับ?
“พี่”
“หือออ?”
“ผมอยากไปทะเลแล้วอ่ะ”
ผมน่ะอยากจะเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลจะแย่อยู่แล้ว
“รออีกแปบ ตอนนี้ร้อน”
ผมถึงกับส่ายหัวเบาๆ เพราะผมน่ะรู้ทันพี่เขาดีไงครับว่า ไอคำว่าร้อนของพี่เขาน่ะ มันเป็นแค่ข้ออ้างเพราะความจริงแล้วพี่พยูนเขา
“ร้อนหรือพี่ขี้เกียจกันแน่ครับ”
ขี้เกียจครับ ! ผมตอบแทนให้
“มึงแหกตาดูแดดบ้างไอเต้”
“……..”
“ออกไปเล่นตอนนี้นะ ผิวมึงไหม้แน่”
คำพูดห้วนๆของพี่พยูนทำเอาผมหน้ายู่และเริ่มทำตัวงอแง หยิบกล้องขึ้นมาเช็คภาพที่พึ่งถ่ายไปวันนี้ทั้งหมด นั่งนิ่งไม่พูดไม่จากับอีกฝ่าย แต่จะว่าไปพอได้มาเช็คกล้องแบบนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าวันนี้เมมกล้องผมไม่มีรูปอะไรเลย
นอกจากรูปของพี่ยูน
ไม่ว่าจะเป็นรูปตอนที่พี่พยูนตั้งใจโพสท่ากวนๆ ที่เจ้าตัวยังบอกว่าเป็นท่าโพสแบบคนมีสไตล์เขาทำกัน หรือจะเป็นตอนที่เจ้าตัวทำหน้าง่วงและนั่งหลับปุ๋ยในร้านกาแฟ
ทุกกิริยาบทของพี่ตัวเล็ก ผมถ่ายเก็บไว้ได้เกือบทั้งหมด
แต่พอได้ยินคำพูดห้วนๆที่ออกมาจากปากเล็กนั่น ผมชักอยากจะลบรูปให้หมดเมมละ แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นละ ไม่กล้าลบออกไปจริงๆหรอก ก็พี่พยูนน่ะยอมให้ถ่ายรูปง่ายๆซะที่ไหน จะถ่ายทีก็ต้องแอบต้องซ่อน ต้องทำตัวเหมือนกับปาปารัสซี่ตามไอดอลเกาหลี
“เต้”
“……….”
ไม่คุยด้วยหรอก ถ้าไม่พาไปที่ชายหาดอ่ะ
“อย่างอแงเหมือนเด็กได้ป่ะ?”
ไม่ได้ !! ผมตอบพี่พยูนในใจ
“นี่กูมาเที่ยวกับเด็กเจ็ดขวบรึไง?”
“……..”
“เออๆ เช็คบิลเสร็จจะพาไปที่หาด”
“จริงนะ?”
“กูเคยโกหกมึงรึไง?”
ผมยิ้มกว้างหลังจากได้ยินคำสัญญาจากปากพี่พยูน จำได้มั้ยว่าคราวก่อนผมเคยบอกทุกคนว่าพี่พยูนน่ะใจอ่อนกับผมเสมอ
แล้วมันก็เป็นความจริงตลอดด้วย
= Taegientheworld =
หลังจากจ่ายเงินที่ร้านอาหารเสร็จเรียบร้อย พี่พยูนก็ขับรถพาผมมาที่ชายหาดตามที่เจ้าตัวสัญญาไว้ ณ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงนิดๆ ท้องฟ้ายังคงสว่างจ้า แดดของประเทศไทยยังคงร้อนแรงไม่ต่างจากตอนเที่ยงสักเท่าไร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอยากเล่นน้ำทะเลของผมลดน้อยลงเลยสักนิด
ผิวผมน่ะมันแทนอยู่แล้วจะแทนอีกสักนิดก็คงไม่เป็นไร
ผมน่ะไม่มีความคิดกลัวดำหรือกลัวแดดเลยสักนิด ซึ่งมันช่างแตกต่างจากพี่ตัวขาวที่ยืนอยู่ข้างๆมาก พี่พยูนในลุคเสื้อฮาวายสีชมพูและกางเกงวอร์มขายาวสีเขียว ตอนนี้ได้หยิบสนับแขนสีขาวและหมวกแก๊ปสีเดียวกันขึ้นมาสวมใส่ก่อนออกแดด เรียกได้ว่าปิดทุกอณูของผิวไม่ให้แดดทำร้ายได้
ก็นะ ผิวขาวๆของพี่พยูนโดนแดดแปบเดียวก็แดงแล้ว
“ป่ะพี่”
ผมวิ่กระตุกแขนคนที่มัวแต่ยืนหลบอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ออกแรงและพยายามลากพี่พยูนที่ยืนขืนตัวนิ่งไม่ยอมออกมาเดินเล่นด้วยกัน
“กูร้อนนนน”
“เดี๋ยวแดดก็ร่มแล้ว พี่กลัวอะไรเนี่ย!!”
“ม่ายยยยยยยยยยยย”
นี่ละครับ นายพยูน พ่อคนแสว๊กอายุ 26 ปี
“พี่เดินมาเร็ว”
ผมกวักมือเรียกคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งตาหยีอยู่บนหาด ดูสิครับ! ลากออกมาเดินบนหาดได้ แต่ก็ยังไม่ยอมเดินลงมาในทะเลด้วยกัน จะดื้อไปไหนกันพ่อตาคนนี้
“กูจะยืนดูมึงเล่นแบบนี้ละ”
“บ้ารึไงพี่ จะให้ผมเล่นคนเดียวนี่นะ?”
แม้จะยืนไม่ห่างกันมากนัก แต่เราสองคนต้องตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง
ช่างตลกดีนะว่ามั้ย?
“ทำไมไม่ลงมา”
“กูไม่มีชุดเปลี่ยน”
“ผมก็ไม่มี”
หลังจากตะโกนเสร็จ ผมก็ค่อยๆก้าวเดินกลับมาที่ชายฝั่ง ไม่นานนักขาของผมก็มาหยุดตรงหน้าพี่คนตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อประชิดกับร่างของพี่พยูน ผมก็ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อสบตากับดวงตาขนาดมินิที่จ้องมองมาที่ผมก่อนแล้ว
“มึงเห็นมั้ยเนี่ย กูใส่ขายาวกูจะลงไปได้ไง”
เออจริงด้วยว่ะ! แต่ผมอยากให้พี่เขาลงไปเล่นด้วยกันนี่นา
“อ่ะ!”
“อะไร?”
หน้าพี่พยูนตลกชะมัดเลยครับตอนที่พี่เขาเห็นผมย่อตัวลงข้างๆ แต่จะว่าไปเวลาที่พี่เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ก็แอบเหมือนอาแปะที่ขายน้ำเต้าหู้หน้าหอเลยอ่ะ
และเป็นอาแปะขายน้ำเต้าหู้ที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเจอด้วย
“ขี่หลังผมสิครับ”
· ผมที่ย่อตัวอยู่ก็พูดขึ้นมาพลางจ้องหน้าหวานๆของพี่พยูนที่ตอนนี้ฉายแววขบคิดเหมือนกับกำลังช่างใจกับตัวเองอยู่ว่าจะขี่(หลัง)ผมดีมั้ย
“ผมจะพาพี่ลุยทะเลโดยที่พี่ไม่ต้องเปียกเลย”
“…………..”
“เร็วสิครับ”
ผมเร่ง
“ไม่เอาอ่ะ มึงจะทำให้ตัวเองลำบากทำไมเนี่ยเต้ อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวดิ”
“ก็เรามากันสองนี่ครับ ถ้าพี่ไม่เล่นกับผม ผมจะเล่นกับใคร?”
“………”
“ผมไม่เคยให้ใครขี่หลังมาก่อนนะครับ จะบอกให้รู้”
ผมพยายามชักแม่น้ำไม่ใช่แค่ห้าสายนะครับแต่ชักมาทั้งประเทศเลยเพื่อที่จะกล่อมให้พี่พยูนยอมขี่หลังผม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้พี่เขาขี่หลังกันขนาดนั้น
มันก็จะแปลกใจหน่อยๆ
อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยากมีเพื่อนเล่นน้ำ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ผมพยายามบอกตัวเองในใจ
“เร็วสิครับพี่ ผมเมื่อยละเนี่ย”
“เออๆ”
สุดท้ายพี่พยูนก็ยอมตามใจผม ขาเรียวภายใต้กางเกงวอร์มสีเขียวค่อยๆพาดผ่านแผ่นหลังผม หลังจากนั้นแขนเล็กที่ไม่ต่างจากขนาดตัวของพี่เขาก็ค่อยๆตวัดโอบรอบคอของผมอย่างเก้ๆกังๆ ท่าทางแบบนี้มันทำให้ผมดูรู้ว่าพี่พยูนเขาคงจะไม่เคยขี่หลังใครมาก่อน ก็เหมือนกับผมที่ไม่เคยให้ใครขี่เหมือนกัน
เอ่อ ! ผมหมายถึงหลังนะ
“เกาะแน่นๆนะครับ”
“…………”
“เรือลำนี้แรง ระวังตกนะ”
“พูดมากว่ะ!”
“ฮ่าๆ”
ผมหัวเราะให้กับคำพูดห้วนๆของเจ้าตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองรองไว้ใต้ขาของพี่พยูน
อ่า พอได้จับสัมผัมร่างกายพี่เขาบ่อยๆก็ยิ่งทำให้รู้ว่าพี่คนนี้
เล็กไปหมดทั้งตัว
ไม่ว่าจะเป็นมือ
แขน
หรือขา
“พี่ตัวเบามากอ่ะ วันหนึ่งกินอะไรบ้างเนี่ย”
“………..”
“เคยบอกละใช่มั้ยว่าให้กินเยอะๆ”
ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา แต่น่าแปลกนะครับ ที่ถึงแม้ว่าพี่เขาจะตัวเล็กมากขนาดไหน แต่เวลาจับแล้วมันกลับนุ่มและนิ่มแปลกๆ เหมือนกับจับตัวผู้หญิงยังไงยังงั้นเลย
“บ่นมากว่ะ จะลงมั้ยเนี่ยทะเลอ่ะ!”
เสียงทุ้มดังชัดมากหมือนกับว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังกระซิบอยู่ข้างๆ มันทำให้ผมสามารถเดาได้ว่าหน้าของพี่พยูนตอนนี้คงแนบติดกับหูข้างขวาของผมแน่ๆ
“กำลังไปละค้าบบบ”
ผมค่อยๆก้าวเท้าเดินโดยมีพี่พยูนตัวน้อยเกาะหลังเหมือนกับลูกลิงเกาะหลังแม่(?) ทุกคนรู้มั้ยครับว่าทุกช่วงจังหวะที่ก้าวเดิน ผมสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันเร็วและรัวของบุคคลที่อยู่ข้างหลัง
อาการแบบนี้ใช่อาการที่เขาเรียกกันว่า ‘ใจสั่น’ มั้ยนะ?
แล้วพี่เขาจะรู้มั้ย? หัวใจของผมที่อยู่ตรงกับหัวใจของพี่เขาตอนนี้น่ะ
เต้นเป็นจังหวะเดียวกันเลย
นี่จะต้องเป็นอาการข้างเคียงที่คนแพ้กาแฟอย่างผมดันดื่มกาแฟไปวันนี้แน่ๆเลย ตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะกินหรอก แต่พี่พยูนเขาก็สั่งมาแล้วจะให้เอาไปทิ้งมันก็เสียดาย ราคาแก้วหนึ่งก็ร้อยกว่าบาทเลยนะ ก็เลยจิบสักหน่อยเป็นพิธี
“ละไหนตอนแรกบอกว่าจะถ่ายรูปไง?”
หลังจากที่เราเดินลงมาในทะเลได้สักพักหนึ่งแล้ว พี่พยูนก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ถ่ายไปเยอะละไงครับ ตอนนี้อยากเล่นน้ำมากกว่า”
“มึงพอละ ไม่ไปไกลกว่านี้แล้ว”
มือเล็กๆทุบหลังผมรัวเมื่อเห็นว่าเราเดินมาจนน้ำสูงประมาณระดับสะโพกของผม ซึ่งแน่นอนว่าปลายกางเกงวอร์มสีเขียวของพี่พยูนเปียกน้ำไปเรียบร้อยแล้ว
“อีกนิดหนึ่ง”
“ไอเชี่ยเต้ กูบอกให้พอไง!!!!”
ไม่พูดเปล่า เจ้าแมวจอมพยศด้านหลังทั้งทุบทั้งจิกไหล่ผม พี่ยูนนี่ทำไมพี่เป็นคนใช้ความรุนแรงแบบนี้นะ แต่ถึงพี่เขาจะใช้พลังเยอะมากขนาดไหน ผมก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยสักนิด
พูดกันตรงๆเลยนะครับ ! แรงพี่พยูนไม่ต่างอะไรจากเด็กมัธยมต้นเลยอ่ะ
“พี่อย่าดิ้น”
ผมเริ่มจะบ่นขึ้นมาบ้าง เมื่อคนด้านหลังเริ่มขยุกขยิกตัวจนผมไม่สามารถคุมร่างตัวเองให้เดินตรงได้อีกต่อไป พี่เขาไม่รู้บ้างรึไงว่าการแบกของที่หนักมากกว่า50กิโลเดินในน้ำอ่ะมันยากแล้วก็เหนื่อยขนาดไหน
“พี่ยะ”
‘ตู้มมมมมมมมมมมมมม’
นั่นไงครับพูดไม่ทันขาดคำ พี่ที่ดิ้นเป็นแมวที่โดนขังไว้ในกระสอบก็ตกลงจากหลังผมลงสู่ท้องทะเลเรียบร้อยแล้ว แถมมือเล็กๆที่เคยกอดคอผมไว้ก็คว้าคอเสื้อผมแล้วฉุดให้ร่างผมร่วงลงไปพร้อมกันอีกต่างหาก
ให้มันได้อย่างงี้สิ !!
“ไอเชี่ยเอ๊ย”
เสียงทุ้มที่แสนจะขัดกับหน้าหวานๆสบถออกมา บอกเลยครับงานนี้ไม่ได้ผิดที่ผม
“พี่อ่ะ เห็นมั้ยเนี่ยดิ้นจนได้เรื่องเลย”
“มึงด่ากูเหรอเต้?”
หน้าพี่พยูนตอนนี้ดูจริงจังและเอาเรื่องไม่หยอก เจ้าตัวทำยังกะจะพุ่งเข้ามาต่อยผมละ ทำเอาผมอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ตัวเท่าลูกแมวแบบนี้ยังจะสู้อีก
ขู่เก่งเหลือเกินพ่อคุณ
“ไอเชี่ยเต้!!!”
เหตุผลที่พี่เขาตะโกนด่ากันอีกรอบ ก็เพราะว่าผมตวัดน้ำทะเลเค็มๆใส่หน้าเขาไงครับ
ก็คนมันหมั่นเขี้ยวอ่ะ !
“มึงหยุด กูเค็มมมมมมมมม”
“อ้ายเหี้ยเต้!!!”
ไม่พูดด่าเพียงอย่างเดียวแล้วครับตอนนี้ มือขาวๆก็ตวัดน้ำใส่หน้าผมคืนอย่างสาสมเช่นกัน กลายเป็นว่าเราทั้งคู่เปิดฉากสงครามน้ำเค็มกันแล้ว
“ฮ่า ฮ่า พี่หยุดก่อน”
แต่ไหงสงครามระหว่างเรามันถึงมีแต่เสียงหัวเราะนะ
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“เห้ย พี่เป็นไรอ่ะ”
ผมถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นพี่ยูนหลับตาปี๋ มือขาวเนียนยกขึ้นมาถูไถบริเวณรอบดวงตา และพี่ตัวเล็กก็ดูไม่มีท่าทีว่าอาการจะดีขึ้น ผมจึงค่อยๆย่างเท้าเข้าไปหาพี่เขา ตั้งใจจะไปดูอาการแต่ยังเดินไม่ประชิดตัวเจ้าตัวแสบ เขาก็เงยหน้ามาแล้วสาดน้ำใส่หน้าผมเต็มๆ
เค็มชะมัด!
“มึงโดนกูหลอกแล้วเต้!!!”
พี่พยูนนี่มันน่าตีก้นจริงๆเลยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
= Taegientheworld =
ผมแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าผมกับพี่พยูนเล่นน้ำกันนานขนาดไหน รู้ตัวอีกทีก็มองเห็นท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสว่างไสวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มตัดกับม่วง
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ผมและพี่พยูนพากันขึ้นมาบนฝั่งแล้วนั่งริมชายหาดด้วยกันเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศพลบค่ำ ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆกายในตอนนี้ ก็พบว่าดวงตาคู่เล็กกำลังจับจ้องไปที่ท้องทะเลอันแสนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
พี่พยูนในชุดสีชมพูยามสงบนิ่งนี่
‘น่ารักจัง’
ผมไม่รู้ว่าตัวเองจ้องพี่พยูนนานขนาดไหน แต่คิดว่าคงจะนานพอจะให้พี่เขาเริ่มจะรู้ตัวว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ หลังจากนั้นใบหน้าหวานก็ค่อยๆหันกลับมามองผม
แล้วสายตาของเราทั้งสองก็สอดประสานกัน
วินาทีนั้นสำหรับผมเหมือนกับโลกใบนี้มันหยุดหมุนเลยครับ ผมไม่ได้เว่อร์นะ แต่สายตาของผมในตอนนี้น่ะมันมีแค่คนตัวเล็กตรงหน้าเท่านั้น
“พี่ยูน”
“หืออออ?”
“พี่ไม่จีบผมแล้วจริงดิ?”
ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมพูดออกไป หลังจากผมถามจบ ความเงียบก็ก่อตัวขึ้นมาระหว่างเรา ในตอนนี้ผมได้ยินเพียงแค่เสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเท่านั้น
“ปากกูอาจจะบอกว่าไม่”
“………..”
“แต่การกระทำของกู กูคิดว่ามันชัดเจนพอแล้ว”
น่าแปลกที่คำตอบสั้นๆของพี่พยูนมันทำให้ผมใจเต้นแรง
ราวกับว่าผมกำลังฟังคำสารภาพรักจากพี่เขา
“……………”
“ละมึงอ่ะ?”
“หือ?”
“ใจอ่อนให้กูบ้างยัง?”
แล้วความเงียบก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่น่าแปลกที่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเลยสักนิด
“ผมรู้สึกดีกับพี่นะ”
ผมจ้องเข้าไปนัยน์ตาคู่เล็กอย่างแน่วแน่ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น
มันออกมาจากใจผมจริงๆ
“ผมรู้สึกกับพี่พิเศษกว่าคนอื่น”
แม้เสียงทุ้มของผมจะพูดออกไปอย่างแผ่วเบา แต่ผมเชื่อว่ามันหนักแน่นพอที่จะทำให้คนตัวเล็กเชื่อ ใบหน้าหวานค่อยๆละสายตาจากผมกลับไปมองท้องทะเลอย่างเดิม ตอนนี้แก้มเนียนใสเริ่มมีสีแดงประดับแต้ม
ผมรู้ว่าพี่เขากำลังเขิน
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมเอื้อมมือของตัวเองไปกอบกุมมือเล็กๆที่วางอยู่ข้างๆ
“ผมคิดว่ามันอาจจะไวไปถ้าเราจะคบกัน”
“………….”
“เราลองคุยกันดีมั้ยพี่?”
“……….”
“แบบจริงจัง”
จบคำพูดของผม ดวงตาคู่เล็กก็หันมาสบตากับผมอีกครั้ง ใบหน้าหวานฉายแววไม่เข้าใจ และผมก็รู้ว่าเขาไม่เข้าใจคำพูดของผมที่ผมบอกกับเขาว่า
‘เรายังคบกันไม่ได้’
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะตอบว่า
“อือ”
แม้มันจะเป็นแค่คำตอบสั้นๆเพียงคำเดียว แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มกว้างที่สุดในรอบวัน ผมส่งยิ้มสี่เหลี่ยมเอกลักษณ์ของตัวเองให้กับคนตรงหน้า ตอนนี้ผมสีบลอนด์ของพี่พยูนที่เริ่มจะแห้งและฟูเล็กน้อย
มันยิ่งทำให้พี่เขาดูเหมือน ‘ลูกแมว’ เลย
แล้วถ้าผมคิดจะจูบลูกแมวตัวนี้
ผมจะโดนข่วนกลับมามั้ยนะ?
แต่โดนข่วนมันคงไม่เจ็บเท่าไรมั้ง แผลแค่นั้นอ่ะไกลหัวใจ
คิดได้ดังนั้นผมจึงค่อยๆเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้พี่ยูนมากขึ้น ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้มากจนปลายจมูกโด่งของผมชนกับปลายจมูกมนกลมรั้นแสนน่ารักของพี่จอมดื้อ ผมหยุดชะงักเพื่อดูปฎิกิริยาของพี่พยูน
เพราะถ้าหากพี่ยูนปฎิเสธ … ผมก็จะถอย
แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านิ่งไม่ขัดขืน ไม่แม้แต่จะขยับตัวเลยสักนิด รวมถึงดวงตาไซส์มินิของพี่พยูนหลับพริ้ม ท่าทางเหล่านั้นมันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากพอแล้วสำหรับผม
ว่าผมควรจะ 'ไปต่อ' หรือ 'ถอยหลัง' กลับ
‘ตึก ตึก’
ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวราวกับมีคนตีกลองอยู่ข้างในนั้น ผมเอียงใบหน้าตัวเองเล็กน้อยเพื่อประกบปากตัวเองลงไปบนปากสีชมพูนมเย็นที่ผมแอบลอบมองมาตลอดทั้งทริปนี้ และเมื่อปากของเราสัมผัสกัน
วินาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนโลกใบนี้หยุดหมุน
ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว
ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงของหัวใจตัวเอง ผมตื่นเต้นจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก
คนตรงหน้าจะเป็นเหมือนกันมั้ยนะ?
สัมผัสนุ่มละมุนเหมือนกับฟองนมในถ้วยกาแฟลาเต้มันทำให้ผมไม่สามารถผละออกจากคนตรงหน้าได้เลย มือหนาของผมยกขึ้นมาประคองใบหน้าหวานแหววให้ปรับองศาเพื่อให้เราได้สัมผัสกันอย่างแนบแน่นยิ่งขึ้น แม้ผมจะไม่ได้โชกโชนเรื่องแบบนี้มากนัก
แต่ผมก็มั่นใจว่าจูบของผมมันก็ดีพอให้น่าจดจำ
ผมค่อยใช้ลิ้นของตัวเองเลียริมฝีปากล่างได้รูปของอีกฝ่ายอย่างละเมียดละไม ขบกัดเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความรู้สึกตื่นเต้น(มั้งนะ?)
“พี่ยูน”
ผมกระซิบข้างใบหูแดงจัดของอีกฝ่ายตอนที่ริมฝีปากของเราผละออกจากกันเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังลากริมฝีปากหนาของตัวเองคลอเคลียใบหน้าหวานอย่างออดอ้อน
‘ฟอดดดดดดดด’
จมูกของผมฝังลงบนแก้มเนียนแดงแล้วหอมมันจนเกิดเสียงดังอย่างห้ามใจไม่อยู่
พึ่งรู้ว่าเนื้อพยูน ‘หวาน’ ก็วันนี้ละ
“เต้ขอจูบอีกได้มั้ย?”
“อืออออออ”
ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่านั่นคือเสียงตอบรับหรือพี่เขาแค่ครางออกมาเฉยๆ แต่สำหรับผม ผมจะถือว่ามันคือคำอนุญาต เมื่อเผด็จการคิดเองและตัดสินใจแทนเจ้าพยูนตัวน้อยผมก็ฉวยโอกาสจากริมฝีปากเล็กนั้นอีกครั้ง จะว่าไปนั่งจูบกันท่ามกลางเสียงคลื่นทะเล ตอนดวงอาทิตย์ตกนี่
มันโครตโรแมนติกเลยนะครับว่ามั้ย
ที่สำคัญวันนี้นอกจากจะได้รู้ว่า ‘เนื้อพยูน’ หวานแล้ว
ผมก็ยังได้รู้อีกว่าน้ำทะเลมันก็ ‘หวาน’ ไม่แพ้กัน
“ผมว่าผมชอบพี่ละว่ะ”
FIN
= Taegientheworld =
TALK W. ME
เหมือนจะฟินเนอะ แต่ก็ฟินไม่สุด
อยากจะตียัยเต้แรงๆ แกจะเล่นตัวอะไรนักหนาห๊ะ!!!
ชอบก็คบสิโว๊ยยยยย มันจะยากอะไร 55555
แต่ถ้าคบง่ายๆนิยายก็สั้นสิ อันนี้ไรต์พูดเองนะคะเต้ไม่ได้กล่าว
สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามและเอ็นดูพยูนเกยเต้นะคะ
1M แล้ววววววว เย่ !!!! เจอกันอีกทีหลังสงกรานต์ค่า
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ขอให้เที่ยวสนุกสนานแล้วก็ปลอดภัยนะคะ
PS.ยังไม่เช็คคำผิด เจอก็ช่วยบอกเขาหน่อยนะ T^T
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

246 ความคิดเห็น
-
#49 lilac sky (จากตอนที่ 6)วันที่ 14 เมษายน 2561 / 00:47หมั่นไส้ชีเต้ค่ะ อย่าพึ่งคบกันเอาอุปสรรคมาขว้างนางเยอะๆๆเลย เอาให้สมที่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ555#490
-
#48 Jung Tien-In (จากตอนที่ 6)วันที่ 13 เมษายน 2561 / 22:12เต้ขนาดนี้ละคบๆไปได้แล้วพี่พยูนน่ารักกกกก#480
-
#47 myg_kk99 (จากตอนที่ 6)วันที่ 13 เมษายน 2561 / 20:55เต้ หวานนนนน#470
-
#46 คนที่ขาวๆอ่ะ (จากตอนที่ 6)วันที่ 13 เมษายน 2561 / 20:06เต้้้้้้้้้้้ ฮืออ#460