ตอนที่ 2 : Special Part : #พยูนเกยเต้ EP06 [JOYLADA]
Special Part : #พยูนเกยเต้ EP06 [JOYLADA]
“สุดหล่อ”
“ค้าบบบบ”
ผมขานตอบรับเสียงเรียกของพี่จีนเจ้าของร้านคาเฟ่ที่ตัวเองทำงานอยู่ พี่จีนเขามักจะเรียกผมว่า ‘สุดหล่อ’ แทนชื่อ ‘เต้’ ตลอด และผมก็เต็มใจที่จะให้พี่เขาเรียกแบบนั้นด้วย
ก็ผมหล่อจริงๆนี่นา
ไม่งั้นคงไม่ปาดตำแหน่งเดือนรัฐศาสตร์เมื่อปีที่แล้วมาครองหรอก
“อ่ะ นี่คือสูตรอัญชันลาเต้นะเมนูใหม่ สุดหล่อหัดชงด้วยละ”
พี่จีนยื่นกระดาษโน้ตเล็กๆที่พี่เขาจดสูตรทำกาแฟให้ผม เมื่อรับโน้ตมาจากพี่จีนแล้ว ผมก็นั่งอ่านสูตรกาแฟในมือตัวเองด้านหลังเคาน์เตอร์ร้านด้วยความตั้งใจ
อัญชันลาเต้เหรอ?
ดูเป็นเมนูที่น่าสนใจและแปลกใหม่ดี ตัวผมเองเคยได้ยินชื่อเมนูนี้ผ่านหูมาบ้างแต่ไม่เคยลงมือทำมาก่อน ทั้งๆที่วิธีการทำและขั้นตอนก็ไม่ได้ยุ่งยากกว่าการชงกาแฟปกติเลยสักนิด เมื่ออ่านส่วนผสมและวิธีการทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลุกขึ้นยืนตัดสินใจว่าจะลองลงมือชง แต่อยู่ๆภาพของผู้ชายคนหนึ่งก็แว๊บเข้ามาความคิดของผม
‘พี่พยูน’ ผู้เสพติดคาเฟอีนและมีกาแฟนั่งเป็นเพื่อนเวลาทำงาน
อ่า ! จะว่าไปผมน่าจะชวนพี่เขามาเป็นหนูทดลองของผมนะ
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าชุดกันเปื้อนออกมา มือของผมกดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นสัญลักษณ์สีเขียวที่มีไว้สำหรับพูดคุยด้วยความเคยชิน และเมื่อคลิ๊กเข้าไปห้องสนทนาระหว่างผมกับพี่พยูนก็ปรากฎเป็นห้องแรกบนหน้าจอ ทำให้ผมพึ่งสังเกตเห็นว่าทุกวันนี้
ผมคุยกับพี่พยูนบ่อยกว่าไอคุกกี้ที่เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของผมซะอีก
‘พี่ยูน’
ผมทักพี่เขาไปด้วยการเรียกชื่อเขา
‘ว่า? พายุจะเข้าประเทศไทยมั้ยวะ มึงทักกูมาก่อน’
ไม่นานเกินหนึ่งนาที ข้อความห้วนๆตามแบบฉบับเจ้าตัวพิมตอบกลับมา พี่พยูนไม่ใช่คนพูดจาไพเราะหรือน่าฟัง
แต่น่าแปลกที่ข้อความของพี่เขามักจะทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเสมอ
‘อย่าเว่อร์ดิพี่’
ผมพิมตอบพี่เขาแล้วหลังจากนั้นก็ตัดสินใจชวนพี่เขาแวะเข้ามาที่ร้าน แต่สิ่งที่ผมได้กลับมาน่ะเหรอ
ก็คือคำบ่นของพี่เขาไงครับ
พี่ตัวเล็กบ่นว่าผมทำให้เขาลำบากแล้วก็สั่งให้ผมชงกาแฟเองชิมเองอีกต่างหาก ผมก็เลยตัดสินใจบอกความลับของตัวเองให้พี่เขารู้ว่าความจริงแล้วผมแพ้กาแฟ ซึ่งเป็นความลับที่ผมไม่เคยบอกให้ใครรู้มาก่อนแม้แต่พ่อแม่ผมก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ แล้วไออาการแพ้ที่ว่าเนี่ยไม่ได้แพ้แบบธรรมดาด้วยนะครับ
แพ้อย่างรุนแรงเลยละ
ถ้าผมดื่มกาแฟเข้าไปแล้วผมจะรู้สึกพะอืดพะอมจนอาเจียนออกมา สภาพไม่น่าดูสุดๆไปเลยละ
‘เดี๋ยวนะ มึงแพ้กาแฟ?’
‘แต่มึงเสือกทำงานร้านกาแฟเนี่ยนะ แปลกคน’
โดนด่ากลับมาอีกหนึ่งดอกครับผม
‘แปลกตรงไหนพี่ ผมแค่ชงกับเสิร์ฟไม่ได้ดื่ม’
‘กูขี้เกียจไปอ่ะเต้ มึงให้จีนชิมดิ’
ถึงจะพยายามงัดโรคแพ้กาแฟของตัวเองออกมาเรียกคะแนนความสงสารแต่คนอย่างพี่พยูนก็ไม่ใจอ่อนสักที แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พยายามใช้ลูกอ้อนเข้าสู้ ออดอ้อนเขาไปเรื่อยๆ
เพราะถึงจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน
แต่ผมรู้ดีครับว่าพี่เขาแพ้คนขี้อ้อน
‘นะพี่ยูนนะ แวะมาหาผมก่อน’
‘เออๆ เดี๋ยวเข้าไปหา’
‘เร็วๆนะพี่ เดี๋ยวกาแฟเย็น’
สำเร็จ! บอกแล้วไงครับว่าพี่พยูนน่ะ แพ้คนขี้อ้อน แล้วก็เป็นบุคคลประเภทปากร้ายแต่ใจดี แถมยังใจดีมากๆด้วย ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่เขาถึงต้องพยายามทำตัวโหด
ในเมื่อสุดท้ายแล้วพี่เขาก็ใจอ่อนยอมอ่อนข้อให้ผมทุกที
= Taegientheworld =
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีรถบีเอมสีเทาคันหรูก็ปรากฏขึ้นหน้าร้าน หลังจากจอดรถนิ่งสนิทเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถก็ก้าวลงมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆตามฉบับของเจ้าตัว ร่างเล็กในชุดฮู้ดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดๆเดินเข้ามาในร้านพลางยกมือข้างขวายีผมสีบลอนด์ไปด้วย
จะสแว๊กไปไหนกันพ่อคุณ
“ดีจีน”
พี่ยูนทักทายพี่จีนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์ร้าน
“อ้าวยูน ทำไมวันนี้มาเย็นจัง”
“มีคนเรียกให้มาน่ะ”
พี่ยูนตอบแล้วใช้ตามองค้อนมาทางผม เพียงเท่านั้นพี่จีนพยักหน้าแล้วยิ้มออกมาเป็นเชิงบอกว่าพี่เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“ผมบอกให้พี่เขามาลองชิมกาแฟอัญชันฝีมือผมน่ะครับ”
ผมพูดขณะเดียวกันก็จับจ้องไปที่ใบหน้าหวานๆของพี่ยูน พอได้มองหน้าพี่เขาแบบนี้แล้วภาพเมื่อคืนมันก็ลอยเข้ามาในหัวตลอดเลยเลย
ภาพตอนที่ผมจูบกับเขา
แต่ดูเหมือนว่าพี่พยูนจะจำไม่ได้ เพราะพี่เขาไม่พูดถึงมัน แถมยังทำตัวปกติทุกอย่าง คงจะมีแต่ผมละมั้งที่รู้สึกแปลกๆอยู่ฝ่ายเดียว ถึงแม้ว่าผมจะจูบกับเขาด้วยความไม่ตั้งใจก็ตาม แต่มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกจริงๆนะ
จะบอกว่ารู้สึกดีก็ไม่ใช่ เขินก็ไม่เชิง
เอาเป็นว่ารู้สึกแปลกๆละกัน
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายจำไม่ได้ ผมก็จะเนียนตามน้ำไปละกัน
“ไหนกาแฟอ่ะ”
น้ำเสียงทุ้มที่ช่างขัดกับหน้าตาของพี่เขาเหลือเกินเอ่ยถามผมขึ้นมา ผมก็เลยได้แต่ส่งยิ้มแห้งกลับไปเป็นคำตอบ เพราะผมยังไม่ได้ชงน่ะสิ แต่ผมดันโกหกคนแก่กว่าว่าผมชงรอเขาไว้แล้ว
“ไอเต้ มึงหลอกกูเหรอ!”
“พี่ยูนอย่าพึ่งอารมณ์เสียครับ นั่งลงก่อนนะพี่”
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้าเริ่มตั้งท่าจะด่ากัน ผมก็เลยพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ จูงแขนพี่เขาไปนั่งตรงเก้าอี้ที่วางอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์แถวๆเครื่องบดกาแฟซึ่งเป็นที่นั่งพักประจำของผมเวลาไม่มีลูกค้า
“ไม่ต้องจับ เดินเองได้น่า!!”
ตัวก็เล็กแต่ขู่เก่งเหลือเกิน
นี่คนหรือลูกแมว?
“นั่งก่อนครับพี่ ผมจะทำสุดฝีมือเลย”
ผมยิ้มกว้างให้พี่ผมบลอนด์ตัวเล็กที่นั่งทำหน้ามุ่ยเหมือนกับเด็กโดนขัดใจเพียงแค่เพราะโดนผมหลอกว่าชงกาแฟไว้ให้แล้ว
สาบานเถอะว่านี่คนอายุ26ปี
“ไม่หวานนะมึง”
“ค้าบบบบ”
ผมขานรับขณะที่จิ้มหน้าจอเครื่องบดกาแฟดิจิตอลด้วยความเคยชิน แล้วก็ยกมือขวาข้างที่ถือด้ามชงกาแฟขึ้นมารองผงกาแฟที่กำลังเคลื่อนตัวออกมาจากเครื่องบด หลังจากนั้นก็ค่อยๆเกลี่ยผงกาแฟหมุนเป็นวงกลมเพื่อเกลี่ยกาแฟให้เสมอกัน ผมทำทุกอย่างด้วยความใจเย็นไม่รีบร้อน เพราะผมมีความเชื่อของตัวเองอย่างหนึ่งว่าเวลาทำของกินเราควรจะตั้งใจและใส่ใจ
เพราะความใส่ใจนี่ละที่จะทำให้รสชาติออกมาดี
“ขั้นตอนนี้เขาเรียกว่าโดสกาแฟครับ”
ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อหันไปสบตาเข้ากับดวงตาคู่เล็กของพี่พยูนที่ฉายแววสนใจกับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่
แววตาของพี่ยูนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่เจอของเล่นใหม่เลย
“ต้องเกลี่ยให้เสมอกันครับ เพราะว่ามันจะทำให้เราสามารถสกัดรสชาติและก็สัมผัสของกาแฟออกมาได้อย่างครบถ้วน”
หลังจากนั้นพี่พยูนก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมายืนข้างๆผม ผมก้มเล็กน้อยเพื่อมองเจ้าของผมสีบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าพี่ตัวเล็กคนนี้จะสนใจการชงกาแฟไม่น้อย สัมผัสได้จากดวงตาคู่เล็กที่เป็นฉายแววเป็นประกาย
นอกจากเสพติดกาแฟแล้วพี่ยูนเขาก็คงอยากจะชงเป็นด้วยมั้ง
ผมเดาเอาน่ะ
“แล้วทำไงต่ออ่ะ”
“ต่อไปก็แทมป์ปิ้งครับพี่ ก็คือการใช้อันนี้กดลงไป”
ผมหยิบเอาแทมเปอร์สแตนเลสที่ใช้สำหรับกดอัดผงกาแฟให้เสมอกันขึ้นมาโชว์พี่พยูนที่มองการกระทำของผมอย่างไม่ละสายตา
ท่าทางเหมือนเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็นแบบนี้ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ
“พี่อยากลองทำดูมั้ยครับ?”
“ไม่เอาอ่ะ”
“น่า~ ลองดูครับ ไม่ยากหรอกเดี๋ยวผมสอน”
ผมคะยั้นคะยอคนตัวเล็กที่ยืนข้างๆจนในที่สุดพี่เขาก็ยอมพยักหน้าตอบตกลง
“ถือนี่ไว้ครับ”
ผมยื่นแทมเปอร์ในมือตัวเองให้พี่พยูน แล้วก็เขยิบตัวออกจากเคาต์เตอร์เล็กน้อยเพื่อให้พี่เขามายืนแทนที่ผม ส่วนผมก็ยืนมองแล้วก็คอยสั่งการอยู่ด้านหลัง
“ค่อยๆแท็บลงไปนะครับพี่ เบาๆนะ”
มือเล็กๆที่ถือแทมเปอร์นั้นดูเงอะงะตามภาษาคนลองทำครั้งแรก หลังจากได้ยินคำสั่งของผมพี่พยูนก็ค่อยๆออกแรงกดแทมเปอร์ลงบนด้ามชงกาแฟ แต่มันเบาจนเกินไป
และผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ใบหน้าหวานที่ปกติมักจะบึ้งตึงอยู่แล้วยิ่งตึงหนักเข้าไปกว่าเดิมเมื่อตัวเองทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ ปากเล็กสีชมพูเหมือนกับสีของนมเย็นก็บ่นออกมาไม่ขาดสายว่ายากเกินไป ไม่อยากทำแล้ว
ไอท่าทีแบบนั้นน่ะมันทำให้ผมขำออกมา
พี่พยูนเนี่ยช่างเป็นผู้ชายที่ใจร้อนอะไรแบบนี้
“แบบนี้นะครับ”
หลังจากยืนขำพี่พยูนที่ยืนเถียงกับตัวเองจนน้ำตาแทบจะไหล ผมก็อดไม่ได้เลยที่จะทำตัวเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย ผมค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาพี่เขา กอบกุมมือเล็กของพี่พยูนที่ถือแทมเปอร์ไว้ไม่แน่นมากนัก หลังจากนั้นก็ควบคุมให้มือเล็กทำตามที่ผมชักนำซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
จะว่าไปมือพี่พยูนนี่เล็กชะมัดเลย
เล็กจนผมสามารถกุมมันได้ทั้งหมด
“ยกศอกขึ้นมานิดหนึ่งครับ อย่างนั้นละ”
“……………………..”
ค่อยๆกดลงไปนะ”
ผมกระซิบข้างใบหูสีขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับมะเขือเทศ ท่าทีแปลกประหลาดของเขาทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้ผมกับพี่พยูนอยู่ใกล้กันมากขนาดไหน มันใกล้มากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมโจมาโลนกลิ่นblackberryที่คนพี่เคยบอกผมว่าเขาชอบใช้ลอยขึ้นมาแตะจมูก แถมพอได้อยู่ใกล้ๆพี่พยูนแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้ตัวเล็กขนาดไหน
เล็กขนาดที่ว่าถ้าคุณมองจากข้างหลังตอนนี้
คุณจะเห็นแค่ผมที่ยืนอยู่แต่คุณจะไม่เห็นร่างอันแสนบอบบางนี้เลย
พี่พยูนน่ะตัวเล็กจนหายไปในอ้อมอกผมเลยละ
“ดะ ดะ ได้ยังอ่ะ?”
“เอ่อ ได้ละครับ”
พี่พยูนพูดออกมาเสียงแผ่วเบาแต่มันก็ช่วยเรียกสติที่กระจัดกระเจิงของผมกลับมาได้ หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆปล่อยมือขาวที่ตัวเองกอบกุมแล้วก็ผละตัวออกมา
“มึงทำเหอะ ถ้าให้กูทำต่อวันนี้คงไม่เสร็จ”
ริมฝีปากสีชมพูสดบ่นออกมา แล้วเจ้าตัวก็เลือกเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอย่างสงบเสงี่ยมซึ่งมันแปลกมากๆ เพราะคนอย่างพีพยูนน่ะเคยนิ่งสงบได้ที่ไหนกัน โดยเฉพาะริมฝีปากเล็กที่มักจะพ่นคำพูดหยาบคายและคำด่าออกมาตลอดเวลา
พี่พยูนในยามปกติน่ะ
ทั้งห้าว
ทั้งดื้อ
ทั้งรั้น
รั้นจนชนิดที่ว่าผมไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ผมจะเจอคนที่หัวแข็งขนาดนี้ แต่มาวันนี้ท่าทีของพี่เขาเปลี่ยนไป จะว่าไปตั้งแต่ที่คอนโดเมื่อตอนเช้าพี่เขาดูสงบแล้วก็นิ่งขึ้น ระหว่างที่ชงกาแฟอยู่ผมแอบลอบมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มเนียนใสที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อสีเดียวกับริมฝีปากเล็กๆของเจ้าตัว
หากเมื่อก่อนใครขอให้ผมให้คำนิยามผู้ชายที่ชื่อพยูนหนึ่งคำ ผมคงจะตอบไปอย่างไม่ลังเลว่า ‘ถ่อย’ แต่ถ้าถามผมตอนนี้คำตอบของผมก็คือ
‘พี่ยูน’
“หือ?”
“ทำไมวันนี้”
.”พี่น่ารักจังเลยครับ”
ผมคิดว่าผมควรจะให้หมอเช็คประสาทของผมแล้วละ
FIN
= Taegientheworld =
TALK W. ME
ตอนนี้มาแบบสั้นจริงไรจริงค่า 555
ตั้งใจแต่งสนองนี้ดความฟินของตัวเองเฉยๆ
แค่อยากให้ทุกคนได้รู้ถึงความน่ารักของพี่พยูนละก็น้องเต้มากขึ้น
ถ้าหากใครสงสัยว่าพี่พยูนกับน้องเต้คือใคร ขอเฉลยตรงนี้เลยค่า
พี่พยูนกับน้องเต้คือตัวละครสมมุติจากฟิควีก้า/แทกิ ของไรต์ในจอยลดาค่ะ
TALK W. ME
ตอนนี้มาแบบสั้นจริงไรจริงค่า 555
ตั้งใจแต่งสนองนี้ดความฟินของตัวเองเฉยๆ
แค่อยากให้ทุกคนได้รู้ถึงความน่ารักของพี่พยูนละก็น้องเต้มากขึ้น
ถ้าหากใครสงสัยว่าพี่พยูนกับน้องเต้คือใคร ขอเฉลยตรงนี้เลยค่า
พี่พยูนกับน้องเต้คือตัวละครสมมุติจากฟิควีก้า/แทกิของไรต์ในจอยลดาค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตามมาจากในจอยค่ะะ คือชอบมากกก เขียนพี่ก้าออกมาได้เท่แต่น่ารักอะ ฮือตรงใจมากๆๆๆ แบบเห็นภาพซ้อนกะความเป็นจริงเลย5555555
ไม่ใช่แค่แกหรอกแทที่มองพี่เขาว่าน่ารักอ่ะ ฮื้ออออ ยู้กแมวน้อยแง๊วๆ