ตอนที่ 11 : SF - The Fool 1/3 [100%]
SF : The Fool (1/?)
เสียงบีทเพลงอันแสนหนักหน่วง พื้นที่ว่างถูกจับจองโดยผีเสื้อราตรีที่กำลังโยกย้ายท่ามกลางไฟหลากสี ชีวิตยามค่ำคืนของคนทั่วไปคือเวลาพักผ่อนและช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุดของวัน
แต่ไม่ใช่กับคนที่นี่
และยุนกิคิดว่าตัวเองเริ่มจะชินกับการใช้ชีวิตกลางคืนแบบนี้ไปเสียแล้ว เขาพยายามถามหาเหตุผลกับตัวเองเสมอว่า ทำไมทุกคืนเขาต้องพาตัวเองเข้ามาวนเวียนในสถานที่อโคจรที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วเขาก็ค้นพบว่าเขาอาจจะแค่เหงา หรือไม่เขาก็แค่ไม่อยากทนอยู่ในห้องคอนโดที่เต็มไปด้วยความทรงจำในอดีตระหว่างตนเองกับแฟนเก่าที่พึ่งจะเลิกกันได้สองเดือนหลังจากฉลองครบรอบเจ็ดปีได้เพียงสามวันเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ตอนนี้ยุนกิกำลังเสพติดกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้วแล้ว ชีวิตกลางคืนที่มีแก้วเหล้าและเพื่อนคุยเล่นแก้เหงาที่เปลี่ยนหน้าทุกวัน
เมื่อคืนอีกคนหนึ่งวันนี้อีกคนหนึ่ง
และแต่ละคนที่เข้ามาหาเขาก็เหมือนกันทุกราย ยุนกิรู้ดีว่าไม่มีใครที่เข้ามาทำความรู้จักเขาเพียงแค่อยากจะ’รู้จัก’ตัวตนเขาจริงๆ สายตานักล่าที่จ้องมองมายามนั่งสนทนาด้วยกันมันทำให้ยุนกิรู้สึกอึดอัดไม่หยอก แต่จะทำไงได้ก็เขาเหงาจริงๆนี่นา อย่างน้อยคนพวกนี้ก็เป็นเพื่อนคุยที่ดีและช่วยคลายเหงาให้เขาได้
แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม
คืนนี้เองก็เหมือนคืนก่อนๆ ร่างเล็กที่แสนจะสะดุดตาท่ามกลางความมืดเพราะผิวขาวซีดของเจ้าตัวกำลังนั่งดื่มเงียบๆอยู่คนเดียวที่บาร์ รอคอยใครสักคนเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับ”
“......”
“ผมเห็นคุณนั่งคนเดียวมานานแล้ว ไม่เหงาเหรอ”
ชายแปลกหน้าที่เดินเข้ามาทักทายเขาคืนนี้ถูกใจยุนกิไม่น้อย หน้าตาแสนหล่อเหลาและน่ารักในเวลาเดียวกัน ใบหน้าที่น่ารักเหมือนเจ้าหมาซามอย
ช่างน่าเอ็นดูนัก
แม้ภาพลักษณ์ภายนอกของจะดูเป็นมิตรมากขนาดไหน แต่นัยแววตาของผู้ชายกลับแพรวพราว เจ้าเล่ห์ และมีเสน่ห์เหลือล้น
“คุณก็เลยจะมาอาสานั่งเป็นเพื่อนผมเหรอ”
“ถ้าคุณอนุญาต”
ยุนกิอมยิ้มให้กับคำตอบที่ยั่วยวนกันอย่างมีชั้นเชิง ก่อนจะพยักหน้าให้แทนคำตอบ
“ผมแดเนียล ‘คังแดเนียล’”
คู่สนทนารีบแนะนำตนเองทันทีเมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคนตัวเล็กกว่า และแน่นอนว่ายุนกิเองก็แนะนำตัวเองกลับตามมารยาทที่พึงจะทำ
“ยุนกิ”
แดเนียลส่งยิ้มให้ยุนกิ ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าววิ่งมากองรวมกันที่แก้มของตนเอง ปฎิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่ารอยยิ้มนั่นมันทำให้ยุนกิเขิน แถมยังเป็นครั้งแรกที่ยุนกิเขินคนแปลกหน้าในผับ ก็บอกแล้วไงว่าคังแดเนียลน่ะตรงสเป็คผู้ชายแบบที่ยุนกิชอบ แค่เจ้าตัวขยับตัวนิดหน่อยยุนกิก็มองว่ามีเสน่ห์อันแสนเหลือร้าย ยิ่งตอนที่เจ้าตัวยกมือขึ้นมาเสยผมแทบจะทำเอาคนตัวขาวใจหยุดเต้น
“ทำไมคุณถึงมาคนเดียวละ แฟนไม่มาด้วยเหรอ”
ยุนกิรู้ดีว่านี่คือการถามว่ามีแฟนแล้วยังทางอ้อม
“หึ ไม่มา”
“จริงๆคือไม่มีแฟน โสด”
พูดจบยุนกิก็ส่งยิ้มหวานๆปิดท้ายให้คู่สนทนาก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมากระดกรวดเดียวหมด จะหาว่าเขากำลังหว่านเสน่ห์คนตรงหน้าก็ได้ เพราะเขากำลังทำ
แบบนั้นจริงๆ
“ผมพึ่งเลิกกับแฟนน่ะ”
“ก็เลยเอาความเจ็บมาลงกับเหล้าเหรอ”
“........”
“น่าสงสารจังเลย”
แม้ปากของเจ้าตัวจะพร่ำบอกว่าสงสารกัน แต่นัยตาคู่สวยนั้นกลับไม่มีแววตาของความสงสารเลยสักนิด แต่เป็นแววตาของคนที่กำลังรู้สึกสนุกเพราะเจอของเล่นที่ถูกใจ
และยุนกินั่นละที่เป็นของเล่นชิ้นนั้น
“งั้นผมขอเลี้ยงเหล้าคุณละกัน ถือว่าปลอบใจคนอกหัก”
“ไม่ใช่ว่าคุณจะมอมเหล้าผมเหรอ”
“ฮ่าฮ่า”
คังแดเนียลหัวเราะชอบใจกับคำพูดรู้ทันของอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าหวาน ใกล้มากจนยุนกิสัมผัสได้ถึงชมหายใจร้อนๆที่เจือกลิ่นแอลกอฮอลกับกลิ่นน้ำหอมแบรนด์เนมที่คนตัวโตใช้ และมันก็ช่างเป็นกลิ่นที่ช่างน่าหลงใหลเหลือเกินสำหรับคนดม
“ผมไม่ใจร้ายพอที่จะมอมคนน่ารักแบบคุณหรอก”
ยามที่อีกฝ่ายก้มหน้าลงมากระซิบข้างใบหูขนาดเล็กน่ารัก มันช่างชวนให้ใจสั่นเหลือเกิน ลมร้อนๆที่รดรินบนผิวขาวยามแดเนียลเอ่ยปากพูดมันทำให้เลือดลมของยุนกิทำงานดีขึ้นจนผิดปกติ
ดีมากเสียจนใบหูขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพู
“หึ ไม่เมาผมไม่เลิก เตรียมหมดตัวได้เลยคุณแดเนียล”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรวย”
ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก
“หรือคุณจะกินตัวผมไปด้วยก็ได้นะ รับรองเลยว่า’มัวเมา’คุณได้ยิ่งกว่าเหล้าในมือคุณอีก”
ร้ายเหลือเกินผู้ชายคนนี้
แล้วยุนกิก็ทำอย่างที่ตนเองพูดจริงๆ คังแดเนียลนั่งมองคนตัวขาวสั่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ดื่มโดยไม่มีพักเบรคจนเจ้าตัวเริ่มออกอาการเมา เนื้อตัวที่เคยเป็นสีขาวซีดแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนโดยเฉพาะตรงบริเวณแก้มใสที่ดูเหมือนว่าจะแดงกว่าบริเวณอื่น ยิ่งเจ้าตัวทำผมสีบลอนด์สว่าง มันช่างเสริมให้คนตัวเล็กเหมือนลูกแกะตัวน้อยน่าขย้ำสำหรับบรรดานักล่าทั้งหลาย
“คุณเมาแล้ว”
มือหนาพยายามยื้อแย่งแก้วเหล้าแก้วที่เท่าไม่รู้ในมือของคนตัวเล็ก แม้ยุนกิจะขัดขืนแต่ก็ไม่สำเร็จ ขนาดยามสติครบถ้วนยุนกิก็ไม่มีวันสู้ผู้ชายตัวใหญ่กล้ามแน่นแบบแดเนียลได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตอนเมาแบบนี้อย่าได้หวัง
“เงินหมดแล้วล่ะซี่”
ยุนกิใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่กระเป๋ากางเกงสเลคสีดำ เล่นเอาคนโดนคุกคามถึงกับสะดุ้ง เพราะเจ้าตัวดีเกือบจะจิ้มโดนสิ่งที่ไม่ควร
“เงินน่ะมีจ่ายพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”
“อะ อะ ระ”
แดเนียลไม่รอฟังประโยคที่ยุนกิต้องการจะสื่อ ทันทีที่ตนเองพูดจบมือหนาก็กระชากร่างเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อคนเมาโดนฉุดดึงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มันทำให้ยุนกิถึงกับเซยืนไม่อยู่ โชคดีที่มีอ้อมแขนแกร่งกอดรัดเขาไว้ไม่งั้นเขาได้ล้มนอนปากจูบกับพื้นแน่ๆ ยุนกิปล่อยให้คนตัวโตกว่าลากตัวเองไปเรื่อยๆด้วยความเต็มใจไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย ซึ่งมันแปลกมากจนเจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจตนเอง ยุนกิไม่เคยปล่อยตัวให้ใครมากขนาดนี้มาก่อน คนที่ผ่านมาก็แค่นั่งคุยด้วยแล้วก็จาก
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
หรือไม่ก็เป็นเพราะผู้ชายคนนี้คือคังแดเนียล
ผู้ชายที่มีเสน่ห์เหลือล้น
แต่จะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ยุนกิก็ไม่คิดจะหาคำตอบให้ตัวเองตอนนี้แน่นอน ร่างเล็กในอ้อมแขนแกร่งก้าวขาเรียวไปตามทิศทางการก้าวนำของคนตัวโตที่โอบตนเองไว้ จนในที่สุดทั้งคู่ก็หยุดลงตรงพื้นที่ว่างเล็กๆกลางฟลอร์ผับที่เต็มไปด้วยผู้คน พื้นที่เล็กๆกับคนจำนวนมาก ทำให้ทั้งสองร่างต้องเบียดชิดกันอัตโนมัติ เสียงดนตรีและคำตะโกนกเอนเตอร์เทนของดีเจในผับทำให้ยุนกิโยกตัวตามจังหวะบีทหนักๆด้วยความสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยามสติดีเขาชอบที่จะนั่งนิ่งๆมองดูผู้คนเต้นอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์เสียมากกว่า
แขนขาวเรียวยกขึ้นมาคล้องคอคนตัวสูงในขณะที่ฝ่ามือหนาก็ลูบไล้ไปตามลำตัวบอบบางกว่าผู้ชายทั่วไป ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสัดส่วนนาฬิกาทรายแบบหญิงสาวแต่ก็น่าหลงใหลไม่แพ้กัน ฝ่ามือซุกซนลูบไล้ลงมาเรื่อยๆจนหยุดลงที่เอวบางก่อนจะค่อยๆออกแรงดันแผ่นหลังเล็กให้แนบชิดลำตัวตนเองยิ่งขึ้น หากเป็นยามที่ยุนกิมีสติครบถ้วนเขาคงผลักร่างของแดเนียลออก แต่นี่คงเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลหลายสิบแก้วที่เขาดื่มไปเมื่อกี้ เขาจึงไม่ปฏิเสธการคุกคามที่ได้รับแถมยังรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ สนุกมากเสียจนเผลอตัวบดเบียดร่างกายของตนเองเข้ากับอีกคนจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถ้ายุนกิไม่ได้เมาเหล้า
เขาก็คงเมาผู้ชายที่ชื่อคังเดเนียล
ผู้ชายคนนี้สามารถมอมเมาเขาได้ดีเหมือนที่เจ้าตัวเคยกล่าวไว้
เสียงดนตรียังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดพัก เช่นเดียวกับสองร่างที่กำลังฟัดกันนัวเนียนกลางฟลอร์ไม่สนใจว่ารอบกายทั้งคู่จะมีผู้คนมากมายรายล้อม ริมฝีปากบางสีชมพูถูกฉกชิมความหวานนับครั้งไม่ถ้วน ยุนกิหอบหายใจรวยรินและถี่ เจ้าตัวไม่รู้ว่าที่ตนเองเหนื่อยเพราะโยกสะโพกตามเสียงเพลงหรือเพราะโดนผู้ชายที่ชื่อคังแดเนียลดูดพลังกันแน่
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะห้ามปรามคนที่กำลังรุ่มร่ามกับร่างกายของตนเองเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลยน่าจะดีกว่า
มีแต่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
และมากขึ้นไปอีก
‘พลั่ก’
เสียงแผ่นหลังเล็กกระแทกกับกำแพงดังไม่เบา แต่ยุนกิก็ไม่มีอารมณ์จะใส่ใจกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในเมื่อกามอารมณ์กำลังโหมสะพัดอย่างรุนแรง รสจูบที่มีความฝาดและขมของเหล้าติดตรงปลายลิ้นกำลังมัวเมาให้ยุนกิเผลอไผลและปล่อยตัวไปตามเกมส์รักของอีกคนที่ป้อนจูบให้เขาด้วยความเต็มใจ ใบหน้าหวานเชิ่ดขึ้นเพื่อเปิดทางให้คนตัวสูงคลอเคลียซอกคอของตนเองได้ ฝ่ามือขาวกำเสื้อเชิ้ตราคาแพงแน่นเพื่อระบายความรู้สึกร้อนรุ่มจนเกิดรอยยับตามเนื้อผ้าชั้นดี
“อะ อื้ออ”
น้ำเสียงห้าวที่ครางออกมา มันช่างหวานหูสำหรับคนฟังเหลือเกิน หัวใจของยุนกิเต้นรัวยามที่ฝ่ามือหนาร้อนสอดเข้ามาใต้ร่มผ้าลูบไล้ผิวเนียนนุ่ม บีบเคล้นตามเนื้อนิ่มจนเกิดรอยแดงรูปนิ้วมือ สัมผัสที่แสนหยาบโล้นและจาบจ้วง มันทำให้ยุนกิรับรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าตนเองนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนและรุนแรงขนาดไหนยามร่วมรัก
และเขาก็ชอบมันซะด้วย
ยุนกิไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่ตนเองสวมใส่นั้นถูกปลดกระดุมออกหมดทุกเม็ด ยามเสื้อแหวกออกจากกัน เผยให้เห็นผิวขาวและสัดส่วนท่อนบนจนแทบทุกตารางนิ้ว ยุนกิเอียงหน้าซบกับกำแพงหอบหายใจรินรวยยามเพราะร่างกายของตนเองกำลังโดนคนตรงหน้าแผดเผาจนแทบยืนไม่อยู่
แต่ก่อนที่อารมณ์จะถูกปล่อยให้ไหลไปตามความต้องการ ยุนกิกลับได้สติขึ้นมาได้ ทันทีที่ฝ่ามือของแดเนียลสัมผัสเข้ากับสิ่งที่กำลังตื่นตัวใต้ร่มผ้ากางเกงยีนส์สีซีด คนได้สติก็รีบคว้ามือของอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่สถานการณ์มันจะเลยเถิด
สิ่งที่เขาทำมันไม่ถูก
เขาไม่อยากมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า
“อะไรของคุณเนี่ย!”
แดเนียลตะคอกใส่คนตัวเล็กที่ยืนหอบหายใจพิงกำแพงด้วยสภาพท่อนบนหลุดรุ่ย จังหวะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพอโดนปฎิเสธมันก็ทำให้แดเนียลหงุดหงิดไม่น้อย
“ผมจะกลับ”
ถึงแม้จะมีอาการปวดหัวตึบๆโลกหมุนจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แต่เพราะสติที่ถูกดึงกลับมามันทำให้ยุนกิเลือกที่จะผลักไสอีกคนออกไปโดยไม่ลังเล
“จะไปไหน”
ร่างบางถูกกระชากแขนจนชนกับกำแพงเป็นครั้งที่สอง และคราวนี้มันก็เจ็บเสียจนยุนกิต้องนิ่วหน้า พอไม่มีอารมณ์กามปะทุ เขาก็รับรู้สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง
“ปล่อยผม”
ยุนกิพยายามขัดขืนและผลักอกแกร่งของร่างสูงที่บดเบียดเข้ามา แม้จะออกแรงมากแค่ไหนแดเนียลก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านและล่าถอยห่างแม้แต่น้อย แรงคนเมาจะไปสู้อะไรได้กับแรงของชายหนุ่มที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองร่างยืนฟัดเหวี่ยงกันโดยไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือยุนกิที่กำลังตกอยู่ในชะตากรรมแสนยากลำบากเลยสักคน เพราะบริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่เป็นบริเวณหลังร้านปลอดผู้คน
‘พลั่ก’
ร่างเล็กฮึดสู้ผลักอีกคนออกจากร่างได้สำเร็จพร้อมกับปล่อยหมัดเล็กใส่คนตัวโตโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
‘ผั๊วะ”
ใบหน้าหล่อเหลาหันตามทิศทางของหมัด ร่างใหญ่โซเซถอยห่างจากตัวยุนกิ ถึงหมัดจะไม่ได้หนักมากแต่มันก็ทำให้แดเนียลเจ็บไม่น้อย แล้วหัวใจของยุนกิก็ต้องกระตุกวูบยามดวงตาเรียวเล็กตวัดกลับมามองตัวเองอย่างเครียดแค้น หมัดใหญ่สมขนาดตัวถูกกำขึ้นโดยมีเป้าหมายคือใบหน้าหวานของคนตัวเล็ก จะหนียังไงก็หนีไม่พ้นแน่ๆ ยุนกิจึงเลือกที่จะหลับตาปี๋ด้วยความกลัวเตรียมรับความเจ็บปวดที่ตนเองจะต้องเผชิญอย่าไร้หนทางสู้
‘เคร้ง’
แต่ก่อนที่แดเนียลจะได้ลงไม้ลงมือกับยุนกิตามที่เจ้าตัวปราถนา เสียงเตะกระป๋องก็ดังขึ้น แถมยังลอยกระแทกใส่สีข้างของแดเนียลเต็มๆ คู่กรณีทีกำลังทะเลาะกันอยู่หันไปมองตามทิศทางที่กระป๋องลอยมาเพื่อหาบุคคลที่สาม
ขอบคุณพระเจ้า
ยุนกิได้แต่คิดในใจ
“เห้ย โทษทีพี่ ไม่คิดว่าจะเข้ามาขัดจังหวะ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างสูงคนหนึ่งจากความมืด แม้จะมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดแต่ยุนกิก็พอจะมองเห็นความเบ้าหน้าดีของอีกฝ่ายจากความเลือนลาง
“พอดีตีนมันลั่นน่ะ”
“......................”
“อ่าว กำลังทะเลาะกันหรอกเหรอ”
ยุนกิสามารถสัมผัสได้ถึงความยียวนกวนประสาทของผู้ชายคนนั้นจากน้ำเสียง เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาอยู่ร่วมในเหตุการณ์ แดเนียลค่อยๆปล่อยมือจากปกเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทของยุนกิ คนตัวสูงผละออกจากร่างเล็กโดยดีแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาคาดโทษให้ก่อนจะล่าถอยไป
“นี่พี่ ลืมรูดซิบกางเกงอ่ะ”
ชายคนดังกล่าวจับแขนแกร่งของแดเนียลที่เดินชนไหล่ตัวเองไว้พร้อมกับใช้สายตาก้มมองตามคำพูดของเจ้าตัว
“ระวังหน่อยซี่”
แดเนียลกระตุกยิ้มมุมปากให้ ก่อนจะใช้แขนสะบัดฝ่ามือของชายแปลกหน้าออกอย่างแรง เมื่อสถานการณ์เข้าสู่โหมดปกติ ยุนกิก็ไม่สามารถประคองตัวเองได้อีกต่อไป คนที่เข้ามาใหม่รีบวิ่งเข้ามาดูอาการเมื่อร่างเล็กล้มฮวบลงกับพื้น
“คุณโอเคหรือเปล่า”
ดวงตาเรียวเล็กมองใบหน้าคนที่เข้ามาประคองตัวเองด้วยแววตาหยาดเยิ้ม น้ำตาใสที่คลอเบ้าเพราะความตื่นตระหนกเมื่อครู่ ทำให้ยุนกิมองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ชัดอย่างที่ควรจะเป็น
“ขอบคุณ”
ประโยคขอบคุณกลายเป็นประโยคสุดท้ายที่ยุนกิพูดออกไปและใบหน้าเลือนลางก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ยุนกิมองเห็นก่อนที่โลกของเจ้าตัวจะมืดลง
=Taegientheworld=
ร่างเล็กที่กำลังนอนหลับสบายใต้ผ้านวมผืนใหญ่สีกรมพลิกกายหนีแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องรบกวนเวลานอนอันแสนมีความสุข ยุนกิคิดว่าเมื่อคืนเขาคงจะเมามากจนลืมปิดม่านอย่างที่ทำเป็นนิสัยปกติก่อนนอน
คนเรามักจะเปลี่ยนสันดานเสมอยามเหล้าเข้าปาก
และสุดท้ายแล้วยุนกิก็ต้องเด้งตัวขึ้นมานั่ง เพราะทนไม่ไหวกับแสงที่รบกวนการนอนของเขา แดดกรุงโซลนี่มันร้อนและแรงขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน แต่นั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ไออาการปวดหัวเหมือนคนเอาค้อนมาทุบศรีษะตนเอง ไออาการแบบนี้จะเกิดขึ้นเสมอหลังจากดื่มหนักเกินลิมิต หรือที่เขาเรียกกันว่า ’เมาค้าง’นั่นละ
และตอนนี้อาการดังกล่าวกำลังเล่นงานยุนกิเข้าเสียแล้ว ยุนกิถึงกลับต้องล้มตัวนอนลงบนเตียงนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับขย้ำผมสีบลอนด์ของตนเองระบายความทรมานที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
สาบานเลยว่าเขาจะไม่ดื่มเยอะแบบนี้อีกแล้ว
หลังจากอาการปวดหัวเริ่มบรรเทาลงเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อยเพราะยุนกิยังรู้สึกเหมือนโดนบีบกระโหลกอยู่ตลอดเวลา ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ และความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาในสมอง มันทำให้ยุนกิต้องปวดหัวยิ่งกว่าเดิม
ชิบหายแล้ว!
เขามาโผล่ในห้องนอนของใคร???
เขาจำอะไรไม่ได้เลย เขาจำได้แค่ว่าเขากำลังมีความสุขกับชายแปลกหน้าสักคนที่ชื่อ ชื่ออะไรกันนะ?
แดเนียล
ใช่ เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับผู้ชายที่ชื่อแดเนียล แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเขานั่นละที่ปฎิเสธสุดหล่อคนนั้น เราทะเลาะกันค่อนข้างหนักแล้วหลังจากนั้นก็มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเขา
แล้วยังไงต่อ?
“อ่าว คุณตื่นแล้วเหรอ”
แต่ก่อนที่ความคิดของยุนกิจะเตลิดไปไกลกว่าที่ควรเป็น ก็มีเสียงนุ่มทุ้มแสนคุ้นหูดังขึ้นเรียกสติดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความจริง ดวงตาเรียวเล็กจึงค่อยๆหันมองไปตามเสียงจนพบกับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนพิงประตูส่งยิ้มบางๆให้ยุนกิด้วยท่าทีสบายๆแต่โครตจะดูดี ในมือของเขาถือแก้วโกโก้ร้อน ที่ยุนกิรู้ว่าเป็นโกโก้ เพราะเขาได้กลิ่นๆหอมจากไอร้อนที่ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง
แต่แล้วยุนกิก็ต้องหน้าแดงเมื่อสังเกตเห็นว่าผู้ชายคนดังกล่าวนั้นนั้นกำลังยืนเปลือยท่อนบนโชว์ผิวแทนสุดเซ็กซี่ สวมใส่เพียงกางเกงวอร์มขายาวสีเทาแบรนด์กีฬาชื่อดัง แถมยังดึงร่นต่ำจนน่าใจหวิว ต่ำเสียจนเห็นกระดูกเชิงกรางที่มีรอยสักรูปปีกนกสีดำเล็กๆ แต่ความเซ็กซี่และน่าค้นหาไม่เล็กตามขนาด
ให้ตายเถอะ
ยุนกิไม่ได้อยากจะสังเกตหรือสำรวจร่างกายคนอื่นอย่างเสียมารรยาทหรอกนะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ชายคนนี้ มันดึงดูดสายตาของยุนกิมากเกินไป และมากเสียจนละสายตาไม่ได้ ภาพลักษณ์สุดแสนจะเซ็กซี่ของผู้ชายคนนี้ทำเอาระบบเลือดลมยุนกิทำงานดีแต่เช้าเลยทีเดียว
“ห้องน้ำอยู่ไหน”
แต่ก่อนที่จะเขินไปไกล ยุนกิก็รับรู้ได้ถึงคลื่นบางอย่างที่ตีขึ้นจากช่วงท้องขึ้นมาตรงบริเวณลำคอ พ่อหนุ่มหน้าตาดีขมวดคิ้วด้วยสีหน้างงงวย แต่ก็ชี้นิ้วบอกทางแทนคำพูด เมื่อได้คำตอบที่ต้องการยุนกิรีบวิ่งไปตามทิศทางที่เจ้าของห้องบอก
‘ปัง’
“อ้วกกกกกกกกกก”
เสียงประตูกระแทกผนังห้องน้ำดังลั่นตามด้วยเสียงอาเจียนที่ดังไม่แพ้กัน ดูแล้วสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร เจ้าของห้องตัดสินใจเดินไปดูอาการของคนตัวเล็กที่ตัวเองหิ้วปีกกลับมาเมื่อคืนด้วยความเป็นห่วง
“คุุณโอเคมั้ย?”
“.................”
“นี่ พูดอะไรหน่อยสิ”
“.................”
“คุณ”
“อ้วกกกกกกกกกกกก”
โอเค ‘แทฮยอง’ จะไม่ถามอะไรต่อละกัน
“ขอบคุณ”
ยุนกิเอ่ยขอบคุณเมื่อมือหนายื่นแก้วน้ำอุ่นให้ หลังจากยุนกิจัดการสำรอกทุกอย่างออกจากกระเพาะอาหาร เขาก็รีบจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง อาบน้ำสระผมเพื่อไล่อาการปวดหัวและเมาค้างที่แสนจะทรมาน ลำบากไปถึงเจ้าของห้องที่่ต้องหาผ้าขนหนู แปรงสีฟันและเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ยุนกิสวมใส่ ผู้ชายเจ้าของห้องที่ชื่อว่า ‘แทฮยอง’ คอยดูแลยุนกิอย่างดี ดีมากจนยุนกิเกรงใจและไม่รู้จะขอบคุณยังไง
“คุณนี่ เมื่อคืนก็อ้วกใส่ผม ตื่นมายังอ้วกใส่โถผมอีก”
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆอย่างอารมณ์ดี แม้ยุนกิจะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดแบบนั้นเพียงเพราะอยากจะแหย่เขาเล่น แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆที่ตัวเองกลายเป็นภาระทำให้แทฮยองลำบาก
กลายเป็นภาระให้กับคนที่ไม่รู้จักกันเฉย
“อ่ะนี่ กินซะ”
แทฮยองที่เดินหายไปในห้องครัวกลับมาพร้อมถ้วยโจ๊ก ก่อนจะวางลงบนโต๊ะกาแฟตัวเตี้ยตรงหน้ายุนกิที่นั่งกุมขมับอยู่บนโซฟากลางห้อง
“ขะ ขอบใจ”
“กินไหวมั้ยนี่ย หรือต้องให้ป้อน”
แทฮยองก็ยังคงเป็นแทฮยองคนอารมณ์ดี คอยแกล้งเหย้าแหย่ยุนกิทุกครั้งที่สบโอกาส ยุนกิไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าการกระทำของตนเองนั้นมันโครตไม่ดีต่อใจยุนกิเอาซะเลย รอยยิ้มกว้างสี่เหลี่ยม ใบหน้าหล่อเหลาประหนึ่งรูปปั้นที่พระเจ้าสรรสร้างมาอย่างดี น้ำเสียงนุ่มทุ้มแห่บพร่าสุดแสนจะเซ็กซี่ ไหนจะนิสัยซุกซนขี้แกล้งของเจ้าตัวอีก ทุกอย่างที่ประกอบรวมเป็นแทฮยองมันช่างกระตุ้นให้หัวใจของยุนกิเต้นเร็วและแรงมากเสียจนยุนกิกลัวว่าก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจของตัวเองจะเด้งหลุดออกมา
“ไหวน่า คุณเลิกแกล้งผมได้แล้ว”
ก่อนที่ผมจะหัวใจวายเอาเพราะเสน่ห์แสนเหลือร้ายของคุณ
“ครับๆ ไม่แกล้งแล้ว”
“......................”
“กินเยอะๆนะ กินให้หมดจะได้กินยา”
แทฮยองทำสิ่งที่ทำให้ใจยุนกิเต้นรัวกว่าเดิมด้วยการวางฝ่ามือร้อนๆบนลุ่มผมนุ่มนิ่มสีบลอนด์สว่าง ไออุุ่นจากมือแทฮยองแผ่ซ่านไปทั่วตัวของยุนกิ พฤติกรรมที่แสนอ่อนโยนแบบที่ยุนกิไม่ได้รับมาตลอดสองเดือนเต็มที่เลิกกับแฟนเก่า มันทำให้คนตัวเล็กใจสั่นอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
ผู้ชายคนนี้จะอันตรายต่อใจเกินไปแล้ว
ยุนกิคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนใจง่ายไปเสียแล้ว เมื่อคืนมีความรู้สึกดีกับผู้ชายอีกคนดีมากจนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับผู้ชายคนนั้น แล้วพอตื่นมาก็ใจสั่นกับผู้ชายอีกคน
นี่มันนิสัยของคนหลายใจชัดๆ
“ทำไมเมื่อคืนคุณถึงปฎิเสธผู้ชายคนนั้นละ”
แทฮยองถามขึ้นมาตอนที่เจ้าตัวนั่งมองยุนกิตักโจ๊กทานตาแป๋ว
“ถามทำไม?”
“ก็เขาทั้งหล่อทั้งดูดี ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณจะต้องปฎิเสธเขา”
“ฉันไม่อยากมีอะไรกับคนแปลกหน้า”
แทฮยองชะงักเล็กน้อยกับคำตอบของยุนกิิ ใบหน้าหล่อนิ่งสงบแต่เพียงแค่เสี้ยวนาทีก็แปรเปลี่ยนมาเป็นใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม
“แต่ตอนเต้นในผับ คุณแทบจะรวมร่างกับเขาแล้วนะ”
“ก็ตอนนั้นฉันเมา”
“อ่าห๊ะ”
“พอสติกลับมาฉันก็คิดขึ้นได้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ดี”
แทฮยองทำได้เพียงพยักหน้าหงึกๆปล่อยให้ยุนกิพูดอธิบายสถานการณ์เมื่อคืน
“แต่เดี๋ยวนะ นายรู้ได้ไงว่าฉันเต้นกับเขา”
“...................”
แทฮยองไม่ตอบอะไร เจ้าตัวเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมา ใจของยุนกิกระตุกวูบ มือไม้สั่นจนเกือบจะควบคุมไม่อยู่ เมื่อดวงตาคู่คมจ้องสบตาเขานิ่งๆครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากหนาจะยกยิ้มขึ้น
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และแพรวพราว
“จะไม่รู้ได้ไงละ ในเมื่อผมแอบมองคุณอยู่ตลอด”
จะผิดมั้ยนะถ้ายุนกิจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าแทฮยองสนใจในตัวเขา
= Taegientheworld =
ถ้าหากให้ยุนกิลิสรายชื่อผู้ชายที่นิสัยดีที่สุดในชีวิต เขามั่นใจว่า ‘คิมแทฮยอง’ จะต้องเป็นหนึ่งในรายชื่อนั้นพร้อมขีดเส้นใต้ด้วยปากกาสีแดง
นิสัยดีและโครตดีต่อใจ
ไม่ว่าพ่อเทพบุตรหน้าตาดีคนนี้จะมีนิสัยกวนประสาทและขี้แกล้งมากขนาดไหน มันก็ไม่ได้ทำให้ยุนกิรำคาญแทฮยองเลย มิหนำซ้ำมันทำให้เขาชอบแทฮยองมากขึ้นไปอีก ที่เขาว่ากันว่าคนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด ทฤษฎีนี้สามารถใช้ได้จริงสามารถพิสูจน์ได้จากกรณีศึกษาผู้ชายทีชื่อว่า ‘คิมแทฮยอง’
หลังจากวันนั้นที่แทฮยองช่วยยุนกิจากเงื้อมือพ่อหนุ่มนักรักยามราตรีสุดหล่อที่ชื่อว่าแดเนียล ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็พัฒนาขึ้น แต่ไม่ใช่ไปในทางโรแมนติกอย่างที่ยุนกิแอบวาดฝันไว้ในใจ มันเป็นเพียงความสัมพันธ์เชิงคนรู้จักกัน แม้ว่าแทฮยองจะชอบหยอดคำหวานให้ยุนกิใจสั่นเล่น แต่ยุนกิก็รู้ดีว่าเจ้าตัวไม่ได้คิดอะไร
มันก็แค่ลมปากของคนคารมดีขี้แกล้ง
แค่นั้นเอง
และดูเหมือนยุนกิจะต้องประสบพบเจอกับประสบการณ์ความรักที่เรียกว่า ‘รักข้างเดียว’ เข้าเสียแล้ว
“เที่ยวไม่พักเลยนะ พ่อคุณทูนหัว”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักขึ้นเมื่อมองเห็นร่างของคนที่ตนเองรู้จักและคุ้นเคยกันดีเดินตรงมาที่เคาเตอร์บาร์ ยุนกิกระตุกยิ้มให้แทฮยองเล็กน้อยเป็นการทักทาย ภาพของคนตัวเล็กมานั่งเฝ้าพ่อหนุ่มบาร์เทนเดอร์สุดหล่อของร้านกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทุกคืน เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์แล้วที่ยุนกิแวะมาวนเวียนที่บาร์แห่งนี้ ส่วนแรงจูงใจที่่ทำให้เขายอมลากสังขารตัวเองออกจากคอนโดน่ะเหรอ
ก็คือผู้ชายตรงหน้านี่ไง
“เครียดงาน”
“เครียดแล้วเอามาลงกับเหล้าทุกวันคงไม่ดีมั้ง”
“...............”
“ตับจะแข็งเอานะคุณ”
ยุนกิจ้องมองคนที่บ่นตัวเองเรื่องสุขภาพ แต่มือหนาของแทฮยองกลับเทของเหลวสีสดใสใส่แก้วแล้ววางมันลงตรงหน้าเขา
“นี่นายเป็นห่วงฉันจริงอ่ะ?”
“เป็นห่วงนะ”
ยุนกิเขิน ใครก็ได้ช่วยด้วย
“แต่อยากได้ทิปมากกว่า”
รอยยิ้มบนใบหน้าหวานอันตรธานหายไปทันทีที่ริมฝีปากหนาเอื้อนเอ่ยจบ แทฮยองยกยิ้มแล้วยักคิ้วใส่คนตัวเล็กที่ทำหน้ามุ่ยปากงอใส่ตัวเอง ก่อนคนขี้แกล้งจะเดินจากไปบริการลูกค้าที่เข้ามาใหม่
จริงๆแทฮยองก็เป็นห่วงละ แต่เขาแกล้งพูดไปแบบนั้นเพราะเขาชอบเวลายุนกิแสดงสีหน้าไม่พอใจ เจ้าตัวเล็กไม่รู้หรอกว่าใบหน้าหวานยามโกรธน่ะมันน่ามองและน่าแกล้งมากขนาดไหน
“รับอะไรดีครับ”
ยุนกิมองตามแผ่นหลังหนาที่เดินจากไป คิมแทฮยองกำลังให้บริการลูกค้าสาวแสนสวยสองรายที่มองแว๊บเดียวก็รู้ว่าเหตุผลที่ทั้งคู่เดินมาสั่งเครื่องดื่มนั้นคือต้องการที่จะสนทนากับบาร์เทนเดอร์รูปหล่อของร้าน
แทฮยองในเวลาทำงานนั้นดูดีและฮอตมากกว่าช่วงเวลาปกติเป็นสองเท่าตัว ร่างกายสูงโปร่งไม่หนาแต่ก็ไม่ผอมจนเกินไปส่งให้เจ้าตัวใส่ชุดอะไรก็ดูดี แม้จะสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบนกับกางเกงยีนส์สีดำขาดเข่า คิมแทฮยองก็ยังดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์เหลือล้น ไหนจะใบหน้าหล่อเหลามักจะยิ้มแย้มต้อนรับแขกเสมอ ยุนกิไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมแทฮยองถึงป๊อปนักในหมู่นักเที่ยวกลางคืน
คนตัวเล็กนั่งเท้าคางจ้องมองแทฮยองทำงานด้วยความหลงใหล ทุกอย่างของแทฮยองมันช่างลงตัวและดึงดูดสายตา พระเจ้าช่างใจร้ายเหลือเกิน เพราะการสร้างผู้ชายที่โครตจะเพอร์เฟ็คและสมบูรณ์แบบไร้ที่ติแบบนี้ขึ้นมาบนโลก
มันเป็นการไม่ปราณียุนกิชัดๆ
ยุนกิพึ่งสังเกตเห็นว่าผมที่เคยสีน้ำตาลเข้มของแทฮยองถูกย้อมกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนคาราเมลจนเกือบทอง สีผมใหม่ที่ถูกเซตเข้าทรง มันช่างส่งให้ใบหน้าหล่อเหลาดูดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว ว่าแต่แอบไปย้อมตอนไหนกันนะ เมื่อคืนยังผมดำอยู่เลยนี่นา
คนตัวเล็กจ้องมองร่างสูงพูดคุยกับลูกค้าสาวสองคนอย่างออกรสด้วยสีหน้านิ่งๆ เอาจริงๆก็ไม่พอใจนั่นละ แต่ยุนกิก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิที่จะไปห้ามหรือหึงหวงอะไรแทฮยองอยู่แล้ว จึงทำได้เพียงแค่นั่งมองทั้งสามในมุมเงียบๆของตนเอง แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ยุนกิไม่ลุกขึ้นโวยวายเพราะเขารู้ดีว่าแทฮยองไม่สานสัมพันธ์กับผู้หญิงพวกนั้นอยู่แล้ว ตั้งแต่เขารู้จักแทฮยองเจ้าตัวไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกค้าไหนเลย
ซึ่งรวมถึงยุนกิด้วย
แม้มันจะน่าผิดหวัง แต่ก็เอาเถอะ เพราะอย่างน้อยถึงเขาไม่ได้แทฮยองก็ไม่มีใครได้เหมือนกัน
จะว่าไปแทฮยองค่อนข้างแตกต่างจากสิ่งที่เขาคาดคิดไว้ แทฮยองไม่มั่ว ไม่ใช่ผู้ชายล่าเหยื่อ ไม่เก็บแต้ม ไม่มีเซ็กส์กับใครง่ายๆถึงแม้ว่าจะมีคนมากมายเข้ามาเสนอตัวให้ก็ตาม
“นี่คุณบาร์เทนเดอร์”
“หือ?”
ตอนนี้บรรยากาศในผับเริ่มเงียบสงบ ผู้คนที่เคยหนาแน่นเริ่มเบาบางลง เข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะเป็นช่วงเวลาของเช้าวันใหม่และผับแห่งนี้กำลังจะปิดในอีกไม่ช้า
“เลิกงานแล้วไปไหนมั้ย?”
“กลับคอนโด”
“ถ้าฉันจะชวนนายไปขับรถเล่น จะไปหรือเปล่า”
ใจของยุนกิสั่นและคาดหวังกับคำตอบ
“อื้ม ไปสิ”
แค่ตอบตกลงเฉยๆก็ได้ไม่ต้องยิ้มหวานให้
ใครก็ได้ช่วยสะกิดแทฮยองหน่อยว่าอย่ายิ้มให้คนใจง่าย
หลังจากแทฮยองเลิกงานเสร็จปุ๊ป แทฮยองและยุนกิก็มุ่งหน้าเดินตรงไปที่ร้านฟาสฟู๊ดสัญลักษณ์รูปตัวMที่เปิดบริการ24ชม.ตรงข้ามบาร์ที่แทฮยองทำงานอยู่ เพื่อจะหาอะไรรองท้องประทังความหิวก่อนที่จะไปขับรถเล่นตามความตั้งใจในตอนแรก ทั้งๆที่ยุนกิเป็นคนชวนแทฮยอง หมายมั่นตั้งใจว่าจะเป็นคนขับรถพาคนหน้าหล่อตระเวนรอบกรุงโซลยามคำคื่น แต่สุดท้ายแล้วคนตัวเล็กก็กลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งข้างคนขับเสียเอง แทฮยองอ้างเหตุผลว่ายุนกิพึ่งจะดื่มมาดังนั้นจึงไม่ปลอดภัยสำหรับคนใช้ถนนร่วมกัน นอกจากนี้เจ้าตัวยังอ้างอีกว่าอยากมีจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงวันพรุ่งนี้ ยุนกิจะไม่หมั่นไส้เลยหากแทฮยองไม่พูดทุกประโยคกับเขาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนเบื้องล่าง
นี่กะจะกวนกันไม่เลิกใช่มั้ยคิมแทฮยอง!!!
แต่จะว่าไปนั่งเฉยๆ เปิดกระจกรับลมเย็นยามค่ำคืน
มันก็สบายดีนะ
หลังจากขับรถเล่นไปเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายจนหนำใจแล้ว แทฮยองก็หยุดรถตรงแถวบริเวณสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮัน บรรยากาศยามค่ำคืน แสงไฟสีส้มสว่างสไวสะท้อนบนผืนน้ำ
มันช่างสวยงามและน่าดึงดูดเหมือนคนที่ยืนข้างกายยุนกิในตอนนี้
ทั้งสองร่างยืนพิงกระโปรงรถยุโรปสีขาวราคาแพงของคนตัวเล็ก โดยไม่มีใครเอ่ยเริ่มต้นบทสนทนา มีเพียงเสียงกิ่งไม้เกี่ยวกันยามลมพัดเบาๆเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาทั้งคู่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย และทุกครั้งที่สายลมปะทะเข้ากับใบหน้าของยุนกิ เขาก็จะได้กลิ่นน้ำหอมที่ชวนให้ใจสั่นของแทฮยองโชยมาเสมอ
“คุณอยากดื่มอะไรมั้ย?”
เป็นแทฮยองที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“เบียร์เย็นๆสักกระป๋องก็คงดี”
“เมื่อกี้คุณพึ่งจะดื่มไปนะยุนกิ”
“ดื่มอีกสักกระป๋อง มันไม่ทำให้ฉันเมาหรอกน่า”
“ถ้าคุณเมาจนขับรถกลับไม่ไหวขึ้นมาจะทำยังไง?”
“นายก็ขับแทนฉันไง”
“ผมไม่ขับไปส่งคุณหรอกนะ ขี้เกียจ”
“ฉันนอนห้องนายก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ไม่ให้นอนหรอก”
“.......................”
“กลัวอดใจไม่ไหวแล้วเผลอปล้ำคุณ”
พูดจบแทฮยองก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มบางๆที่ปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลา ทิ้งให้ยุนกิยืนนิ่งและเขินไปกับประโยคหยอดรุกแรงของเจ้าตัว แทฮยองมักจะทำแบบนี้กับยุนกิเสมอ พูดจาหยอกเหย้าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแสนมีเสน่ห์ให้ยุนกิใจเต้นแรงแล้วก็เดินจากไป
ไอคนนิสัยไม่ดี!
ไม่นานนักร่างสูงก็เดินกลับมาพร้อมกับแก้วกระดาษในมือหนึ่งแก้วและถุงมินิมาร์ทหนึ่งถุง ยุนกิได้กลิ่นโกโก้ลอยตามลม มือขาวเอื้อมออกไปหมายมั่นจะรับแก้วกระดาษที่บรรจุของเหลวร้อนจากมือแทฮยอง แต่ก็ผิดคาดเพราะสิ่งที่แทฮยองยื่นให้เขากลับไม่ใช่โกโก้แต่เป็น
“นมกล้วย?”
ใช่ แทฮยองยื่นกล่องนมกล้วยสีเหลืองพาสเทลที่เจ้าตัวหยิบจากออกจากถุงมินิมาร์ทส่งให้ยุนกิ
“กินนี่ละ ดื่มนมก่อนนอนจะได้โตไวๆไงคุณ”
“ฉันว่าฉันหยุดโตสักพักละนะ”
“เหอะน่า กินๆไปเหอะ ไหนๆก็ซื้อมาละ เสียดาย”
แล้วคนผิวเข้มก็พูดตัดจบบทสนทนา ไม่เว้นว่างให้ยุนกิได้เอ่ยปากเถียงเจ้าตัวได้ ขายาวก้าวเดินผ่านหน้ายุนกิไปก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงที่กระโปรงรถข้างกายคนตัวเล็กอย่างเดิม แล้วยุนกิจะไม่คิดอะไรเลยนะ จะไม่ใจสั่นไหว จะไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ถ้าหากแทฮยองไม่เอามือหนาทาบทับลงบนมือของเขา
ฉวยโอกาสว่ะ
แถมยังชอบทำให้ใจสั่นอีกต่างหาก
เวลาที่เรามีความสุขมักจะผ่านไปเร็ว ยุนกิเชื่อประโยคนี้อย่างสุดหัวใจ เขากับแทฮยองนั่งดื่มโกโก้และนมกล้วยท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและสวยงามของวิวแม่น้ำฮัน เขาแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน ทำความรู้จักกันมากขึ้นผ่านเรื่องเล่าของอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน รู้ตัวอีกทีตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฎเลขสามเสียแล้ว
แทฮยองและเขาเห็นพ้องตรงกันว่าเวลานี้เราทั้งคู่ควรจะแยกย้ายกลับไปนอนพัก หลังจากที่ใช้พลังทำงานมาตลอดทั้งวัน ขากลับแทฮยองก็ยังคงรับหน้าที่เป็นสารถีเหมือนในตอนแรก แทฮยองขับรถยุนกิวนกลับมาที่บาร์เพื่อกลับมาเอารถของตนเองที่จอดทิ้งไว้ ทันทีที่ล้อรถจอดนิ่งสนิท ดวงตาคมที่เคยจับจ้องท้องถนนก็ละสายตาหันมามองคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับด้วยแววตาที่ยุนกิอ่านไม่ออก แต่อยู่ดีๆฮยองหันมาจ้องกันแบบนี้ มันทำให้ยุนกิทำตัวไม่ถูก
‘ตึกๆ’
‘ตึกๆ’
ยุนกิได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวเป็นจังหวะแข่งกับเสียงเคาะนิ้วกับพวงมาลัยของคนที่จ้องหน้าเขานิ่ง
“หน้าแดง”
แทฮยองพูดแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ ส่วนคนที่โดนรุกคืบก็เขยิบหนีตามสัญชาตญาณ แต่ยุนกิคงจะลืมไปว่าตนเองไม่มีพื้นที่ให้หนีไปไหนไกล ทันทีหลังเล็กกระแทกกับประตูรถ ยุนกิก็รู้ทันทีว่าตนเองจนมุมเข้าเสียแล้ว ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องใบหน้าแทฮยองที่ใกล้ชิดกับใบหน้าตัวเองมากเสียจนน่าใจหาย นี่เป็นครั้งแรกที่ยุนกิได้มองหน้าแทฮยองในระยะประชิด และมันทำให้เขารู้ว่าผู้ชายคนนี้ดูดีชนิดที่แบบไร้ที่ติ ทุกอย่างบนใบหน้าได้สัดส่วนดูดีไปเสียทุกมุม
ยิ่งมองใกล้ๆก็ยิ่งหล่อ
“ขอบคุณนะสำหรับคืนนี้”
ลมหายใจร้อนๆกระทบกับพวงแก้มใสสีแดงจัดยามที่ริมฝีปากหนาเอื้อนเอ่ย ไม่ไหวแล้ว ยุนกิรู้สึกว่าใจตัวเองเต้นเร็วจนจะทะลุออกมาเสียให้ได้
“อื้ม”
เสียงแหบห้าวขัดกับใบหน้าหวานเอ่ยตอบรับคำขอบคุณของแทฮยองในลำคอ
“ขยับออกไปได้มั้ย”
ยุนกิพูดเสียงแผ่วเบา ถึงปากจะบอกให้แทฮยองถอยห่าง แต่มือเล็กกลับกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของแทฮยองแน่นแล้วก็ยิ่งแน่นเข้าไปอีกเมื่อปลายจมูกโด่งสัมผัสลงบนพวกแก้มใส
ไม่ไหวแล้ว
ยุนกิจะหัวใจวายตาย
“ทำไมอ่ะเขินเหรอ?”
เออเขิน
น้ำเสียงทุ้มแห่บพร่ากระซิบใกล้ ใบหน้าหล่อเอียงเล็กน้อยก้มมองลูกแมวในกำมือที่ก้มหน้าลงไม่กล้าเงยขึ้นสบตา
“อึดอัดต่างหาก”
“หึ”
แทฮยองหัวเราะในลำคอกับคำตอบแก้เขินของยุนกิ
คนอะไรช่างน่าหมั่นเขี้ยว
น่าขย้ำขนาดนี้
แทฮยองยังคงแกล้งยุนกิไม่หยุด ใช้ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนตามใบหน้าหวานทุกครั้งที่ยุนกิขยับหนี ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นอย่างร้ายกาจ เสือหนุ่มรู้สึกสนุกในใจไม่น้อยยามไล่ต้อนเหยื่อตัวน้อยที่ไร้หนทางสู้ ไร้ทิศทางหนีแต่ก็ยังรั้นที่จะหนี และทันทีที่ลูกแมวตัวน้อยหยุดนิ่ง ยอมศิโรราบ คิมแทฮยองก็เลือกที่จะจัดการละเมียดละไมชิมความหวานของเหยื่อตรงหน้า
โดยเริ่มจากริมฝีปากสีชมพูสดแสนเย้ายวน
ยุนกิตัวนิ่งแข็งทำอะไรไม่ถูก เมื่อตนเองถูกแทฮยองจู่โจมโดยไม่ทันได้เตรียมใจ ริมฝีปากหนาบดเบียดเข้ามาแนบชิดเสียจนใจกระตุกวูบ ลิ้นร้อนๆไล้เลียริมฝีปากเนื้อนิ่มอวบอิ่มของยุนกิอย่างละเมียดละไม เป็นการขออนุญาตเข้าไปสำรวจโพรงอุ่น แล้วยุนกิก็เต็มใจเปิดปากให้แทฮยองแม้ว่าสมองของตนเองจะว่างเปล่าและไม่สามารถประมวลความคิดใดๆได้ เสียงริมฝีปากดูดดึงกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความเงียบสงบ มือหนายกขึ้นมาประคองใบหน้าหวานให้ปรับมองศาตามที่ตนเองต้องการเพื่อรับสัมผัสได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แม้มันจะไม่ใช่จูบแรกของยุนกิ
แต่มันก็ทำให้ใจเต้นรัวได้ไม่แพ้กัน
ดวงตาเรียวเล็กคู่สวยปิดลงแสดงถึงความสมยอมคนที่กำลังป้อนสัมผัสลึกซึ้ง ให้ตนเอง มือขาวจากทีเคยกำเสื้อของแทฮยองแน่นก็เปลี่ยนเป็นลูบไล้ตามแผงอกแกร่งอย่างเผลอไผล ปล่อยตัว ปล่อยใจไปตามความรู้สึกหวาบหวามที่อีกฝ่ายป้อนให้โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
“อืมม”
เสียงทุ้มต่ำของแทฮยองครางในลำคอยามที่ฝ่ามือขาวลูบไล้เข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตนเอง สัมผัสแผงอกแน่นตรงๆไม่มีเนื้อผ้าขวางกั้น ดูเหมือนเจ้าแมวตัวน้อยของเขาจะเริ่มเครื่องติดเสียแล้ว แถมเจ้าตัวก็ยังมือไวมากจนน่าใจหวิว
‘พลั่ก’
เสียงแขนเรียวขาวกระแทกกระจก ยุนกิโดนแทฮยองรวบแขนไว้ด้วยมือข้างเดียวของเจ้าตัว แล้วริมฝีปากหนาก็ละออกจากอวัยวะเดียวกันของคนตัวเล็ก แต่ก็ไม่ได้จะล่าถอยห่างไป จมูกโด่งไล้ลงตามพวงแก้มใสลงมาเรื่อยๆจนถึงซอกคอขาว ลมหายใจร้อนที่เป่ารดรินผิวหนังทำเอายุนกิถึงกับเกร็งหน้าท้อง ร่างเล็กบิดไปมาด้วยความทรมานและเสียวซ่านที่เกิดขึ้นกับร่างกายตนเอง
“อย่ายั่วกัน เดี๋ยวจะเลยเถิด”
แล้วไอการที่ใช้จมูกซุกไซ้ลำคอเขา พร้อมกับริมฝีปากร้อนที่พรมจูบไปทั่วนี่ไม่เลยเถิดจริงดิคิมแทฮยอง?
“งั้นก็ อื้ม ยะ ยะ หยุด เซ่”
เอ่ยห้ามปรามเสียงกระเส่าเพราะโดนคุกคามอย่างหนัก ริมฝีปากที่เคยซุกซนอยู่แถวบริเวณซอกคอเริ่มไล้ต่ำลงเรื่อยๆจนถึงแผงอกขาว มือข้างที่ว่างอยู่ก็ทำหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อของคนตัวเล็ก แต่เมื่อเครื่องของแทฮยองกำลังร้อนและรู้สึกว่าการไล่ปลดทีละเม็ดนั้นช้าเกินไป มือหนาก็จัดการดึงจนกระดุมหลุดออกทั้งแผง
สถานการณ์เริ่มอันตราย
เสี่ยงต่อการเสียตัวบนรถเหลือเกิน
“อะ อ๊ะ อื้ออ”
เสียงแหบห้าวครางออกมาอย่างเหลืออด ยามที่ยอดอกสีชมพูถูกครอบครองด้วยโพรงปากร้อน แขนขาวขยับดิ้นด้วยความเสียวซ่าน แต่เพราะถูกฝ่ามือหนามัดไว้แน่นเนื้อตัวของยุนกิที่ซีดเซียวแปรเป็นสีแดงรูปรอยนิ้วมือของแทฮยอง ไออาการบิดเร้าและลำตัวอยู่ไม่นิ่งทำให้แทฮยองรู้ดีว่ายุนกิกำลังทรมาน
เเละเขาเองก็เป็นเหมือนกัน
แขนเรียวโอบรอบลำคอของแทฮยองทันทีที่โดนปล่อยให้เป็นอิสระ ฝ่ามือหนาสีแทนค่อยๆลูบไล้จากแผงอกขาวที่กระเพื่อมแรงตามอัตราการหายใจที่ถีกว่าปกติของคนตัวเล็กลงมาเรื่อยจนถึงท้องน้อย ส่วนฝ่ามืออีกข้างก็ดึงเสื้อเชิ้ตของยุนกิลงมากองตรงช่วงแขน แม้ท่อนบนจะไม่ได้เปลือยหมดแต่มันก็มากพอที่จะโชว์ให้เห็นสัดส่วนขาวเนียนหน้าหลงใหลให้แทฮยองได้เชยชม ใบหน้าหวานเชิ่ดกระตุกขึ้นอย่างแรงจนศรีษะกระแทกกับกระจกรถยามที่คนขี้แกล้งจงใจใช้นิ้วชี้ปัดผ่านยอดอกที่ชูชันขึ้นสู้มือ
“ฮะ อะ ฮือออ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงครางทรมานของคนโดนกระทำ ยิ่งทำให้ไฟกามอารมณ์ในตัวแทฮยองโหมสะพัดสูงขึ้น ริมฝีปากร้อนพรมจูบทั่วร่างกายขาวเนียนแสนเย้ายวนแล้วค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยจนถึงหน้าท้องบางที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยยามที่เจ้าแมวตัวขาวกระตุกตัวเกร็ง
ปฎิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าแทฮยองชอบทุกอย่างของยุนกิ ชอบร่างกายอ้อนแอ้นกว่าชายปกติที่แสนจะบอบบางแต่กลับนุ่มนิ่มไปทุกส่วนที่ได้สัมผัส เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นยุนกิช่างปลุกปั่นอารมณ์ดิบของแทฮยองได้ดีเหลือเกิน
และดีจนเกินไปด้วย
“แฮ่กๆ”
ริมฝีปากสีชมพูหอบหายใจอย่างอ่อนแรง ยุนกิรู้สึกเหนื่อยเหมือนกับตนเองพึ่งวิ่งรอบสนามบอลเสร็จยังไงยังงั้น ทั้งๆที่ตัวเองแค่นั่งเฉยๆให้อีกฝ่ายเล่นสนุกกับร่างดาย
“แท ทะ แท อื้อ แทฮยอง”
เสียงห้าวครางชื่อคนที่กำลังเติมเต็มความสุขให้ตนเองซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนเสียสติ มือขาวสอดเข้าไปใต้ลุ่มผมสีน้ำตาลคาราเมลก่อนจะใช้เล็บสั้นขบจิกทึ้งผมแทฮยองอย่างแรง ยามความเสียวซ่านตีขึ้นมารวมกันตรงบริเวณหน้าท้องที่โดนลิ้นร้อนไล้เลียจนเปียกชุ่ม
“อ๊ะ อื้อ แทๆ”
คราวนี้เสียงเรียกชื่อกลับไม่ใช่เสียงครางกระเส่าแบบที่ผ่านมา ฝ่ามือขาวทุบรัวๆตรงหลังของแทฮยองเพื่อบอกให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำทุกอย่างซะ เพราะยุนกิเห็นร่างของรปภ.กำลังเดินตรงมาที่รถของตนเอง
“พะ พะ พอก่อน”
“ฮืออออออ”
“มะ มีคนมะ มะ”
‘ก๊อกๆ’
เอ่ยห้ามไม่ทันเสียแล้ว รปภ.คนที่ยุนกิเห็นเดินเข้ามาเคาะกระจกรถพวกเขาเสียแล้ว เสียงขัดจังหวะทำให้แทฮยองได้สติกลับมาหยุดการกระทำทุกอย่าง
“ใส่เสื้อซะ”
แทฮยองสั่งยุนกิ โชคดีที่รถของยุนกิเป็นฟิล์มสีดำทึบและบริเวณที่จอดรถก็ค่อนข้างมืด ทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็นข้างในชัด เห็นก็เพียงเงาลางๆเท่านั้น แต่ยังไงมันก็น่าอายอยู่ดีสำหรับยุนกิ
“คุณครับ ห้ามจอดรถค้างคืนนะครับ”
“อ๋อครับ ผมแค่แวะมาเอารถน่ะ”
แทฮยองยืดตัวเองให้ตัวใหญ่และสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ระหว่างที่สนทนากับรปภ เพื่อบังร่างเล็กที่กำลังรีบใส่เสื้อตัวเองมือไม้สั่จนใส่ไม่เสร็จเรียบร้อยเสียที
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่เคลียร์กับรปภเสร็จเรียบร้อยแล้ว แทฮยองก็หันมาช่วยยุนกิจัดการเสื้อผ้าของเจ้าตัวให้ความเรียบร้อย มือหนาจัดปกเสื้อเชิ้ตให้คนตัวเล็กแล้วก็ฉวยโอกาสจุ๊บลงริมฝีปากสีชมพูแล้วผละอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่โดนฉวยโอกาสก็ได้แต่อ้าปากค้างพะงาบๆ
“กู้ดไนม์คิสครับ”
คิมแทฮยอง!!!!
ไอคนฉวยโอกาส!!!!!!!!
= Taegientheworld =
TALK W. ME
มาแปะก่อน40% พ่อพระเอกของเราเปิดตัวแล้ว
เปิดตัวได้หล่อมากเว่อร์ด้วย 5555555
กลายเป็นฮีโร่ขี่ม้าขาวมาช่วยนายเอกที่โดนรังแก
จะเป็นยังไงกันต่อไป ฝากติดตามด้วยนะคะ
ไปหวีด ขอฟิคสั้นกันได้ที่ #โลกของแทกิ ค่ะ
______________________________________
ตอนแรกตั้งใจจะแต่งเรื่องนี้เป็นOS
แต่แต่งไปแต่งมาเรื่องมันยาวเฉยเลย
ไรต์เลยตัดสินใจแบ่งเป็นSFสั้นๆ2ตอนค่ะ
นี่พยายามแล้วที่จะไม่แต่งให้มีฉากเรท
เพราะไม่อยากให้มีฉากอย่างว่าเยอะเกินไป
แต่สุดท้ายแล้วก็มีจนได้ ต้องโทษความบาปของตัวเอง
ส่วนพี่เสือนี่ต้องใจเย็นๆนะคะ เห็นนิ่งๆนี่ก็ร้ายไม่เบา
ร้ายมากจนจะจับเจ้าแมวลงท้องกลางพื้นที่สาธารณะ
ถ้าไม่มีคุณพี่รปภ.มาขัดก็คง………………….
อุ้ยยย ไปดีกว่ายิ่งอยู่ยิ่งกาม 5555
ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นนะคะ รักรีดค่ะ
#โลกของแทกิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เขินหนักมาก
-////-
-////-
ฮือๆๆๆๆมันเขินไปหมดพี่เสือร้อนแรงมาก ไม่ผิดที่ยุนกิจะใจง่ายนะ☺