ตอนที่ 10 : Special Part : #พยูนเกยเต้ 26.2
Special Part : #พยูนเกยเต้ 26.2
บรรยากาศภายในคอนโดหรูเงียบสงบ มีเพียงแค่เสียงน้ำไหลเท่านั้นที่โสตประสาทการฟังของผมได้ยิน หลังจากที่ผมและพี่พยูนทานโจ๊กเสร็จ ผมก็เก็บถ้วยของเราทั้งคู่มาล้างเงียบๆ ส่วนพี่ยูนหลังจากที่กินโจ๊กเสร็จก็นอนพักสายตาอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่นโดยมีเจ้ากาแฟตัวน้อยคอยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง พอต้องมาเผชิญหน้ากันหลังจากเลิกกัน มันปฎิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่า
ระหว่างเรามันค่อนข้างอึดอัด
มันอึดอัดและน่าเขอะเขินไปเสียหมด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำอะไรหรือพูดอะไรดี เพราะนี่เป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของเราหลังจากที่ผมบอกเลิกเขาและหลังจากที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่ผมเมื่อคืน แล้ววันนี้แม้ว่าผมจะใช้เวลาอยู่กับพี่พยูนมาเกือบครึ่งค่อนวันแล้ว แต่เราสองคนก็คุยกันนับประโยคได้ส่วนมากกก็จะเป็นประโยคเดิมๆอย่างเช่น พี่ยังปวดหัวมั้ยครับ
ตอนที่เรานั่งทานโจ๊กฝั่งตรงข้างกัน ผมสังเกตเห็นว่ามีหลายครั้งที่คนตัวเล็กอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวจับจ้องมองผมพร้อมกับเม้มริมฝีปากสีชมพูอ่อนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเวลาที่ต้องใช้ความคิด และเมื่อดวงตาของเราประสานกันด้วยความไม่ตั้งใจ พี่พยูนสบตาผมชั่วครู่ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการโจ๊กที่อยู่ตรงหน้าต่อ
เขาทำราวกับว่าผมไม่มีตัวตน
ซึ่งนั่นมันก็ดีแล้วครับ เพราะผมเองก็ไม่วางตัวไม่ถูกเหมือนกัน
เมื่อล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกจากโซนห้องครัวตรงมาที่โซฟากลางห้องนั่งเล่นที่ บนโซฟาปรากฎร่างของพี่พยูนและเจ้ากาแฟนกำลังนอนข้างๆกันไม่ห่าง ช่วงนี้เจ้ากาแฟติดพี่ยูนแจ เรียกได้ว่ามีพี่ยูนที่ไหนต้องมีเจ้าตัวเล็กที่นั่น ตามติดป๊าเล็กจนไม่สนใจป๊าใหญ่เลยเจ้าลูกคนนี้
จะว่าไปมันก็แปลกดีนะครับ ทั้งๆที่เราสองคนเลิกกันแล้วแต่หลายๆอย่างมันยังเหมือนเดิม ผมยังเมมชื่อไลน์เขาว่าป๊าเล็กกาแฟเหมือนตอนที่เราสองคนยังคบกัน วอลเปเปอร์ของหน้าจอโทรศัพท์ผมก็ยังเป็นรูปใบหน้ามุ่ยๆของคนตัวขาวที่ผมแอบถ่ายไว้ตอนที่เราอยู่ด้วยกััน รวมไปถึงรูปในไอจีของผมก็ยังคงเต็มไปด้วยรูปของพี่ตัวเล็กคนนี้ ผมไม่เคยลบรูปความทรงจจำของเราสองคนออกแม้แต่รูปเดียว
ไม่แปลกถ้าคนอื่นนอกจะคิดว่าเรายังคบกัน
“พี่ยูน”
“..........”
“พี่ครับ ไปนอนในห้องนะ”
ผมพยายามเรียกคนตัวเล็กที่นอนหดตัวเป็นก้อนกลมอยู่บนโซฟาแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคนตรงหน้า ผมจึงเอื้อมมือไปแตะบ่าเล็กๆ หวังว่าสัมผัสเบาๆของผมจะช่วยปลุกอีกคนจากห้วงนิทรา แต่สุดท้ายพี่ยูนก็ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
หลับลึกเหมือนเคย
เมื่อปลุกทุกวิถีทางแล้วคนขี้เซาตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีที่จะตื่น ผมจึงค่อยๆโน้มตัวลงไปอุ้มร่างคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอน ศรีษะทุยๆซุกเข้าหาผมอย่างออดอ้อนอย่างลืมตัว ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกินผู้ชายคนนี้ ก็นั่นละครับอย่างที่ผมเคยบอกทุกคนละครับว่าสำหรับผมพี่พยูนคือสิ่งที่น่ารักที่สุดในโลกใบนี้
ถึงแม้เราจะเลิกกันแล้ว
แม้ว่าเวลาจะเปลี่ยนไป
พี่ยูนก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
ผมค่อยๆวางร่างเล็กบนเตียงขนาดใหญ่ไซส์คิงฟุตของเจ้าตัวอย่างเบามือด้วยความเกรงว่าเจ้าตัวจะรู้สึกตัวแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา ผมสีดำสนิทที่ปรกใบหน้าหวานมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเกลี่ยออกให้ และแทนที่ผมจะดึงมือของตนเองออกจากหน้าผากมนของคนที่นอนอยู่ ผมกลับค้างมันไว้อย่างนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะลูบหัวปลอบประโลนอย่างอ่อนโยนอย่างที่ชอบทำเวลากล่อมพี่ยูนนอน แต่อีกใจหนึ่งก็บอกผมว่าหน้าที่นั้นมันไม่ใช่ของผมอีกต่อไป สุดท้ายความคิดที่สองก็เอาชนะความคิดแรก ผมกำมือตัวเองแน่นแล้วผละตัวออกมา พยายามยับยั้งความปราถนาของตนเองเอาไว้
ข่มความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ
เลิกกันแล้วแต่จะให้ทำเหมือนเดิม
มันคงไม่ดีเท่าไร
“เต้”
เสียงแห่บพร่าดังขึ้นและเรียกสติผมกลับมา ระหว่างที่ผมกำลังนั่งนิ่งๆจัดการกับความคิดของตัวเองที่ตีกันวุ่นในจิตใจ ผมเงยหน้าขึ้นสบตายามสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากฝ่ามืออุ่นที่ทาบทับลงมาบนอวัยวะเดียวกัน มือสีขาวซีดของพี่ยูนตัดกับสีผิวของผมอย่างเห็นได้ชััด ฝ่ามือของเขาสอดเข้ามาเติบเต็มและกอบกุมทุกช่องว่างของนิ้วมือผม บีบกระชับแนบแน่น และผมเองก็เผลอตอบรับสัมผัสนั้นด้วยการกอบกุมมือเขาเช่นกัน
“เป็นไรครับ?”
ผมเอ่ยถามคนที่นอนหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะไอการที่พี่ยูนอ้อนเมื่อไร แสดงว่าเจ้าตัวมีสิ่งที่ปราถนาอยู่ในใจที่ปราถนาอยากได้
“ปวดหัวจัง”
ริมฝีปากสีชมพูเอื้อนเอ่ย น้ำเสียงติดงอแง แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาเรียวเล็กทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท
“ก็สมควรละนี่”
“..............”
“อยากห้าวดื่มเยอะเอง”
“โทษตัวเองเถอะครับ”
“อย่าดุ”
แม้น้ำเสียงของเจ้าตัวจะบ่งบอกได้ถึงความรำคาญที่ผมดุเขา แต่พี่ตัวเล็กก็ยังกุมมือผมแน่นไม่คลาย แถมยังขยับตัวเข้ามาหาจนศรีษะแทบจะหนุนตักผม
“พี่ยูนนอนดีๆสิครับ”
“..........”
“หนุนหมอนสิ”
“อยากหนุนเต้”
พี่คนนี้นี่!!
“ไม่บ่นได้มั้ย ปวดหัว”
“ยิ่งต้องบ่น ดื้อ!”
ผมเน้นหนักตรงคำสุดท้ายเผื่อมันจะซึบซับไปในโสตประสาทของคนฟังซะบ้าง เจ้าตัวจะได้รู้ตัวสักทีว่าตัวเองน่ะดื้อขนาดไหน
“หยุดพูดแล้วจับมือเงียบๆก็พอแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มๆขัดกับใบหน้าหวานเอ่ยโต้เถียงผมกลับ ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจแต่ก็ไม่คิดจะโต้เถียงอะไร ได้แต่นั่งนิ่งๆให้อีกคนนอนหนุนตัก
“ถ้าพี่หลับไป ตื่นมาพี่ยังจะเจอเราใช่มั้ย”
“ผะ..ผะ.ผม..”
“พี่ไม่ขออะไรมาก”
“............”
“พี่ขอแค่วันนี้แค่วันเดียว”
“............”
“แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น เต้ทำให้พี่ได้มั้ย”
หลังจากฟังคำขอของพี่ยูน ผมปฎิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่ามันมีอิทธิพลต่อใจของผมมาก ใจของผมเต้นรัวยามที่ได้สบตากับดวงตาเรียวเล็กที่ไม่ว่าจะบวมคล้ำมากแค่ไหนก็ยังคงดึงดูดให้ผมตกอยู่ในห้วงไร้เวลาได้เสมอ
“ครับ เต้จะอยู่กับพี่นะ”
พี่พยูนยิ้มให้ผมบางๆก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าจากอาการเมาค้าง ผมนั่งนิ่งให้พี่ยูนจับมืออยู่อย่างนั้นเกือบจะสิบนาที จนในที่สุดพี่ตัวยุ่งก็นอนหลับสนิทเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง และเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวัน ผมยกมืออีกข้างที่ว่างจากการกอบกุมของพี่เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงข้นมาถ่ายรูปมือของเรา ก่อนจะโพสลงในไอจีพร้อมแคปชั่น
‘มือไม่ค่อยว่าง’
ก็มันไม่ว่างจริงๆนี่นา
จะว่าไปผมเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ว่าทำไมผมต้องโพสรูปลงไอจีด้วย รู้แค่ว่าอยากจะทำก็เลยทำ ผมเอื้อมมือวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงก่อนจะค่อยๆเอนตัวนอนลงข้างๆคนตัวเล็กในขณะที่มือของเรายังประสานแน่น ใบหน้าหวานนิ่งสงบที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าผม มันเป็นเหมือนภาพของความฝัน ไม่คิดเลยว่าเราจะมีโมเม้นแบบนี้อีกครั้ง ไม่คิดเลยจริงๆว่าผมจะมีโอกาสได้นอนมองหน้าพี่ยูนอีกหลังจากที่เราเลิกกัน ผมนอนจ้องหน้าพี่พยูนนิ่งๆอยู่อย่างนั้น และผมคิดว่าผมสามารถนอนมองเขาได้ทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไร
และคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานและอ่านหนังสือสอบอย่างหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์ทำให้ผมหลุดเข้าสู่ห้วงนิทราตามพี่ตัวเล็กไปโดยไม่รู้ตัว
= Taegientheworld =
“เต้”
“เต้”
“เต้ตื่นได้แล้ว”
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มอันแสนคุ้นเคย ม่านตาของผมกระพริบถี่ๆสองถึงสามวิเพื่อปรับสภาพสายตา และทันทีที่โสตประสาทตาของผมสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ใบหน้าของพี่พยูนที่กำลังก้มมองลงมาเป็นสิ่งแรกที่ผมเห็นยามลืมตาตื่น
“เย็นแล้ว ห้ามนอนนะ”
ผมพงกหัวด้วยสภาพงัวเงียขั้นสุด
“หิวมั้ย?”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบอีกครั้ง
“เดี๋ยวพี่ทำไรให้กินนะ”
“แต่พี่มีเรื่องจะคุยกับเราก่อน”
“ครับ?”
พี่ยูนไม่ได้พูดอะไรต่อ ร่างเล็กผละออกจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานหยิบกรอบรูปที่วางอยู่ถือไว้ในมือก่อนจะเดินตรงกลับมาที่เตียง ผมเมินหน้าหนีด้วยความไม่ชอบใจโดยอัตโนมัติ เพราะผมจำได้ดีว่ามันคือำกรอบรูปคู่ของพี่ยูนกับพี่ไออุ่น
เจอแบบนี้แล้วไม่อยากพูดอะไรเลยอ่ะ
“เต้”
พี่พยูนแม้จะรู้ดีว่าผมอยู่ในโหมดที่ไม่อยากจะสนทนาอะไรกับเขา แต่เจ้าตัวก็มีสารพัดวิธีที่จะทำให้ผมหันไปสนใจเขาอยู่แล้ว อย่างเช่นการหย่อนสะโพกนิ่มลงนั่งบนตักผมแล้วใช้ขาขาวๆพาดเกี่ยวเอวผมเหมือนกับลูกลิงตัวน้อยเกาะแม่
“หันหน้ามา”
“..............”
พี่พยูนไม่พูดเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้สองมือจับแก้มผมให้หันกลับไปหาตน
“ขอเหอะ คุยกันหน่อยนะ”
“ไม่คุยท่านี้ได้มั้ย? ลงไปก่อน”
“ไม่ทำแบบนี้ละจะยอมคุยเหรอ”
ผมถึงขั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อสบตาเข้ากับแววตาดื้อรั้นของคนอายุมากกว่า ผมรู้ดีว่าพี่พยูนเป็นคนยังไง เขาคือคนประเภทที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ และผมก็รู้ดีด้วยว่าผมแพ้ลูกดื้อและลูกอ้อนเขามากขนาดไหน คุยในไลน์ว่าใจอ่อนจนเกือบจะคืนดีหลายรอบแล้ว เจอหน้ากันแบบนี้ยอมแพ้ตั้งแต่หน้าประตูแล้วครับ
“งั้นก็พูดมาครับ”
ผมถอนหายใจสั้นๆ วางมือบนเอวอีกคนอย่างที่ชอบทำด้วยความเคยตัว
“รูปนี้ใช่มั้ยที่ทำให้เราไม่พอใจ”
“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่เพราะรูปอย่างเดียวนะที่ทำให้ผมโกรธ”
“............”
“ผมโกรธพี่มากกว่า”
“………”
“เต้เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดยังไง มันมีความรู้สึกหลายอย่างปนกัน ทั้งโมโห น้อยใจ และเสียใจ”
“เต้โมโหพี่ที่ไปกับเขา”
“น้อยใจที่พี่เลือกเขาแทนที่จะเป็นเต้”
“พี่ขอโทษ แต่เขาเป็นนายจ้างพี่”
แววตาของคนตัวเล็กบนตักสั่นวูบยามที่เจ้าตัวเอ่ยประโยคขอโทษกับผม ดวงตาเรียวมีน้ำใสคลอเล็กน้อย และมันทำให้ผมต้องเมินหน้าหนีทันที
ผมก็แค่ไม่อยากเห็นน้ำตาของเขา
“ระหว่างพี่กับเขามันก็แค่เรื่องงาน”
“...........”
“จริงๆนะเต้”
“...........”
“เชื่อพี่นะ”
“หยุดพูดได้แล้วครับ”
ผมใช้นิ้วชี้ของแตะลงบนริมฝีปากสีชมพูนมอย่างแผ่วเบา
“ผมไม่อยากฟังอะไรแล้วทั้งนั้น”
ผมจับจ้องใบหน้าตรงหน้านิ่งๆก่อนจะเอื้อมมือขึ้นลูบศรีษะอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน เมื่อเห็นว่าพี่พยูนกำลังจะร้องไห้ ดวงตาเรียวเล็กสั่นไหว ปากสีชมพูที่ผมชอบแอบลอบมองเม้มเข้าหากัน พฤติกรรมเหล่านี้มันทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าไม่โอเคกับสถานการณ์ที่เจ้าตัวกำลังเผชิญอยู่ ผมกระชับคนในอ้อมแขนรั้งเข้าแนบอกยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่พยูนกำลังจะยันตัวเองขึ้น
“พะ พี่ อื้ออ”
แม้พี่ยูนต้องการจะพูดอะไรกับผม เจ้าตัวคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วในเมื่อผมกดศรีษะของคนด้านบนตักโน้มลงมามอบจุมพิตอย่างจาบจ้วงและโหยหา ริมฝีปากของผมขบเม้มริมฝีปากสีชมพูแสนล่อใจ กัดเบาๆบนริมฝีปากล่างของคนตัวเล็กอย่างที่ชอบทำเสมอ หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาเมื่ออีกคนจูบตอบกลับมา มือขาววางลงบนบ่าผม เราป้อนจูบให้กันและกันอย่างไม่มีใครคิดจะผละออก อาจจะเป็นเพราะนี่คือจูบแรกระหว่างเราสองคนหลังจากที่ห่างหายกันไปนาน มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่พอ แล้วผมเองก็คิดว่าพี่ยูนก็คงคิดแบบเดียวกัน
“แฮ่ก”
เสียงหอบหายใจดังขึ้นแผ่วเบาหลังจากที่ริมฝีปากของเราผละออกจากกัน เราผละออกจากกันเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็กระโจนเข้าหากันอีกครั้งเหมือนกับแม็กเนทที่ต่างฝ่ายต่างดึงดูดกันและกัน การที่ผมโอบรับสัมผัสที่แสนคุ้นเคยด้วยความเต็มใจและลุ่มหลง มันทำให้ผมยิ่งตระหนักรู้ดีว่าไม่ว่าผมจะพยายามใจแข็งหรือผลักไสเขาออกไปไกลแค่ไหน
สุดท้ายผมก็ต้องแพ้ให้พี่พยูนคนในใจของผมเสมอ
“คิดถึงจังเลยครับ”
คิดถึงมันเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่มันเป็นประโยคที่สามารถอธิบายความรู้สึกของผมได้ดีที่สุดในตอนนี้ เมื่อผมพูดจบพี่พยูนก็โน้มตัวลงมากอดผม ใบหน้าของเขาซบลงบนไหล่ในขณะลำแขนเล็กโอบรอบแผ่นหลังของผมแน่น พฤติกรรมแบบนี้มันทำให้ผมรู้ว่าคนในอ้อมกอดก็คิดถึงผมไม่ต่างกัน
“ยอมดีกันแล้วใช่มั้ย”
เสียงแห่บพร่าเอ่ยขึ้น คำพูดของพี่ยูนดังอูอี้จนแทบจะฟังไม่รู้เรื่องเพราะเจ้าตัวพูดในขณะที่่ฝังหน้าลงบนไหล่ของผมอย่างแนบชิด ชิดซะจนลมหายใจร้อนๆของอีกฝ่ายแทบกระทบกับผิวหนังของผม
“ยอมดีมั้ยนะ? โอ๊ย พี่”
เจ้าแมวตัวน้อยดูเหมือนจะไม่ชอบใจนักที่ผมกวนประสาท จึงเล่นกัดลงบนลำคอผมซะเต็มเขี้ยว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เจ็บมากหรอกครับ แค่แสบคันๆเหมือนโดนมดกัดน่ะ
“ยังจะกวน”
“เต้งอนพี่อยู่นะ พี่ไม่ควรทำร้ายเต้สิ”
พี่ยูนดีดตัวออกจากอ้อมแขนของผมโดยไม่ตอบหรือโต้เถียงอะไร ผมขมวดคิ้วเป็นปมเพราะคิดว่าตัวเองคงจะโดนงอนกลับเข้าแล้ว นี่ตีกันเลือดยังไม่ทันแห้งก็มีเรื่องใหม่ให้ง้องอนกันอีกแล้วเหรอ แต่ก่อนทีผมจะคิดอะไรไปไกลกว่านั้น พี่ยูนก็ดึงความคิดของผมกลับมา ผมอ้าแขนกว้างรับร่างเล็กที่กำลังทิ้งตัวลงนอนลงบนอกผม
สบายไปมั้ย?
เจ้าพยูนเกยเต้ค่อยๆยกบางอย่างในมือขึ้นมา ซึ่งมันก็คือกรอบรูปที่เจ้าตัวถือไว้ตั้งแต่แรก มือขาวลูบกระจกใสของกรอบรูป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“เต้รู้มั้ยว่าอดีตแม้มันจะโหดร้าย”
“แต่มันบอกให้เรารู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง”
“ที่พี่ยังเก็บรูปนี้ไว้ ไม่ใช่เพราะพี่ยังรักไออุ่น”
“แต่พี่เก็บไว้เพื่อขอบคุณตัวเองที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้”
ผมแตะริมฝีปากลงบนลุ่มผมนุ่มของพี่พยูนอย่างแผ่วเพื่อปลอบประโลมคนในอ้อมอก ผมเคยได้ยินจากปากพี่แอมและพี่เจมมาบ้างว่าตอนที่พี่พยูนเลิกกับพี่ไออุ่นนั้นอาการเข้าขั้นโคม่าสาหัส
“หลังจากเลิกกับไออุ่น พี่ปิดกั้นตัวเองมาตลอด”
“จนพี่เจอเรา”
“เราเป็นคนแรกที่พี่ยินดีที่จะเปิดใจให้”
พี่ยูนยันตัวลุกขึ้นนั่งหันหน้ามาหาผม แล้วทำสิ่งที่ทำให้ใจของผมเต้นรัวด้วยการวางมือขาวแตะลงบนแก้มของผม
“แล้วตอนนี้พี่ก็มีแค่เราคนเดียวด้วย”
“เพราะฉะนั้นเลิกงอนและคิดไปเองได้แล้วไอเด็กบ๊อง”
พูดจบพี่พยูนก็จัดการดีดหน้าผากของผมหนึ่งที
“ก็พี่ไม่เคยจะบอกอะไรเต้เลยอ่ะ พี่ปล่อยให้เต้คิดเองตลอด”
“ก็เหมือนเวลาที่เต้จะเอา เต้ก็ไม่เคยขอ”
ให้ตายเถอะพี่คนนี้!! มันใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้มั้ยเนี่ย
ผมหน้าแดงกล่ำกับประโยคเมื่อสักครู่ที่หลุดออกจากปากพี่พยูน และดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ชอบใจไม่น้อยกับท่าทีเขินอายของผม ฝ่ามือเล็กๆที่เคยวางบนแก้มผมเฉยๆ เริ่มออกแรงดึงบีบจนแก้มของผมย้วยไปตามแรงที่มือซุกซนดึง
“เลิกงอน เลิกงี่เง่าได้แล้ว ไม่งั้นเจ็บตัวแน่ๆ”
ผมปล่อยให้คนตัวเล็กขู่และเล่นสนุกกับแก้มของผมจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ ที่ยอมไม่ใช่เพราะว่าผมใจดีหรอกนะ
แต่ผมจะเก็บบัญชีรวบยอดรอบเดียวต่างหาก
จะเอาให้เข็ด จะทบต้นทบดอกตั้งแต่คดีเก่ายันคดีใหม่ พูดแล้วก็ยิ่งอยากลงโทษพี่ยูนเลยแฮ๊ะ และผมก็สบโอกาสที่จะเอาคืนคนตัวเล็ก เมื่อเจ้าตัวเผลอชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ผมรีบฉกฉวยจูบริมฝีปากตรงหน้าอย่างว่องไวราวกับเสือไล่จับลูกกวาง อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน พลิกตัวเองขึ้นคร่อมกักขังคนตัวเล็กไว้ใต้อาญัติของตนเอง มือเล็กทุบตีแขนผมรัวเมื่อเจ้าตัวเริ่มได้สติ และรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังคุกคามตนเอง
เสร็จแน่ไอตัวเล็ก
“พี่ยูน”
“อะไรเล่า!”
“อยากอ่ะ คิดถึงไม่ได้เจอนาน”
“อย่ามาหื่นใส่”
คนตัวเล็กพูดเสียงแข็งและหลบสายตาผมด้วยใบหน้าที่แต้มสีแดงไว้ตรงแก้ม
น่าเอ็นดู
“เมื่อกี้ที่พี่บอกว่าเต้เอาพี่ไม่เคยขอ”
“...........”
“งั้นครั้งนี้เต้จะเป็นเด็กดีของพี่”
“ขอเอาหน่อยนะครับแฟน”
= Taegientheworld =
TALK W. ME
พี่พยูนกับน้องเต้มาแล้วค่า ฮือออออออออออออ
ดีใจมากในที่สุดคู่นี้เขาก็ดีกันสักที หลังจากพ่อแง่แม่งอนตีกันมาทั้งเรื่อง
บทจะดีกันก็ดีกันง่ายๆเฉยเลย (?) เชื่อแล้วจ้าว่าเจ้าเต้แพ้ลูกอ้อนพี่พยูนจริงๆ
ส่วนพี่พยูนนี่ก็หมดสูญสิ้นไปแล้วกับภาพลักษณ์คนสแว๊ก
สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ลืมกันนะคะหลังจากหายไปเดือนกว่าๆ
คอมเม้น ฟีดแบคของรีดเดอร์คือกำลังใจที่ดีมากจริงๆค่ะ
ตอนนี้เราเดินทางมาถึงช่วงปลายของพยูนเกยเต้แล้ว
เร็วๆนี้ก็ต้องปิดเรื่องนี้แล้ว แอบใจหายเหมือนกันเพราะผูกพันกับตัวละครเรื่องนี้มากๆ
เอาจริงๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเขียนฟิคจบเหมือนกัน 5555555555555
จะบอกว่าเขียนจบได้เพราะทุกคนจริงๆค่ะ เวลาหมดไฟก็จะกลับมาอ่านคอมเม้นตลอด
อยากจะบอกว่ารออ่านเม้น ฟีดแบคทุกคนอยู่ที่เดิมนะคะ #พยูนเกยเต้ เจ้าค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

246 ความคิดเห็น
-
#126 Loveyugyeom (จากตอนที่ 10)วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 / 21:02ขอกันอย่างงี้ก็ใจสั่นสิครับพี่เต้#1260
-
#93 Jung Tien-In (จากตอนที่ 10)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 / 20:36ดีกันสักที เต้ไม่เอาแล้วนะเลิกคิดเองมีอะไรก็ถามพี่เค้า#930
-
#92 Pei_Parita (จากตอนที่ 10)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 / 15:43กี้ดดดดด เขาดีกันเเล้วค่ะ-้อกันน่ารักมากด้วย ฮืออ:-;#920
-
#91 noey_09 (จากตอนที่ 10)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 / 10:10น้องดีกันสักทีฮืออน่ารักมากค่ะจริงๆคือควรดีกันตั้งนานแล้วววพิแบบอ่อยมาก#910
-
#90 Pcpxsugx (จากตอนที่ 10)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 / 01:29ฮื่อ รักเรื่องนี้มากเลยนะคะ ถึงอยากอยู่ไปจนถึงตอนจบ แต่ใจก็ยังไม่อยากให้จบ อยากดูเขารักกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นตอนที่น่ารักมากๆๆๆๆๆ จากดราม่าเจ็บๆมากมาย ทำให้รู้ว่ายังไงเขาก็ยังรักกัน แล้วจะผ่านไปด้วยกัน (ปล. อยากอ่านคัทเรื่องนี้มากเลยนะคะ ฮื่อ ;-;)#900
-
#89 TYKbbb (จากตอนที่ 10)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 / 00:39มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมดเลยยยยย#890
-
#88 13tredicesimo (จากตอนที่ 10)วันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 / 23:53โอ๊ยยยยยยย คิดถึงเรื่องนี้ กลับมาแล้วพี่ยูนและน้องเต้ที่น่ารักกกกกก ง้องอนก็ได้มุ๊งมิ๊งมากกกกกกก#880