ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ++รวม เรื่องสั้น++

    ลำดับตอนที่ #9 : จดหมายถึงนาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 57
      0
      27 ส.ค. 50


     

    จดหมายถึงนาย

    ท่านผู้อ่านครับ
    "จดหมายถึงนาย" ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้
    เป็นข้อเขียนของคนหนุ่มซึ่งมีความรู้ความสามารถ
    มีประสบการณ์ในแวดวงการฑูตและแวดวงของศาลรัฐธรรมนูญ
    เป็นคนเก่งที่ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งหาได้ยากยุคสมัยนี้
    แนวคิดและวิธี
    เขียนอาจจะดูเหมือนรุนแรงแต่ถ้าเราไม่ปฏิเสธความจริง
    คงต้องยอมรับว่าสิ่งที่ผู้เขียนบรรยายไว้มีอยู่จริงในบ้านเมืองของเรา

    ผมเห็นว่าเป็นข้อเขียนที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเตือน
    ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงพิษภัยที่เรากำลังเผชิญอยู่ เผื่อจะได้ช่วยกัน
    คิดอ่านป้องกันหรือแก้ไขให้ดีขึ้น จึงได้นำลงมาไว้ในมุมนี้
    เพื่อช่วยกันเผยแพร่

    มีชัย ฤชุพันธุ์
    MeechaiThailand.com
    4 กรกฎาคม 2543

    จดหมายถึงนาย
    ข้าพเจ้าเป็นชาวต่างประเทศที่ทำงานอยู่ในเมืองไทย
    มีหน้าที่รายงานภาพรวมของประเทศไทยกลับไปยังนาย
    คือ บริษัทแม่ในต่างประเทศ หรือ บางครั้งก็แอบเสนอ
    รายงานต่อรัฐบาลประเทศของข้าพเจ้า
    ในโอกาสล่าสุดนี้ นายต้องการทราบว่า ควรจะดำเนินการ
    ในแง่ยุทธศาสตร์ต่อประเทศไทยอย่างไรดี
    เพื่อให้การครอบงำประเทศนี้สมบูรณ์ที่สุดในระยะยาว

    ข้าพเจ้าสนองความต้องการของนายด้วยจดหมายสั้น ๆ ฉบับนี้
    “วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๓

    นายที่รัก,

    ตามที่มอบหมายให้ข้าพเจ้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทย
    เกือบ ๒๐ ปีแล้วนั้น ข้าพเจ้าพอจะสรุปคำตอบเพื่อเสนอ
    ต่อนายได้ดังต่อไปนี้
    ภาพรวมของประเทศไทย: ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนา
    ที่ค่อนข้างยากจน สังคมไทยโดยพื้นฐานมีลักษณะไร้ระเบียบกฎเกณฑ์
    ซึ่งเป็นอุปนิสัยประจำตัวของคนชาตินี้
    แม้ว่ารัฐบาล รัฐสภาและประชาชนส่วนหนึ่งได้พยายามแก้ไข
    กฎหมายต่าง ๆ จำนวนมาก รวมทั้งรัฐธรรมนูญในการปกครอง
    ประเทศให้ดีขึ้น แต่โดยพฤติกรรมแล้ว คนไทยนิยมการดำเนินชีวิต
    ธุรกิจ และการใช้อำนาจรัฐ ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ
    หรือที่มีคำกล่าวในประเพณีไทยว่า “ทำได้ตามใจคือไทยแท้”
    ท่านจะประมาทต่อคำกล่าวนี้ไม่ได้เลย

    ในทางกายภาพ กรุงเทพเป็นตัวอย่างของเมืองหลวงที่ไร้ระเบียบ
    ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
    ความไร้ระเบียบนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดยั้งหรือลดน้อยลงเลย
    เมืองเชียงใหม่ซึ่งน่าจะได้เรียนรู้บทเรียนราคาแพงจากกรุงเทพ
    แต่ก็ไม่ทำ หรือทำไม่ได้ เมืองพัทยาซึ่งควรเป็นบทเรียนให้กับ
    เมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ แต่ก็ไม่เป็นหรือเป็นไม่ได้
    ระบบการจราจรและพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะก็เป็นอีกตัวอย่าง
    ที่เลวที่สุด นับเป็นสัญญลักษณ์ประจำชาติก็ว่าได้
    การรุกล้ำที่ดินสาธารณะ ที่ป่าสงวน เขตอุทยานแห่งชาต
    ิ ฯลฯ ก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แก้ไขไม่ได้

    แม้แต่หน่วยราชการ ถึงขนาดทำเนียบรัฐบาลเอง
    ภายนอกดูสวยงามแต่ภายในนั้นไร้ระเบียบทางกายภาพ
    อย่างน่ากลัว เช่น งานเอกสารที่ท่วมทางเดิน ซึ่งเป็นปัญหา
    ของทุกหน่วยราชการตลอดกาล แก้ไม่ได้

    ความไร้ระเบียบทางกายภาพนี้ ทำให้ประเทศไทย
    ยังคงเป็นเพียงแค่ประเทศเล็ก ๆ ที่เราควรเข้ามากอบโกย
    เอาผลประโยชน์เมื่อมีโอกาสและก็กลับไปยังความศิวิไลซ์
    ของเราโดยเร็ว เมืองไทยไม่ใช่ประเทศที่ควรเข้ามาปักหลักลงทุน
    หรืออยู่อาศัยอย่างยาวนานหรือถาวร เพราะเป็นการยากที่เรา
    จะปกครองชนชาตินี้ให้อยู่ในระเบียบวินัยได้ และเพราะฉะนั้น
    จึงไม่เหมาะกับวัฒนธรรมอันเจริญของเรา

    ความไร้ระเบียบทางศีลธรรม-จริยธรรม ท่านจะเห็นได้อย่างชัดเจน
    ว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ
    แต่มีการค้าประเวณีและยาเสพติดอย่างเปิดเผยทั่วไป
    มีการฆาตกรรมกันมาก การฉ้อราษฎร์บังหลวงมีอยู่ทั่ว
    หัวระแหง ไม่เว้นแม้แต่ในโรงเรียน มีครูโกงเด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ
    ในวัดซึ่งพระโกงชาวบ้าน หรือราชการหลอกพระและพุทธศาสนิกชน
    หรือที่สื่อมวลชนทำกับเยาวชน ตำรวจเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสังคม


    ทั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงระบบราชการไทยซึ่งข้าพเจ้าถือว่า
    เป็นสัญญลักษณ์สุดยอดของความไร้ระเบียบทางศีลธรรม-จริยธรรม
    จนกลายเป็นสาเหตุบ่อนทำลายรากฐานของสังคมไทยให้ผุกร่อน
    เห็นได้จากการที่กลไกของรัฐไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหา
    สังคมและศีลธรรมได้เลย

    ผู้นำทางศีลธรรมและจริยธรรม อันได้แก่ พระ ครู สื่อมวลชน ฯลฯ
    ได้เสื่อมอิทธิพลในการนำจิตใจลงอย่างมากเพราะถูกเงิน
    เข้าครอบงำ ทั้งโดยมีเจตนาในทางทุจริตจริง ๆ
    และโดยสถานการณ์บังคับ

    ส่วนผู้นำประเทศและชนชั้นนำในสังคมก็ล้มเหลว
    ในทางศีลธรรมและจริยธรรมโดยสิ้นเชิง ดังจะเห็นได้ชัด
    ในวงการเมือง สังคมไทยยังคง “ยอมรับนับถือ”
    นักการเมือง
    และข้าราชการระดับสูงซึ่งมีประวัติไม่สะอาดหรือมีพฤติการณ์
    ที่น่ารังเกียจ พวกเจ้าเลห์เพทุบาย หรือในวงการแพทย์ ซึ่งเคย
    เป็นวิชาชีพที่สังคมให้เกียรติอย่างมากกลับมีกรณีฉาวโฉ่
    ่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในวงการผู้พิพากษาก็มีกรณีที่ทำให้สถาบัน
    ต้องมัวหมองอยู่เนือง ๆ
    เชื่อหรือไม่ว่า คนไทยนั้น
    ที่หวังพึ่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างจริงจัง มีน้อยมาก
    ปัญหาเด็กหาที่เรียนในกรุงเทพกลายเป็นตลกเศร้า
    ของพ่อแม่ตลอดกาลชั่วนาตาปี ฯลฯ

    ในทางกฎหมาย ปรากฏว่ามีความไร้ระเบียบจนการ
    ใช้กฎหมายตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมาถึงระดับระเบียบ
    ปฏิบัติต่าง ๆ เกิดความวุ่นวายไปหมด
    สิ่งที่น่าขันก็คือ ในเรื่อง ๆ หนึ่ง อาจมีกฎหมายที่เกี่ยว
    ข้องกันมากมายหลายฉบับและให้อำนาจบุคคลต่าง ๆ
    ไว้แตกต่างกัน ทำให้สังคมไทยตั้งอยู่บนช่องว่างของ
    กฎหมายมากกว่าตัวบทกฎหมายเอง
    ตัวอย่างที่ดี ก็เช่นว่า เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น
    ในการบริหารราชการแผ่นดิน นายกรัฐมนตรีเกือบ
    ไม่ต้องรับผิดชอบเลย โดยอ้างว่าอำนาจต่าง ๆ เป็นของรัฐมนตรี
    ส่วนรัฐมนตรีก็อ้างว่าเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง
    ปลัดกระทรวงก็จะอ้างว่าเป็นอำนาจของอธิบดี อธิบดีก็มัก
    จะกล่าวว่า “เราจะป้องกันมิให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”
    โดยไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบต่ออำนาจหน้าที่
    ของตนตามกฎหมายจริง ๆ เลย
    และเมื่อมีผู้ถามว่าเหตุใดจึงมีกฎหมายที่ทำให้เกิดช่องว่าง
    ดังกล่าวมากเหลือเกินนักกฎหมายก็จะตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า
    “เพื่อกระจายอำนาจและให้เกิดความคล่องตัวในทางปฏิบัติ”

    ความไร้ระเบียบทางกฎหมายตั้งแต่ระดับกติกาสูงสุด
    ในการปกครองประเทศลงมาถึงระเบียบจุกจิกสารพัด
    เรื่องในหน่วยราชการหนึ่ง ๆ ได้กลายเป็น “ต้นทุน”
    ในการพัฒนาของประเทศไทยยุคใหม่ทั้ง ๆ ที่ประชาชน
    ในยุคนี้มีการศึกษาสูงกว่ายุคก่อน ๆ

    จึงนับว่าเป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง และสะท้อนให้เห็นว่า
    มันสมองที่แท้จริงในสังคมไทยยังไม่ได้รับการพัฒนา
    หรือพูดง่าย ๆ ยังไม่ได้เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สังคม
    แม้เวลาจะผ่านมาแล้วอย่างยาวนาน ในทางวัฒนธรรม
    อะไรเล่าคือ วัฒนธรรมไทย? เมื่อข้าพเจ้าถามเกี่ยวกับ
    วัฒนธรรมไทย เขาจะพาเราไปดูการฟ้อนรำที่ซ้ำ ๆ กัน
    ดูผ้าไหม ดูวัด และพาไปทานอาหารไทย เขาจะพาเรา
    ไปเที่ยวดูช้างและชาวเขา
    ดูเรือในแม่น้ำและการพิธีต่าง ๆ มวยไทยและตลาดน้ำ
    เราได้ดูพระพุทธรูป ปราสาทราชวัง ซึ่งล้วนแต่เป็นอดีต

    แต่พวกเขาไม่เคยพาเราไปดูวัฒนธรรมในการศึกษา
    หาความรู้ของคนไทย วัฒนธรรมในการผลิตสินค้า
    และการให้บริการของคนไทย การคิดค้นสิ่งใหม่
    ประดิษฐกรรมและศิลปกรรม ข้าพเจ้าไม่เคยได้พบ
    วัฒนธรรมที่ดีงามมากนักในธุรกิจของคนไทย
    และยิ่งพบเห็นได้ยากในระบบราชการของไทยซึ่งเน้น
    ความเป็นเจ้าขุนมูลนายและสายสัมพันธ์มากกว่าการ
    มีวัฒนธรรมที่สร้างจิตสำนึกต่อสังคม

    คนไทยไม่สามารถชี้ให้เห็นวัฒนธรรมของพวกเขา
    ในส่วนที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่แท้จริงของชาติได้อย่าง
    เป็นรูปธรรม และไม่สามารถอธิบายให้น่าฟังได้ในระดับนามธรรม
    ความคิดรวบยอดของคนไทยไม่มี ระเบียบ
    ทางความคิดเชิงวัฒนธรรมยังด้อยกว่าญี่ปุ่น
    จีน ฝรั่งเศสหรือแม้แต่อินเดียอยู่มาก

    ทำให้เราชาวต่างชาติ แม้จะชอบความแปลก
    ในเมืองไทย แต่ก็ไม่ค่อยนับถือคนไทยว่า
    เป็นชาติที่มีอารยธรรมที่เข้มแข็งจริง ๆ เลย

    ความไร้ระเบียบทางกายภาพและทางศีลธรรม-จริยธรรม
    และความไร้ระเบียบทางกฎหมายและวัฒนธรรม
    ที่สรุปไว้ข้างต้นนี้ นับว่าเป็นข้อดีสำหรับเรา
    ซึ่งเป็นคนต่างชาติที่มีอำนาจ

    เพราะแสดงให้เห็นว่า คนไทยนั้นอ่อนแอ
    ในทุกด้าน ผู้ใหญ่ก็อ่อนแอ และเด็กก็อ่อนแอ
    คนมีความรู้ก็อ่อนแอและคนไม่มีความรู้ก็อ่อนแอ
    คนมีอำนาจหรือไม่มีอำนาจก็อ่อนแอทั้งสิ้น ดังจะเห็นได้ว่า

    นับเป็นเวลากว่า ๕๐ ปีมาแล้ว ที่คนไทยไม่มีผู้นำ
    ที่สามารถและเสียสละอย่างแท้จริง
    (ยกเว้นองค์พระมหากษัตริย์)
    อันสะท้อนกลับมาที่ลักษณะประจำชาติของคนไทยเอง

    นายท่าน! สังคมไทยเป็นสังคมที่ผุกร่อนมาก
    แล้วรอวันแตกสลายลง เหมือนกับหินปูนซึ่งถูก
    น้ำกรดกัดกร่อนทุกวัน ในวันหนึ่งข้างหน้าก็จะไม่ม
    ีอะไรให้เห็นเป็นแก่นสารเลย

    นายควรที่จะพอใจว่ารัฐบาลและบริษัทข้ามชาติ
    รวมทั้งมาเฟียต่าง ๆ ของเราชาวต่างชาติเพียงแต่
    ใช้กุศโลบายอันแยบยลอย่างเงียบ ๆ หลอกล่อให้คนไทย
    หลงอยู่ในวังวนของความสุขสบาย ไร้ระเบียบ หลงอยู่ในความฝัน
    ว่าตนมีสติปัญญาเพียงพอแล้วโดยการเลียนแบบฝรั่งก็ใช้ได้
    ความไร้ระเบียบจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกด้าน
    สังคมไทยในที่สุดจะตั้งอยู่ได้ด้วยประชาชน
    ที่อ่อนแออย่างหลวม ๆ เพียงอย่างเดียว

    ไม่มีจุดเชื่อมโยงอย่างมีความหมายกับอำนาจรัฐ
    และอิทธิพลทางจิตใจของผู้นำทางการเมือง สังคม
    สถาบันหรือศาสนาใด ๆ
    เมื่อนั้น เราจะบังคับเอาประเทศไทยเป็นทาส
    ได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่รอเวลาเท่านั้น

    สิ่งที่เป็นเวทย์มนต์อันศักดิ์สิทธิ์ที่เราชาวต่างชาติ
    จะใช้สะกดผู้นำของชาติไทยก็คือ
    จงหลอกล่อให้พวกเขาหลงใหลเข้าใจว่า
    พวกเราชาวต่างชาติจะอยู่ในระเบียบวินัย
    ทางการค้าและ
    การลงทุนอันเสรี ในกฎเกณฑ์ที่เรานั่นเองเป็นผู้คิดค้นขึ้น
    เราจะต้องสะกดให้เขาเชื่อว่าเราชาวต่างชาติจะอยู่ในระเบียบ
    วินัยของกฎบัตรสหประชาชาติ และหลักการด้านสันติภาพ
    ประชาธิปไตย และมนุษยธรรมต่าง ๆ รวมทั้งมาตรฐาน
    อันสูงส่งในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

    ผู้นำของชาติไทยคือเด็กที่ถูกเฆี่ยนตีมามากพอ
    ที่จะเชื่อฟัง ไม่กล้าโต้แย้ง คัดค้าน หรือใช้กลวิธีที่มา
    จากมันสมองของเขาเองในการหลบเลี่ยงเอาตัวรอด
    อย่าให้พวกเขาได้มีโอกาสเรียนรู้ศาสตร์ชั้นสูงของ
    การลูบหน้าปะจมูกหรือมือถือสากปากถือศีลของชนชาติเราเป็นอันขาด

    ชาติเล็ก ๆ ที่น่าสงสารชาตินี้ย่อมอยู่ในอุ้งมือ
    ของเราเป็นแน่แท้ แม้คนไทยอยากจะลุกขึ้นสู้
    แต่พวกเขาก็มีแต่ความรักชาติเท่านั้น ไม่มีระเบียบวินัย
    และพลังภายในของสังคม อันเป็นจิตวิญญาณของชาติที่แท้จริง
    ซึ่งจะผลักดันให้ต่อสู้ได้สำเร็จเลย

    สิ่งที่พึงระวัง
    เราชาวต่างชาติจะต้องระวังย่างก้าวของเราบางประการ
    เพื่อมิให้การครอบงำอย่างเงียบ ๆ นี้สะดุดหยุดลง
    ข้าพเจ้าขอเสนอแนวคิดต่อนายดังนี้

    ๑. อย่าให้เมืองไทยมีผู้นำที่เข้มแข็งและเสียสละ
    สังคมไทยส่วนใหญ่ยังหวังพึ่งหัวหน้าฝูงและสิ่งที่มีอำนาจ
    เขายังไม่หวังพึ่งพาตนเองมากนัก หากสังคมไทยได้ผู้นำ
    ที่เข้มแข็งและเสียสละ พวกเขาจะกลายเป็น
    ชาติที่รุ่งเรืองได้ในเวลาอันรวดเร็ว ดังเช่นที่ปรากฏ
    มาทุกยุคในประวัติศาสตร์ชาติไทย
    สิ่งที่เราควรทำคือ ส่งสัญญาณสนับสนุนผู้ที่จะ
    ได้รับเลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากแม่พิมพ์
    (mold) แบบเก่าของไทย เช่น นาย ช. นาย ก. นาย บ.
    ฯลฯ หรือผู้ที่แสวงประโยชน์สูงสุดจากการเมือง
    คนพวกนี้จะช่วยให้เราชาวต่างชาติใช้เวทย์มนต์ของเรา
    ได้ง่ายขึ้นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา


    ๒. อย่าให้ผู้นำของไทยคิดออกนอก
    แนวโลกาภิวัฒน์ เพราะโลกาภิวัฒน์คือเวทย์มนต์ของเรา
    จงทำให้พวกเขาหลงใหลมากขึ้นเรื่อย ๆ
    ว่าโลกาภิวัฒน์ที่ถูกต้อง คือ การเอาใจท้องถิ่น
    (localization of globalization)
    เพื่อว่าเขาจะได้แคลงใจสงสัยน้อยลง
    จงทำให้พวกเขาเชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ ของพวกเขานั้น
    จะพึ่งพากลไกของรัฐไม่ได้ แต่ต้องพึ่งพานักคิด
    แก้ไขปัญหาอิสระในนามผู้ X วชาญและเอ็นจีโอบาง
    แห่งที่เราสนับสนุนอยู่
    จงจูงมือพวกเขา จงจูงใจพวกเขา
    และให้อามิสแก่พวกเขา ทำให้เขารู้สึกว่าภาคประชาชน
    เท่านั้นที่สำคัญ พวกเขาจะดูหมิ่นเหยียดหยามอำนาจรัฐ
    พวกเขาจะเกลียดชัง พวกเขาจะเคียดแค้น
    ซึ่งจะเป็นผลดีแก่ความก้าวหน้าของเรา ขณะเดียวกัน
    เราเองจะต้องสนับสนุนให้อำนาจรัฐพัฒนาประเทศไป
    ในแนวทางที่ประชาชนเกลียดชังมากขึ้นทีละน้อยโดย
    แสร้งทำเป็นว่าอยากช่วยเหลืออย่างจริงใจ

    ๓. จงเร่งให้คนไทยรู้สึกว่าพวกเขาพ้น
    จากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เมื่อพวกเขาหลงเชื่อว่า
    ทุกอย่างดีขึ้น
    นิสัยประจำชาติของพวกเขาจะพลุ่งพล่าน
    พวกเขาจะลืมตัว สร้างความไร้ระเบียบมากขึ้นเป็นทวีคูณ
    เริ่มจากการเมืองระดับชาติ ข้าราชการ นักธุรกิจ ฯลฯ
    ลงมาจนถึงการเมืองท้องถิ่น พระ ตำรวจ ชาวบ้าน
    พวกเขาจะรีบเร่งออกกฎหมายต่าง ๆ จนยุ่งเหยิงไปหมด
    ไม่ทราบว่าในเรื่องหนึ่ง ๆ จะใช้กฎหมายใด ในกรณีใด
    เมื่อใด พวกเขาจะย่อหย่อนต่อวินัยทางเศรษฐกิจ
    การคลังและการเงิน พวกเขาจะเมินเฉยต่อศีลธรรม
    และจริยธรรม
    ะฟุ้งเฟ้อ ทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอ
    เพื่อให้เราชาวต่างชาตินิยมชมชอบ
    ดังนั้น พลวัตทางเศรษฐกิจเพราะความเชื่อผิด ๆ
    ว่าทุกอย่างดีขึ้น จะนำไปสู่จิตวิญญาณของชาติที่เป็น
    อัมพาตหนักกว่าเดิมในเวลาอันไม่ช้า ซึ่งจะเป็น
    โอกาสทองของพวกเราชาวต่างชาติอย่างแท้จริง

    ๔. จงช่วยสนับสนุนการศึกษาของคนไทย
    (ให้คับแคบมากขึ้นเรื่อย ๆ) จนคนทั้งชาติเชื่อว่า
    การใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นคือการไม่ได้รับการศึกษา
    พวกเขาจะชำนาญและหลงใหลได้ปลื้มกับความสามารถ
    ทางเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งนำเอาความสะดวกสบาย
    และเงินเดือนสูง ๆ มาให้ จนลืมไปว่าการสร้างชาตินั้นสำคัญ
    กว่าการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือการส่ง e-mail

    เราทำให้พวกเขาเชื่อไปได้เปลาะหนึ่งแล้วว่าต่อไปคำว่า
    “ชาติ” จะไม่มี เพราะ internet ได้ทำลายพรมแดน
    ธรรมชาติลงเสียแล้ว ต่อไปก็ต้องทำให้พวกเขาลืม
    “ความรักชาติ” และแรงปรารถนาที่จะ “สร้างชาติ”
    เพื่อว่าจะได้หมดความปรารถนาแบบโบราณที่จะยืนอยู่ใน
    โลกอย่างทรนงเช่นเสรีชนอื่น ๆ
    อย่าให้พวกเขาสนใจศิลปศาสตร์มากนัก
    เพราะวิชาเหล่านี้ทำให้พวกเขา “คิดอย่างมีจินตนาการ”
    อย่าให้พวกเขา “คิดได้” มาก ๆ หรือ “อยากคิด” มาก ๆ
    เพราะมันจะเป็นฐานพลังให้สังคมไทย “คิดสู้” จงเน้น
    ให้พวกเขาหลงใหลในวิชาการเทคนิคและอิเลคโทรนิคเป็นสำคัญ

    ๕. หลีกเลี่ยงการวิพากย์วิจารณ์ระบบราชการไทย
    เพราะระบบราชการไทยนั้นล้าหลังมาก
    และเป็นทั้งอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศพร้อม ๆ
    กับเป็นเชื้อโรคที่กัดกินสังคมไทยโดยส่วนรวม มากขึ้นทุกที

    ระบบราชการไทยเต็มไปด้วยความกดดัน
    ซึ่งทำลายทรัพยากรบุคคล เต็มไปด้วยความ
    ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความสำนึกต่อสังคม
    ทำให้ระบบราชการไทยเป็นมหามิตรของเราชาวต่างชาติ
    อย่าชี้จุดอ่อนของเขา อย่าวิพากย์วิจารณ์
    ปล่อยให้มันบ่อนทำลายคนไทยทั้งทางกายและทางใจ
    ทุกลมหายใจของชีวิต จนกว่าจะหมดลม
    เมื่อไม่วิพากย์วิจารณ์ มหามิตรของเราก็จะทำงานอย่าง
    ขมักเขม้นโดยหลงเชื่อว่าตนนั้นดีเลิศประเสริฐที่สุด
    ในชาติ มีความชอบธรรมที่จะเขมือบงบประมาณแผ่นดิน
    มากขึ้นเรื่อย ๆ จนชาติไทยทั้งชาติเป็นอัมพาตเพราะมะเร็งร้ายนี้
    อย่าลืมว่าเฟืองตัวใหญ่ที่ขึ้นสนิมเขรอะย่อมทำให้จักรกล
    ทั้งหมดหยุดได้

    เราชาวต่างชาติไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย
    นั่งยิ้มให้มหามิตรของเรา และยื่นหัตถ์แห่ง
    มัจจุมิตรแก่พวกเขา จนกว่าเวลาจะมาถึง

    ๖. จ
    งนำรายงานฉบับนี้ให้คนไทยอ่าน
    เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของพวกเขา ข้าพเจ้ามั่นใจว่า
    พวกผู้นำจะตอบด้วยใบหน้ายิ้มละไมว่า
    “เพิ่งได้รับเอกสาร ขอเวลาให้เราแต่งตั้งคณะทำงาน
    ขึ้นมาศึกษาก่อน” ส่วนคนไทยทั่วไปจะตอบว่า “ไม่เป็นไร”
    แล้วหัวเราะเห็นฟันขาว
    นายท่านจงตระเตรียมเครื่องปรุงรสให้พร้อม
    เพื่อลิ้มรสเนื้อสดอันโอชะจากแผ่นดินไทย!!
    รายงานของข้าพเจ้าฉบับนี้มีเพียงเท่านี้ หากรัฐบาล
    บริษัทข้ามชาติและมาเฟียของเราวางแผนเข้ามาผูกมิตร
    กับคนไทยโดยมีเป้าหมายเช่นว่านี้แล้ว ข้าพเจ้ารับรองว่า
    คนไทยจะภาคภูมิใจในการผูกมิตรกับเราเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะพวกเขาโดยเนื้อแท้ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงมากนัก
    และไม่ชอบคิดแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง พวกเขาชอบการยกยอปอปั้น
    หลีกเลี่ยงความขัดแย้งและใช้ชีวิตตามสบาย

    ข้าพเจ้าเองก็เริ่มชอบชีวิตแบบไทย ๆ เข้าแล้วซิ!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×