ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Harvest Moon:: Knight of Season

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 04:: ฤดูร้อน วันที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 61


    (จดหมายประจำวันนี้)

       'ถึง ประชาชนในรูนมูนทาวน์ทุกท่าน'
    ขอเชิญชวนทุกท่านในวันพรุ่งนี้จะมี 'งานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้'  ซึ่งจัดขึ้นที่แม่น้ำทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เวลา 19:00 น. - 23:00 น. เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มาร่วมสังสรรค์ และ ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสนิทสนมสมานฉันท์กันยิ่งขึ้นไป

    ป.ล.
     อย่าลืมเชิญชวน คนในครอบครัว เพื่อน หรือ คนที่ท่านรักมาร่วมเทศกาลนี้ด้วยนะ
    จาก         
    ลีนัส  เทศมนตรี


    ----------------------------------------------------------------------

       'ถึง วินเซนต์ นักโบราณคดี'
    ขอโทษที่ไม่ได้ตอบจดหมายของนายเสียตั้งนาน การไปศึกษางานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในเมืองหลวงห้าวันสี่คืน แม้จะน่าเบื่อไปบ้างแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี  รายละเอียดเอาไว้คุยกันทีหลัง พ้นจาก 'งานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้' ที่ใกล้จะถึงนี่แล้วพวกเราค่อยมาคุยกัน 

    ป.ล.
    ฉันได้เดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แถมกำลังจะมีข่าวดีมาบอกนายด้วย
    จะว่าไป...ตอนนี้นาย กับ ลูกศิษย์ของนายไปถึงไหนกันแล้วล่ะ? ฉันมั่นใจเหลือเกินว่าคงไปไม่ถึงไหนแน่ ไม่ลองชวนเธอไป 'งานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้' ดูสิ

    จาก                  
    ซินดร้า  นักโบราณคดีผู้ประสงค์ดีอยากให้เพื่อนนักโบราณคดีด้วยกันลงมาจากคาน


    ----------------------------------------------------------------------

    'ถึง คุณบันนี่บานี่ '
    วัตถุดิบที่คุณต้องการในตอนนี้ฉันได้เก็บเกี่ยวมาตามจำนวนที่คุณบอกแล้ว จะนำมาส่งให้คุณตามที่ ๆ คุณนัดเอาไว้ เวลา 8:30 น. 

     จาก     
    โมจิ  ชาวไร่

    ----------------------------------------------------------------------

    "คุณบันนี่ไม่อยู่เหรอคะ?"

       เสียงของโมจิที่เรียบนิ่งปนเคืองหน่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่คนที่ขอ(จ้าง)ให้เธอปลูกผักตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิ หรือก็คือตอนที่เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาเป็นชาวไร่ของหมู่บ้านแห่งนี้ใหม่ ๆ  แล้วก็เร่งเร้าว่าอยากได้เร็ว ๆ เวลาเจอหน้าก็จะถามเกี่ยวกับผักที่เธอขอให้ปลูกเสมอจนน่ารำคาญ...(แต่เพราะลูกค้าเป็นเหมือนพระเจ้าเลยโวยไม่ได้) อีกทั้งยังให้เธอเป็นคนนำผักเหล่านั้นซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลยมาประเคนถวาย(?)ให้ถึงที่ ซึ่งก็คือหน้าร้านอาหารในโรงแรมของหล่อน 

       แต่กลายเป็นว่าคนที่มารับผักนั้นกลายเป็น ยูอิจิ หนึ่งในสองเชฟประจำร้านซึ่งในตอนแรกเดินออกมาในสภาพที่คนกึ่งหลับกึ่งตื่น โชคดีแค่ไหนในตอนที่พ่อครัวผู้ง่วงซึมผู้นี้กำลังตรวจสอบผักที่มาส่งเกิดสัปหงก หน้าเกือบจุ่มตะกร้าผักแต่เธอไหวตัวทันรีบยกหลบซะก่อน

    'นอกจากจะน่ารำคาญแล้วเหมือนจะมีเรื่องให้เสียเวลาซะแล้วสิ'

      "อืม....หงึก!" ดวงตาเรียวของเขาถูกเปลือกตาอันหนักอึ้งนั้นกดทับแล้วโยกหัวสัปหงก แต่เพราะไม่มีอะไรมารองรับเลยเหมือนการโยกหัวลงแรง ๆ ทำให้เขาตื่นในที่สุด

      "อ้าว คุณชาวไร่?....แต่เมื่อกี้ผมยังอยู่ในครัวอยู่เลยนะ...อ่า... ฮะฮะฮะ สงสัยว่าผมกำลังจะฝันอยู่แน่เลย"   หัวเราะเบา ๆ พร้อมเกาท้ายทอยต้อย ๆ 

      "ไม่ใช่แค่ฝันอ่ะ นายเดินละเมอออกมาเลย...." โมจิหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา "อย่ามัวชักช้าเสียเวลา ผักที่ต้องการมาส่งถึงที่แล้ว" 

     พูดพร้อมยื่นตะกร้าใส่ผักที่ยกมาให้กับอีกฝ่าย

       "หวา! หนักเอาเรื่องเหมือนกันนะครับเนี่ย"  เพราะด้วยกำลังกายที่มีเฉพาะใช้ในการทำอาหาร และ ยกหม้อน้ำซุปที่หนักเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของตะกร้าผักที่ถือในตอนนี้เท่านั้น ในตอนที่รับมาแขนเขาได้ตกฮวบแน่ถ้าเขาไม่ได้เกร็งแขนจนโมจิสามารถเห็นได้ถึงการสั่นอย่างชัดเจน

       "ไม่สำหรับฉันแต่ดูเหมือนจะหนักสำหรับนาย แขนสั่นแล้วนะนั่น" ชี้ไปที่ตะกร้าผักที่อยู่ในมือกำลังสั่นเป็นเจ้าเข้า

       "ฮะ ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับผมจัดการได้หนักแค่นี้เอง เดี๋ยวผมจะไปเอาเงินมาให้นะครับรอซักครู่...." ในตอนนั้นเองน้ำหนัก และ อาการเกร็งของแขนก็เริ่มที่จะลดลงจนมันหายไป ปรากฏให้เห็นมือของอีกคนมาช่วยถือมันอีกแรง

       "ให้ฉันช่วยนายเถอะ คิดว่าไม่พ้นธรณีประตูนายคงได้ทำผักที่ฉันอุตส่าห์ปลูกข้ามฤดูช้ำแน่ ๆ " โมจิเอ่ยพร้อมเอาตะกร้าผักออกจากมือของยูอิจิ แล้วพูดต่อ "เอ้า! จะเอาไปวางไว้ตรงไหนล่ะ?"

       "เอ่อ...เดินตรงเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอประตูห้องครัว เปิดเข้าไปแล้วไปวางบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ กับซิงค์ล้างจานเลยครับ"

       "เข้าใจแล้ว อ้อ!ไม่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มหรอกนะ ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" แม้ว่าจะเป็นการประชดประชันจากความหงุดหงิดที่เธอมีนัดไปเอา 'ระฆังสีแดง' จากพ่อค้าหน้าเลือดในคราบเทพบุตรคนนั้น ป่านนี้พวกดีแลนคงจะรอเธอเก้อแล้ว ที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คงจะต้องรีบทำให้เสร็จจะได้รีบไปล่ะนะ

       "ขอบคุณครับคุณชาวไร่ แต่ถ้าไม่ไหวต้องบอกผมนะ" ยูอิจิที่ตามหลังเธอเอ่ยด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเพราะนึกว่าที่พูดมานั้นเป็นการหวังดี

       "ฉันยกได้ย่ะ!" -โมจิ   

       "ครับ ๆ คุณชาวไร่นี่แข็งแกร่งสุด ๆ ไปเลยครับ" หัวเราะเบา ๆ 


    'นี่มันเสียเวลาสุด ๆ เลย!!'


    ----------------------------------------------------------------------

      "โมจิยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย? ทำอะไรอยู่น้า หรือ ว่าจะท้องเสีย เป็นไข้ หกล้ม ตกน้ำ ตกรถ ตกไฟ ตกบันได เอ๊ะ ไม่สิ ๆ เจ้าตัวอยู่บ้านชั้นเดียวนี่นา..."  และอีกสารพัดการสันนิษฐานของเคท ถึงกับทำให้ฟินน์กลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ในตอนนี้พวกเขาได้นำแร่พวกนั้นไปและกับ 'ระฆังสีแดง' ตามที่ได้ตกลงไว้กับเคิร์กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแลนซ์ในวันนี้เกิดไม่สบายกระทันหันเลยไม่สามารถนำพวกเขาลงเหมืองไปได้ แต่ดีแลนบอกว่าเดี๋ยวพวกเขาจะลงไปเองเนื่องจากการลงเหมืองเมื่อวานนี้ก็น่าจะได้ประสปการณ์มาไม่น้อยเลย

        "ถ้างั้นให้ฉันไปดูที่บ้านเขามั้ย?"   ซักพักดีแลนพูดขึ้นแล้วลุกจากม้านั่งที่นั่งอยู่ก่อนหน้า

       "โอ๊ย นายไม่ต้องเปลืองแรงขนาดนั้นหรอก! ฉันรู้นิสัยโมจิดีเจ้าตัวคงจะติดภารกิจอะไรเลยมาช้าเท่านั้นเอง" - เคท

       "แล้วที่คุณเธอพร่ำพรรณนาไปก่อนหน้านี้ล่ะ?..." ดีแลน กับ ฟินน์ พร้อมใจกันพูดโดยมิได้นัดหมาย

       "อะไร๊---! เค้าเปล่านะเตง---- เค้าแค่สันนิษฐานเอาเท่านั้นเอ๊ง!!!" - เคท *เสียงวิบัติเล็กน้อย*

       "หรา!!!!" - ดีแลน/ฟินน์ *วิบัติตามเสียง*

      การโต้วาทีด้วยเสียงสำเนียงวิบัติคงจะดำเนินต่อไป หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของบุคคลที่พวกเขาทั้งสามกำลังรออยู่ 

    "โอ่ย....ไปหมดละภาษามนุษย์"

    "โมจิ!!เธอหายไปไหนมา!?"


     
    ----------------------------------------------------------------------


        "ต้องขอบคุณคุณชาวไร่มาก ๆ เลยนะครับที่นอกจากจะเอาวัตถุดิบมาให้แล้วยังอุตส่าห์ช่วยยกมาให้อีก" ยูอิจิกล่าวขอบคุณคนที่ช่วยเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

       "ไม่เป็นไรก็บอกแล้วไงว่าแค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน...ได้เงินก็หมดธุระแล้วฉันไปล่---" 

       "ช้าก่อนครับ!" 

    ก่อนที่โมจิจะไปก็ถูกรั้งไว้ด้วยคำพูดของยูอิจิ เธอจึงหันหน้าไปหาพร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดเป็นปมประมาณว่า 'มีอะไรอีก?' 

       "ผมคิดว่าแค่เงินคงไม่พอ ให้ผมได้ตอบแทนคุณด้วยการทำอาหารให้คุณกินซักมื้อเถอะครับ" 

       "หืม?......"


    ----------------------------------------------------------------------

    "หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อเหรอโมจิ?"  

       ตัดภาพกลับมาที่ในเหมืองซึ่งโมจิก็ถูกเคทซักไซ้อยากฟังเหตุผลของการมาสายของเธอ 

    "ก็...ฉันก็เลยตอบตกลงแล้วก็ได้กินฟรีไปหนึ่งมื้ล่ะนะ" โมจิยักไหล่

    "โห!! แค่ไปเอาวัตถุดิบมาให้ก็ได้กินฟรีไปหนึ่งมื้อแล้วเหรอ? น่าอิฉาชะมัดเลย"  ดีแลนเอ่ยออกมตาเป็นประกาย เขากำลังมีความคิดว่าถ้าเกิดเขาจับได้ปลาตัวใหญ่ ๆ ซักตัวแล้วนำไปให้เชฟที่โมจิเล่าให้ฟังเขาอาจจะได้พาครอบครัวมาเลี้ยงข้าวฟรีไปหลายมื้อเลยก็เป็นได้

    "แต่!! ใช้คำว่าแต่เลยนะ ดีแลนฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไร"  โมจิปรามทำเอาภาพในก้อนเมฆแห่งจินตนาการของดีแลนแตกกระจายออกไป "นายคิดว่ามื้อเดียวที่นายพูดถึงคืออาหารจานหรู ๆ หนึ่งจานแล้วจบใช่มั้ย?"

    "ที่จริงมันก็ควรเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ?" ดีแลนเลิกคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด

    "คืองี้นะ..."


    ----------------------------------------------------------------------

    "น้อยไปหน่อยแต่ก็อร่อยดีเหมือนกันนี่..."  
       โมจิเอ่ยหลังจากที่จัดการกับอาหารมื้อตอบแทนของยูอิจิ ขณะที่เธอกำลังจะลุกออกไปก็มีจานใหม่เข้ามาเสริฟ์พอดี

    "นี่มันอะไรน่ะ?" เธอถามทันที 

    "นี่ก็คือไส้กรอก กับ แฮมรมควันสไลด์บางครับ" ยูอิจิตอบทันควัน แล้วเอามือออกเมื่อจานนั้นได้มาวางอยู่ตรงหน้าโต๊ะอาหารของโมจิแล้ว

    "ไม่! ฉันหมายถึงจานเมื่อกี้ฉันก็กินไปแล้วนี่ จานนี้จะอะไรอีก?" - โมจิ

    "เมื่อกี้น่ะเป็นแค่ซุปเรียกน้ำย่อย ส่วนนี่เป็นอาหารเปิดตัว" - ยูอิจิ

    "อย...อย่าบอกนะว่า...อาหารพวกนี้..." โมจิที่เหมือนจะรู้แล้วว่าตนกำลังเผชิญอยู่กับอะไรก็ได้แต่หน้าซีดพร้อมกลืนน้ำลาย เพราะในตอนนี้เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารพวกนี้ได้จนกว่าเธอจะกินพวกมันจนหมด 

    "ยังไงก็...ทานให้หมดด้วยนะครับเพราะจานต่อไปจะเป็นสเต็กไก่ราดซอสพริกไทยดำซึ่งจะเป็นอาหารหลักที่จะมาเสิรฟ์ในไม่ช้านี้นะครับ" พ่อครัวเอ่ยพร้อมยิ้มร่าแล้วเดินหายเข้าไปในครัว เป็นโอกาสที่ประจวบเหมาะที่จะชิ่งแต่เพราะความหิวเธอเลยคิดว่ากินอีกซักจานแล้วค่อยไปก็แล้วกัน....

     "อาหารจานหลักมาแล้วครับ" ไม่นานอาหารจานหลักก็มาจริง ๆ ในตอนนี้เธอก็รู้สึกอิ่มจนทานอะไรไม่ไหวแล้ว จึงรอจังหวะที่ยูอิจิจะหันหลังกลับไปทำเมนูต่อไปในครัวแต่....

    "......."

    "อ้าว นายไม่ไปทำจานต่อไปแล้วเหรอ?" เธอถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเดินออกไปซักที

    "ฮะ ๆ จะให้ผมไปทำจานต่อไปได้ยังไงในเมื่อจานต่อไป และ ต่อไปอีกผมทำเสร็จ และ พร้อมเสิร์ฟให้คุณอยู่ตรงนี้แล้ว" ไม่พูดเปล่าพร้อมผายมือไปทางรถเข็นเสิร์ฟอาหารที่วางด้วยอาหารที่เตรียมเสิร์ฟต่อ ๆ ถูกครอบไว้ด้วยฝาสีเงินวาววับ และการที่เป็นแบบนั้นแสดงให้เห็นว่าเธอหมดโอกาสที่จะหนีแล้ว

    'เอาล่ะว้า....อิ่มก็จริงแต่ชาตินี้คงไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้อีก เอ้า!สู้เหวย!!' 

    คิดแบบนั้นแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไปอย่างอเร็ดอร่อย

    "ต่อจากอาหารจานหลักก็จะเป็นสลัดน้ำใส ซึ่งผักที่ใช้ก็เป็นผักสด ๆ จากไร่ของคุณเองครับ"

    .

    .

    "ต่อไปเป็นชีสการ์มังแบร์ซึ่งเปลือกสีขาวของมันที่ห่อหุ้มเนื้อชีสจะมีรสชาติเข้มข้นอร่อยมากเลยนะครับ"

    .

    .

    "แล้วก็ต่อไปจะเป็นของหวานนะครับคือเค้กสตอว์เบอรี่"

    .

    .

    .

    .

    .

    ----------------------------------------------------------------------


    "สรุปคือ...เธอกินอาหารแบบ 'ฟูลคอร์ส' เลยมาสายสินะ" ฟินน์สรุปเรื่องราวจากที่ฟังมาทั้งหมด ดีแลนที่ในตอนแรกว่าอยากจะไปลองดูบ้างแค่ฟังยังรู้สึกเหนื่อยแทน แต่ก็แอบคิดอยู่ว่าถ้าเกิดเขาหิวจัด ๆ จริง ๆ เขาอาจจะกินอาหารพวกนั้นได้สบายเลยก็ได้

    "ประมาณนั้น...พอกินเสร็จแล้วออกมาได้คำเดียวเลยว่า 'จุก' " ไม่ว่าเปล่าถึงกับกุมท้องทันทีเมื่ออาการนั้นเริ่มกลับมาอีกครั้ง 

    "อาหารฟูลคอร์สเนี่ยเป็นศัตรูตัวสำคัญของการลดน้ำหนักของหญิงสาวไม่แพ้อาหารแบบบุฟเฟต์เลยนะ" เคทเสริมทำเอาโมจิถึงกับจิตตก "อ๊ะ!! แต่ว่าจริง ๆ นาน ๆ ทีกินคงไม่เป็นอะไรหรอกใช่ม้า ๆ ? ดีแลนล่ะว่าไง?" แล้วก็โบ้ยไปให้ดีแลนที่เกือบจะเลี่ยงในการออกความเห็นนี้ ได้สำเร็จด้วยการเงียบ

    "หา? ถามฉันเนี่ยนะ? ถ้าให้ฉันตอบล่ะก็...." ดวงตาสีเขียวกลมกลอกไปมาอย่างใช้ความคิด 

    "นั่นสินะ นาน ๆ ทีเอง อีกอย่างเธอเองก็ใช้แรงส่วนใหญ่ไปกับการทำไร่อยู่แล้วนี่ แสดงว่าเธอก็ออกกำลังกายใช้แรงไปไม่น้อยเลย เธอคงไม่มีทางอ้วนเพราะอาหารหนัก ๆ มื้อเดียวหรอก" 

    "................." 

        พอมาถึงจุด ๆ นี้ทุกคนถึงกับเงียบ และ พร้อมใจกันหยุดเดิน ดีแลนเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงเดินต่อเมื่อรู้สึกผิดสังเกตจึงหันหลังกลับไปมอง เห็นสองสาวกับอีกหนึ่งภูติกำลังจ้องมองเขาราวกับกำลังประหลาดใจอะไรบางอย่าง

        "เอ่อ....มีอะไรผิดปกติเหรอ?"  เขาถาม

       "ไม่ยักรู้ว่านายพูดจาดูดีเป็นกับเขาด้วย" 

       "พรืดดดดดดด!!!" 

    สิ้นคำพูดของโมจิ เคทกับฟินน์ก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันส่วนทางด้านดีแลนถึงกับไปไม่เป็นจนตะโกนออกมาอย่างเหลืออดว่า...

      

    "นี่พวกเธอเห็นฉันเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!!!"


    ----------------------------------------------------------------------


        "เอาล่ะ...พวกเรามาถึงแล้ว"  
    ฟินน์เอ่ยเมื่อพวกเขาได้เดินมาถึงชั้นล่างสุดของเหมืองซึ่งเป็นที่ ๆ มี 'ที่แขวนระฆังสีแดง' อยู่...

    ดีแลนยกระฆังที่เขาถือมาแขวนไว้ให้เข้าที่เข้าทางแล้วถอยออกมารวมกับคนอื่น ไม่กี่อึดใจก็เกิดแสงสว่างขจายขจรไปทั่วชั้นเหมือง จนทุกคนต่างต้องเอามือมาป้องแสง

       "โอ้ว---- พวกเธอคือคนที่ช่วยนำระฆังกลับมาแขวนสินะ ต้องขอบคุณมาก ๆ เลย!!"

    หลังจากที่แสงสว่างได้หายไปก็ปรากฏร่างของภูติที่มีหน้าตาคล้ายกับฟินน์แต่การแต่งกายของเขานั้นเป็นสีแดงเหมือนกับระฆังที่อยู่ด้านหลังเขา

       "ฉันชื่อ อลัน เป็นภูติแห่งไฟที่สิงสถิตอยู่ในระฆังสีแดงนี้" ภูติจากระฆังแนะนำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ โค้งตัวอย่างสง่างามแล้วพูดต่อ  "ตอนนี้ทั้งฉัน และ ภูติตนอื่น ๆ ต่างรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของพลังแห่งธาตุที่ไหลเวียนในแต่ละฤดู อีกทั้งอยู่ ๆ พวกเราก็ถูกทำให้อ่อนพลังลงจนหมดสติไป แต่การที่พวกเธอมาช่วยปลุกพวกเราให้ตื่นขึ้นนั่นก็เป็นการเรียกพลังของพวกเราให้กลับคืนมาด้วย ต้องขอขอบคุณพวกเธอจริง ๆ นะ!!" 

       "อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องขอบคุณหรอก ที่จริงต้องขอบคุณฟินน์นะ" ดีแลนพูดแล้วฉีกยิ้มไปทางฟินน์

       "เอ๋!! ฉันเหรอ!?" ถึงกับหน้าเหวอทันที

       "ถ้าไม่ใช่เพราะฟินน์พวกเราก็คงไม่มีทางรู้แน่ ๆ ว่าพวกคุณมีตัวตนอยู่จริง และ ไม่รู้เลยว่าพวกคุณกำลังมีปัญหา" - ดีแลน

       "รอบนี้ฉันเห็นด้วยกับดีแลนนะ!! โอ๊ะ แต่ว่าความดีความชอบในการต่อรองระฆังกลับมาต้องเป็นของพวกเรานะ!!" -เคท

       "ใช่ พวกเราเองก็เหนื่อยไม่แพ้กันแต่ที่พวกเราทำมาทั้งหมดก็มาจากเขานี่นะ" - โมจิ 

       "ฮือออ ทุกคนอย่าทำฉันซึ้งแบบนี้เซ่!!!!" -ฟินน์


      คุยกันไปได้ซักพักก็เริ่มกลับเข้าเรื่องการสั่นระฆัง ทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบเพื่อให้อลันได้ทำสมาธิ เขาจ้องมองไปยังรัฆังสีแดงแล้วเอ่ยออกมา

       "ระฆังสีแดงเอ๋ยจงบรรเลง! บรรดาลเปลวไฟ และ พลังงานให้กับโลกใบนี้ด้วยเถิด!!" 

    หลังจากเอ่ยจบระฆังก็สั่นเองโดยที่อลันไม่ได้ไปแตะต้องบรรเลงออกมาเป็นเสียงดังกังวาลไปทั่ว เหล่าผู้ที่มองเห็นเหตุการณ์น่าอัศจรรย์นี้รับรู้ได้ถึงพลังงานที่ออกมาจากระฆังใบนี้ พวกเขารับรู้ได้ถึงความร้อนที่ในหน้าร้อนที่ไม่อบอ้าวแห้งแล้ง แต่กลับเป็นความร้อนของหน้าร้อนที่ให้ความอบอุ่น หรือ ร้อนกำลังดี นี่ก็คงจะเป็นหน้าร้อนอย่างที่ควรเป็นสินะ...

        "เอาล่ะภารกิจของฉันเสร็จแล้ว ฉันขอกลับไปรายงานตัวกับราชินีภูติก่อนนะ แล้วเจอกันนะ!!" อลันพูดพร้อมโบกมือลา ก่อนที่ร่างของเขาจะเริ่มจางลงแล้วหายไป

       "ลาก่อนนะแล้วเจอกันใหม่" - ดีแลน

       "แล้วเจอกันใหม่นะอลัน!" -เคท

       "บ๊ายบาย ฝากทักทายราชินีภูติด้วยนะ" - โมจิ

       "แล้วเจอกันนะ!!" - ฟินน์

    ในขณะที่พวกเขากำลังสนใจกับการเอ่ยลานั้นหารู้ไม่ว่าการกระทำของพวกเขากำลังอยู่ในสายตาของ 'ใครคนหนึ่ง' ซึ่งจับตามองพวกเขาอยู่....

       "ภารกิจสำเร็จไปด้วยดีสินะ เอาล่ะคงต้องไปรายงานให้กับคน ๆ นั้นแล้วสิ..." ว่าแล้วก็เดินออกไปแต่มีเสียงหนึ่งได้เรียกรั้งเอาไว้

       "ช้าก่อน...นั่นเธอจะไปไหน?" หารู้ไม่ว่าตนเองก็โดนคนอื่นจับตามองอยู่เช่นกัน

       "อ้าวตายจริง...นี่ฉันถูกสะกดรอยตามอยู่เหรอเนี่ย? เอ๊ะ ๆ ๆ หรือว่าคุณตามเด็กพวกนั้นมากันแน่นะ?" จากสีหน้าที่ดูเหมือนจะล้อเล่นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นการแสยะยิ้มทันที

       "คุณเร็น....รองหัวหน้าหน่วยวิจัย..."

       "ไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีแผนอะไร..." เร็นดันแว่นของเขาขึ้นให้เข้าที่แล้วพูดต่อ "จากเท่าที่ดู...เหมือนว่าคุณจะมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น แต่ที่น่าแปลกคือคุณกลับรู้เรื่องนี้ดีราวกับว่าคุณรู้เห็นทั้งหมด...." 

       "ก็เพราะว่าฉันน่ะเป็น 'นักโบราณคดี' ยังไงล่ะ!"ว่าพลางขยิบตา แล้วกลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง" ว่าไปนั่น...จะบอกให้เอาบุญนะ ในตอนแรกฉันก็รู้เหมือนกับที่นักโบราณคดีคนอื่น ๆ รู้นั่นแหละ แต่แล้ววันหนึ่ง คน ๆ หนึ่งได้เข้ามาหาฉัน แล้วก็เล่าเรื่องประหลาด ๆ เรื่องหนึ่งให้กับฉัน แล้วก็ขอให้ฉันหาความจริงอะไรบางอย่าง..." 

       "คน ๆ นั้น?...." เร็นเลิกคิ้วทวนคำพูดอีกฝ่าย 

       "อุ๊ปส์! เหมือนฉันจะพูดอะไรมาเยอะแล้ว งั้นบอกแค่นี้ดีกว่า ไปล่ะบาย!" ว่าแล้วก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงไม่ให้โอกาสให้เร็นได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก

     "..........."

    "ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าคนพวกนี้วางแผนอะไรกันแน่..."  


    เขาเอ่ยกับตัวเองแล้วเดินออกจากเหมืองไป.... 



    ----------------------------------------------------------------------
























    H
    a
    s
    h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×