ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 05:: ฤดูร้อน วันที่ 7 [เทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้](2)
"ท่านเทศมนตรีลีนัส!!"
อยากจะแตกตื่นตะโกนแบบนั้นออกไป หากไม่ติดว่า อย่างแรกเขาทำงานอยู่ อย่างสองถ้าตะโกนไปแบบนั้นมีหวังลูกค้าคนอื่น ๆ ต้องตกใจเป็นแน่ แล้วร้านอาจจะมีการเสียเครดิตซึ่งส่งผลต่อชื่อเสียงของร้าน แล้วหลังจากนั้นคงมีผลกับการเข้าร้านของลูกค้า ถ้ารีวิวไม่ดีก็จะไม่มีลูกค้า ไม่มีลูกค้าก็จะเท่ากับไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็คือจบเห่!!
'เหมือนเห็นภาพเป็นฉาก ๆ เลยแฮะ' ดีแลนคิดแบบนั้นถึงกับเหงื่อกาฬไหล
"อ้าว! ท่านเทศมนตรียินดีต้อนรับค่ะ!! วันนี้คุณหนูซีเปียไม่มาด้วยเหรอคะ?" บันนี่บานี่รีบเดินมาต้อนรับอย่างคล่องแคล่ว และ เป็นธรรมชาติสมกับเป็นมืออาชีพ โอกาสนั้นดีแลนจึงรีบเรียกคืนสติที่กระเจิงเหล่านั้นกลับคืนมา จะว่าไปอย่างที่ผู้เป็นเจ้าของร้านในชุดสาวกระต่ายได้เอ่ยถาม ตั้งแต่ที่ท่านเทศมนตรีเดินเข้ามาในร้านก็ยังไม่เห็นซีเปียซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการเข้ามาทำงานในวันนี้เข้ามาเลยแม้แต่เงา
สงสัยได้ไม่นานก็ต้องถึงบางอ้อเมื่อได้รับคำตอบจากท่านเทศมนตรีมาว่า...
"ที่จริงผมก็พยายามจะชวนเจ้าตัวออกมาแล้ว....แต่เจ้าตัวก็ขออยู่ที่ร้านเพื่อเตรียมกล้องให้พร้อมสำหรับการถ่ายรูปในงานเทศกาลคืนนี้น่ะ เฮ้อ...พอโตแล้วใกล้งานเทศกาลทีไรเป็นแบบนี้ทุกที ชวนมายากยิ่งกว่าตอนเด็ก ๆ อีก" ท่านเทศมนตรีถอนหายใจออกมา
"แหม! แต่ก็สมกับเป็นคุณหนูซีเปียนะคะ อีกอย่างหนึ่งภาพถ่ายของคุณหนูก็มักจะใช้ในการประชาสัมพันธ์หมู่บ้านให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยนี่นา นี่ถ้าไม่มีคุณหนูหมู่บ้านก็เหมือนขาดแหล่งรายได้ดี ๆ ไปแหล่งหนึ่งเลยนะคะ!" บันนี่บานี่พูดเกลี้ยกล่อมไม่ให้ผู้ปกครองต้องเหนื่อยใจกับนิสัยที่ชอบทำอะไรเพื่อหมู่บ้านแบบทุ่มสุดตัวของลูกสาวคนนี้
"อีกอย่างนะฮะ พี่ซีเปียก็ใจดีสุด ๆ ไปเลย แถมพี่เค้าเคยให้ลูกอมผมด้วยล่ะฮะ!" นีออนซึ่งเดินเข้ามายังโต๊ะที่ท่านเทศมนตรีนั่งเมื่อไหร่ แต่เจ้าตัวก็เดินมาช่วยพูดเสริมก่อนจะพูดต่อไปว่า "ผมว่าผมจะชวนพี่ซีเปียไปงานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้ในคืนนี้ฮะ!"
ในขณะที่สีหน้า ท่าทาง และ ดวงตาของนีออนกำลังฉายแววสดใส พลางเอ่ยปากขอท่านเทศมนตรีอย่างจริงใจ หารู้ไม่ว่าทางด้านดีแลนกำลังทำสีหน้าช็อคเหมือนโดนปลาตัวใหญ่แย่งงาบปลาตัวเล็กที่เขากำลังจะตกอยู่ตรงหน้า
'ไม่ ๆ ๆ ไม่ได้การแล้ว!!'
"ท่านเทศมนตรีครับ!" เด็กหนุ่มชาวประมงในชุดบริกรชายเดินก้าวฉับ ๆ ๆ เดินไปยังโต๊ะที่ท่านเทศมนตรีนั่งอยู่ สีหน้า และ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง การก้าวเดินของเขาเริ่มหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะ เขากลืนน้ำลายเข้าไปอึกหนึ่ง สูดหายใจเข้าลึก ๆ สะกดอาการตื่นเต้นก่อนที่ปากของเขาจะอ้าเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาพร้อมด้วยมือที่หยิบบางอย่างมาวางไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย
"เมนูครับท่านเทศมนตรี...."
"โอ้ ขอบใจนะดีแลน" ยิ้มให้แล้วหยิบขึ้นมาอ่าน "งั้นวันนี้ขอสเต็กเนื้อราดซอสบาร์บีคิวก็แล้วกัน"
"อ่า ครับ น้ำจะรับอะไรดีครับ?" ดีแลนจดออเดอร์แล้วถามต่อ
"เอาชาสมุนไพรก็แล้วกัน ส่วนของหวานเอาเป็นชีสเค้กใส่กล่องก็แล้วกัน" ถึงตรงนี้ดีแลนหยุดจดออเดอร์แล้วแอบมองมาที่ลูกค้า รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยไม่นึกว่าท่านเทศมนตรีจะชอบกินของหวานกับเขาด้วย แต่เหมือนว่าสีหน้านั้นจะถูกมองออกได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับคำพูดที่เหมือนกับเกร็ดความรู้ที่เขาควรจะจดจำ
"เอาไปฝากซีเปียน่ะ เจ้าตัวชอบของหวานมาก ๆ เลยนะ"
"อ่า...ครับ ๆ (จะจดจำเอาไว้เลยครับ!!)" ประโยคในวงเล็บไม่ได้พูดแต่มันดังอยู่ในหัวของเขา
ในตอนนี้บันนี่บานี่ก็ขอตัวออกไปต้อนรับลูกค้าข้างนอกต่อ ส่วนนีออนก็ไปดูการแสดงไวโอลินฉายเดี่ยวของเซน(ที่จริงเซนบอกว่าเขามีคู่หูนักดนตรีด้วยแต่ดูเหมือนวันนี้เขาจะยังไม่มา) ดีแลนทำการทวนรายการอาหารก่อนจะหมุนตัวกลับไปบอกออเดอร์ให้กับ อารอน และ ยูอิจิ ที่อยู่ในครัว
"จะว่าไปแล้วดีแลน..." เสียงของเทศมนตรีเรียกทำให้เขาต้องหันหลังกลับมา
"เอ่อ...มีอะไรเหรอครับท่านเทศมนตรี?" เขาถาม
"คืนนี้เธอมีคนพิเศษที่จะพาไปงานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้รึยังล่ะ?"
"เอ๋!?คนพิเศษเหรอครับ!"
"ตกใจแบบนี้แสดงว่ามีสินะ" สีหน้าท่าทางนั่นถูกมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งโดยไม่ต้องเรียนวิชาตาทิพย์เหมือนกับในหนังจีนกำลังภายใน
"เอ่อ...ผม...ผมก็คงพาคุณแม่ไปเที่ยวงนเทศกาลเหมือนปีที่แล้วหรอกครับ ฮะ ๆ ๆ" ใช่...เหมือนกับปีที่แล้ว และ หลายปีที่ผ่านมา ซีเปียที่วิ่งวุ่นกับการถ่ายรูปในงานเทศกาล กับ คุณพ่อของเขาที่ยังคงต้องออกตามหาปลาจนไม่ได้กลับบ้านมาอยู่ร่วมเทศกาลกับครอบครัวกันอย่างพร้อมหน้า และคุณแม่ที่เขาไม่อยากออกไปร่วมสนุกกับเพื่อนวัยเดียวกันแล้วปล่อยให้เธอรู้สึกเดียวดาย....
'นั่นสินะ...เราคงไม่มีเวลาไปชวนซีเปียหรอก...เรามีคุณแม่แล้วนี่นา' ถ้าให้เลือกระหว่างคนที่รู้สึกดีด้วย กับ บุพการีอันเป็นที่รักเขาก็คงต้องเลือกอย่างหลังเพราะตอนเขายังเด็ก ผู้เป็นแม่ก็คอยดูแลเขา ทั้งในยามเจ็บไข้ ยามเขาทุกข์ร้อน และเขาก็ได้สัญญากับผู้เป็นพ่อเอาไว้ว่าในตอนที่ท่านไม่อยู่เขาจะต้องดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด
เขาสัญญาเอาไว้แล้ว...
และ เขาต้องรักษาสัญญา...
-----------------------------------------------------------------------------
19:10 น. ณ แม่น้ำทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน
ตะวันกำลังลับขอบฟ้า พื้นนภาแปลเปลี่ยนจากสีฟ้าครามกลายเป็นสีส้มแถบม่วง สถานที่แห่งนี้แม้จะไม่ได้ถูกตกแต่งอะไรมาก แต่อีกไม่ช้านานตามเทศกาลที่จะมีการปล่อยโคมดอกไม้ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายง่ายได้ทำการวางลงบนพื้นผิวน้ำของแม่น้ำ บวกกับหิ่งห้อยที่จะปรากฏตัวยามท้องฟ้าได้เปลี่ยนผันเป็นสีน้ำเงินแห่งรัตติกาล...
"โมจิ!! ทางนี้ ๆ " เคทโบกมือเรียกข้าง ๆ เธอมีร่างเล็กกว่าของเด็กสาววัย 15 ปีที่มีรูปลักษณ์หน้าตาคล้ายกับเธอราวกับถอดแบบมา เพียงแต่เด็กสาวคนนั้นไว้ผมสั้น และ มีดวงตาสองสี
"เคท ไครีย์ ขอโทษที่มาสายนะ" โมจิที่รับวิ่งมาเอ่ยแล้วงอตัวหอบแฮ่ก ๆ
"พอดีว่าต้องไปช่วยโอรอน กับ คุณออตโต้เขาต้อนแกะน่ะ"
"เห...ทำไร่ทำสวนไม่พอ ต้องไปทำงานปศุสัตว์ด้วย รายได้ของชาวไร่น่าจะน้อยน่าดู" ไครีย์เอ่ยแล้วเอียงคอเอานิ้วแตะปากทำท่าเหมือนสาวน้อยผู้ใสซื่อที่กำลังเอ่ยคำพูดที่กำลังสร้างความหงุดหงิดให้คู่สนทนาอย่างไม่ตั้งใจ(?) ซึ่งนั่นก็คือความจริง ถ้าไม่ติดว่าหลบอยู่หลังเคทเธออาจจะได้รับมะเหงกหนัก ๆ จากชาวไร่ที่เธอกำลังล้อเลียนอยู่ก็เป็นได้
"แหะ ๆ เอาน่าอย่าทะเลาะกันเลยนะทั้งสองคน" โมจิที่สถานะตอนนี้กลายเป็นเหมือนโล่กำบังให้กับน้องสาวของตัวเองไปโดยปริยายเอ่ย แต่ไม่วายที่น้องสาวตัวแสบโผล่หน้าออกมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนตรงหน้าแล้ววิ่งหนีออกไป
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! จะทำให้รู้ซึ้งถึงวิถีชาวไร่อย่างสุดซึ้งเดี๋ยวนี้แหละ!!" ไม่พูดเปล่าสาวชาวไร่ก็ออกตัววิ่งตามไป ไป ๆ มา ๆ เหมือนจะกลายเป็นการวิ่งไล่จับซะงั้น ถ้าเป็นคนอื่นเคทอาจจะวิ่งตามไปด้วยแต่พอเป็นโมจิอย่างน้อยเคทก็เชื่อว่าน่าจะลงโทษน้องสาวตัวแสบของเธอได้ตามสมควรแล้วก็จะพาสาวน้อยตัวแสบคนนี้กลับมาหาเธอเอง ระหว่างนั้นเธอก็คงจะเดินชมบรรยากาศแล้วก็หาซื้อโคมดอกไม้มาซักสามอันสำหรับตัวเองและอีกสองคนที่กำลังเล่น(?)วิ่งไล่จับกันอยู่
-----------------------------------------------------------------------------
"ว้าว ๆ ๆ โคมดอกไม้น่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลยจะเอาอันไหนดีน้า---"
โฟทีเน่ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าทรงสวยรูปไข่ โครงหน้าและใบหน้าที่ดูสวยหวาน เรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยถูกมัดรวบเป็นหางม้าไปทางด้านหลัง และยิ่งการไว้ผมหน้าม้าของเธอบวกกับดวงตากลมโตสองชั้นนั้นช่วยทำให้ใบหน้าของเธอนั้นดูเยาว์วัย ไม่แปลกนักหากความงามที่ดูเป็นธรรมชาติไร้การแต่งแต้มจากเครื่องสำอางจะส่งผลให้เธอได้คว้าตำแหน่ง 'สาวงามประจำหมู่บ้าน' มาครอง
บทสนทนานี้เธอก็ไม่ได้พูดกับใครที่ไหนนอกเสียจาก อาเธอร์ รุ่นน้อง และ เพื่อนร่วมงานที่ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าและทำเครื่องประดับที่มาร่วมงาน(หรือจะพูดให้ถูกคือเธอลากเขามา)เทศกาลด้วยกันกับเธอ
ผิดกับท่าทางที่ดูสนุกสนานในการเลือกโคมดอกไม้ของโฟทีเน่ ท่าทางของอาเธอร์กลับดูหวาดระแวงการออกมาข้างนอกจนใครหลาย ๆ คนในหมู่บ้านแทบจะไม่เชื่อเลยว่าคนที่ชอบการเข้าสังคม กับ คนที่ชอบการปลีกวิเวกจะสามารถสนิทสนม และ ทำงานร่วมกันได้มาตลอดหลายปี
"เฮ้ อาเธอร์ฉันถามนายอยู่นะ" โฟทีเน่เร้าให้อีกฝ่ายตอบ
"ขอร้องล่ะโฟทีเน่...ผมอยากกลับไปทำงานที่ร้าน...." แทนที่จะเป็นคำตอบกลับกลายเป็นการขอร้อง ทำเอาฝ่ายหญิงถึงกลับพองแก้มแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
"ฮึ่ม!----งานเทศกาลทั้งทีก็มาสนุกกันหน่อยสิ! มัวแต่นั่งหมกอยู่ในห้องทำงานแบบนั้นไอเดียในการออกแบบจะไหลเข้าหัวของนายตอนไหนกัน?"
"เรื่องของผมน่า...." เขาตอบแล้วเว้นช่วงไปพักหนึ่ง "ผมกลับล่ะ พรุ่งนี้ต้องรีบไปรับผ้าฝ้ายของคุณไอด้า" ไม่พูดเปล่าก็ซอยเท้าก้าวเดินออกไปทันที
"อ้าว! เดี๋ยวสิอาเธอร์!! ฮึ่ม!! ปีนี้ก็ทำตัวบ้างานอีกแล้ว!!" เธอที่สองมือยังคงถือโคมดอกไม้(เลือกยังไม่ได้)ที่ยังไม่ได้จ่ายเงินจึงยังไม่สามารถก้าวขาตามรุ่นน้องของเขาที่ก้าวพ้นรัศมีของร้านขายได้กล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด ที่จริงเมื่อก่อนอาเธอร์ถึงแม้เขาจะงานยุ่งแค่ไหน แต่พอเธอลากไปไหนเขาก็มักจะใจอ่อนตามมาด้วยเสมอแต่ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดในวันหนึ่งโอรอนซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์มาบอกเธอ กับ เขา ว่าช่วงนี้อาหารในการเลี้ยงดูแกะในฟาร์มของเขาเริ่มน้อยลงรวมไปถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนจนคาดเดาไม่ได้ แกะบางส่วนก็เริ่มล้มตายทำให้ขนแกะ และ ผ้าฝ้ายที่เป็นของสำคัญในการผลิตเสื้อผ้าน้อยลง อาเธอร์จึงเริ่มทำงานหนักขึ้น เธอรู้ดีว่าเขาพยายามขนาดนั้นไปก็เพื่อที่จะให้ร้านที่พวกเขาทั้งสองลงไม้ลงมือสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพรรคน้ำแรงทั้งหมดให้ยังคงอยู่ เขาต้องวาดแบบเสื้อผ้ามากขึ้นเป็นสองเท่าส่วนหนึ่งเอาไว้ตัดเสื้อผ้าให้กับร้าน อีกส่วนหนึ่งต้องส่งเอาไปขายในเมืองเพื่อให้ได้เงิน(ที่จริงเธอไม่ค่อยเห็นด้วยกับงานนี้เท่าไหร่เพราะเหมือนกับการขายไอเดียของตัวเองให้กับคนอื่น) เธอพูดอะไรไม่ได้มากนอกจากทำงานในส่วนของเธอเหมือนเดิม เพิ่มเติมพยายามหาทางทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายบ้างอย่างพาไปเที่ยว พาไปเดินเล่น หรือแม้กระทั่งพามาชมงานเทศกาลอย่างวันนี้ แต่ก็อย่างที่ว่า....เมื่อมาถึงเขาก็จะเดินกลับไปทำงานที่ร้านเสมอ
"เฮ้อ...ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยเขาได้บ้างก็ดีสิ..." สาวงามประจำหมู่บ้านได้แต่ถอดถอนหายใจ
"โอ้ ๆ ๆ คุณโฟทีเน่มาทำหน้าเครียดแล้วถอนหายใจแบบนี้ระวังหน้าจะแก่ลงนะ งานวิจัยเคยบอกว่าความเครียดจะทำให้หน้าคนเราแก่เร็วเพราะงั้นยิ้ม ๆ เข้าไว้นะ" คำพูดให้กำลังใจดังมาจากด้านข้าง และเจ้าของประโยคก็เดินเข้ามาซึ่งนั่นก็คือ อควา นักวิจัยทางทะเล หรือ ลูกค้าเจ้าประจำที่มักจะมาแวะดูเสื้อผ้าที่ขายในร้านของเธอเสมอ ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่ได้มีการซื้อติดไม้ติดมือมาแต่การมาทุกครั้งจนเธอคุ้นหน้า และ เริ่มพูดคุยจนสนิทสนมกันก็ถือว่าเป็นลูกค้าประจำในทางหนึ่ง
"ขอบใจนะอควา แต่ว่าจะให้ฉันไม่เครียดคงไม่ได้ก็เจ้ารุ่นน้องจอมบ้างานนี่ชอบทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย..." เธอกล่าวขอบคุณแล้วเพิ่งเห็นว่ามีคนตามมาด้วยแม้จะดูไม่คุ้นหน้านักแต่ก็ลองทักดู "เดี๋ยวนะ...เธอมาเดทกับเขาเหรอ?"
"หืม..ใคร?" หันไปทางด้านหลังก็พบกับเรน "อ๋อ เรนน่ะเหรอ? เปล่าหรอก ๆ แค่มาเที่ยวด้วยกันเฉย ๆ " ว่าแล้วก็หัวเราะ
"ก็ว่าอยู่หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ แบบนั้นไม่น่าจะใช้สเป็คของเธอซักเท่าไหร่" ว่าแล้วก็หัวเราะตาม
บทสนทนาและการหัวเราะของสองสาวดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยหารู้ไม่ว่าเรนหรือผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็ยังคงยืนฟังอยู่
'เอ่อ....สาว ๆ ครับ....'
'ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับ...'
เรนยืนอยู่ตรงนั้นด้านหลังสองสาวที่พูดคุยเม้าท์กันเรื่องเขา กับ อาร์เธอร์สลับกันก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่านั่นคือบทสนทนาปกติของผู้หญิงสมัยนี้สินะ(?)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นไปตามที่ดีแลนคาดเอาไว้ แม้ว่าเขาไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นก็ตาม...
แม้ว่าจะเขียนจดหมายแล้วส่งไป คุณพ่อของเขาก็ยังคงไม่กลับมา ปีนี้ก็คงจะเป็นอีกปีที่เขาจะต้องอยู่กับคุณแม่เพียงแค่สองคน...
'ช่วยไม่ได้นี่นะ' นั่นคือสิ่งที่เขาคิด แต่เขาก็ไม่ได้นึกโทษโกรธอะไรพ่อเขาเลย เขาเชื่อเสมอว่าซักวันหนึ่งคุณพ่อของเขาจะกลับมาพร้อมกับอุ้มปลาตัวใหญ่ ๆ เดินเข้ามาหาเขา และ คุณแม่ และหลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามก็จะได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข...
"ลูกไม่ไปเล่นกับเพื่อน ๆ บ้างเหรอดีแลน?" หญิงสาวผู้เป็นแม่ทักหลังจากที่พวกเขาสองแม่ลูกได้ปล่อยโคมดอกไม้ลอยไปตามแม่น้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ไม่หรอกฮะแม่" เขาหันกลับมาผู้เป็นแม่แล้วพูดต่อ "วันนี้เกือบทั้งวันผมมัวแต่ทำงานเวลานี้ผมก็อยากอยู่กับคุณแม่บ้าง คุณแม่จะได้ไม่เหงาไง" พูดแล้วยิ้มให้
"แหม ดูพูดเข้า ยิ่งพูดยิ่งเหมือนพ่อเข้าไปใหญ่แล้วนะลูกน่ะ" ผู้เป็นแม่ยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
"แต่ใคร ๆ ก็บอกว่าผมได้เค้ามาจากคุณแม่ไม่ใช่เหรอครับ?" - ดีแลน
"เค้าโครงหน้าน่ะใช่ แต่นิสัยน่ะเหมือนพ่อไม่มีผิดเลย ชอบดูแลใส่ใจคนอื่นจนลืมมองมาที่ตัวเอง เอ้อ!นี่สินะที่เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" เธอเอ่ย
"ก็ผมสัญญากับคุณพ่อไว้แล้วนี่นาว่าจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด" - ดีแลน
"ถ้าอย่างนั้น...แม่จะดีใจมากเลยถ้าลูกทำตัวสนุกสนาน และ เล่นกับเพื่อน ๆ อ้อ...แล้วก็เมื่อเช้าลูกก็ตั้งใจว่าจะชวนคุณหนูซีเปียเดินเที่ยวงานด้วยนี่? เพราะงั้นอย่าให้เธอรอนานเลย"
"แต่แม่ฮะผมยังไม่---"
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แม่อยากให้ลูกสนุกกับงานเทศกาลนะ แม่จะไม่ยอมให้ลูกมานั่งเสียใจว่า'รู้งี้น่าจะไปสนุกแต่แรก' หรือไม่ก็ 'ปีหน้าค่อยไปสนุก' แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอกนะ"
".........." ถึงจะรู้สึกลังเลอยู่บ้างแต่ก็รู้ดีว่าถ้าปฏิเสธไปคงไม่ดีแน่เพราะงั้น...
"ขอบคุณครับคุณแม่ ลูกชายคนนี้จะรีบไปรีบกลับนะครับ" พูดกับผู้เป็นแม่แล้ววิ่งออกไป
"นั่น!ต้องแบบนั้นสิลูกชายฉัน! ไปดีมาดีเดินระวัง ๆ ด้วยนะ!" ผู้เป็นแม่ตะโกนไล่หลังลูกชายแบบไม่สนว่าจะถูกเป็นเป้าสายตา
-----------------------------------------------------------------------------------
ห่างไกลออกมาจากกลุ่มชาวบ้านที่มาลอยโคมดอกไม้หน่อยก็จะเป็นพื้นที่ของคนที่ชอบการปลีกวิเวกมานั่งชมทิวทัศน์ของงานเทศกาลส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นพวกคู่รักหลังจากที่ลอยโคมดอกไม้เสร็จก็จะมาดูวิวของแม่น้ำที่ถูกประดับประดาไปด้วยแสงจากโคมดอกไม้ และ รอการปรากฏตัวของเหล่าหิ่งห้อยที่กำลังจะบินผ่านมาในไม่ช้านี้
"กะแล้วไม่มีผิดว่าคุณต้องมาเวลานี้" เจ้าของเรืองผมสีทองรวบตึงเอ่ยดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองอีกฝ่ายด้วยหางตา เธออยู่ในชุดเครื่องแบบและเสื้อกราวน์สีขาวบ่งบอกว่าเธอคือกลุ่มนักวิจัยและหากมองดูป้ายชื่อที่แขวนอยู่ที่คอของเธอดี ๆ จะรู้ได้ว่าเธอคือ วอร์สไปซ์ หัวหน้าของกลุ่มหน่วยวิจัยของหมู่บ้านแห่งนี้...
"ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับคุณวอร์สไปซ์พอดีว่าผม..." ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าจัดว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่งหากแต่ถูกปกปิดด้วยแว่นสายตาที่ทำให้ใบหน้าและดวงตาเรียวสีน้ำเงินที่ดูหล่อเหลานั้นกลายเป็นใบหน้าที่ดูแสนจะธรรมดากำลังพยายามหาข้ออ้างของการมาสายให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
"ไม่ต้องหรอกฟาเรียส ฉันเข้าใจ...งานนักดนตรีเองก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำสินะ"
"ไม่เลย ๆ วันนี้ทั้งวันผมหยุดงานเพื่อจะเตรียมสิ่งนี้มาให้คุณเลยนะ"
"หืม?...."
ไม่กี่อึดใจชายหนุ่มก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาวางบนมืออีกข้างของเขา ก่อนจะดึงมันออกมาปรากฏช่อดอกกุหลาบสีแดงขนาดกลางพร้อมส่งมอบให้กับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
"ถึงแม้ว่าคุณจะเชื่อมั่นในสิ่งที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์...แต่ผมเชื่อว่ากาลเวลานั้นเป็นการพิสูจน์ถึงความมั่นคงของเราสองคน....สุขสันต์วันครบรอบของเรานะ"
ยังดีที่ว่าโดยรอบมีคนเดินคู่กันอยู่น้อยแถมแต่ละคนเหมือนจะสนใจแค่การชมทิวทัศน์กับการพูดคุยกับคู่ของตนพวกเขาจึงไม่ได้ยินคำพูดเสี่ยว ๆ แป้ก ๆ ของนักเปียโนผู้นี้
"......"
"....."
ไม่มีการตอบรับจากนักวิจัยสาว พลอยทำให้นักเปียโนหนุ่มถึงกับเงียบใจหายตกไปถึงตาตุ่ม...
"เอ่อ...เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถ---"
"พยายามต่อไปนะ...ฉันจะเอาใจช่วยนายก็แล้วกัน" จากนั้นไม่นานฟาเบียสก็สังเกตเห็นถึงสีแดงน้อย ๆ บนใบหน้าของอีกฝ่ายพลอยให้เขายิ้มออกมาอย่างมีกำลังใจ
"ฮะ ๆ ครับ คุณวอร์สไปซ์"
"ชู่ว์...เงียบ ๆ สิฝูงหิ่งห้อยมาแล้วนะ"
----------------------------------------------------------------------------
ตัดภาพกลับมาทางดีแลนหนุ่มน้อยชาวประมง ในตอนนี้เขาก็ได้มาอยู่ในพื้นที่ ๆ เป็นเหมือนจุดชมหิ่งห้อยอีกจุดหนึ่ง ฝูงหิ่งห้อยที่บินลงมาต่างส่องแสงสีนวลกระพริบไปมาเป็นจังหวะราวกับดวงดาวที่อยุ่บนฟากฟ้ามาเดินเล่นบนผืนดิน และที่นั่นก็ยังมี....
แชะ แชะ แชะ แชะ
เสียงกดชัตเตอร์เบา ๆ มาจากด้านข้างของเขา และแน่นอนว่ามีไม่กี่คนนักหรอกที่มักจะพกกล้องมาจึงเดาได้ไม่ยากนัก
"ซีเปีย ใช่เธอจริง ๆ ด้วย" ดีแลนเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
ฝ่ายหญิงหยุดจากการถ่ายรูปแล้วหันกลับมา
"ดีแลน?....ดีใจนะที่เป็นนาย" เธอหันมาแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจนักว่าทำไมต้องเป็นเขาแต่คำพูดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย
"อ่า...เมื่อกี้นี้รบกวนเวลาถ่ายรูปเธออยู่รึเปล่า?"
"ไม่เลย" เธอส่ายหน้า "เพิ่งถ่ายเสร็จเมื่อกี้นี้เลย ดีแลนมีธุระอะไรรึเปล่า?"
"ก็...." 'ขอเธอตอนนี้เลย!' ถ้าอควาอยู่ตรงนี้คงจะตะโกนอัดหน้าเขาให้ทำแบบนั้น แต่เขาก็แอบเห็นด้วยแหละว่าช่วงเวลาตอนนี้ประจวบเหมาะกับการขอเธอมานั่งดูหิ่งห้อยด้วยกัน แต่ไอ้เจ้าอาการเคอะเขินที่เป็นเหมือนอุปสรรคนี่มันช่างยากต่อการพูดออกไปเหลือเกิน
"นี่ซีเปีย...ถ้าไม่ว่าอะไร..." แต่สุดท้ายเขาก็นึกขึ้นได้ว่าที่เขาพยายามมาตลอดตั้งแต่เช้าทั้งพยายามเขียนจดหมาย ปรึกษาคนใกล้ตัว จนกระทั่งมาทำงานเพื่อดูลาดเลาก็เพื่อการณณ์นี้ไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นแล้วเขาจะไม่ทำให้สูญเปล่าเด็ดขาด!!
"ฉันขอมานั่งดูหิ่งห้อยเป็นเพื่อนเธอได้มั้ย?"
'พูดออกไปแล้ว! พูดออกไปแล้ว!!' ในใจของเขาแทบกรีดร้อง ถึงจะรู้สึกอายอยู่บ้างแต่นี่มันเหมือนอาการของสาวน้อยในการ์ตูนที่เวลาสารภาพรักกับรุ่นพี่ที่เป็นผู้ชายแล้มักจะมีอาการแบบนี้ แต่ช้าก่อนไอ้ชาย...ก็ตัวเขานี่เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ!?
"ดีแลน....คือว่านะ..." เสียงหวานของเด็กสาวช่างถ่ายรูปกระชากสติที่กำลังหลุดลอยจากจุดหนึ่งมายังอีกจุดหนึ่งซึ่งกำลังกรีดร้องเป็นอีกประโยคหนึ่งอย่างโหยหวนว่า 'ถูกปฏิเสธแน่ ๆ เลยตรู!'
"คือว่าอะไรเหรอ?" เขาปั้นหน้ายิ้มแล้วถาม
"พวกเราก็มาชมหิ่งห้อยอยู่ด้วยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?" เธอกล่าวแล้วยิ้มออกมา
"เอ๊อะ!" ดีแลนถึงกับค้าง เขาเองก็เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้เองรอบ ๆ ก็เต็มไปด้วยฝูงหิ่งห้อยที่บินอยู่ ซึ่งเขากับซีเปียก็กำลังดูพวกมันอยู่ หากแต่จะให้ตามที่เขาพูดทั้งหมดก็ขาดแต่ตอนนี้พวกเขากำลังยืนดูหิ่งห้อยเท่านั้นเอง
"ที่ขาดไปก็คือนั่งสินะถ้างั้น..." ว่าแล้วเธอก็กำลังหย่อนตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าแต่ถูกดีแลนห้ามไว้ซะก่อน
"เดี๋ยวก่อนครับคุณผู้หญิง " ว่าแล้วก็ทำมือปัด ๆ พื้นที่ตรงส่วนนั้นแล้วผายมือ "เชิญนั่งครับคุณผู้หญิง" พร้อมทำเสียงเหมือนกับผู้ใหญ่สุภาพบุรุษมาดผู้ดีที่เขาเคยเห็นตามละครหลังข่าว
ซีเปียเห็นดังนั้นก็หัวเราะหน่อย ๆ เธอยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยพร้อมถอนสายบัวแล้วบอกว่า ๅ"ขอบคุณค่ะคุณผู้ชาย"
และแล้วทั้งคู่ก็ได้นั่งชมบรรยากาศในงานเทศกาลไปด้วยกันราวกับตอนจบของนิยาย เป็นไปได้ดีแลนก็อยากจะให้ช่วงเวลาหยุดอยู่เพียงตรงนี้ แต่คิดไปคิดมาก็คงจะเป็นความคิดที่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยเลยเปลี่ยนความคิดเป็นปีหน้าเขาอาจจะขอชวนเธอแบบนี้อีก...ถ้าแบบนั้นเขาคงจะรู้สึกดีใจไม่น้อยเลย
"นี่ดีแลน..."
"หืม? มีอะไรเหรอ?"
"สัญญาได้มั้ย?ว่าปีหน้าพวกเรามาลอยโคมดอกไม้ แล้วชมหิ่งห้อยไปด้วยกันนะ"
"อื้อ! ได้สิ! ฉันสัญญาเลย!!"
----------------------------------------------------------------------------------
ในขณะเดียวกัน....
ทางด้านโมจิที่ไล่ตามไครีย์ด้วยความเร็วของนักวิ่ง 4 x 100 ชนิดที่ว่าถ้าจับเจ้าเด็กแสบนี่ได้จะจับมาอบรมเสียให้เข็ดจะได้รู้ซึ้งถึงความยากลำบากของชาวไร่ให้ถึงพริกถึงขิง
แต่ไม่ว่าเธอจะวิ่งเร็วแค่ไหนคงเป็นเพราะอีกฝ่ายตัวเล็กจึงมีความรวดเร็วคล่องแคล่วมากกว่าการจับตัวอีกฝ่ายในที่มืดที่มีเพียงแสงจันทร์ และ แสงหิ่งห้อยในป่าที่มีต้นไม้ถึงแม้จะไม่ทึบมากก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ดี
"วิ่งเร็วชะมัดเลยยาด!" เธอตั้งใจจะกระแทกก้นลงกับพื้นแต่ว่า
ปึ้ก!!
"โอ๊ย!!" หากให้เดาแรงกระแทกที่ได้รับมาไม่ใช้พื้นดิน หรือ ผิวหญ้า แต่เหมือนของแข็งบางอย่างซึ่งเธอคาดว่าน่าจะเป็นขยะที่คนในหมู่บ้านเอามาทิ้ง บทจะหันไปแล้วสบถใส่ระบายอารมณ์ก็ต้องค้างเมื่อเห็นถึงลักษณะของวัตถุนั้น...
"หืม....?"
"ระฆังงั้นเหรอ?...."
----------------------------------------------------------------------------
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น