ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Harvest Moon:: Knight of Season

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 05:: ฤดูร้อน วันที่ 7 [เทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้](1)

    • อัปเดตล่าสุด 13 เม.ย. 61



    (จดหมายประจำวันนี้)

       'ถึง คุณพ่อ' 
    ผ่านมา 3 ปี แล้ว คุณพ่อสบายดีไหมครับ ที่เกาะนกเงือกเป็นยังไงบ้าง หาปลาได้เยอะกว่าที่นี่ไหมครับ ผมกับคุณแม่สบายดีแต่ปลาของที่นี่ก็ยังคงตัวเล็กแล้วก็ยังมีน้อยเท่าเดิม ผมยังคงต้องทำงานรับจ้างทั่วไป แต่คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับทุกคนที่นี่ใจดีกับผมมาก ผมทำงานรับจ้างทั้งขุดหินในเหมืองซึ่งคุณแลนซ์ก็เป็นคนฝึกงานให้ และ งานบริกรในร้านอาหารคุณบันนี่บานี่ก็คอยอบรมเรื่องการเป็นบริกรที่ดีให้   แต่ที่ผมอยากทำมากที่สุดคือการจับปลาตัวใหญ่ ๆ พร้อมกับคุณพ่อ พร้อมกับลุง ๆ ชาวประมงทุกคน 

    ในวันนี้ผมไม่ได้แค่เขียนมาบอกเรื่องการทำงานของผมเท่านั้น วันนี้ที่หมู่บ้านมี 'งานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้' หวังว่าคุณพ่อ และ ทุกคนจะกลับมา จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันแค่วันนี้วันเดียวก็ยังดี

    ป.ล.
    ผม กับ คุณแม่ คิดถึงคุณพ่อมากเลยนะครับ 

    จาก  
    ดีแลน

    -----------------------------------------------------------

      'ถึง ลูกจ้างที่น่ารักทุกคน'
    วันนี้อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าจะมี'งานเทศกาลชมหิ่งห้อยลอยโคมดอกไม้'ฉันซึ่งเป็นนายจ้างผู้แสนดีจะอนุญาตให้ลูกจ้างที่น่ารัก และ ขยันทำงานอย่างทุกคนทำงานครึ่งเช้าส่วนครึ่งบ่ายก็ไปพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อเตรียมตัวกับงานเทศกาลในคืนนี้

    ป.ล.
    ถ้าใครมาทำงานแค่ครึ่งวัน ค่าจ้างของวันนี้ก็จะขอหักครึ่งหนึ่งตามระเบียบนะ

    จาก                     
    บันนี่บานี่ ผู้จัดการร้านอาหาร

    -----------------------------------------------------------

      'ถึง เธอ ผู้ต้องการความช่วยเหลือ'
      คนพวกนั้นนำ'ระฆังสีแดง'มาแขวนแล้วพูดคุยกับความว่างเปล่า (รึฉันอาจจะมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น)จากนั้นระฆังก็สั่นเอง และในตอนนั้นก็ได้รับรู้ถึงพลังงานความร้อนที่ไหลเวียนออกมาจากระฆังนั่น เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ไม่มีผิด
      มีอีกอย่างที่อยากจะบอก ยอมรับเลยว่ามันคือความผิดพลาดของฉันเองที่ไม่ระมัดระวังตัวดันถูกเจ้านักวิจัยคนหนึ่งเห็นระหว่างที่เดินออกมา 

    ป.ล.
    อย่าได้กังวลไปถ้าเขาคนนั้นกำลังจะทำให้เรื่องมันแดงขึ้นมา ฉันจะเป็นคนปิดปากเขาเอง 

    จาก               
    ซินดร้า  นักโบราณคดี

    -----------------------------------------------------------


      มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเขียนจดหมายชวนให้ใครคนหนึ่งซึ่งตัวเองรู้สึกพิเศษด้วยออกไปเที่ยวด้วยกันในงานเทศกาลแบบสองต่อสอง 

       "โอ๊ยยยย ทำไมมันถึงได้ยุ่งยากแบบนี้กันนะ!!"

     รอบที่สิบของวันที่ดีแลนพยายามเรียบเรียงคำพูดจับต้นชนปลายให้ดูสละสลวยแล้วบรรจงเขียนลงไปบนกระดาษจดหมายสีขาวแล้วขยำทิ้งลงถังขยะพลาสติกสีฟ้าลายปลาการ์ตูนสีส้มที่อยู่ข้าง ๆ โต๊ะเขียนหนังสือในห้องของเขา ซึ่งคาดว่าแค่ถังเดียวคงไม่พอกับปริมาณก้อนกระดาษจดหมายที่เขาขยำทิ้งมาตลอดหลังมื้อเช้าของเขา

       "ให้ตายสิคิดยังไงก็คิดไม่ออกทำยังไงดีล่ะเนี่ย...."  เท้าวางบนโต๊ะเอนหลังพร้อมเอามือประคองหัวและไม่ลืมที่จะคาบดินสอเอาไว้ด้วย แลดูไม่ต่างจากตัวละครที่เขาเคยดูในโทรทัศน์ทั่วไปในยามที่ต้องคิดว่าจะเขียนอะไรลงไปดี?

       "ดีแลน แม่ขอเข้าไปนะ" 

    สิ้นเสียงจากประโยคก่อนหน้าประตูห้องก็เปิดออก ร่างของสาววัยกลางคนผมยาวสีน้ำตาลมัดรวบ ดวงตาสีเขียวเช่นเดียวกับเขาเรียกได้ว่าเขาได้ลักษณะของหญิงผู้นี้ หรือ ก็คือคุณแม่ของเขามาหมดเลย เธอเดินเข้าไปหาลูกชายของตนที่เพิ่งจะกลับมาอยู่ในท่านั่งปกติได้ไม่นาน มองกองกระดาษที่ถูกขยำจนล้นถังขยะแล้วกลับมามองหน้าลูกชายของเธอ

       "นี่มันอะไรน่ะ? จดหมายเหรอ?" เธอถามพร้อมจะเอื้อมมือหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมาอ่านแต่ดีแลนซึ่งไวกว่ารีบคว้ากระดาษเหล่านั้นเอาไว้ก่อน

       "อา!! ใช่ครับ!จดหมายเขียนถึงคุณพ่อน่ะครับ แหะ ๆ " เขาทำเนียนฉีกยิ้มแล้วหัวเราะฝืด "คุณแม่อย่าแอบอ่านจดหมายของผมสิ เกิดถ้าผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับความลับของผู้ชายขึ้นมาจะเป็นเรื่องเอานะครับ"

       "แหม! ความลงความลับอะไรกัน? แม่เป็นแม่ของลูกมากี่ปีทำไมจะไม่รู้จักลูกตัวเองกัน?" เธอหัวเราะแล้วพูดต่อ "จดหมายที่เขียนถึงคุณพ่อน่ะแม่เห็นลูกเขียนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ใส่ซองอย่างดีเลยด้วยแม่เลยเอาไปให้บุรุษไปรษณีย์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" 

       'มิน่าล่ะนึกว่าหายไปไหน!' เขาคิด

       "โธ่ คุณแม่อ่ะ! ผมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ! เลิกทำเหมือนผมเป็นเด็กที่ต้องคอยมาตรวจดูทุกการกระทำจะได้มั้ยครับ!?" ถึงพูดแบบนั้นแต่ท่าทางที่เหมือนแสร้งโกรธนั่นก็ยังดูเหมือนเด็กในสายตาของผู้เป็นแม่อยู่ดี เผลอ ๆ ท่าทางแบบนั้นยิ่งจะทำให้ดูน่าเอ็นดูกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

       "อ่าฮะ ฮะ ฮะ จ้า ๆ ไม่ใช่เด็กแล้วก็ได้ เพราะงั้นดีแลนที่ไม่ใช่เด็กแล้วจะต้องบอกความจริงนะว่ากำลังเขียนจดหมายถึงใครอยู่" 

       มาถึงจุดนี้ดีแลนถึงกับชะงักราวกับว่าถูกต้อนให้ติดกับดักจนได้

       "เอ่อ....." กำลังสรรหาข้ออ้างร้อยแปดเล่มเกวียน

       "ให้เดานะ เขียนถึงหนูซีเปียอยู่ใช่มั้ยเอ่ย?"

       "คุณแม่อ่า!!!!!!" 



    -----------------------------------------------------------


       หลังจากที่ถูกผู้เป็นแม่หยอกแซวไม่นานลูกชายก็ยอมจำนนเผยไต๋ออกมา ในตอนแรกก็กลัวว่าจะถูกแซวอีกว่า เขากำลังพยายามจะ'เด็ดดอกฟ้า' เหมือนกับที่คนอื่น ๆ เคยพูดกับเขาไว้ แต่สิ่งที่ได้คือการให้กำลังใจ ซ้ำยังได้รับคำแนะนำดี ๆ อีกว่าหากนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องอาจจะไม่มีไอเดียอะไรในการเขียนจดหมายก็ได้ ลองออกไปเดินเล่น หรือ หาอะไรทำดูสิเผื่อว่าจะนึกอะไรดี ๆ ออก และนั่นก็คือเหตุผลที่เขาได้มานั่งตากลมอยู่บริเวณชายหาดแห่งนี้....

        "หาว......." 

       "ไอเดียจ๋า มาหาฉันหน่อยเร็ว....หาว...." เขาหาวหวอด ๆ ทั้งเดินคิด นั่งคิด กระโดดคิด ตีลังกาคิด วิ่งไปเล่นน้ำคิด ก่อปราสาททรายคิด ก็เหมือนจะยังไม่มีไอเดียในการเขียนจดหมายนี่เลย จนในที่สุดก็หมดแรงมานั่งพักเอากิ่งไม้มาเขี่ยทรายเล่นไปพลาง ๆ 

       "ทั้ง ๆ ที่เป็นโอกาสดีที่จะชวนไปเที่ยวด้วยกันแท้ ๆ ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้กันนะ" ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลวดลายในการตวัดกิ่งไม้ไปบนทรายยุ่งเหยิงไปตามความคิดและต้องหยุดลงเมื่อมีเท้าคู่หนึ่งได้ขึ้นมาเหยียบบนงานศิลปะเขียนทรายฉบับยุ่งเหยิงของเขา

          "ไฮ--! เหมือนจะเจอคนหงอยล่ะนะ เอ...ฉันควรเขียนลงไปในรายงานการสำรวจชายหาดประจำวันนี้ดีมั้ยนะ?"  อควาในชุดนักประดาน้ำถือตีนกบออกมา คาดว่าเธอคงจะเสร็จจากการสำรวจทะเลในตอนเช้าแล้วมาเห็นเขาเข้าพอดีจึงเดินเข้ามาทักทายตามประสาคนคุ้นหน้ากัน

         "ไม่ต้องเลยเจ๊ ผมยังไม่อยากเป็นเหตุผลทำให้งานวิจัยออกมาดูไร้สาระ แล้วอีกอย่างหัวหน้าของเจ๊ยิ่งดุ ๆ อยู่ผมยังไม่อยากไปมีเรื่องคุยกับเขา" 

         "ตายจริง! เด็กหงอยคนนี้กล้านินทาหัวหน้าวอร์สไปซ์ด้วย กล้าหาญจริงนะเราน่ะ!!" ว่าพลางดึงแก้มอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว "ว่าแต่เรามาทำอะไรที่นี่ล่ะ หืม? ปกติเห็นบ้านติดริมหาดก็จริงแต่ไม่ค่อยมาเล่นเลยนะ จะมีก็แต่ลงมาตกปลาซึ่งก็นานมาแล้ว...." 

    ถึงจุดนี้อควาถึงกับรีบเอามือปิดปากตัวเองเพราะเหมือนว่าพอพูดเรื่องปลาในช่วงนี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหงอยขึ้นมาทันที เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พ่อของเขา และ ชาวประมงคนอื่น ๆ จะต้องขึ้นเรือไปตกปลาที่เกาะอื่นซึ่งคาดว่าน่าจะมีปลาที่มีจำนวนมาก และ ขนาดใหญ่กว่านี้ เหลือแต่เพียงคุณแม่ของเขา และ เขาเท่านั้น

    "......."

    "เอิ่ม....."เธอเม้มปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะรีบตีสีหน้าให้กลับมาร่าเริงตามปกติพื่อให้บรรยากาศที่ดูตึงเครียดนี้ผ่อนคลายลง "โทษที ๆ งั้นเอางี้มั้ย? ถ้าตอนนี้อัดอั้นใจอะไรก็บอกฉันได้เต็มที่เลยนะ!! หรือว่าตอนนี้อยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลยฉันจะช่วยทุกอย่างเลย เพราะงั้นอย่าเพิ่งเงียบแบบี้เลยนะ ทำตัวให้สมกับเป็นดีแลนหน่อย!!" พูดให้กำลังใจ

    "ฮะ ๆ ผมไม่เป็นไรหรอกครับเจ๊ อีกอย่างวันนี้คุณแม่ผมก็ส่งจดหมายไปให้คุณพ่อแล้วด้วย ยังไงวันนี้เขาก็ต้องกลับมาแน่ ๆ " ดีแลนที่ในตอนแรกดูเงียบ ๆ หลังจากนั้นก็พูดออกมาด้วยความมั่นใจแล้วสีหน้าก็กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง

    "ให้มันได้อย่างนี้ลิ! แบบนี้ค่อยดูสมกับเป็นดีแลนหน่อย" ปรบมือแปะ ๆ 

    "เออ เจ๊ ไหน ๆ เจ๊ก็จะให้คำปรึกษาอะไรก็ได้แล้วเจ๊ช่วยผมเรื่องหนึ่งได้รึเปล่า?" 

    "โอ้ว ว่ามาเลยจ้ะหนุ่มน้อย เจ๊อควาผู้นี้ยินดีให้คำปรึกษาเลย!!"

    "คือว่า...."

    .

    .

    .

    .

    .

    -----------------------------------------------------------


       'ฉันได้ข่าวมาว่าในวันก่อนเทศกาล หรือ วันที่มีเทศกาลท่านเทศมนตรีมักจะพาคุณหนูซีเปียมาทานอาหารที่ร้านอาหารในโรงแรมประจำหมู่บ้านไม่มื้อใดก็มื้อหนึ่ง'

       'ในตอนนั้นนายก็ลองขออนุญาตท่านเทศมนตรีพาคุณหนูซีเปียไปเดตสิ อ้อ! ไม่สิ ๆ ห้ามใช้คำว่าเดตตอนคุยกับท่านเด็ดขาดเลยนะเพราะไม่รู้หรอกนะว่าถ้าเผลอพูดออกไปท่านจะหยิบลูกซองมาไล่ยิงนายรึเปล่า....นายควรใช้คำว่าชวนไปเที่ยวด้วยกันจะดีกว่านะ'

       คำแนะนำที่ดูเอาแน่เอานอนในความเป็นประโยชน์แทบไม่ได้ของอควาโดยส่วนตัวแล้วเขาก็แทบจะคาดหวังอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยใจความสำคัญที่พอจะจับใจความได้ก็คือ 'ควรพูดออกไปดีกว่าเขียนจดหมายไปชวน'

       ในส่วนของพิกัดตำแหน่งก็อยู่ในประโยคที่สาวนักวิจัยทางทะเลคนนั้นพูดอยู่แล้วนั่นก็คือ....


       "แหม! ดีแลนเนี่ยเป็นเด็กดีจังเลยนะ ขยั๊น---น ขยัน บันนี่จังล่ะปลื๊ม----ม ปลื้ม!!" เจ้าของกิจกรารโรงแรม และ ร้านอาหารประจำหมู่บ้านจ้าของสรรพนามสุดน่ารักน่าชังนาม บันนี่บานี่ เจ้าของเส้นผมสีขาวดุจหิมะ ดวงตาสีแดง รูปร่างหุ่นเพรียวผมราวกับนาฬิกาทรายซึ่งในสายตาของเขาคิดว่าเป็นหุ่นที่ดูดีแต่ชวนดูบอบบางแปลก ๆ และด้วยใบหน้าที่ดูเยาว์วยนั้นหารู้ไม่ว่าอายุนั้นได้เข้าสู่เลขสามแล้ว


       "ฮะ ๆ ไม่เลยครับคุณบันนี่ ผมต่างหากที่อาจจะรบกวนทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ลูกจ้างประจำแท้ ๆ "  ดีแลนที่เปลี่ยนชุดเป็นยูนิฟอร์มบริกรประจำร้านนี้เอ่ย

       "พี่ดีแลนใส่ชุดนี้แล้วดูเหมือนกับคนละคนเลยฮะ" นีออน เด็กชายวัย 7 ขวบลูกชายของ อารอน หนึ่งในสองเชฟประจำร้านอาหารแห่งนี้เอ่ย เขาเป็นเด็กชายร่างเล็กผมสีทอง ตาสีฟ้ากลมโตที่อยู่ด้านหลังแว่นตากรอบแดงกระพริบตามองอย่างไร้เดียงสา  เขากับดีแลนถือว่าสนิทกันพอสมควร ในตอนที่ดีแลนเข้ามารับจ้างเป็นบริกรใหม่ ๆ เพราะด้วยนิสัยที่ร่าเริงสดใสเหมือนกันของทั้งคู่จึงใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหากันได้ไม่ยาก เผลอ ๆ คนอื่น ๆ ในร้านอาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทวัยเดียวกันเลยก็เป็นได้

       "เอ๋ พี่ดูเปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ?"

       "อื้อ ๆ " นีออนพยักหน้าแล้วพูดต่อ "พี่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น" ทำเอาดีแลนชะงักไปเล็กน้อย

       "เอ๋ แต่พี่ก็เป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วนะ" ยิ้มแห้ง

       "ไม่ ๆ พี่เพิ่งจะ 19 ขวบเอง" เอามือทั้งสองข้างกางเป็นสิบแล้วค่อยหักนิ้วก้อยข้างหนึ่งลงเป็นเก้า

       "ถ้างั้นพี่เซนก็ยังเด็กอยู่น่ะสิเพราะเขาเพิ่งจะ 14 ขวบเอง" ดีแลนพูดพร้อมกางมือทั้งสองข้างเป็นสิบแล้วหดนิ้วมือทั้งสองข้างให้เหลือสองกลายเป็นสี่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันพอดีที่คนที่ถูกพูดถึงเดินเข้ามาในร้านพอดีและได้ยินเรื่องราวทั้งหมด

       "ขอโทษนะครับแต่เหมือนผมจะไม่มีส่วนเอี่ยวด้วยเลย แต่ไหงลากกันมาแบบนี้ล่ะครับ?" เซน เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงเข้ม ผู้มีอายุน้อยที่สุดในหมู่บรรดาลูกจ้างของร้านอาหารแห่งนี้  เขาเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้านหลังเขาสะพายกระเป๋าที่ใช้เก็บไวโอลินโดยเฉพาะแสดงให้เห็นว่าเขาทำงานเป็นนักดนตรีให้กับร้านอาหารแห่งนี้

       "ฮะ ๆ พวกเด็ก ๆ เนี่ยคึกคักดีจังเลยนะครับ" เป็นจังหวะเดียวกันที่ยูอิจิเองก็เดินเข้ามาในร้านเช่นเดียวกัน ทำให้ผู้ถูกกล่าวหา(?)ว่าเป็นเด็กทั้งสามต่างประสานเสียงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

       
    "ไม่ใช่เด็กซักหน่อย!!!"

     "เด็ก ๆ เสียงดังเกินไปแล้วเดี๋ยวลูกค้าเขาก็ตกใจหรอก" อารอน ซึ่งยังอยู่ในห้องครัวชะโงกหน้าออกมาทำเสียงดุจนพวกเขาต้องหัวหดพร้อมกัน

       "ขอโทษครับ/ขอโทษครับคุณอารอน/ขอโทษฮะคุณพ่อ" - ดีแลน/เซน/นีออน

       "ฮุ ๆ น่า ๆ เด็กก็คือเด็กล่ะน้า ถ้างั้นฝากเรื่องในร้านด้วยนะจ๊ะทุกคน บันนี่จังขอตัวไปต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้านก่อนน้าา บ๊ายบุย" ขยิบตาแล้วกระโดดอย่างเริงร่าออกไปต้อนรับลูกค้าหน้าร้าน

        "คร้าบบบ------บ" 


    -----------------------------------------------------------


       การทำงานยังคงดำเนินต่อไปอย่างปกติ ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีจนผ่านไปครึ่งวันซึ่งดีแลนก็ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ท่านเทศมนตรี กับ ซีเปียจะมากันนะ? และ ในช่วงที่เหม่อก็จะโดนเซน กับ นีออนเรียกสติ(และวางถุงกาวลง)ให้กลับมาทำงานต่อ 


       ดีแลนแอบมองนีออนแรงเพราะเขายังไม่ได้ทำอะไรนอกจากมานั่งคุมเขาทำงาน เขาเผลอนิดเดียวก็ทำท่าจะประกาศให้โลกได้รับรู้ว่าเขากำลังอู้งานอยู่
     

        "ยินดีต้อนรับครับ"  เมื่อสังเกตเห็นเงาของลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านดีแลนก็ฉีกยิ้มต้อนรับอย่างเป็นกันเอง

       "อ้าว ดีแลนมารับจ๊อบพิเศษที่นี่เหรอ?" เสียงที่ฟังดูคุ้นเคยปนประหลาดใจทำให้เขาต้องกลับมาสังเกตลูกค้าที่ทักเขาแบบนั้น

       "ซินดร้า เธอกลับมาจากงานประชุมนักโบราณคดีในเมืองแล้วเหรอ?" เขาเอ่ยทักอีกฝ่ายคุ้นเคย

       "ช่าย-- ฉันกลับมาแล้ว อ้อ!ไม่ใช่แค่นั้นนะมีข่าวดีจะมาบอกด้วย" ว่าแล้วร่างผิวแทนผมเงินก็ยิ้มออกมาอย่างเริงร่า จากนั้นไม่นานก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวเฉกเช่นเดียวกับเส้นผมสีขาวที่ยาวปรกหน้าเล็กน้อย และ ดวงตาสีแดงเพลิง 

       "คุณโลเวล คุณเองก็มาทานข้าวที่นี่สิน----"  ไม่ทันที่ดีแลนพูดจบประโยค ซินดร้าก็เข้าไปคล้องแขนคุณหมอประจำหมู่บ้านซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเขา และ ชาวบ้านคนอื่นที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่ตามโต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นแต่ก็คงจะไม่ประหลาดใจเท่ากับการประกาศออกมาอย่างชัดเจนจากปากของซินดร้า

       "ทุกคนคะ!!ตอนนี้ฉัน กับ คุณหมอโลเวลเราคบกันแล้วนะคะ!!!!" 

       'โอ้โห...ออกสื่อแรงมาก....'  ทุกคนในร้านต่างก็คิดแบบนั้นไม่เว้นแม้แต่อาออนที่ทำงานอยู่ในสุดของครัวยังได้ยิน

      "ตายจริง! เล่นประกาศออกสื่อซะขนาดนี้แล้วบันนี่จังจะแฉ อุ๊ย! บอกคนอื่นต่อยังไงล่ะเนี่ย" เจ้าของกิจการในชุดบันนี่เกิร์ลเดินเข้ามาพร้อมพองแก้มแสร้งโกรธแต่ก็ความรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยเลยเพราะตั้งใจว่าจะเข้ามาพูดเรื่องนี้กับทุกคนในร้านเช่นกัน

       "โทษทีน้า ใครดีใครได้คนนั้นที่จะเป็นคนบอกต้องเป็นฉันค่ะ คุณบันนี่" ซินดร้าหันมายิ้มยิงฟันใส่

       "พอได้แล้วน่าคุณไปหาที่นั่งแล้วทานข้าวได้แล้ว ผมต้องมีคนไข้ต้องไปรักษาต่อนะ" โลเวลเพิ่งหายอึ้งจากการประกาศแบบออกสื่อก่อนหน้าเขารีบดันหลังให้ซินดร้าไปที่นั่งแล้วรีบนั่งโต๊ะ ในจุด ๆ นี้เขารู้สึกเขินอายจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว 

       "แหม ๆ พอดีว่าแฟนหนุ่มของฉันกำลังรีบเพราะงั้นขอเลื่อนเวลาต่อปากต่อคำไปล่ะนะ" -ซินดร้า

       "จ้า ๆ งั้นบันนี่จังจะปล่อยไปก่อนก็ได้ ยังไงซะเทศการนี้มันต้องมีคู่รักกำเนิดใหม่ให้เปิดเผยอีกนั่นแหละน่า!!" -บันนี่


    'จริงจังอะไรขนาดนั้น!!' ดีแลนถึงกับอุทานในใจ แล้วถ้าขืนเป็นแบบนั้น ถ้าเกิดผู้เป็นเจ้าของกิจการเกิดรู้เรื่องความรู้สึกของเขาที่มีต่อซีเปียแล้วล่ะก็.....

       "เฮ้อ....สงสัยคงขอชวนไม่ได้แล้วแฮะ...." เขาถอนหายใจออกมา


    แกร๊ก----

     "อ๊ะ ยินดีต้อนรับค่า!!" บันนี่ซึ่งหันหน้าไปทางประตูจึงมองเห็นลูกค้าได้ชัดเจนว่าใครมา กับดีเลนที่หันหลังอยู่จึงไม่รู้ เขาจึงหันไปแล้วเอ่ยต้อนรับ


       "ยินดีต้อนรับครับท่าน...." เหลือบตาเล็กน้อยขึ้นมามองก็ถึงกับตาโตผงะค้างไป "ท...ท...ท...ท่าน!!"



    "ท่านเทศมนตรีลีนัส!!"


    -----------------------------------------------------------

    โปรดติดตามตอนต่อไป(ครึ่งหลัง)









       



      


       


        




       








    H
    a
    s
    h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×