คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part : 1 [100%]
Part: 1
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ใครกัน...อย่านะ มัน ฮึก... ทรมาร อ่ะ... อึดอัด... ช่วยด้วย ช่วยที ใครก็ได้ เอาผมออกไปจากที่นี่ ได้โปรด...
“...ชอล ฮี...ชอล”
เสียงใคร? มองไม่เห็น หายใจไม่ออก อื้ม...อึดอัด ออกไปนะ ออกไป...
“ฮีชอล ลืมตา ตื่นสิ!”
“อ่ะ....”
แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าทะลุเข้าม่านตาจนต้องหรี่ลงเล็กน้อยก่อนค่อยๆ ปรับสายตาให้ชินกับแสง ถึงลืมตาได้เต็มที แก้วตาใสกวาดมองรอบตัว พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงภายในห้องสีขาวสะอาดที่ไม่คุ้นเคย แต่กลิ่นฉุนเฉพาะตัวของสถานที่แห่งนี้ทำให้รู้ว่าตนอยู่ที่ไหน
“ฮีชอล...ตื่นซักที ฉันเป็นห่วงแทบแย่”
“เจย์หรอ...?”
“ก็ใช่น่ะสิ นายไข้ขึ้นสูงมากนะ หลับไปตั้งสองวัน”
“สองวันหรอ”
“ใช่ นายหลับไปสองวันเต็มๆ เลย ถ้าฉันไม่ไปที่ห้องคงไม่รู้หรอกว่าป่วยหนัก”
“ห้องหรอ...นายไปที่ห้องฉันหรอ”
“ใช่สิ ฉันโทรหานายไม่ติดเลยเป็นห่วง ก็เลยไปหาที่ห้อง แต่ฮีชอล นายนี่น่าตีมากนะ ทำไมไม่ล็อคห้องล่ะ แต่ครั้งนี้ฉันจะปล่อยผ่านล่ะกันเพราะถ้านายล็อคห้องฉันคงเข้าไปช่วยนายไม่ได้หรอก”
“ห้องไม่ได้ล็อค?”
“อื้อ พอฉันเปิดเข้าไปนะ ก็เจอนายกองอยู่ที่พื้นตรงหน้าประตู ตกใจแทบแย่คิดว่านายโดนโจรทำร้ายซะอีก เลยรีบพานายมาโรงพยาบาลนี่แหล่ะ แต่หมอบอกว่านายแค่ไข้ขึ้นสูงจนหมดสติ”
โจรใช่สิ ผมถูกโจรทำร้ายนี่ แล้วทำไมเจย์ถึงบอกว่าสลบอยู่ที่ห้องล่ะ...? หลังจากเลิกงานผมก็เดินกลับบ้านตามปกติ แต่ดันดวงซวยโดนพวกขี้ยาดักจี้
“อะ... อย่า ปล่อยนะ ปล่อย!!”
“ฤทธิ์เยอะเหลือเกินนะ มานี่!!”
“อ๊ะ... ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที อื้อ!!”
“กะ แก เป็นใคร อ๊ากกกกกกกกกกกก”
“คุณเป็นใคร?”
“มนุษย์อย่างเจ้าช่างน่าสมเพช
”
หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก แม้จะพยายามเค้นสมองเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ใครกันนะที่มาช่วยเขาไว้ ใครกัน...
“ฮีชอล ฮีชอล ทำไมจู่ๆ ก็เงียบไปล่ะ ปวดหัวหรอ? งั้นนอนพักต่ออีกหน่อยล่ะกัน”
“เปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อย...ว่าแต่วันนี้นายไม่ไปทำงานหรอ?”
“ไม่ล่ะ ฉันลาพักอาทิตย์นึง”
“ผีเข้าหรือไง? คนอย่างเจย์คิมเนี่ยนะลางาน”
“ถ้ารู้ว่าตื่นมาจะพูดมากขนาดนี้ ปล่อยให้นอนเปื่อยไปอีกก็ดีหรอก”
“ก็แค่แปลกใจ ปกติไม่เห็นเคยหยุด?”
“ก็นายป่วย...ฉันก็ต้องอยู่ดูแลสิ...”
“..........”
“ขอบใจนะ”
ฮีชอลรู้ดี ในชีวิตนี้คนที่ห่วงเขามากที่สุดก็คือเจย์ และรู้ว่าเจย์คิดกับเขาเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนแม้จะไม่เคยบอกแต่ฮีชอลก็รู้ จึงพยายามรักษาระยะห่างของเขากับเจย์ไว้ให้มากที่สุด คงความแนบแน่นไว้ที่คำว่าเพื่อนดีกว่าเอาไปเสี่ยงกับความสัมพันธ์ที่เปราะบางและไม่มั่นคง...
“อืม นอนเถอะ พึ่งฟื้นไข้ เดี๋ยวป่วยอีกจะแย่”
เจย์ยิ้มให้บางๆ พลางกดตัวฮีชอลให้ลงไปนอนกับผืนเตียงอีกครั้ง ลูบหัวร่างเล็กแผ่วเบา แล้วกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างไว้
“เดี๋ยวก่อนเจย์ หนังสือพิมพ์นั่น ขอฉันดูหน่อย”
“หืม...? ทำไมหรอ” แม้จะสงสัยแต่ก็ยืนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้ฮีชอล ร่างบางรับไป ก่อนจะพลิกขึ้นดูที่หน้าแรก
ฮีชอลกวาดตามองที่หนังสือพิมพ์รายวัน สายตาจับจ้องที่กรอบหน้าหนึ่งตรงมุมบน ในรูปมีศพของชายปริศนานอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น ในกรอบเดียวกันมุมบนขวามีรูปหน้าของชายคนนั้นแปะอยู่ ใต้รูปมีคำบรรยายสั้นๆ
พบศพชายปริศนาเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ตำรวจระบุเพียงว่าเสียเลือดจนช็อค จากแผลฉกรรจ์
“ออ ไอ้หมอนี่หรอ? เห็นบอกว่าพี้ยาเกินขนาดเลยช็อคน่ะ ศพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะ สงสัยก่อนตายคงโดนหมาจรจัดแถวนั้นกัดซะเหวอะ”
“แต่ในข่าวบอกว่าเสียเลือด...?”
“นี่ !! นายเชื่อหนังสือพิมพ์นี่มากกว่าฉันหรอ? อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร”
“ออ เอ่อ โทษที...”
“ว่าแต่...ทำไมถึงสนใจข่าวนี้ล่ะ ปกติไม่เห็นจะสนใจอะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร...ฉันจะนอนแล้วล่ะ” พับหนังสือพิมพ์เก็บส่งคืนให้ร่างสูงข้างเตียง แล้วล้มตัวลงนอน พอเห็นว่าฮีชอลหลับไปแล้วเจย์จึงกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตามเดิม
แต่คนที่เจย์คิดว่าหลับไปแล้วกลับลืมตาโพล้งขึ้นทันทีที่ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาที่ห่างออกไป ในหัวครุ่นคิดถึงแต่ใบหน้าที่พึ่งเห็นในหนังสือพิมพ์ เขาจำไม่ผิดหรอกศพนั้นเป็นคนเดียวกันกับคนที่ดักปล้นเขาเมื่อวันก่อน แล้วแผลนั้นอีกเขาจำได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง และคิดว่าตนเนี่ยล่ะอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แต่ที่ตัดสินใจไม่บอกเจย์ เพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็น อาจจะแค่ตาฝาดไปเองคนจะกลายเป็นหมาได้ไง...แต่คิดตามหลักความเป็นจริงแล้ว คนที่มาช่วยเขาอาจจะสั่งหมาไปกัดโจรคนนั้นก็ได้ แล้วถึงค่อยเข้ามาช่วยเขา แต่ใครล่ะ ทำไมนึกหน้าไม่ออกเลย จะเป็นชาวต่างชาติหรือเปล่านะ หน้าแปลกทั้งที่จำหน้าตาไม่ได้แท้ๆ แต่กลับจำแววตาคู่นั้นได้ ดวงตาสีเหลืองอำพันคู่นั้น...
*~W~W~W~W~W~W~ *
ร่างบางที่ต้องแสงจันทร์คืนเดือนเพ็ญช่างดูผุดผ่องกระจ่างตา แสงสีนวลของดวงจันทร์ยิ่งขับผิวขาวให้กระจ่างตามากยิ่งขึ้น ร่างสูงยืนจับจ้องเหยื่อที่ได้มาจากการช่วยเหลือ เหยื่อที่เป็นเผ่าพันธุ์อันน่ารังเกียจ และเหยื่อที่มีแรงดึงดูดมากที่สุด แม้ในใจจะนึกรังเกียจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของมนุษย์เบื้องหน้านี้มีเสน่ห์มากแค่ไหน ทั้งเย้ายวนและน่าลิ้มลอง...
“อืม....”
ร่างสวยบนเตียงกว้างขยับกายเล็กน้อยเพื่อให้สบายตัวทั้งที่ยังอยู่ในห้วงนิทรา ดวงตาคมกริบสีอำพันจับจ้องร่างนั้นทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าสวยที่มองยังไงมันก็สวยเกินกว่าจะเป็นใบหน้าของบุรุษเพศ ผิวขาวนวลเนียนที่โผล่พ้นจากเนื้อผ้า รูปร่างอ้อนแอ่นที่บอบบางจนดูเหมือนแค่เพียงสายลมเพียงน้อยนิดก็พัดร่างทั้งร่างให้ซวนเซได้
“เจ้านี่มันเกิดมาผิดเพศเสียจริง”
เอ่ยพร้อมกับมานั่งอยู่ข้างเตียงจ้องมองดวงหน้าหวานในห้วงนิทรา ไล้ผ่ามือหนาสัมผัสตั้งแต่หน้าผากมนลากผ่านสันจมูกได้รูปจนมาอ้อยอิ่งที่ริมฝีปากบางสีสด สัมผัสนุ่มนิ่มบนปลายนิ้วมือช่างเชิญชวนให้อยากนำริมฝีปากลงไปประกบนัก อยากจะรู้ว่ามันจะนุ่มนิ่มเหมือนกับสัมผัสที่ปลายนิ้วหรือเปล่า
“ฮือ..” ร่างบางครางแผ่วในลำคอเหมือนเด็กที่ถูกรบกวนเวลานอน พลิกกายเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง อวดเรือนร่างบอบบางให้เด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก ผ้าเนื้อดีแนบลู่ไปกับเอวคอด ชายเสื้อเลิกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นเนินเนื้อใต้ร่มผ้าที่ไร้ไขมันส่วนเกิน
“เป็นมังสาวิรัติหรือไงน่ะเจ้า เนื้อหนังถึงมีอยู่แค่นี้?”
“ตัวรึก็เบาเหมือนนุ่น แถมยังนอนขี้เซ้าอีก รู้หรือไม่ว่าข้าสัมผัสเจ้าไปที่ตรงไหนแล้วบ้าง...”
เอื้อมมือไปพลิกร่างบางให้กลับมานอนหงายเหมือนดังเดิม ไล่มองร่างนั้นให้เต็มตาพลางไล้มือไปตามส่วนต่างๆ
...เนินอก...
...หน้าท้อง...
...เอว...
...สะโพก...
ไม่ว่าจะส่วนไหนที่ปลายนิ้วลากผ่านมันก็ยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้นเท่านั้น สวยงาม...คำๆ ช่างเหมาะสมกับร่างตรงหน้าเหลือเกิน ทั้งสวยงาม บอบบาง และบริสุทธิ์ ...
“บริสุทธิ์... ใช่แล้ว นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจากเจ้ามากที่สุดมนุษย์...”
สิ้นคำก็ก้มลงดูดดึงริมฝีปากบางเบื้องหน้า ฉกชิมสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดในร่างนี้ เหยื่อที่รสชาติดีที่สุดในรอบหลายร้อยปี....
.
..
.
“ไหนเจ้าบอกว่ารังเกียจมนุษย์นักหนาไงไลกอน?”
“พูดมากน่ะ คริส เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องฝืนแค่ไหน”
“ไม่บอกไม่รู้ว่าเจ้าฝืนนะ...ไลกอน? ข้าคิดว่าเจ้าชอบเสียอีก เด็กนั่นก็สวยใช้ได้ เอาเถอะข้าเข้าใจช่วงติด...สัตว์ก็เงี๊ยล่ะ”
“คริส !!”
“จุ๊ๆๆ อย่าเสียดังสิ ถ้าเหยื่อตื่นก่อนเอาไปส่ง จะเป็นเรื่องเปล่าๆ นะ”
“เหอะ...”
“.....”
*~W~W~W~W~W~ *
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ล่ะกัน อยากลืมทำการบ้านล่ะ” สิ้นเสียงของอาจารย์หนุ่มหน้าสวย เสียงจอแจและเสียงเลื่อนเก้าอี้ของนักศึกษาทั้งคลาสก็ดังแข่งกันให้วุ่นวาย ฮีชอลรวบเอกสารต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนโต๊ะมาถือรวมกันไว้ เตรียมจะลุกออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาก่อน
“อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องสงสัย”
“หืม ว่ามาสิ...คยูฮยอนใช่มั้ย?” ว่าพลางมองหน้านักศึกษาหนุ่มที่เดินเข้ามาหาถึงโต๊ะ
“อาจารย์เชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าหรือเปล่าครับ”
ฮีชอลเลิกคิ้วมนขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อสิ่งที่คยูฮยอนถามนั้นมันค่อยข้างหน้าประหลาด เพราะคำถามนั้นไม่ว่าจะคิดในแง่มุมไหนมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่สอนไปวันนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมเธอถึงมาถามครูล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากรู้ว่าอาจารย์เชื่อเรื่องพวกนี้หรือเปล่า” เด็กหนุ่มยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจจะเอาคำตอบแต่ทีแรก ทำให้ฮีชอลรู้แน่ว่าโดนหลอกเข้าอีกแล้ว ปวดหัวกับเจ้าเด็กพวกนี้จริงๆ นอกจากจะไม่เคารพกับแล้วยังจะหาเรื่องไร้สาระขยันมากวนประสาทกันอีก
“นี่ !! โจวคยูฮยอน ถ้าเธอมีเวลามากวนประสาทฉันเล่นแบบนี้นะ เธอควรเอาเวลาที่มาถามคำถามไร้สาระไปทำการบ้านที่ฉันสั่งดีกว่านะ แล้วก็หัดเข้าเรียนซะมั้งสิ ขาดจนจะหมดสิทธิ์สอบอยู่แล้วนะ”
“โหย อาจารย์บ่นเป็นยายแก่ไปได้ วัยทองแล้วหรอครับ ระวังเถอะหมาป่าจะมากินตับ ตับ ตั้บ...”
“นี่ เดี๋ยวเถอะ !!”
ฮีชอลตะโกนไล่หลังร่างสูงพร้อมกับคว้าปากกาด้ามเล็กที่อยู่แถวๆ นั้น เล็งกะให้โดนซักส่วนเจ้าเด็กปากเสีย แต่คยูฮยอนกลับหลบได้ทัน ก่อนหันมาทำสีหน้าล้อเลียนแล้ววิ่งไปแทคมือกับกลุ่มเพื่อนที่ยืนรอกันอยู่หน้าห้อง ส่งเสียงโวกเวกน่ารำคาญเหลือเกินในความคิดของฮีชอล คอยดูเถอะจะหักคะแนนให้หมดมันทั้งกลุ่มนั่นแหล่ะ
“ก็ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน
”
...TBC
ความคิดเห็น