คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ChapT6 ("Frontbook") ; เสียงเพรียกจากความมืด
พอถึงคาบคอมพิวเตอร์คิมหันต์ไม่ได้เข้าเรียน ลลิตไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหนและเพราะอะไรเขาถึงไม่ยอมมาเรียน ปกติคาบคอมพ์จะเป็นคาบที่เธอกับเขาจะนั่งข้างๆกันและมองดูเขาทำอะไรบางอย่างกับหน้าจอสีดำที่เต็มไปด้วยตัวอักษรและไม่เคยสนใจในบทเรียน ลลิตพยายามคิดในแง่ดีว่ามันไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอปล่อยให้เนื้อหาที่คุณครูกำลังพร่ำบอกผ่านหูไปเรื่อย และเริ่มเปิดเว็ปดูไปอย่างเบื่อหน่าย ถอนหายใจเป็นพักๆ และเลื่อนสกอร์ผ่านไปแบบไม่ได้อะไร
เธอล็อกอินเข้าไปในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เป็นที่นิยมที่สุดในขณะนั้นอย่าง Frontbook ลลิตเข้าใจว่ามันเหมือนโถส้วมในคอมพิวเตอร์ เพราะมันมักจะถูกโพสต์ข้อความระบายอารมณ์ต่างๆ บ้างก็บทกลอน คำคม คำโป้ปด สบถด่า หรือแม้แต่เพลงที่คนอื่นคงไม่เต็มใจที่จะฟังก็ถูกยัดเยียดไว้เต็มพรืด ทุกกิจกรรมที่ทำในโซเชียลเน็ตเวิร์คแห่งนี้คนส่วนใหญ่ก็มักทำในห้องน้ำด้วยเหมือนกัน ซึ่งนั่นมันจึงไม่ต่างกันเท่าไหร่ในสายตาลลิต เว้นแต่เพียงว่าที่ Frontbook นั้นสามารถโอ้อวดความโก้หรูของตนได้ตลอดเวลาเท่านั้นเอง
ลลิตเพิ่งจะเลื่อนสกอร์ผ่านภาพถ่ายสีหม่นๆของกาแฟชื่อดังกับกระจกที่สะท้อนให้เห็นกรอบโทรศัพท์มือถือที่มีสัญลักษณ์ผลไม้ ลลิตคิดมาตลอดว่าต่อให้โทรศัพท์คุณนั้นจะแพงและมีกล้องคมชัดสักเพียงใด สุดท้ายแล้วมันจะถูกทำให้หม่นหมองและย่อให้เล็กลงเพื่อแสดงความหรูหราลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์คซึ่งเป็นสิ่งที่ลลิตไม่เข้าใจและคงไม่มีวันเข้าใจ
แต่จู่ๆก็มีข้อความหยาดเหยียดของใครบางคนในหน้า wall ที่ทำให้ลลิตต้องชะงักเพื่อหยุดอ่าน
Jenny Isaradee
เอาอีกแล้ว นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วนะ T^T ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมารังควานกันถึงขนาดนี้ คุณตามหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลาแล้วจะได้อะไรขึ้นมา! ฉันกลัว กลัวจนทำอะไรไม่ได้แล้วนะ ทุกครั้งที่มองเข้าไปในกระจกแล้วภาพคุณสะท้อนกลับมามันทำให้ฉันอยากจะตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ฉันไม่กล้าอาบน้ำ ฉันได้ยินเสียงคุณเรียกฉันตลอดเวลา ฉันรู้ว่าคุณตามฉันไปไหนมาไหนตลอด ฉันพยายามหนีจากคุณ ฉันย้ายออกจากโรงเรียน ฉันเริ่มทนไม่ไหว ฉันขอโทษ ฉันเคยพูดจาดูถูกคุณไว้เยอะแยะ ฉันเคยคิดร้ายต่อคุณ ฉันผิดเอง ฉันรู้ว่าคุณคงได้อ่านข้อความนี้แม้ว่าคุณจะตายไปแล้วก็ตาม...และมันจะเป็นข้อความสุดท้ายแล้วลาก่อน
ลลิตหัวใจตกวูบ สมองตื้อชาเหมือนไม่ทำงาน นิ้วมือชาดิกเหมือนดินสอที่งอไม่ได้ นี่มันอะไรกัน โพสข้อความถึงคนตายหรอ เป็นการล้อเล่นหรือเปล่า ไม่สิไม่น่าใช่ มันเป็นข้อความของเจนนี่หัวหน้าห้องคนเก่าของลลิตที่เพิ่งย้ายโรงเรียนไปเมื่อสองวันก่อน ลลิตยังจำได้ดีว่าในวันเกิดเหตุเจนนี่ยังคงมาเตือนเธอเรื่องรายงานสงครามโลกครั้งที่สองอยู่เลย แต่เหตุผลอะไรกันที่ทำให้เธอโพสข้อความอย่างบ้าคลั่งแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ อะไรกันที่ทำให้เธอต้องย้ายโรงเรียนออกไป
ลลิตเอื้อมมือที่สั่นเทาเพื่อสัมผัสกับเม้าส์เบาๆ เธอคลิกเข้าไปใน Timeline ของเจนนี่เพื่อสำรวจดูข้อความเก่าๆก่อนหน้านี้ เธอพยายามใช้มันประติดประต่อกัน
Jenny Isaradee
เจนนี่ต้องย้ายโรงเรียนแล้วนะทุกคน ที่ผ่านมาเจนนี่สนุกมาก แต่เจนนี่จนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ :D ขอโทษนะเพื่อนๆทุกคน
ข้อความนี้ย้ำเตือนว่าในระหว่างที่ลลิตมัวแต่จมกับเรื่องราวของกวี เจนนี่ได้ย้ายโรงเรียนไปแล้วซึ่งลลิตไม่ค่อยจะใส่ใจ แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เธอต้องย้ายโรงเรียนกันล่ะ!?
Jenny Isaradee
พอ! พอสักที! กลัว กลัวไม่ไหวแล้ว T^T
Jenny Isaradee
ฉันขอโทษ อย่าทำอะไรเลย เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันขอโทษที่ดูถูกคุณ!!!!
Jenny Isaradee
อยากตาย ไดรพ่พเพ่งเพ่รำพนเงยนดงไนดไยงด่ไดไวด่ไงวๆไงต นาดห
Jenny Isaradee
ทำไมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย!!
Jenny Isaeadee
ฉันเจอวิญญาณของคนที่ตายแล้วมองฉันจากเงาสะท้อนที่กระจกและเดินตามมา เจนนี่รู้ว่าคงฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่เจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว T^T
มันเหมือนข้อความของคนบ้า ซึ่งคนอื่นคงเชื่อแบบนั้น แต่ลลิตรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเจนนี่ไม่ใช้คนที่สงบปากสงบคำสักเท่าไหร่ เธอมักจะถากถางเพื่อนร่วมชั้นด้วยคำพูดของเธอมาตลอด และที่ผ่านมาเจนนี่โจมตีกวีอย่างหนักหลังจากเขาตายไปแล้ว เธอพร่ำบอกเพื่อนร่วมชั้นว่ากวีเป็นคนบ้าเรียนและคงแค้นเพื่อนที่ได้ดีกว่าเลยนัดธารินเพื่อไปทำร้ายบนดาดฟ้าแต่ถูกเพื่อนผลักตกลงมาแบบไม่ได้ตั้งใจและตาย
ความเข้าใจผิดๆนี้สะพัดไปทั่วโรงเรียนและนอกโรงเรียน ทุกคนบนโลกคงเข้าใจกวีว่าเป็นแบบนั้น ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นของลลิต ทุกคนมาถามเธอด้วยคำถามเดียวกันว่า “เจนนี่พูดถูกหรือเปล่า” หรือ “กวีเป็นคนแบบนั้นใช่มั้ย” ลลิตรู้สึกแค้นทุกครั้ง แต่เธอเลือกที่จะไม่ตอบเพราะคำตอบของเธอนั้นเขาใจยากกว่าและเผลอๆอาจจะถูกประณามว่าเป็นคนบ้าไปด้วย
คิมหันต์ต้องรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้เป็นพันๆเท่าแน่ๆ นี่อาจเป็นเหตุผลที่เขาไม่คุยกับลลิตเลย เขาคงไม่อยากให้ลลิตโดนเหมารวมกับเขาไปด้วย แต่ใครจะสนล่ะ เพื่อนร่วมชั้นโง่ๆที่เชื่อคนแค่ลมปากคน ตัดสินและวิพากย์วิจารณ์โดยข่าวโคมลอยที่ได้ยินมานั้นใช้ได้ที่ไหน ลลิตแค้นในใจทุกทีตอนรู้ว่าพวกนี้คงยังนินทากวีอยู่แม้เขาจะตายไปแล้ว
เธอเลื่อนสกอร์ต่อไปหวังว่าจะได้เบาะแสอะไรมากขึ้น เธอยังไม่เข้าใจเล็กน้อยว่าข้อความที่เจนนี่โพสมาทั้งหมดนั้นต้องการสื่ออะไร
ภาพของเจนนี่ที่ใบหน้าทรุดโทรมและอิดโรยปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ลลิตค่อยๆเปิดมันขึ้นมา มันเป็นภาพของเธอที่ถ่ายระยะใกล้ให้เห็นสภาพห้องหวานแววแต่สัลวกับดวงตาช้ำๆที่บวมเต่งเหมือนคนไม่ได้นอน แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ตรงพื้นหลังที่มืดสลัวเผยให้เห็นอะไรบางอย่างที่แทบหยุดลมหายใจของลลิต
หัวใจเธอตกวูบเมื่อเห็นว่าร่างที่บิดงอของใครบางคนกำลังยืนมองดูเจนนี่จากมุมมืดสุดมุมห้อง ลำตัวบิดหักและโชกเลือด ข้อต่อทุกส่วนเบี้ยวผิดองศา ศีรษะที่บุบ กับดวงตาที่คล้ายจะถลนออกมา แม้จะเลือนรางแต่ลลิตสามารถอธิบายลักษณะได้แน่ชัด มือเธอสั่น สายตาค้างเติ่ง รู้สึกว่าสมองไม่แสดงภาพใดให้เห็นแล้วนอกจาก สภาพศพอันน่าอเนจอนาถของกวี เธอยังคงได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในจมูก เศษสีขาวๆและอวัยวะที่เหมือนจะทะลักออกมาจากร่างกายเหมือนถุงน้ำแกงที่ถูกโยนจากความสูงเจ็ดชั้น ทุกอย่างเหมือนย้อนเวลาให้เกิดขึ้นอีกครั้ง น้ำตาเริ่มรื้นอยู่ในเบ้า และสิ่งแรกที่เธอทำทันทีที่นึกออกก็คือส่งเสียงร้องลั่นออกมาจากคอหอย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!” โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เธอผละตัวออกจากคอมพิวเตอร์และรีบวิ่งออกไปจากห้องก่อนที่อาเจียนที่จุกอยู่ที่คอจะพุ่งออกมาซะก่อน
เธอโก่งคออาเจียนอยู่บนอ่างล้างมือตรงห้องน้ำหญิง กระจกสะท้อให้เห็นห้องน้ำสลัวๆและเกือบจะมืดซึ่งไม่มีใครอยู่ น้ำตาซึมออกมาจากเบ้าเรื่อยๆและเธอต้องสูดหายใจและปาดมันออกเพื่อทำให้ตัวเองไม่ดูเหมือนคนที่เพิ่งจะร้องให้มา เธอพยายามทำใจให้เข้มแข็งมาตลอด พยายามไม่สติแตกกับสิ่งที่เห็น เธอประคองความเจ็บช้ำนี้มาได้หลายวันแล้ว แต่เธอก็ทำมันหล่นทันทีที่เห็นภาพนั้น ความกลัวระคนความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่จิตใจ ตัวยังคงสั่นอยู่ รู้สึกอยากเข้าไปร้องให้กับใครสักคนที่เข้าใจ
แต่ดูเหมือนทั้งโลกคงจะไม่เข้าใจเธอเลย..
ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ! เสียงจากโทรศัพท์ทำให้เธอต้องสะดุ้งโหยง มีข้อความถูกส่งมา ลลิตค่อยๆเปิดดูและอ่านในใจ
อยากรู้เรื่องก็เจอกันที่นี่หกโมงครึ่ง
ใครส่ง?! ใครเป็นคนส่งมา เบอร์นี้เธอไม่รู้สึกคุ้นสักนิด มันมาจากใครกัน!
ลลิตบันทึกเบอร์ประหลาดนั้นไว้ในเครื่องและกดโทรออกไปทันทีที่ทำได้ รอสักพักให้เสียงรอสายดังขึ้น และทันใดนั้นเองประตูห้องน้ำก็เหวี่ยงปิดขังให้เธออยู่ในความมืดสลัวของห้องน้ำยามเย็นที่ไมได้เปิดไฟ ลลิตมองอย่างครั่นคร้ามไปยังท้ายของห้องน้ำที่มืดจนแทบมองไม่เห็น มีอะไรบางอย่างส่งเสียงร้องอยู่ที่นั่น
ลลิตก้าวช้าๆเข้าไปในความมืด มือกำโทรศัพท์แน่น เธอกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ยังก้าวเดินไปทั้งๆที่รู้ว่าโง่
มีโทรศัพท์มือถือถูกแขวนไว้ท้ายสุดของห้องน้ำมันกำลังสั่นและร้องอย่างบ้าคลั่ง ลลิตรู้ดีว่านี่คือโทรศัพท์ที่เธอตามหา เธอมองไปยังผนังห้องน้ำที่ถูกมุงด้วยกระเบื้องสีขาว ซึ่งบัดนี้มันถูกขีดเขียนไว้ด้วยเลือดสีแดงคล้ำแห้งกรัง
กลับมาจากความตาย และฉันจะเอาชีวิตพวกแกคืนทั้งสองคน!
และแทบไม่ต้องรอให้สมองประมวลผล ลลิตออกตัววิ่งสุดกำลังกลับไปยังทางเข้าของห้องน้ำ เผลอปล่อยโทรศัพท์ตัวเองตกพื้นไปแบบไม่ใยดี แม้ทางเข้าจะห่างจากท้ายห้องน้ำแค่สามสิบเมตร แต่ลลิตรู้สึกว่ามันไกลราวกับเป็นกิโล เธอวิ่งเพื่อหนีจากความมืดประหลาดที่แผ่ซ่านทั่วแผ่นหลัง และลามเลียเธอตรงท้ายทอยแบบไม่คิดชีวิต ถีบประตูห้องน้ำให้เปิดออกแบบไม่ต้องคำนวณ วิ่งไปตามทางเดินที่ปลอดคนและถูกฉายด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ซึ่งนั่นบอกว่า มันใกล้เวลานัดหมายของเธอเต็มทีแล้ว!
ลลิตกลับมาที่ห้องคอมพิวเตอร์ที่ปลอดคน นักเรียนกลับบ้านไปกันจนหมดเหลือเพียงห้องที่ถูกเปิดไฟทิ้งไว้กับใครบางคนที่เหมือนจะรออยู่ก่อนแล้ว
คิมหันต์หันมามองลลิตที่เข้ามาในห้อง เขาแย้มรอยยิ้มทักทาย ลลิตรู้สึกปลอดโปร่งไปชั่วขณะ แต่จู่ๆเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็เหมือนจะกระชากเธอให้จมสู่ความตื่นกลัว ลลิตรู้สึกอยากจะเข้าไปร้องให้ใส่คิมหันต์และไม่ต้องอธิบายอะไรที่เกิดขึ้น แต่เธอไม่อ่อนแอพอจะทำแบบนั้นแน่ เธอก้าวเข้าไปไปหาเขาและมองดูจอคอมพิวเตอร์ที่คิมหันต์เปิดเอาไว้
เขามาทำรายงานจริงๆและคงไม่มาทำอย่างอื่น เพรามันเต็มไปด้วยตัวหนังสือยิบย่อยของแหล่งข้อมูล แซมด้วยภาพประกอบหลากหลายที่ลลิตไม่มีกะใจจะสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่เธอจะมาเป็นภาระเพื่อนตัวเองไม่ได้ จะยังไงแม้ว่าเธอจะกลัวและรังเกียจสถานที่แห่งนี้ขนาดไหน เธอจะต้องไม่แสดงอาการใดๆและช่วยคิมอย่างเต็มที่จนกว่างานจะเสร็จ
หน้าต่างคอมพ์ถูกสลับอย่างรวดเร็วไปยังเว็ป Frontbook ที่ลลิตเริ่มรังเกียจ สกอร์ถูกเลื่อนลงมาและหยุดอยู่ที่โพสต์ของใครบางคน
“ดูที่เจนนี่โพสต์ล่าสุดสิ” คิมหันต์ ลลิตสะดุ้งโหยง คิดในใจว่านี่เธอยังไม่หยุดคลั่งเรื่องนั้นอีกหรือ
“ไหนๆ” เธอต้องปั้นน้ำเสียงให้ดูเหมือนตัวเองสนใจหัวข้อสนทนานี้ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆจอแล้วอ่าน
Jenny Isaradee
ฉันต้องปิดโปรไฟล์ตัวเองแล้วล่ะ ฉันขอโทษ
“คิดว่าไง” คิมหันต์ถาม
“เธอกลัวน่ะสิ” ลลิตตอบ
“ไม่ใช่หรอก รู้สึกผิดต่างหาก หวังว่านะ...เจนนี่พูดจาดูถูกกวีหลักจากเขาตายไปแล้ว แล้วเธอก็เที่ยวปล่อยข่าวมั่วๆ” เขาพูด จดจ่ออยู่ที่หน้าไทม์ไลน์ของเจนนี่ เลื่อนขึ้นเลื่อนลง ไม่แม้แต่จะมองหน้าลลิต
“อืม...ฉันรู้แล้วละ โดนแบบนี้มันก็สมควรอยู่”
“หวังว่ายัยนั่นจะสำนึกบ้างนะ”
“นายคิดว่าเธอจะโดนอะไร เธอกุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า เรียกร้องความสนใจหรือจริงๆแล้วเธอต้องการอะไร” ลลิตเริ่มหัวเสีย เธอยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคิมหันต์ถูกดูฉุนเฉียวและไม่สนใจเธอแม้กระทั่งตอนพูด รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังบ่นให้อากาศฟังยังไงยังงั้น
“ไม่รู้สิ ฉันหวังในเธอเข้าจริงๆนะ” เขาตอบ
ลลิตถอนหายใจ เธอพูดสิ่งที่อยากพูด “มีคนว่ามาว่า...เหตุการณ์ร้ายแรงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนๆนึงไปตลอด ทั้งทัศนคติ ความคิด นิสัยใจคอ แล้วรู้อะไรหรือเปล่า...ฉันไม่ค่อยอยากให้นายเป็นคนนั้นนะ”
“หมายถึง...”
“พอเถอะ กลับมาใช้ชีวิตธรรมดาได้แล้ว อย่าสนใจเสียงคนอื่น กวีตายไปแล้ว เรารู้แค่ว่าเขาตายเพื่อสิ่งที่เขาต้องการรักษาก็พอ คัมภีร์มรณะก็กระจายหายไปหมดแล้ว ไม่มีใครรู้วิธีใช้มันอีกแล้ว ความตั้งใจเขาสำเร็จแล้วนะคิม ธารินก็ยังไม่ตายด้วย เราก็แค่ปล่อยให้เรื่องและข่าวลือมันผ่านไป เรามัวทุกข์อยู่กับเรื่องที่คนทั้งโลกไม่มีวันเข้าใจไม่ได้หรอก...”
คิมหันต์นิ่งเงียบไม่ตอบ เขาปิดหน้าต่าง frontbook และเริ่มทำรายงานต่อ โดยไม่พูด ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น นั่นยิ่งทำให้ลลิตรู้สึกอยากเอาหัวโขกจอคอมพิวเตอร์ยิ่งกว่าเดิม
“โอเค จะเสร็จแล้วละ ที่ไม่ได้เข้าเรียนก็เพราะหลบไปทำเจ้านี่มา เหลือสารบัญเดี๋ยวฉันขอทำแปปนะ” คิมพูด แต่ลลิตรู้ดีว่าเขาจงใจเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งก็เป็นความคิดที่ไม่เลว
“นี่นายทำคนเดียวหมดเลยหรอ” ลลิตถาม
“อื้อ ก็อาคารเค้าจะปิดตอนทุ่มนึง นี่ก็หกโมงครึ่งแล้ว ขืนรอเธอมาช่วยก็ไม่ทันการเอาพอดี นะแม่คนหัวโบราณ”
หกโมงครึ่งงั้นหรอ เวลานัดงั้นสินะ มาเร็วเกิดคาด จริงด้วย! โทรศัทพ์มือถือเธอตกอยู่ที่ห้องน้ำ จะมีใครเอาไปหรือเปล่านะ
จะปลีกตัวไปยังไงดีโดยที่คิมหันต์ไม่เดือดร้อน เขาจะต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอยอมแบกรับเรื่องนี้ไว้คนเดียวดีกว่าจะให้คิมต้องมาทุกข์ด้วย อย่างน้อยเธอก็ยังอยากได้เพื่อนคนเดิมกลับมาและยอมจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนไป และไม่ว่าอะไรรอเธออยู่ในความมืด เธอจะต้องชนะมัน เธอจะต้องรู้ทุกเรื่องที่ต้องรู้และก้าวข้ามเรื่องพรรค์นี้ ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกทึ่งอีกแล้วนับตั้งแต่รู้จักกับคัมภีร์มรณะ
“เอ่อ...โทษทีดันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องน้ำ ขอตัวไปเอาได้มะ แหะๆ”
“อ้อ ไปดิๆ แต่กลับมาไวๆนะทางมันมืดเดี๋ยวโดนขังไม่รู้ด้วยละ”
ลลิตรีบวิ่งออกจากห้องคอมพ์ พื้นรองเท้าสัมผัสกับความมืดที่เปลี่ยนแปลงจนน่าใจหาย ก่อนหน้านี้ยังเป็นท้องฟ้าสีแดงอยู่เลย แต่ตอนนี้มันเริ่มเป็นสีม่วงไปจนถึงดำแล้ว ลลิตยังคงต้องเตรียมใจเล็กน้อยและเริ่มวิ่งไปให้ถึงเร็วที่สุด
แค่เอาโทรศัพท์ แค่เอาโทรศัพท์! เธอท่องมันในใจตลอดที่วิ่งไปบนทางเดินมืดๆ ไฟเริ่มทยอยปิดราวกับไล่เธอ เธอยังคงวิ่งต่อไปจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำหญิงที่เธอลืมโทรศัพท์ไว้
เธอก้าวเข้าไปและรู้สึกดีใจที่มันยังไม่ล็อค แต่ก็รู้สึกเสียใจเล็กๆเมื่อเธอเปิดไฟสลัวๆของห้องน้ำหญิงยามค่ำคืนขึ้น แสงไฟนีออนทอดยาวไปสุดทาง เผยให้เห็นข้อความเลือดที่ถูกทาเอาไว้และยังไม่เลือนหายไปจนบัดนี้ ลลิตวิ่งพื้นห้องน้ำที่ลื่นและแฉะ เธอรู้สึกว่าพื้นเหนียวผิดปกติ เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
เอาอีกแล้ว คิดไปเองอีกแล้ว อย่าคิดสิ ไม่มีจริงหรอก ผีไม่มีจริง!
และก้าวสุดท้ายก็นำเธอมาที่สุดทางเดิน โทรศัพท์เครื่องเดิมห้อยต่องแต่งและไม่ส่งเสียงอะไร เธอค่อยๆก้มลงเก็บเธอโทรศัพท์ของเธอโดยไม่พยายามมองไปรอบๆบรรยากาศที่น่ากลัว
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!
คล้ายกับเสียงรัวกลองไล่ ลลิตอยากจะกรีดร้องออกมาแต่ก็รู้สึกกลัวแม้กระทั่งเสียงร้องตัวเอง เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าไฟนีออนกำลังไล่ปิดทีละดวงอย่างรวดเร็ว
ความมืดคลืบคลานเข้ามา หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง ขาสั่น ขนทุกส่วนในร่างกายลุกชั้น น้ำตารื้นเหมือนจะร้องให้
พรึ่บ! และชั่วอึดใจความมืดก็เข้าปกคลุมทุกอย่าง ลลิตได้แต่ถอยหลังไปให้ติดกับกำแพงและหวังอย่างยิ่งว่าเธอจะไม่ไปชนกับอะไรเข้า
ตี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ!! เสียงร้องอย่างบ้าคลั่งของโทรศัพท์ที่ห้อยอยู่แทบทำให้เธอหยุดลมหายใจตัวเอง ลลิตสะดุ้งโหยง แสงไฟสีฟ้ากะพริบเผยให้เห็นเงาของใครบางคนทีเดินเข้ามาใกล้เธอ
ใบหน้าและเสียงที่คุ้นเคยเหลือเกินทำเอาลลิตรู้สึกว่าความตายอาจจะหอมหวานเสียยิ่งกว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับเขาคนนี้
“คิดถึงฉันหรือเปล่า...ลลิตา”
ความคิดเห็น