ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Illumination ปมลับเทวาและซาตาน

    ลำดับตอนที่ #19 : ChapT17 ("Long Halloween") ; นครแห่งฝน

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 55


    คิมหันต์หยุดมองหน้าคอมพ์ที่มีแค่ภาพพักหน้าจอฉายไปฉายมาไม่หยุดหย่อนคล้ายจะเป็นนิรันดร์  แววตาทอดไปไกลเหมือนจะมองทะลุหน้าจอที่ไม่มีอะไรนี้ออกไปข้างหน้า  เพียงแต่มันถูกความเบื่อหน่ายกั้นเอาไว้  เขาถอนหายใจเป็นครั้งที่นับไม่ได้แล้วจัดท่านั่งเสียใหม่ก่อนที่จะตกจากเก้าอี้แล้วตั้งต้นทำอะไรสักอย่างกับคีย์บอร์ดอย่างมุ่งมั่น

    เพราะเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้  มีใครบางคนได้ทำให้คิมหัวเสียอย่างหนัก  โดยการอัพโหลดภาพของคัมภีร์มรณะลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค  พร้อมบอกวิธีใช้อย่างละเอียดและประกอบด้วยข้อความชวนเชื่อ  และไม่ทันไรมันก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าด่างทับทิมในน้ำเปล่าเสียอีก  มันเปลี่ยนให้ทั้งอินเตอร์เน็ตตกอยู่ในความเชื่องมงายมาหลายต่อหลายอาทิตย์  นั่นทำให้คิมหันต์ร้อนใจและรู้สึกอยากทำอะไรบางอย่าง

    “เจอนี่หน่อยเป็นไง” คิมหันต์พูดกับจอคอมพิวเตอร์อย่างที่เขามักจะทำเวลาเล่นเกมส์อยู่  แต่นี่ไม่ใช่แค่เกมส์  นี่คือชีวิตจริง  และเขากำลังจะเปิดสงครามกับซาตานด้วยตัวอักษรเพียงสองสามหมื่นตัวเท่านั้นเอง

    หน้าจอสีดำที่แทบจะเป็นเพื่อนสนิทของเขาโผล่ขึ้นมา  คิมหันต์ยิ้มเยาะๆให้กับมันเป็นการทักทายแล้วเริ่มตั้งต้นพิมพ์อะไรบางอย่างลงไป  ระหว่างนั้นเขาเปิดไฟล์ภาพอะไรบางอย่างขึ้นมาควบคู่ไปด้วย  มันเป็นภาพแสกนของคัมภีร์มรณะที่ยังไม่ถูกใช้  และจากที่คิมหันต์สืบค้นแหล่งที่มาของภาพ  เขาพบว่าภาพๆเดียวที่แทบจะเป็นภาพเดียวกันนั้นมาจากแหล่งที่มาดั้งเดิมสองที่  เพียงแค่เขาใช้เวลาเล็กน้อยเท่านั้น  เขาก็จะรู้ถึงพิกัดที่อยู่ของใครที่ตามที่ครอบครองคัมภีร์มรณะไว้  แล้วรีบไปเคาะประตูถึงหน้าบ้านโดยเร็ว 

    แต่คิมหันต์ส่ายหัวแล้วหัวเราะให้กับความคิดนั้น  “หึหึ  ยังหรอกๆ  คุณยังไม่ได้เชิญผม  ผมก็ยังไม่ไป” เขาพูดให้กับใครคนหนึ่งที่เขาเองก็ยังไม่รู้จัก

    คิมหันต์มุ่งหน้าให้กับแผนการของเขาเองต่อไป  ตอนนี้เขาตรวจสอบการดาวน์โหลดรูปภาพดังกล่าวและที่คล้ายคลึงอยู่  มันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็พบว่าภาพที่คล้ายคลึงกันนั้นมีทั้งหมด 2439 รูป  ซึ่งเมื่อตัดจนเหลือภาพที่เป็นต้นฉบับจริงๆก็จะเหลือ 79 รูปเท่านั้น  มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจสำหรับคิมหันต์  เมื่อลองจินตนาการว่ามีคนที่เจอคัมภีร์มรณะปลิวมาตกอยู่หน้าบ้านแล้วเก็บมันขึ้นมาแสกนเข้าคอมพิวเตอร์นั้นมีถึงเจ็ดสิบเก้าคน  และไม่ใช่แค่นั้น  คนทั้ง 79 คนก็ได้เผยแพร่จนตอนนี้มีผู้ที่ครอบครองคัมภีร์เพิ่มขึ้นอีก 2439 คน  ลองนึกภาพเมืองที่เต็มไปด้วยคนแบบธารินสิ  แค่คนๆเดียวก็แทบทำให้คิมหันต์ตายไปแล้ว  ไม่ต้องพูดถึง 2439 กับอีก 79 ที่ต่างคนก็ต่างความคิดและต่างอุดมการณ์

    และเพียงแค่คำนึงถึงข้อนั้น  คิมหันต์ก็ขมวดคิ้วแล้วแค่นหัวเราะเบาๆให้กับความอเนจอนาถของโลกใบนี้  มันช่างน่าสมเพชเหลือเกินที่โลกนั้นเป็นดั่งลูกบอลที่ถูกยื้อแย่งกันไปมาของคนที่มากกว่า 11 คน  และเมื่อถึงตอนนั้นความหายนะก็บังเกิด “เอาล่ะ  ขอแสดงความยินดีกับทั้ง 2518 คนที่คุณฉกฉวยคัมภีร์มรณะไปได้ทัน  ก่อนที่ผมจะเริ่มทำลายมันตั้งแต่บัดนี้  ถ้าสมมติว่ามีแค่ครึ่งเดียวที่เชื่อเรื่องคัมภีร์จริงๆก็จะเหลือ 1259 คน  ส่วนพวกที่กล้าจะฆ่าคนจริงๆคงมีสัก 10 เปอร์เซ็น  ก็เป็น 125 คน  แต่ละคนก็มีพรคนละสามข้อ  แล้วถ้าลองคูณด้วยสามก็ได้....” คิมคิดพลางจดมันลงกระดาษตรงหน้า “แต่ช้าก่อน...พวกที่มีชีวิตอยู่และรอดจากการตามล่าก็น่าจะสักแค่ 100 คนเท่านั้น  เอาไงดีล่ะ  ตอนนี้ถ้าคำนึงถึงความเป็นไปได้เรากำลังเผชิญหน้ากับพร 300 ข้ออยู่  หนึ่งในนั้นจะมีพรที่ล้างโลกได้มั้ยน้อ...” คิมคำนวณลงบนกระดาษพลางครุ่นคิด  และเมื่อคิดไม่ตกเขาก็เอนหลังพิงเก้าอี้นุ่มๆแล้วถอนหายใจ

    “เฮ้อ...ขอให้มันน้อยกว่าที่เราคำนวณเถอะ  หรือไม่ก็...” คิมชำเลืองมองแมลงวันตัวหนึ่งที่บินหวึ่งๆอยู่ตรงหน้าจอคอมพ์  ซึ่งเป็นแสงสว่างเดียวในห้องมืดๆ “ขอให้แกช่วยฆ่ามันไปเสียให้หมดๆเถอะ  เบลเซบับ”

    “ไม่ได้สิ  เจ้ากวีไม่ยอมแน่  แล้วลลิตล่ะ  ไมได้ๆ  วิธีของเราเนี่ยแหละดีสุดแล้ว  ...” คิมหันต์พึมพำแล้วจัดท่านั่งให้เข้าที่อีกครั้งแล้วเริ่มต้นพิมพ์ตัวอักษรมากมายต่อไป  จนตอนนี้เขาเข้าถึงอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว

    อธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็คือ  ตอนนี้คิมหันต์สามารถทำอะไรก็ได้กับไฟล์ทั้ง 79 ไฟล์ที่ถูกอัพโหลดลงในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต  เขาสามารถแทรกแทรง  ดัดแปลง  ไปจนถึงทำลายมันทิ้ง  และเพียงแค่เขากดปุ่มเดียวเท่านั้น  ไฟล์ทั้ง 79 ก็จะหายไปจากสารระบบและเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่กับไฟล์ที่ถูกคัดลอกอีก 2439 ไฟล์  มันจะไม่มีภาพของคัมภีร์มรณะเหลืออยู่ในโลกไร้สายแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว  เว้นเพียงแต่ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

    “ไงซาตาน  ให้ฉันทำอะไรดีล่ะ?  ตอนนี้ฉันมีอาวุธที่ใช้ทำลายแผนของแกได้ในทีเดียวแล้วนะ  หึ...แต่ทำแบบนั้นจะไปสนุกอะไรจริงมั้ย?” คิมหันต์ถามขึ้น  ไม่มีเสียงตอบกลับมาของซาตาน  แต่มันก็แน่  คิมหันต์ไม่ได้หวังให้ใครกระซิบกลับมาในห้องที่เงียบงันและมืดมิดของเขาหรอก  เพราะขืนเป็นเช่นนั้นเขาก็คงร้องจ๊ากแล้ววิ่งออกไปนอกห้องตัวเองเป็นแน่  เขาแค่เปิดเปิดกรงของอสูรกายที่เขาสร้างขึ้นไว้โดยลากเม้าส์ไปคลิกที่ไอคอนไฟล์ไฟล์หนึ่ง

    มันเป็นไฟล์อะไรบางอย่างที่คิมหันต์สร้างมันขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้  เขาตั้งชื่อนามสกุลมันว่า KHN ซึ่งมาจากชื่อของเขาเอง Khimhan นั่นเอง  ความสามารถของอสูรกายตัวนี้มันก็เป็นไวรัสที่คิมหันต์ทดสอบแล้วว่ามันสามารถหนีการตรวจจับของโปรแกรมดักจับไวรัสกว่า 500 โปรแกรมที่เป็นที่นิยมใช้ของคนทั้งโลก  คิมหันต์มั่นใจมากเพราะเขาทดสอบมันมาแล้วกับมือ  และนอกเหนือไปจากนั้นที่สนุกกว่าก็คือไวรัสชนิดนี้สามารถจำแลงตัวเป็นไฟล์ชนิดต่างๆได้ทุกชนิดเท่าที่มีบนโลกใบนี้  มันจะแฝงกายอย่างแนบเนียนในทุกครัวเรือนและรอคอยเพียงการดับเบิลคลิกและทำให้คุณหัวใจวาย

    ที่คิมหันต์เรียกมันว่าอสูรกายก็คงเป็นเพราะ  เขาได้คัดเลือกคลิปวิดีโอผีตุ้งแช่พวกที่ว่า  เปิดมาแล้วจะมีหน้าผีเด้งเข้าใส่มาใช้เป็นลูกเล่นของไวรัสตัวนี้  โดยทันทีที่คลิกเปิด  วิดีโอผีเหล่านี้จะโผล่มาทำให้คุณตกใจโดยการสุ่ม  ชนิดที่ว่าคุณจะไม่มีมันสุ่มได้ซ้ำกันเลยและมันก็ไม่สามารถปิดได้ด้วยวิธีการใดๆเลยนอกจาก “ชักปลั๊ก” ซึ่งเมื่อทำเช่นนั้น  ความร้ายกาจอย่างสุดท้ายของมันก็จะสำแดงฤทธิ์  มันจะล้างทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์เคยจำมาทั้งหมดออกไป  ทุกข้อมูล  ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไปจนหมดทันทีที่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นถูกเปิดขึ้นอีก  และคัมภีร์มรณะก็จะหายไปอย่างสิ้นเชิง

    คิมหันต์ไม่ได้เป็นคนที่ชอบแกล้งใคร  แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะเห็นคนเลวทุกทรมานเช่นกัน  เพราะฉะนั้นวิธีการนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยในความคิดของเขา  เขาไม่ได้อยากจะเห็นคนทั้งโลกสะดุ้งหรือหัวใจวายแม้แต่น้อย  แต่ที่เขาต้องการก็คือการสั่งสอนให้คนทั้งโลกรู้ว่าอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของคำชวนที่ถูกส่งต่อๆมาอย่างไร้วิจารณญาณเท่านั้นเอง

    วันนี้คือวันที่ 31 ตุลาคม  เขาจึงตั้งชื่อให้กับไวรัสตัวนี้ว่า Long Halloween (ฮัลโลวีนอันเนิ่นนาน)  เพราะหลังจากที่ไวรัสตัวนี้ได้ทำหน้าที่ของมัน  ทุกๆวันในโลกของอินเตอร์เน็ตก็จะกลายเป็นเทศกาลหลอกผีอันน่าสยดสยอง  ที่เขาต้องทำก็เพียงแค่กดปุ่ม enter แล้วรอ

    “เอาสิ...ซาตาน  ถ้านายมีอะไรจะพูดกับฉันก่อนที่นายจะแพ้ก็พูดมาเลย  เพราะมันจบแล้ว...” คิมหันต์ว่า  รอยยิ้มมีชัยผุดพรายขึ้นมาบนริมฝีปาก “ฉันไม่ได้แค่ทำลายเครื่องมือของนายเท่านั้น  แต่ฉันสร้างบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา  ทันทีที่มนุษย์เห็นภาพของคัมภีร์มรณะ  เขาจะจดจำมันในนาม Long Halloween ไวรัสที่น่ากลัวและไม่ควรเปิดมันขึ้นมา” คิมหันต์กดปุ่ม Enter อย่างไม่ลังเลใจ

    แต่จู่ๆก็มีหน้าต่างข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา  มันจับใจความได้ว่า ไฟล์กำลังอัพโหลดขึ้นสู่ Network อาจะใช้เวลาสักพัก  firewallของคุณจะไร้การป้องกันในระหว่างที่ file กำลัง upload’ พูดง่ายๆก็คือ  คอมพิวเตอร์ของคิมจะไร้การป้องกันในระหว่างนี้

    แต่นั่นก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดการณ์ของคิมเท่าไหร่นัก  มันก็มักจะเป็นเหตุการณ์ปกติอยู่แล้ว  คิมจึงได้แต่รอให้ตัวเลขบอกความสำเร็จดำเนินไปอย่างช้าๆจาก 0 ไป 23 จนกระทั่งตอนนี้มันมาหยุดอยู่ที่ 50% พอดีเป๊ะๆ

    และทันใดนั้นคิมหันต์ก็ต้องลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้อย่างนั่งไม่ติด  มีกล่องข้อความสี่ดำสนิทเด้งขึ้นมาบังแถบอัพโหลดเอาไว้เสียจนมิด  คิมหันต์สบถเบาๆแล้วอ่านข้อความที่ถูกส่งขึ้นมา  ภาวนาให้ไม่ใช่ซาตานอย่างที่เขาท้าเอาไว้  และเขาก็อ่านข้อความนั่นอย่างร้อนใจ “ฟังฉันสิ”

    เขากดปุ่มดังกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ  ตอนนี้ firewall ที่ปกป้องคอมพิวเตอร์ของเขานั้นไม่ได้ทำงานอีกต่อไปแล้ว  นั่นก็คือเขาสามารถถูกจู่โจมด้วยไวรัสของคนอื่นได้  และคนที่แฮ็คเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของคิมในไม่กี่วินาทีที่ firewall ถูกปิด  ก็คงไม่มีเจตนาดีเป็นแน่  และมันยิ่งทำให้คิมหันต์ต้องกังวลเมื่อคำนึงว่า  หมอนี่อาจจะอยากเป็นศัตรูกับคิมหันต์อย่างมากจนถึงขนาดเฝ้านับเดือนนับวันนับวินาทีให้คิมหันต์ไร้การป้องกันแล้วจู่โจมเข้ามา

    “รู้ทันทีว่าฉันปิดไฟร์วอลล์  แกนี่ถ้าไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ฉัน  ก็ต้องเป็นปลั๊กไฟของฉันแน่ๆ  ไม่มีใครจะรู้หรอกว่าฉันทำอะไรอยู่นอกเสียจากแอบดูอยู่ข้างหลัง  มันก็แค่บังเอิญนั่นแหละ  เรามาดูกันว่าแกมีอะไรมาให้ฉันฟัง”

    คลิปวิดีโอถูกเปิดออกมา  มันไม่ได้ฉายภาพอะไรทั้งนั้น  มีเพียงเสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นในความเงียบ  มันเหมือนเสียงที่ถูกปรับแต่งมาแล้ว  มันเหมือนเสียงพูดของหุ่นยนต์  ช่างห้วนและไร้อารมณ์  เสียงนั้นกล่าว “สวัสดี...ใครก็ตามที่คิดจะทำลายแผนการของพระผู้เป็นเจ้า”

    “ข้าไม่เคยรู้จักเจ้ามาก่อนและข้าก็ไม่เคยสนใจการกระทำอื่นใดของเจ้าด้วย  เพียงแต่ว่าเจ้าได้ล่วงล้ำเข้ามาในอนาเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ข้าจำเป็นต้องมาเตือนด้วยความหวังดี”

    “เจ้าเป็นใครกันงั้นหรือ?  บุคคลที่คิดจะบ่อนทำลายความต้องการของพระผู้เป็นเจ้า  คิดจะทำลายพรวิเศษของพระองค์ให้สิ้นซากด้วยเหตุผลอะไรกันเล่า?  แต่ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะดีเลิศเพียงใด  ความต้องการของพระผู้เป็นเจ้าก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด  เพราะฉะนั้นคำตอบของเจ้าข้ามิอาจรับฟัง”

    “ข้าขอโทษที่เสียมารยาทกับศัตรูของข้า  ข้าคือ Newtoleo (นิวโทเลโอ) หัวหน้าของกลุ่มสมาชิก The illuminati  เราได้หลับใหลและปกปิดตัวอยู่ในเงาเร้นของพระผู้เป็นเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว  จนบัดนี้พระองค์ให้ส่งคำเชื้อเชิญให้พวกเราได้คืนชีพมาอีกครั้ง  เราดำเนินการตามลูกศรชี้ทางของพระองค์  เราแพร่กระจายคัมภีร์มรณะออกไปทุกทิศทุกทาง  จนกระทั่งเจ้าเป็นคนที่สองที่ทำให้ข้าต้องสะดุดได้”

    “คนแรกเป็นปิศาจโง่ๆตนหนึ่งที่ไล่ตามกำจัดผู้ที่ถือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างอเนจอนาถ  ส่วนตนที่สองก็เป็นเจ้า  เจ้าเป็นปิศาจอะไรกันเล่า?  เจ้าต้องการทำลายแผนการของพระผู้เป็นเจ้าอย่างนั่นหรือ?  ถ้างั้นก็เอาสิ  ชนะข้าให้ได้  ฝ่าเข้ามาในเขตแดนแห่งสรวงสวรรค์  แทรกซึมเข้ามาในแสดงสว่างเปล่งประกายของพระผู้เป็นเจ้า  ก่อนที่แสงของพระองค์จะแผดเผามารร้ายเช่นเจ้าจนหมดสิ้น  อย่างเช่นอะไรแบบนี้”

    ภาพในวิดีโอตัดไป  มันฉายภาพของใครบางคนที่ถูกปาดคออย่างโหดร้ายโดยชายผู้สวมผ้าคลุมสีขาว  ชายผู้นั้นดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นมืดๆโดยมีเลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากลำคอ  บุรุษใต้ผ้าคลุมชโลมเลือดบนมืดลงบนแผ่นกระดาษของคัมภีร์มรณะ  และทันใดนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วถอดผ้าคลุมออก  เหยให้เห็นแผ่นหลังสีขาวดุจหิมะที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ  เขายืดตัวขึ้นพลางกรีดร้องเสียงหลง  แล้วไม่กี่วินาทีนับจากนั้นอะไรบางอย่างก็ดันตัวขึ้นมาจากบริเวณปีกหลังของเขา  มันเป็นปีกนกสีขาวสะอาดนวลเนียนยาวข้างละเกือบสองเมตร  กระพืออยู่สองสามครั้งอย่างสง่างามแล้วคลิปวิดีโอนั้นก็จบลง

    คิมหันต์ทำได้เพียงอ้าปากค้างกับสิ่งทีได้เห็น  เขาฟังเสียงของวิดีโอดังกล่าวพูดต่อไป “...นั่นเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ตัวอย่างของผู้ที่สละตนเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้า  และเจ้ายังจะกล้าต่อกรกับคนเหล่านี้อีกหรือ  ถ้าเจ้าคิดว่าโลกแห่งอินเตอร์เน็ตนี้เป็นของเจ้าล่ะก็จงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่  มิเช่นนั่นข้าจะเผยแพร่คลิปวิดีโอนั้นเสีย  เพราะเรา illuminati เฝ้ามองการดำเนินไปของโลกนี้มาเนิ่นนานอย่างลับๆอยู่ตลอด  เราเฝ้ามองสงครามอันน่าเศร้าสร้อยของมนุษย์  เราเฝ้ามองกิเลศตันหาที่มีมากมายหลายรูปแบบในโลกใบนี้  และเจ้าอาจจะมีคำถาม อิลลูมินาติเป็นองค์กรศาสนาหรือไม่ข้าจำเป็นต้องเรียนให้เจ้าทราบในฐานะศัตรูว่า พวกเราไม่ใช่องค์กรเช่นนั้น  พวกเราเป็นองค์กรวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า  และแผนการสูงสุดของเราก็คือผนวกโลกใบนี้เข้าด้วยกันด้วย วิทยาศาสตร์และศาสนา  ในที่นี้ก็คือ  คัมภีร์มรณะและอินเตอร์เน็ต”

    “และสุดท้าย  เจ้าก็เป็นเพียงฝุ่นธุลีของจักวาลอันกว้างใหญ่  และสิ่งเดียวที่ข้าจะเรียนให้เจ้าทราบได้ก็คือ  จงอย่าเดินในเส้นทางที่เจ้าถลำลึกไปกว่าครึ่ง  เจ้าคิดว่าเจ้าแน่ในอินเตอร์เน็ตแต่เราคือผู้ที่สร้างมัน  เจ้าคิดว่าเจ้าเข้าใจพระเจ้าแต่เราคือหัตถ์ของพระเจ้า  เจ้าคิดว่าเจ้านั้นทำสิ่งที่คู่ควรแต่เราคือความยุติธรรม  เจ้าคิดว่าเจ้ามีเหตุผลของตัวเองแต่เราคือความเป็นจริงของโลกใบนี้  พวกเราคือ อิลลูมินาติ

    และหน้าจอดังกล่าวก็หายไป  เหลือแต่เพียงแถบอัพโหลดที่วิ่งถึงแค่ 50% และไม่นานก็ล้มเหลว  คิมหันต์อธิบายความรู้สึกหลังจากนั้นไม่ถูก  มันเหมือนการถูกตบหน้าฉาดใหญ่แรงๆ  เขาตัวสั่น  กำหมัดแน่นไม่ทราบว่าด้วยความโกรธหรือตื่นเต้น  ที่รู้ๆเขาตัวสั่นเทิ้มอย่างแรง  ก้มหน้า  อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น  และหลังจากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นคับห้อง

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เสียงหัวเราะดังลั่นอยู่สักพักอย่างบ้าคลั่งและวิปลาส  มันเปลี่ยนให้คิมหันต์เป็นคนอีกคนแล้วก็หายไปจนเป็นเพียงการกระเพื่อมของอากาศ  คิมหันต์นั่งลงบนเก้าอี้กนุ่มๆแล้วหอบหายใจ “เอาซี่...กว่าแกจะรู้ตัวแผนการฉันก็ไปได้ครึ่งทางพอดี  ฉันเผยแพร่ไวรัสของฉันไป 50% จากทั้งหมด  ส่วนแกก็เผยแพร่ของแกอีก 50% จากที่เหลือ  เรามาดูกันว่ามนุษย์จะเชื่อใครกันระหว่างไวรัสผีสิงของฉัน  กับคลิปวิดีโอตัดต่อโง่ๆของแก  ถ้าแกประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้าล่ะก็  ฉันก็จะเป็นซาตานให้เอง  แล้วมาดูกันว่าใครจะชนะ  ฉันรอเห็นสีหน้าตอนพ่ายแพ้ของแกไม่ไหวแล้ว...อิลลูมินาติ”

     

    เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมง  จนบัดนี้ฝนภายนอกหน้าต่างได้โหมกระหน่ำซ้ำเติมเสียยิ่งกว่าเดิม  คิมหันต์ยังคงสังเกตุการณ์โลกอินเตอร์เน็ตอยู่หน้าคอมพ์โดยขณะนี้กำลังมีการจู่โจมของ Long Halloween เกิดขึ้นเรื่อยๆ  เขาทำได้แค่หัวเราะเบาๆให้กับหน้าจอที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น  แต่ลึกๆแล้วเขาก็ยังคงแค้นใจเมื่อเห็นผู้คนจำนวนหนึ่งแสดงอาการปลาบปลื้มต่อคลิปวิดีโอของอิลลูมินาติอย่างไม่ลืมหูลืมตา  แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกสนุกๆอยู่เล็กๆ  มันเป็นนานๆทีที่เขาจะเจอใครที่สามารถต่อสู้กับเขาได้แบบสมน้ำสมเนื้อขนาดนี้  ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากให้ถึงเวลาแห่งการตัดสินเสียที

    แต่จู่ๆใครบางคนที่คิมไม่คิดว่าจะได้พบก็ปรากฏตัวขึ้นให้เห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์  Galactus หรือ “กร” ที่หายสาบสูญไปเดือนกว่าๆและเขาควรจะตายในซากแมลงวันไปแล้วก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องแช็ต  เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาได้เปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็น Beelzebub

    และไม่ต้องรอช้า  คิมหันต์ก็เข้าไปทักทายในทันที

    KT. :: ว่าไงกรหวัดดี  เป็นไงมาไงล่ะนี่

    Beelzebub :: ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า  หาไม่เจอ  ข้าหาไม่เจอ  มีพวกมันปรากฏมามากขึ้นไปหมด  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ข้าต้องตามหาให้เจอ  อยู่ไหน  อยู่ไหน  ปิศาจของข้า

    KT. :: เฮ้ใจเย็นสิ  จะไปฆ่าใครเค้าล่ะนี่

    Beelzebub has log off.

    แล้วเขาก็จากไปทิ้งไว้แต่ความงุนงงของคิมหันต์  เจ้าตัวทิ้งกายเอนหลังบนเก้าอี้นวมแล้วครุ่นคิด  เกิดอะไรขึ้นกับคนๆนี้กันแน่  คนที่ควรจะตายไปแล้วแต่กลับปรากฏตัวให้เห็นเมื่อครู่นี้พร้อมกับข้อความแปลกๆที่พูดมาเต็มไปหมด  แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร  คิมหันต์ต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้  และก็ไม่รอช้าเขาทำการสืบหาพิกัดของคอมพิวเตอร์เครื่องล่าสุดที่เข้ามาในรหัสของกร  จนกระทั่งเมื่อเทียบพิกัดกับแผนที่แล้ว  มันอยู่ในตัวเมืองที่ไม่ไกลออกไปนี่เอง  คิมหันต์รีบวิ่งไปหยิบเสื้อกันฝนและออกไปจากห้องนอนตัวเองโดยเร็ว  และทิ้งให้คอมพ์พิวเตอร์ตัวเองเปิดเอาไว้

     

    มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านจัดสรรสองชั้นหลังหนึ่งในหมู่บ้านเก่าๆที่เปิดมาเมื่อประมาณสิบปีและผู้คนเริ่มย้ายออกไปกันพอสมควรแล้ว  เขาค่อนข้างมั่นใจว่าต้องเป็นหลังนี้อย่างไม่ผิดแน่  คิมหันต์ก้มตัวลงหอบและปล่อยให้สายฝนชะล้างชุดกันฝนของเขาอย่างไม่สนใจอะไรแล้วพบว่าไฟในบ้านหลังนี้ยังคงเปิดอยู่  นั่นแสดงถึงการเป็นอยู่ของใครก็ตามที่อยู่ในนั้น  เขารีบกดกริ่งอย่างร้อนใจ  และเมื่อรอสักนาทีกว่าๆก็พบว่าไม่มีใครมาเปิดประตูให้เขาเลย  เมื่อรู้ดังนั้นคิมหันต์จึงถือวิสาสะเลื่อนประตูรั้วให้เปิดออกแล้วค่อยๆแง้มประตูบ้านให้เปิดออกอย่างเงียบๆ

    เขาเข้ามาพบกับห้องโถงที่ไม่มีใครอยู่  ทีวีเปิดทิ้งไว้  คิมย่องผ่านห้องครัวทางซ้ายที่ไม่ได้ดับเตาแก๊สขึ้นสู่บันไดที่พาทั้งคู่พบกับห้องนอนสองห้องที่อยู่ข้างๆกัน  ห้องหนึ่งเปิดประตูอ้าเอาไว้  เมื่อคิมชะโงกหน้าไปดูสภาพห้อง  เขาพบว่ามันเป็นห้องที่ตกแต่งแบบหวานแววแบบผู้หญิง  ที่เงียบเชียบ

    แต่จู่ๆ  ความรู้สึกปวดแปล๊บที่เบ้าตาก็เข้าเล่นงานเขาอย่างรวดเร็ว  คิมหันต์ทรุดตัวเกาะราวบันไดเอาไว้เพื่อพยุงไม่ให้โลกโคลงเครงไปยิ่งกว่านี้  เขาหอบหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งภาพที่เขาเห็นก็สลับไปเป็นภาพของสายตาคนอื่นอย่างที่มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน  ตอนนี้มันปรากฏภาพของบ้านหลังที่เขายืนอยู่  เจ้าของสายตาคู่นั้นเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่เปียกโชกแต่ว่าไม่อาจรู้ว่าเขาคือใครกันแน่  ประตูถูกเปิดออก  เดินผ่านห้องโถงอย่างช้าๆและตรงมาสู่บันได

    คิมหันต์หัวใจเต้นรัว  เขาคลำทางไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองตาบอด  เขาต้องหนีใครบางคนที่เป็นเจ้าของภาพที่เขากำลังเห็นไปให้ได้  และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร  เขารู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

    และดูเหมือนใครคนนั้นจะเข้ามาใกล้คิมหันต์เรื่อยๆแล้ว  ตอนนี้มันหยุดอยู่ตรงตีนบันไดและมองขึ้นมาเห็นแขกผู้ไม่ได้รับเชิญของบ้านหลังนี้ 

    คิมหันต์เห็นภาพตัวเองที่ดูหวาดกลัวผ่านสายตาคู่นั้น  ร่างนั้นวิ่งเข้ามาหาคิมหันต์ที่ตัวแข็งทื่อและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด 

    และแทบจะดูเหมือนส่องกระจก  คิมหันต์เห็นหน้าตัวเองแบบเต็มตาในตอนที่ร่างนั้นเข้ามาใกล้ตัวเขาพอดี  แล้วความรู้สึกเจ็บแปล๊บในหัวเหมือนมีอะไรมากระแทกก็ทำให้เขาหมดสติลง  และหลับใหลในความมืดมิดของคืนฮัลโลวีน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×