ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : The Jack : 1 [แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์]
CHAPTER : 1 แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ฺ
DATE : 29 /01 /10
ถ้ามีคนกล่าวว่า....
“อะไรที่วิทยาศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ คืออะไร?”
ผมก็คงตอบได้อย่างไม่แคร์เลยว่า
“ไม่มีหรอก”
ทำไมน่ะรึ ก็เพราะโลกนี้น่ะดำเนินไปด้วยหลักความเป็นจริง อะไรที่วิทยา ศาสตร์พิสูจน์ไมได้ย่อมไม่มี มีแต่ว่ายังรอการพิสูจน์อยู่ก็เท่านั้น ส่วน พวกที่หลงเชื่องมงายต่างๆนานานั่นน่ะรึ บอกได้คำเดียวว่า “ไร้สาระ”ตัวผมเองก็ไม่ได้ถึงขนาดคลั่งวิทยาศาสตร์อันน่าปวดเศียรเวียนเกล้า มากนักหรอก ถ้าใครคิดว่าถ้าทีหยิ่งยโสที่ดูหัวทื่อยึดติดแต่ความเป็นจริง มันน่าเขกกะโหลกก็เชิญเลย ตัวผมเนี่ยแหละจะล้างสมองจากหมอผีสุดงมงาย มาเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจริงให้เอง
ตอนนี้ตัวผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว ผมเพิ่งขึ้น ม.4 ในโรงเรียนที่เคยเรียนตอน ม.ต้นเพราะผมไม่อยากเดินทางไปที่ที่ไกลๆอย่างกรุงเทพ เลยขอปักหลักที่ บ้านเกิดผมดีกว่า ทุกอย่างแตกต่างจากการเรียนม.ต้นนิดหน่อยก็ตรง กางเกงกับรองเท้าเปลี่ยนเป็นสีดำเนี่ยแหละ เรื่องการเรียนก็ไม่อะไร มาก เฮฮากับเพื่อนไปวันวัน สองสามวันนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนกระทั่ง...
ในที่สุดเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้น (ปนตกใจ)ก็แว่บเข้ามาในชีวิตอันแสนสงบสุข เมื่อวันเลือกชมรมก็มาถึง..
“ทางนี้จ้าทางนี้... ชมรมดนตรีลงชื่อตรงนี้เลย”เสียงใสๆของหญิงสาวผู้ประกาศแว่วมาท่ามกลางเสียงจ๊อกแจ๊กของผู้คน
“ตรงนี้ชมรมภาษาครับ รับอีกแค่สองคน”ชมรมข้างๆไม่น้อยหน้ารีบตะโกนใส่อย่างแรง
“เฮ้ พวกนายน่ะ .. ตรงนี้เลยตรงนี้.. ชมรมวิจัยผี”
ท่ามกลางเสียงประกาศดึงตัวสมาชิกมายังกับตลาดสด เสียงแทรกมากมายจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ก็มีเสียงประกาศแหกโสทประสาทเข้ามา เสียงแหลมๆนั้นสะดุดหู จนทำให้ทุกเสียงเงียบลง ผมหันไปมองตามเสียงและชื่อชมรมแปลกๆของเธอผู้นั้น
(ชมรมวิจัยผี)
ผมนึกในใจ และก็อยากให้เดินไปสั่งสอนเจ้าของชมรมให้มันรู้ว่า “ผีไม่มีในโลก” แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า ชมรมคอมพิวเตอร์ ของผมจะเต็มไปซะก่อน ผมเก็บความรู้สึกนั่นไว้พร้อมเดินหาชมรมคอมพิวเตอร์ต่อไป และคิดในใจว่า..
“รอชั้นก่อนนะ.. ชมรมวิจัยผีเอ๊ย”
ราวกับ มีแสงอะไรบางอย่างสาดส่องมาทางซ้ายมือของผม ป้ายกระดาษเท่าเอสี่ ถูกติดไว้บนซุ้มพิมพ์ตัวใหญ่ว่า
“ชมรมคอมพิวเตอร์”
ซุ้มที่มีโน้ตบุคอยู่หนึ่งตัว พร้อมรุ่นพี่ปีสามผู้หญิงหน้าตาน่ารักนั่งอยู่อย่างเซ็งๆ พร้อม จ้องไปที่จอคอมอย่างหน่ายๆ บริเวณรอบซุ้มดูมีคนร่อยหรอ (จนแทบไม่มีคน) มันดูคนน้อยกว่าซุ้มอื่นๆมาก ผมใช้โอกาสนั้นรีบวิ่งไปลงชื่ออย่างเร็ว
“ผ..ผมมาลงชื่อครับ”ผมพูดเบาๆพร้อมสะกิด.. พี่ผู้หญิงข้างหน้าเบาๆ เธอเป็นประธานชมรมคอมที่ผมเคยแอบชอบมาตั้งแต่ ม.ต้น ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่น เปรยมองผมเล็กน้อยก่อนจะลดสายตาไปที่จอคอมดังเดิม
“เต็มแล้วล่ะคะน้อง”
“ฮะ... อะไรนะครับ ไม่นะ”
“ขอโทษนะจ๊ะ.. พอดีชมรมพี่มันรับคนน้อย”เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองผม แต่สายตายังมัวจดจ่อกับจอมคอมอยู่อย่างนั้น
“ไม่นะครับ จริงๆผมต้องถูกจองตัวไว้ด้วยซ้ำ”ผมเถียง
“ฮะฮะ อะไรนะคะ จองตัว??”เธอเปรยตามองด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ถูกต้องครับ ผมถูกพี่จองตัวไว้ตั้งแต่ ม.1 แล้วจำไม่ได้หรอ”
“อ่อ... งั้น... เมื่อตอนน้องอยู่ ม.1 ประธานชมรมคงไม่ใช่พี่อ่ะคะ”เธอพับโน้ตบุค และลุกขึ้น
“พี่ไปก่อนนะคะ”
ก็จริงอย่างที่เธอพูดผมคิดผิดไปจริงๆ ตอนม.1 ผมดันไปช่วยพี่ข้างบ้านทำการบ้านพี่เค้าเลยสัญญาว่าจะพาเข้าชมรมคอม แต่พี่ เขาก็ออกไปซะก่อนที่ผมจะจบม. ต้นซะอีก และก็ลืมไปถนัดเลย...
และแล้วเธอก็จากไป ปล่อยให้เต้นว่างเปล่า พร้อมเด็กหนุ่มผู้ผิดหวังเห็นเขาจากไปอย่างช้าๆ
“โถ่...”ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็พลางก่นด่าพวกที่มันมาลงชื่อก่อนผมอย่างช่วยไมได้
“เอาก็เอาวะ ชมรมศิลปะ น่าจะว่างสำหรับเรา”ผมรีบจ้ำอ้าวไปเร็วๆพลันมองซ้ายมองขวาในฝูงชนที่ยังไม่ ลดละ ผมแทรกตัวผ่านคนนับร้อยไปอย่างรีบร้อน แต่เหมือนกับมีใครจับแขนลากไปข้างหลัง จนผมร้องเบาๆ
“เฮ้ นายหาชมรมได้ยัง”คนที่จับเขนผมอยู่ ก็คือเพื่อนเก่าตอนม.ต้นของผมเอง มันตัวสูงกว่านิดหน่อย แต่หน้าตาก็ยังสู้ผมไม่ได้ (เรื่องจริงนะเนี่ย)
“อ่อ.. ยังเลย ชมรมคอมเต็มแล้ว”
“ก็ดีเลย นี่นี่..ชมรมหาคู่ ของชั้นยังว่างนะเฟ้ย”มันพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ยังกับโฆษณาขนมกรุบกรอบ
“โอ๊ย ไม่เอาอ่ะ.. เรื่องแฟนชั้นหาเองก็ได้”
“อ่ะเถ่อ... หาอง หาเอง... แกยังไม่มีควงซักคนทำพูด...”
“ไม่ใช่ไม่หา แต่ไม่มีใครเหมาะกับชั้นมากกว่า”ผมเริ่มรำคาญที่มันกำแขนผม เลยสะบัดออกเบาๆ
“แกไม่เหมาะกับเค้า หรือเค้าไม่เหมาะกับแก”มันเรื่มย้อน
“แก กำลังทำชั้นหาชมรมอยู่ไม่ได้นะเฟ่ย”ผมเดินหนีมันไปอย่างเร็วเพราะกลัวว่า ตัวผมเองจะโดนลากเข้าไปหาคู่ให้คนอื่นแล้ว...
หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอชมรมศิลปะที่ผมหมายปองอยู่ ถ้าคิดในใจ.. เจ้าเพื่อนคนเมื่อกี้คงทำผมหาชมรมอยู่ไม่ได้ซะแล้ว ผมมุ่นคิ้วพลันหันซ้ายหันขวาหาชมรมอะไรก็ได้แล้วตอนนี้
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้วหมดเวลาเลือกชมรมเรียบร้อย ผมถอนหายใจพลันนั่งลงกับเก้าอี้แถวๆนั้น และคิดในใจอย่างเบื่อหน่ายว่า
“หาชมรมอยู่ไมได้ซวยชะมัด”
ฝูงชนเริ่มลดน้อยลง เห็นได้ชัดว่ามีเพียงคนสองสามคนที่หาชมรมอยู่ไม่ได้เดินขวักไขว่เท่า นั้น ซุ้มทุกซุ้มถูกเก็บเสียเรียบร้อยไปหมด เว้นแต่ซุ้มซุ้มนึง คนสองสามคนมุงดูกันที่นั่นอย่างสนใจ ป้ายซุ้มเขียนว่า “ชมรมวิจัยผี”และมีสาวน้อยประธานชมรมกำลัง หงุดหงิดหัวเสียอยู่
ผมตัดสินใจถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกั้นใจเดินไปที่ซุ้ม วิจัยผี นั่นอย่างจำใจ ทันทีที่เก้าเข้าบริเวณซุ้มขนก็ลุกเกรียวด้วยความคลื่น ใส้ ขึ้นชื่อว่าผี ผมละเกลียดเข้าใส้ งมงายนักเรื่องบ้าอะไร เออ เอาก็เอาวะ.. อยู่ก็อยู่ดีว่าตกกิจกรรมชุมนุมเป็นหายขุม
“เฮ้ นายน่ะ ไม่มีชมรมอยุ่ใช่ไหม มานี่ๆ”เธอตะโกนใส่ผม รอบข้างเธอมีคนอยู่สามคนที่ยืนอยู่ข้างๆบอกให้รู้เลยว่า พวกเขาคงมาเข้าชมรมแปลกๆแบบนี้เป็นแน่
“อืม...ลงชื่อตรงไหนนะ”ผมเดินไปใกล้ทำให้มองหน้าเธอชัดขึ้น เธอดูน่ารักไม่น้อยตากลมโต คิ้วโก่ง ผมถูกมัดเป็นหางม้าไปทางข้างหลัง ใส่ชุดมัธยมปลายดูน่ารักไม่น้อย ทำเอาผมยิ้มน้อยๆ
“นี่เลย...”เธอยื่นใบกระดาษลงชื่อมาเห็นได้ชัดว่า ไม่มีใครมาเข้าชมรมเธอเท่าไร มีเพียงคนสี่คนที่มีชื่ออยู่บนกระดาษ ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่จะถามเธอว่า
“แค่นี้หรอ... สมาชิกไม่ครบแปดคนตั้งไม่ได้นะชมรมน่ะ”
“ฮึ จะอะไรก็ช่างล่ะยะ รีบๆลงชื่อไปซะ ยังมีใครไม่ได้ลงชื่ออีกเยอะ”
“อืม.. เข้าใจแล้ว..”ผมเออ ออ ไปเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำ เธอยังมองผมไม่หยุดเหมือนจะจ้องให้ไปลุกยังไงยังงั้น ผมมองตอบอย่าง เกรงๆ เธอหรี่ตาลงเหมือนจะเพ่งอะไรซักอย่าง ผมมองต่อไป เธอยังจ้องต่อไปเลิกแถมยังยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผมถอยหลังหนีอย่างกลัวๆ เธอ ยิ้มน้อยๆ และลดหน้ากลับไป ผมโล่งใจขึ้นมาทันที เมื่อตะกี้หน้าเธอแนบซะจนจะใกล้จมูกผมอยู่แล้ว เธอ หัวเราะเบาๆเมื่อมองมาทางผม และพูดว่า
“หึหึหึ แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์”
เท่านั้นเองหน้าผมก็เป็นเครื่องหมายคำถามทันที เธอหมายถึงอะไร แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ นั่นมันนิทานก่อนนอนไม่ใช่รึ ผมสลัดคำถามเหล่านั้นทิ้งไป เพื่อมาสนใจกับสมาชิกชมรมเหล่านั้น
นอกจากสาวน้อยประธานชมรมนั่นแล้ว ก็มีคนอีกสามคนยืนข้างๆพวกเขานิ่งเงียบมาตลอดจนทำให้ผมเกือบลืมไปซะแล้ว คนนึงเป็นผู้ชายตัวสูงเท่าๆผม ผมชี้ตรง หน้าขาว หน้าตาหล่อไม่เบาเชียว ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆผมประบ่าที่สะท้อนแสงยามบ่ายแล้วดูราวกับเป็น สีทองเลยทีเดียว รอยยิ้มน้อยๆดูมุมปาก ตาโตและใสมากเลยทีเดียว และคนสุดท้าย เด็กสาวอีกคนนึง ผมยาวถึงกลางหลังหยิกเล็กน้อย คิ้วโก่งดูน่ารัก เธอเหน็บกิ๊บสีชมพูและใบหน้าสดใสน่ารักไม่น้อย ผมสีเหลืองสะดุดตาดูราวกับเป็นคนต่างชาติ ถ้าให้คิดเธอไม่ไปทำสีผมมา ก็คงเป็นลูกครึ่งเป็นแน่
“เฮ้ มัวรออะไรกันอยู่ เร็วเข้าห้องเข้าห้อง”เธอถือข้าวของไประหว่างที่ผมกำลังเพ่งมองเหล่าสมาชิก แต่ละคนอยู่ ผมยิ้มให้เขาเหล่านั้นน้อยๆและ ตามคุณสาวน้อยประธานชมรมไป
เธอเดินนำลิ่วไม่บอกไม่กล่าว ผมก็เดินตามไปอย่างไม่สนใจ ระหว่างทางแทบไม่มีใครเอ่ยปากคุยกันเลย ทำให้ผมอึดอัดมากเลยทีเดียว ผมหันซ้ายหันขวาหาคนที่พอจะคุยด้วยได้ก็เหลือบไปเห็น สาวน้อยตัวเล็กๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ว่าไงครับ.. ชื่ออะไรหรอ”ผมทักด้วยถ้อยคำสุภาพที่สุดไปก่อน ฮ่าฮ่า ก็นะคุยกับสุภาพสตรีนี่นา..
“ชื่อ ฝน ค่ะ...”เธอหันมายิ้มให้
“หวา... ปีสามแล้วหรอครับ.. ง...งั้น พี่ฝน ใช่ไหมครับ”
“แหะๆ จ้ะๆ ชื่อไรหรอนายอ่ะ”เขาถามกลับมา ว้าวคุณเธอช่างน่ารักจริงๆ
“ผ..ผมชื่อ...”
“เฮ้ ถึงแล้ว เข้าไปสิ”เสียงของยัยประธานชมรม โพล่งแทรกบทสนทนาของผมกับพี่ฝนเค้า ผมมองไปทางเธออย่างหัวเสีย (ขัดจังหวะมาได้เชอะ) พอหันมาข้างตัวอีกที พี่ฝนก็เข้าไปในห้องแล้ว
พอมองไปที่ประตูก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย พวกเราถูกพามาที่ตึก 7 ที่เพิ่งสร้างใหม่ห้องที่เราอยู่อยู่บนชั้น 4 ในห้องมีกลิ่นสี อบอวนเล็กน้อยบ่งบอกถึงความใหม่ กระดานดำยังไม่ถูกเปิดใช้ มันถูกห่อด้วยพลาสติกใส กระทั่งโต๊ะและเก้าอี้ก็เช่นกัน มันถูกห่อไว้อย่างดี จอโปรเทคเตอร์ถูกตัดตั้งไว้แล้ว โต๊ะในห้องมีโต๊ะกลมๆหนึ่งตัว และเก้าอี้ 7 ตัวล้อมอยู่ ประธานชมรมเลือกเก้าอี้ที่ทำเลดีที่สุดคือ ตรงหน้ากระดาน ผมยังรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยที่คุณเธอเอาห้องใหม่ๆแบบนี้มาทำห้องชมรมได้ยัง ไง สุดยอดจริงๆ
“นั่งลงซะ ทุกคน เอาล่ะเรามีเวลาไม่มาก... ชั้นขออธิบายกฎคร่าวๆเลยละกัน”
ไม่รู้คุณเธอจะรีบร้อนไปไหน ก้นผมยังไม่ถึงเก้าอี้เลยแท้ๆ เธอก็เล่นตั้งกฎมาซะแล้ว
“ข้อแรก ทุกคนจะต้องให้เบอร์โทรศัพท์ชั้นมา เขียนลงในแผ่นนี้”เธอหยิบกระดาษมาให้ผมเป็นคนเริ่มเขียน
“เอ๋...”ผมร้องอย่างสงสัย แต่ก็เขียนๆไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ข้อสอง ถ้าชั้นมีธุระอะไรจะเรียกจะ ส่งข้อความไปแจ้งให้ทุกคนทราบ และต้องปฎิบัตตามอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“ข้อสาม พวกเธอจะได้รับเข็มกลัดของชมรมและจะต้องติดมันทุกๆครั้งที่มาโรงเรียน เข็มกลัดนี้มีสิทธิพิเศษบางอย่าง”
“และข้อสุดท้าย พวกเราจะมีโค้ดเนม ของแต่ละคน.. เราจะไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเราเด็ดขาด เราจะเรียกและติดต่อกันด้วยโค้ดเนม”
ทั้งห้องยังคงฟังเธออย่างไม่สงสัย ทำเอาผมแอบคิดเลยว่า สมาชิกเราใบ้รับประทานกันไปตามๆกันแล้ว
“นายคนนั้นน่ะ.. เธอชี้ไปที่ผู้ชายที่นั่งข้างๆผม เขาลุกขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย ใบหน้าอันคมคายของหมอนี่น่าหมั่นไส้ชะมัด มันทำให้ตาผมกระตุกเมื่อมองหน้า (แสดงว่าไม่ค่อยถูกชะตา)
“อะไรหรอ...”มันพูด
“โค้ดเนม ของนายคือ จอห์น เจ้าชาย จอห์น”
“ด...เดี๋ยว.. จอห์นไหน ...??”ว่าที่เจ้าชายร้องอย่างไม่พอใจ
“จะ จอห์น อะไรอีกล่ะยะ เจ้าชายจอห์นจากเรื่องเจ้าหญิงนิทราน่ะ”
กึก กึก ผมกลั้นหัวเราะสุดชีวิต ทำเอาคุณประธานชมรมหรี่ตามามอง อย่างหัวเสีย ผมหลบสายตาอย่างช่วยไม่ได้ น่าสงสาร เจ้า จอห์น มันจริงๆฮ่าฮ่าฮ่า
“แล้วเธอ.. เธอน่ะ”ยัยประธานชมรมสุดจี้ชี้ไปที่ สาวน้อยผมสีเหลือง ราวกับจะเรียกหมูไปเชือดยังไงยังงั้น
“เธอคือ เบลล์ จากโฉมงามกับเจ้าชายอสูร”
“ฮ...เฮ้ยเดี๋ยวสิ”เจ้าหญิงเบลล์ค้านตัวโก่ง
“บ้ารึยะ ก็แค่ชื่อ จะเอาอะไรมากมาย”
“ไม่ใช่ยังง้านนน นี่เธอจะตั้งชมรมละครสัตว์รึไงยะ”ฟอร์มเรียบร้อยของคุณ เธอสะบั้นจากลง เธอหัวเสียขึ้นทันตา คงเป็นเพราะนามพระราชทานจากนางฟ้าคนนั้นล่ะมั้ง
“อะไรก๊านน คนไร้อิมเมจิ้น อย่างหล่อนบังอาจมาวิจารณ์งานศิลป์ของชั้น หุบปากไปเลยป่ะ”
ทั้งห้องพลันเงียบกริบ ไม่ใช่เพราะตั้งใจฟัง แต่คนทั้งห้องนิ่งเงียบ และหน้าซีดเผือดไปตามๆกัน เจ้าจอห์นนั่นดูเหมือนจะได้เจ้าหญิงเบลล์มาเป็น เพื่อนแล้วล่ะนะ...
ต่อไปใครจะได้นามพระราชทานจากพระผู้เป็นเจ้ากันหนอ???
“แล้วก็เธอ... เป็นซินเดอเรล่า”เธอชี้ไปที่ พี่ฝน ผู้น่ารัก แหม...พี่เค้าช่างเหมาะสมกับตำแหน่งสาวน้อยรองเท้าแก้วเสียจริงๆ ในใจผมก็ภาวนาให้ผมเป็นเจ้าชายผู้ตามหารองเท้าล่ะนะ แต่คงไม่ใช่ว่ายัยประธานชมรมผู้เผด็จการนั่นจะตั้งให้ผมรับตำแหน่งคนแคระไป ซะอย่างงั้น
“..... เอ่อ... คลาสสิคดีจัง”ซินเดอเรล่า พูดเบาๆ และอมยิ้มนิดหน่อย ผมมองไปทางเค้าและแสยะยินดีให้เขานิดหน่อย
“และก็นาย.. แจ็ค ผู้ ฆ่ายักษ์”
“เฮ้ย... น... น...นี่หล่อน ทำไมคนอื่นเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง กันหมดและไหงชั้นเป็นเด็กปลูกถั่วงอกฟะ”ผมวีนสุดชีวิต เรื่องไรจะมาเป็นเด็กปลูกถั่วละไม่มีทางหรอก
“อะไรของนาย ชั้นว่าออกจะน่ารัก...”
“น่ารักบ้านหล่อยเซะ...”
“ก็บ้านชั้นเรียกหน้ารักแบบนี้นี่แหละ”
ผมนั่งลงอย่างหงุดหงิด.. และไม่ค่อยสบอารมณ์กับตำแหน่งแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ซักเท่าไร
“และสุดท้ายชั้น คือ สโนไวท์เจ้าหญิงผู้งดงามที่สุดในโลกเทพนิยาย”
ถ้าผมเพิ่งกินข้าวมาใหม่ๆผมคงจะปล่อยแหวะไปตรงนี้แล้ว คุณเธอช่างคิดเข้ามาได้ ชมรมวิจัย ผีแต่ดันไปเกี่ยวข้องกับตัวละครในเทพนิยายซะอย่างงั้น... และแล้ว... เรื่องราวอันยุ่งเหยิงที่เข้ามาในชีวิตผมก็เริ่มขึ้น...
DATE : 29 /01 /10
ถ้ามีคนกล่าวว่า....
“อะไรที่วิทยาศาสตร์ พิสูจน์ไม่ได้ คืออะไร?”
ผมก็คงตอบได้อย่างไม่แคร์เลยว่า
“ไม่มีหรอก”
ทำไมน่ะรึ ก็เพราะโลกนี้น่ะดำเนินไปด้วยหลักความเป็นจริง อะไรที่วิทยา ศาสตร์พิสูจน์ไมได้ย่อมไม่มี มีแต่ว่ายังรอการพิสูจน์อยู่ก็เท่านั้น ส่วน พวกที่หลงเชื่องมงายต่างๆนานานั่นน่ะรึ บอกได้คำเดียวว่า “ไร้สาระ”ตัวผมเองก็ไม่ได้ถึงขนาดคลั่งวิทยาศาสตร์อันน่าปวดเศียรเวียนเกล้า มากนักหรอก ถ้าใครคิดว่าถ้าทีหยิ่งยโสที่ดูหัวทื่อยึดติดแต่ความเป็นจริง มันน่าเขกกะโหลกก็เชิญเลย ตัวผมเนี่ยแหละจะล้างสมองจากหมอผีสุดงมงาย มาเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจริงให้เอง
ตอนนี้ตัวผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว ผมเพิ่งขึ้น ม.4 ในโรงเรียนที่เคยเรียนตอน ม.ต้นเพราะผมไม่อยากเดินทางไปที่ที่ไกลๆอย่างกรุงเทพ เลยขอปักหลักที่ บ้านเกิดผมดีกว่า ทุกอย่างแตกต่างจากการเรียนม.ต้นนิดหน่อยก็ตรง กางเกงกับรองเท้าเปลี่ยนเป็นสีดำเนี่ยแหละ เรื่องการเรียนก็ไม่อะไร มาก เฮฮากับเพื่อนไปวันวัน สองสามวันนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนกระทั่ง...
ในที่สุดเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้น (ปนตกใจ)ก็แว่บเข้ามาในชีวิตอันแสนสงบสุข เมื่อวันเลือกชมรมก็มาถึง..
“ทางนี้จ้าทางนี้... ชมรมดนตรีลงชื่อตรงนี้เลย”เสียงใสๆของหญิงสาวผู้ประกาศแว่วมาท่ามกลางเสียงจ๊อกแจ๊กของผู้คน
“ตรงนี้ชมรมภาษาครับ รับอีกแค่สองคน”ชมรมข้างๆไม่น้อยหน้ารีบตะโกนใส่อย่างแรง
“เฮ้ พวกนายน่ะ .. ตรงนี้เลยตรงนี้.. ชมรมวิจัยผี”
ท่ามกลางเสียงประกาศดึงตัวสมาชิกมายังกับตลาดสด เสียงแทรกมากมายจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ก็มีเสียงประกาศแหกโสทประสาทเข้ามา เสียงแหลมๆนั้นสะดุดหู จนทำให้ทุกเสียงเงียบลง ผมหันไปมองตามเสียงและชื่อชมรมแปลกๆของเธอผู้นั้น
(ชมรมวิจัยผี)
ผมนึกในใจ และก็อยากให้เดินไปสั่งสอนเจ้าของชมรมให้มันรู้ว่า “ผีไม่มีในโลก” แต่ติดอยู่ตรงที่ว่า ชมรมคอมพิวเตอร์ ของผมจะเต็มไปซะก่อน ผมเก็บความรู้สึกนั่นไว้พร้อมเดินหาชมรมคอมพิวเตอร์ต่อไป และคิดในใจว่า..
“รอชั้นก่อนนะ.. ชมรมวิจัยผีเอ๊ย”
ราวกับ มีแสงอะไรบางอย่างสาดส่องมาทางซ้ายมือของผม ป้ายกระดาษเท่าเอสี่ ถูกติดไว้บนซุ้มพิมพ์ตัวใหญ่ว่า
“ชมรมคอมพิวเตอร์”
ซุ้มที่มีโน้ตบุคอยู่หนึ่งตัว พร้อมรุ่นพี่ปีสามผู้หญิงหน้าตาน่ารักนั่งอยู่อย่างเซ็งๆ พร้อม จ้องไปที่จอคอมอย่างหน่ายๆ บริเวณรอบซุ้มดูมีคนร่อยหรอ (จนแทบไม่มีคน) มันดูคนน้อยกว่าซุ้มอื่นๆมาก ผมใช้โอกาสนั้นรีบวิ่งไปลงชื่ออย่างเร็ว
“ผ..ผมมาลงชื่อครับ”ผมพูดเบาๆพร้อมสะกิด.. พี่ผู้หญิงข้างหน้าเบาๆ เธอเป็นประธานชมรมคอมที่ผมเคยแอบชอบมาตั้งแต่ ม.ต้น ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่น เปรยมองผมเล็กน้อยก่อนจะลดสายตาไปที่จอคอมดังเดิม
“เต็มแล้วล่ะคะน้อง”
“ฮะ... อะไรนะครับ ไม่นะ”
“ขอโทษนะจ๊ะ.. พอดีชมรมพี่มันรับคนน้อย”เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองผม แต่สายตายังมัวจดจ่อกับจอมคอมอยู่อย่างนั้น
“ไม่นะครับ จริงๆผมต้องถูกจองตัวไว้ด้วยซ้ำ”ผมเถียง
“ฮะฮะ อะไรนะคะ จองตัว??”เธอเปรยตามองด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ถูกต้องครับ ผมถูกพี่จองตัวไว้ตั้งแต่ ม.1 แล้วจำไม่ได้หรอ”
“อ่อ... งั้น... เมื่อตอนน้องอยู่ ม.1 ประธานชมรมคงไม่ใช่พี่อ่ะคะ”เธอพับโน้ตบุค และลุกขึ้น
“พี่ไปก่อนนะคะ”
ก็จริงอย่างที่เธอพูดผมคิดผิดไปจริงๆ ตอนม.1 ผมดันไปช่วยพี่ข้างบ้านทำการบ้านพี่เค้าเลยสัญญาว่าจะพาเข้าชมรมคอม แต่พี่ เขาก็ออกไปซะก่อนที่ผมจะจบม. ต้นซะอีก และก็ลืมไปถนัดเลย...
และแล้วเธอก็จากไป ปล่อยให้เต้นว่างเปล่า พร้อมเด็กหนุ่มผู้ผิดหวังเห็นเขาจากไปอย่างช้าๆ
“โถ่...”ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็พลางก่นด่าพวกที่มันมาลงชื่อก่อนผมอย่างช่วยไมได้
“เอาก็เอาวะ ชมรมศิลปะ น่าจะว่างสำหรับเรา”ผมรีบจ้ำอ้าวไปเร็วๆพลันมองซ้ายมองขวาในฝูงชนที่ยังไม่ ลดละ ผมแทรกตัวผ่านคนนับร้อยไปอย่างรีบร้อน แต่เหมือนกับมีใครจับแขนลากไปข้างหลัง จนผมร้องเบาๆ
“เฮ้ นายหาชมรมได้ยัง”คนที่จับเขนผมอยู่ ก็คือเพื่อนเก่าตอนม.ต้นของผมเอง มันตัวสูงกว่านิดหน่อย แต่หน้าตาก็ยังสู้ผมไม่ได้ (เรื่องจริงนะเนี่ย)
“อ่อ.. ยังเลย ชมรมคอมเต็มแล้ว”
“ก็ดีเลย นี่นี่..ชมรมหาคู่ ของชั้นยังว่างนะเฟ้ย”มันพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ยังกับโฆษณาขนมกรุบกรอบ
“โอ๊ย ไม่เอาอ่ะ.. เรื่องแฟนชั้นหาเองก็ได้”
“อ่ะเถ่อ... หาอง หาเอง... แกยังไม่มีควงซักคนทำพูด...”
“ไม่ใช่ไม่หา แต่ไม่มีใครเหมาะกับชั้นมากกว่า”ผมเริ่มรำคาญที่มันกำแขนผม เลยสะบัดออกเบาๆ
“แกไม่เหมาะกับเค้า หรือเค้าไม่เหมาะกับแก”มันเรื่มย้อน
“แก กำลังทำชั้นหาชมรมอยู่ไม่ได้นะเฟ่ย”ผมเดินหนีมันไปอย่างเร็วเพราะกลัวว่า ตัวผมเองจะโดนลากเข้าไปหาคู่ให้คนอื่นแล้ว...
หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอชมรมศิลปะที่ผมหมายปองอยู่ ถ้าคิดในใจ.. เจ้าเพื่อนคนเมื่อกี้คงทำผมหาชมรมอยู่ไม่ได้ซะแล้ว ผมมุ่นคิ้วพลันหันซ้ายหันขวาหาชมรมอะไรก็ได้แล้วตอนนี้
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้วหมดเวลาเลือกชมรมเรียบร้อย ผมถอนหายใจพลันนั่งลงกับเก้าอี้แถวๆนั้น และคิดในใจอย่างเบื่อหน่ายว่า
“หาชมรมอยู่ไมได้ซวยชะมัด”
ฝูงชนเริ่มลดน้อยลง เห็นได้ชัดว่ามีเพียงคนสองสามคนที่หาชมรมอยู่ไม่ได้เดินขวักไขว่เท่า นั้น ซุ้มทุกซุ้มถูกเก็บเสียเรียบร้อยไปหมด เว้นแต่ซุ้มซุ้มนึง คนสองสามคนมุงดูกันที่นั่นอย่างสนใจ ป้ายซุ้มเขียนว่า “ชมรมวิจัยผี”และมีสาวน้อยประธานชมรมกำลัง หงุดหงิดหัวเสียอยู่
ผมตัดสินใจถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกั้นใจเดินไปที่ซุ้ม วิจัยผี นั่นอย่างจำใจ ทันทีที่เก้าเข้าบริเวณซุ้มขนก็ลุกเกรียวด้วยความคลื่น ใส้ ขึ้นชื่อว่าผี ผมละเกลียดเข้าใส้ งมงายนักเรื่องบ้าอะไร เออ เอาก็เอาวะ.. อยู่ก็อยู่ดีว่าตกกิจกรรมชุมนุมเป็นหายขุม
“เฮ้ นายน่ะ ไม่มีชมรมอยุ่ใช่ไหม มานี่ๆ”เธอตะโกนใส่ผม รอบข้างเธอมีคนอยู่สามคนที่ยืนอยู่ข้างๆบอกให้รู้เลยว่า พวกเขาคงมาเข้าชมรมแปลกๆแบบนี้เป็นแน่
“อืม...ลงชื่อตรงไหนนะ”ผมเดินไปใกล้ทำให้มองหน้าเธอชัดขึ้น เธอดูน่ารักไม่น้อยตากลมโต คิ้วโก่ง ผมถูกมัดเป็นหางม้าไปทางข้างหลัง ใส่ชุดมัธยมปลายดูน่ารักไม่น้อย ทำเอาผมยิ้มน้อยๆ
“นี่เลย...”เธอยื่นใบกระดาษลงชื่อมาเห็นได้ชัดว่า ไม่มีใครมาเข้าชมรมเธอเท่าไร มีเพียงคนสี่คนที่มีชื่ออยู่บนกระดาษ ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่จะถามเธอว่า
“แค่นี้หรอ... สมาชิกไม่ครบแปดคนตั้งไม่ได้นะชมรมน่ะ”
“ฮึ จะอะไรก็ช่างล่ะยะ รีบๆลงชื่อไปซะ ยังมีใครไม่ได้ลงชื่ออีกเยอะ”
“อืม.. เข้าใจแล้ว..”ผมเออ ออ ไปเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำ เธอยังมองผมไม่หยุดเหมือนจะจ้องให้ไปลุกยังไงยังงั้น ผมมองตอบอย่าง เกรงๆ เธอหรี่ตาลงเหมือนจะเพ่งอะไรซักอย่าง ผมมองต่อไป เธอยังจ้องต่อไปเลิกแถมยังยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผมถอยหลังหนีอย่างกลัวๆ เธอ ยิ้มน้อยๆ และลดหน้ากลับไป ผมโล่งใจขึ้นมาทันที เมื่อตะกี้หน้าเธอแนบซะจนจะใกล้จมูกผมอยู่แล้ว เธอ หัวเราะเบาๆเมื่อมองมาทางผม และพูดว่า
“หึหึหึ แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์”
เท่านั้นเองหน้าผมก็เป็นเครื่องหมายคำถามทันที เธอหมายถึงอะไร แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ นั่นมันนิทานก่อนนอนไม่ใช่รึ ผมสลัดคำถามเหล่านั้นทิ้งไป เพื่อมาสนใจกับสมาชิกชมรมเหล่านั้น
นอกจากสาวน้อยประธานชมรมนั่นแล้ว ก็มีคนอีกสามคนยืนข้างๆพวกเขานิ่งเงียบมาตลอดจนทำให้ผมเกือบลืมไปซะแล้ว คนนึงเป็นผู้ชายตัวสูงเท่าๆผม ผมชี้ตรง หน้าขาว หน้าตาหล่อไม่เบาเชียว ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆผมประบ่าที่สะท้อนแสงยามบ่ายแล้วดูราวกับเป็น สีทองเลยทีเดียว รอยยิ้มน้อยๆดูมุมปาก ตาโตและใสมากเลยทีเดียว และคนสุดท้าย เด็กสาวอีกคนนึง ผมยาวถึงกลางหลังหยิกเล็กน้อย คิ้วโก่งดูน่ารัก เธอเหน็บกิ๊บสีชมพูและใบหน้าสดใสน่ารักไม่น้อย ผมสีเหลืองสะดุดตาดูราวกับเป็นคนต่างชาติ ถ้าให้คิดเธอไม่ไปทำสีผมมา ก็คงเป็นลูกครึ่งเป็นแน่
“เฮ้ มัวรออะไรกันอยู่ เร็วเข้าห้องเข้าห้อง”เธอถือข้าวของไประหว่างที่ผมกำลังเพ่งมองเหล่าสมาชิก แต่ละคนอยู่ ผมยิ้มให้เขาเหล่านั้นน้อยๆและ ตามคุณสาวน้อยประธานชมรมไป
เธอเดินนำลิ่วไม่บอกไม่กล่าว ผมก็เดินตามไปอย่างไม่สนใจ ระหว่างทางแทบไม่มีใครเอ่ยปากคุยกันเลย ทำให้ผมอึดอัดมากเลยทีเดียว ผมหันซ้ายหันขวาหาคนที่พอจะคุยด้วยได้ก็เหลือบไปเห็น สาวน้อยตัวเล็กๆที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ว่าไงครับ.. ชื่ออะไรหรอ”ผมทักด้วยถ้อยคำสุภาพที่สุดไปก่อน ฮ่าฮ่า ก็นะคุยกับสุภาพสตรีนี่นา..
“ชื่อ ฝน ค่ะ...”เธอหันมายิ้มให้
“หวา... ปีสามแล้วหรอครับ.. ง...งั้น พี่ฝน ใช่ไหมครับ”
“แหะๆ จ้ะๆ ชื่อไรหรอนายอ่ะ”เขาถามกลับมา ว้าวคุณเธอช่างน่ารักจริงๆ
“ผ..ผมชื่อ...”
“เฮ้ ถึงแล้ว เข้าไปสิ”เสียงของยัยประธานชมรม โพล่งแทรกบทสนทนาของผมกับพี่ฝนเค้า ผมมองไปทางเธออย่างหัวเสีย (ขัดจังหวะมาได้เชอะ) พอหันมาข้างตัวอีกที พี่ฝนก็เข้าไปในห้องแล้ว
พอมองไปที่ประตูก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย พวกเราถูกพามาที่ตึก 7 ที่เพิ่งสร้างใหม่ห้องที่เราอยู่อยู่บนชั้น 4 ในห้องมีกลิ่นสี อบอวนเล็กน้อยบ่งบอกถึงความใหม่ กระดานดำยังไม่ถูกเปิดใช้ มันถูกห่อด้วยพลาสติกใส กระทั่งโต๊ะและเก้าอี้ก็เช่นกัน มันถูกห่อไว้อย่างดี จอโปรเทคเตอร์ถูกตัดตั้งไว้แล้ว โต๊ะในห้องมีโต๊ะกลมๆหนึ่งตัว และเก้าอี้ 7 ตัวล้อมอยู่ ประธานชมรมเลือกเก้าอี้ที่ทำเลดีที่สุดคือ ตรงหน้ากระดาน ผมยังรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยที่คุณเธอเอาห้องใหม่ๆแบบนี้มาทำห้องชมรมได้ยัง ไง สุดยอดจริงๆ
“นั่งลงซะ ทุกคน เอาล่ะเรามีเวลาไม่มาก... ชั้นขออธิบายกฎคร่าวๆเลยละกัน”
ไม่รู้คุณเธอจะรีบร้อนไปไหน ก้นผมยังไม่ถึงเก้าอี้เลยแท้ๆ เธอก็เล่นตั้งกฎมาซะแล้ว
“ข้อแรก ทุกคนจะต้องให้เบอร์โทรศัพท์ชั้นมา เขียนลงในแผ่นนี้”เธอหยิบกระดาษมาให้ผมเป็นคนเริ่มเขียน
“เอ๋...”ผมร้องอย่างสงสัย แต่ก็เขียนๆไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ข้อสอง ถ้าชั้นมีธุระอะไรจะเรียกจะ ส่งข้อความไปแจ้งให้ทุกคนทราบ และต้องปฎิบัตตามอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“ข้อสาม พวกเธอจะได้รับเข็มกลัดของชมรมและจะต้องติดมันทุกๆครั้งที่มาโรงเรียน เข็มกลัดนี้มีสิทธิพิเศษบางอย่าง”
“และข้อสุดท้าย พวกเราจะมีโค้ดเนม ของแต่ละคน.. เราจะไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเราเด็ดขาด เราจะเรียกและติดต่อกันด้วยโค้ดเนม”
ทั้งห้องยังคงฟังเธออย่างไม่สงสัย ทำเอาผมแอบคิดเลยว่า สมาชิกเราใบ้รับประทานกันไปตามๆกันแล้ว
“นายคนนั้นน่ะ.. เธอชี้ไปที่ผู้ชายที่นั่งข้างๆผม เขาลุกขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย ใบหน้าอันคมคายของหมอนี่น่าหมั่นไส้ชะมัด มันทำให้ตาผมกระตุกเมื่อมองหน้า (แสดงว่าไม่ค่อยถูกชะตา)
“อะไรหรอ...”มันพูด
“โค้ดเนม ของนายคือ จอห์น เจ้าชาย จอห์น”
“ด...เดี๋ยว.. จอห์นไหน ...??”ว่าที่เจ้าชายร้องอย่างไม่พอใจ
“จะ จอห์น อะไรอีกล่ะยะ เจ้าชายจอห์นจากเรื่องเจ้าหญิงนิทราน่ะ”
กึก กึก ผมกลั้นหัวเราะสุดชีวิต ทำเอาคุณประธานชมรมหรี่ตามามอง อย่างหัวเสีย ผมหลบสายตาอย่างช่วยไม่ได้ น่าสงสาร เจ้า จอห์น มันจริงๆฮ่าฮ่าฮ่า
“แล้วเธอ.. เธอน่ะ”ยัยประธานชมรมสุดจี้ชี้ไปที่ สาวน้อยผมสีเหลือง ราวกับจะเรียกหมูไปเชือดยังไงยังงั้น
“เธอคือ เบลล์ จากโฉมงามกับเจ้าชายอสูร”
“ฮ...เฮ้ยเดี๋ยวสิ”เจ้าหญิงเบลล์ค้านตัวโก่ง
“บ้ารึยะ ก็แค่ชื่อ จะเอาอะไรมากมาย”
“ไม่ใช่ยังง้านนน นี่เธอจะตั้งชมรมละครสัตว์รึไงยะ”ฟอร์มเรียบร้อยของคุณ เธอสะบั้นจากลง เธอหัวเสียขึ้นทันตา คงเป็นเพราะนามพระราชทานจากนางฟ้าคนนั้นล่ะมั้ง
“อะไรก๊านน คนไร้อิมเมจิ้น อย่างหล่อนบังอาจมาวิจารณ์งานศิลป์ของชั้น หุบปากไปเลยป่ะ”
ทั้งห้องพลันเงียบกริบ ไม่ใช่เพราะตั้งใจฟัง แต่คนทั้งห้องนิ่งเงียบ และหน้าซีดเผือดไปตามๆกัน เจ้าจอห์นนั่นดูเหมือนจะได้เจ้าหญิงเบลล์มาเป็น เพื่อนแล้วล่ะนะ...
ต่อไปใครจะได้นามพระราชทานจากพระผู้เป็นเจ้ากันหนอ???
“แล้วก็เธอ... เป็นซินเดอเรล่า”เธอชี้ไปที่ พี่ฝน ผู้น่ารัก แหม...พี่เค้าช่างเหมาะสมกับตำแหน่งสาวน้อยรองเท้าแก้วเสียจริงๆ ในใจผมก็ภาวนาให้ผมเป็นเจ้าชายผู้ตามหารองเท้าล่ะนะ แต่คงไม่ใช่ว่ายัยประธานชมรมผู้เผด็จการนั่นจะตั้งให้ผมรับตำแหน่งคนแคระไป ซะอย่างงั้น
“..... เอ่อ... คลาสสิคดีจัง”ซินเดอเรล่า พูดเบาๆ และอมยิ้มนิดหน่อย ผมมองไปทางเค้าและแสยะยินดีให้เขานิดหน่อย
“และก็นาย.. แจ็ค ผู้ ฆ่ายักษ์”
“เฮ้ย... น... น...นี่หล่อน ทำไมคนอื่นเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง กันหมดและไหงชั้นเป็นเด็กปลูกถั่วงอกฟะ”ผมวีนสุดชีวิต เรื่องไรจะมาเป็นเด็กปลูกถั่วละไม่มีทางหรอก
“อะไรของนาย ชั้นว่าออกจะน่ารัก...”
“น่ารักบ้านหล่อยเซะ...”
“ก็บ้านชั้นเรียกหน้ารักแบบนี้นี่แหละ”
ผมนั่งลงอย่างหงุดหงิด.. และไม่ค่อยสบอารมณ์กับตำแหน่งแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ซักเท่าไร
“และสุดท้ายชั้น คือ สโนไวท์เจ้าหญิงผู้งดงามที่สุดในโลกเทพนิยาย”
ถ้าผมเพิ่งกินข้าวมาใหม่ๆผมคงจะปล่อยแหวะไปตรงนี้แล้ว คุณเธอช่างคิดเข้ามาได้ ชมรมวิจัย ผีแต่ดันไปเกี่ยวข้องกับตัวละครในเทพนิยายซะอย่างงั้น... และแล้ว... เรื่องราวอันยุ่งเหยิงที่เข้ามาในชีวิตผมก็เริ่มขึ้น...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น