คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : วาร์ป ทำได้ยังไง ?
อ้างอิงข้อมูล “การเดินทางผ่านหลุมดำและผ่านห้วงมิติ” จาก หนังสือ The Universe In Nut Shell (เอกภพในเปลือกลูกนัท) แต่งโดย สตีเว่น ฮอฟกิน
“ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ” จาก หนังสือ สมการแห่งความว่าง
เนื่องจากผม(Syfy / M) ไม่สามารถหาข้อมูลเรื่องนี้จาก Website ได้ ผมจึงมาเขียนด้วยตัวเอง หากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาด ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ความหมายของการวาร์ป
คือการย่นระยะทางและเวลาที่ต้องใช้ขณะเดินทางในอวกาศ
การวาร์ปนั้นที่จริง ตามหลักการของนวนิยายไซไฟโดยทั่วไปแล้วได้มีรูปแบบแบ่งเป็น 2 ประเภทที่พบเห็น
1. เดินทางผ่านหลุมดำ(ทฤษฎีรูหนอน)
ผมคงต้องขออธิบายในทางฟิสิกส์ก่อนว่า หลุมดำเป็นสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่า Singularity
(Singularity คือจุดที่ถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของหลุมดำ แต่เป็นจุดที่กฎการเคลื่อนที่ของฟิสิกส์นำไปใช้ไม่ได้ และเป็นจุดที่มีมวลสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อแต่ไม่มีปริมาณเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกดูดเข้าไปอยู่ในหลุมดำก็จะจมอยู่ที่จุดนี้)
ซึ่งสิ่งนี้มาจากมวลที่มีค่านานับไม่ได้ของมันกับปริมาตรที่มีขนาดใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด จากความสามารถนี้ทำให้หลุมดำจึงมีแรงดึงดูดมหาศาล ซึ่งแม้แต่แสงเองก็ถูกดึงดูดเข้าไปหรือทำให้โค้งเอียง ซึ่งรวมถึงเวลา
จากทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของ ไอน์ไสตน์ ได้กล่าวเวลานั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงผลปวงจากการเคลื่อนที่ของแสงเท่านั้น
สามารถพิสูจน์ได้ในทางทฤษฎีคือ เมื่อเรานำสมการทางดาราศาสตร์หลายสมการมารวมเข้าด้วยกัน จะเกิดสมการใหม่ที่ไม่มีตัวแปรของเวลารวมอยู่
สามารถพิสูจน์ในความเป็นจริงได้คือ หากมีชายผู้หนึ่งวัดความเร็วแสงขณะยืนอยู่กับที่ในภาวะสุญญากาศ มีค่าประมาณคือ 300,000 km/s และชายอีกผู้หนึ่งขับเครื่องบินเจ็ทความเร็วสูงแล้ววัดความเร็วแสงในขณะเครื่องบินกำลังเคลื่อนที่ในสุญญากาศ แทนที่ความเร็วแสงจะเป็น 300,000 km/s ลบด้วยความเร็วของเครื่องบิน แต่มันกลับเป็น 300,000 km/s เช่นเดิม
ทั้งหมดนี้คือข้อพิสูจน์ว่าเวลาเป็นผลปวงของแสง เมื่อมีวัตถุพยายามเคลื่อนที่เข้าใกล้ความเร็วแสง แสงก็จะดึงเวลารอบๆวัตถุนั้นให้ช้าลงเพื่อไม่ให้วัตถุนั้นตามแสงทัน
ดังนั้นเมื่อหลุมดำสามารถดึงดูดแสงให้หยุดนิ่งหรือชะลอลงได้ มันจึงได้รับความสามารถในการควบคุมเวลา
หลายๆคนคงทราบว่า ไม่ว่าวัตถุใดเข้าใกล้หลุมดำ ก็จะถูกมันดูดไปและถูกยืดเป็นเส้นสปาเก็ตตี้เพื่อให้สามารถยัดลงไปในปริมาณใกล้เคียงศูนย์ของมันได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะเราก็สามารถสร้างหลุมดำเองที่บ้านได้ง่ายๆครับโดยวิธีการดังต่อไปนี้
1. แตกโปรตอนของธาตุใดๆมา(โดยมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัว)
2. นำโปรตอนแบ่งเป็น 2 ขบวน แล้วจับให้ทั้ง 2 วิ่งทิศสวนทางกันด้วยความเร็วแสง
3. จับ 2 ขบวนนั้นให้พุ่งชนกัน คุณจะได้เห็นระเบิดโปรตอน
4. เมื่อระเบิด(แสงสว่างจ้าและเสียงดังกัมปนาศ)จบลง ยินดีด้วย! คุณได้หลุมดำขนาดเล็กแล้ว
เมื่อเราได้หลุมดำเป็นทางเข้า เราก็จำเป็นต้องมีทางเดินและทางออก
รูหนอน เปรียบเสมือนทางเดินนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เมื่อหลุมดำดูดวัตถุเข้าไป แล้วมันเอาออกตรงไหน? รูหนอนเปรียบเป็นทางผ่านของวัตถุที่หลุมดำดูดเข้าไป (แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากอยู่ในมิติอื่นที่ไม่ใช่มิติที่ 3)
หลุมขาว ภาษาง่ายๆอาจเรียกได้ว่าเรียกว่าทางออกหรือช่องทวารหนักของหลุมดำ ที่นักวิทยาศษสตร์เรียกว่าหลุมขาวนั้นก็เพราะเมื่อหลุมดำดูดแสงเข้าไป ก็ต้องมาปล่อยออกที่หลุมขาว ดังนั้นแสงพวกนั้นจึงเข้ามาสะท้อนตาของเราเห็นเป็นหลุมสีขาว(แต่ยังไม่เคยมีการพบหลุมขาว) (เชื่อว่าอาจอยู่ในมิติใด เวลาใดก็ได้ ไม่อยู่ถาวร)
ถ้าคุณมีเทคโนโลยีที่สามารถฉีกหลุมดำให้มีปริมาณมากขึ้นจากใกล้เคียงศูนย์ คุณก็แค่สร้างหลุมขาวไว้ในตำแหน่งที่คุณต้องการเดินทางไป จากนั้นคุณก็แค่ก้าวเข้าไปในหลุมดำน้อยของคุณ แล้วคุณก็จะมาถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
2. การเดินทางผ่านห่วงมิติ
ถึงแม้จะยังไม่สามารถหาวิธีสร้างได้ในทางปฏิบัติ แต่ในทางทฤษฎีแล้ว มนุษย์สามารถใช้ห้วงมิติ(ไม่ใช่เวลา)เป็นประโยชน์ได้
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินทางนี้ก็คือ คำว่ามิติ (1D 2D 3D 4D ...ฯลฯ)
มิติ ความหมายโดยทั่วไปหมายถึง สิ่งที่บอกคุณสมบัติของวัตถุ ได้แก่ ความกว้าง ความยาว และ ความสูง
1 มิติ , 2 มิติ , 3 มิติ , 4 มิติ , 5 มิติ ... ไปจนถึงมิติที่อนันต์
ผมขออนุญาตใช้การเปรียบเทียบในการอธิบายนะครับ
ผมขอเริ่มจากมิติที่เรามองเห็นกันในชีวิตประจำวัน
3 มิติ ที่เรามองเห็นขนาดความกว้าง ความยาว ความสูง ในปัจจุบัน
*ปล. ในความเป็นจริงสิ่งที่เรามองเห็นนั้นเป็นเพียง 3 มิติเสมือน คือกล่าวว่านัยน์ตาเรานั้นถ่ายภาพในทาง 2 มิติ ต่อๆกันหลายพันเฟรมต่อวินาที ภาพเหล่านั้นถูกถ่ายทอดไปยังสมองเป็นภาพเคลื่อนไหว ดังนั้นภาพจึงดูเสมือน 3 มิติ แต่ที่จริงเรามองได้เพียงมิติที่ 2 เท่านั้น!*
2 มิติ เมื่อคุณวาดรูป ถ่ายรูป ดูโทรทัศน์ ดูแผ่นโฆษณา ทุกสิ่งที่คุณไม่สามารถมองเห็นความนูนของมันได้ นั่นคือมิติที่ 2 หากคุณอยู่ในโลกของมิติที่ 2 คุณก็เสมือนอยู่ในเกมของลุงหนวด ช่างประปา มาริโอ้ ที่เดินไปมาได้แค่ซ้ายกับขวาเท่านั้น และไม่ต้องพูดถึงความแออัดของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเลย
1 มิติ ไม่ใช่แค่ไม่มีความกว้าง แต่ไม่มีอะไรเลย โลก 1 มิติ คุณและทุกๆสิ่งจะกลายเป็นจุดๆเดียว ซึ่งไม่ใช่เกม Pong ในยุคแรกเริ่ม แต่มันคือจุด!!! คุณลองนึกจุดที่ไม่สามารถวัดความกว้าง ยาว สูงได้สิว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร หากอยู่ในโลกนี้ ทั้งชีวิตทำได้เพียงอยู่กับที่ (กล่าวได้ว่าเป็นมิติของก้อนหิน สิ่งไม่มีชีวิต)
ขยายมุมมองของคุณให้กว้างขึ้น แล้วเข้าสู่
4 มิติ ลืมหนัง 3D ที่มีสาดน้ำและเก้าอี้สั่นไปจากหัวของคุณ 4มิติเป็นอะไรมากกว่านั้น คุณลองนึกดูสิว่าถ้านอกจากความสูงแล้วที่อีกหน่วยหนึ่งเพิ่มเข้ามาแล้วโลกโดยรอบจะเป็นอย่างไร ไม่ตอ้งคิดมากหรอกครับ นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า(แม้พวกเขายังไม่เคยไปก็ตาม) ทุกสิ่งรอบตัวคุณจะหดเล็กลงเป็นจุดๆๆๆๆและจุด ในมิตินี้ถ้ามีหอยทากกำลังเดินอยู่ตัวหนึ่ง มันคงมีความเร็วถึง 10000 ไมล์ต่อชั่วโมง
นักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าวว่ามิตินี้คือมิติที่เราจะสามารถพบเห็นดวงวิญญาณ สรวงสวรรค์และนรกได้ (คือกล่าวว่าแท้จริงสวรรค์ นรกไม่ได้หายไปไหน อยู่ที่เดียวเวลาเดียวกับเราแต่ห่างกันเพียงห้วงเวลา) และการปรากฏตัวของภูตผี นั้นต้องอธิบายต่อในเรื่องของการบิดเบือนของห้วงเวลา แต่เนื่องจากป้องกันความหน้าเบื่อของบทความนี้ ผมจะขอข้ามจุดนี้ไป(หากมีผู้สนใจ ต้องการหาคำอธิบาย โปรดติดต่อมาทาง MyID ของผม(กลุ่มผม))
5 มิติ 6 มิติ...และต่อไปเป็นสัจจนิรันดร์ อันนี้คงต้องใจจินตนาการของแต่ละบุคคลว่าถ้ามีอีกหน่วยวัดเพิ่มเข้ามาทุกๆ 1 มิติ จะเป็นอย่างไร
แต่เรื่องที่สำคัญก็คือ เมื่อเรายิ่งอยู่ในมิติที่สูงมากขึ้นเท่าใด เวลาก็จะช้าลงเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เวลาในการท่องอวกาศลดน้อยลง (คล้ายกับการขึ้นทางด่วน)
ความคิดเห็น