การเดินทางในวันที่ไร้เงา
ผู้เข้าชมรวม
70
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว..
แม่บอกให้ลองไปเรียนภาษาจีนตามคำแนะนำของเพื่อนแม่
เราก็เลยลองทำตามคำแนะนำดู ไหนๆก็ปิดเทอมอยู่
แต่ระหว่างที่กำลังลงทะเบียนเรียนอยู่นั้น จู่ๆสายตาก็เหลือบไปเห็น
‘ คลาสเรียนภาษาญี่ปุ่น ’
ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่ก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรมาสะกิดใจนิดๆ
หลังจากเรียนจีนจบคอร์สก็เลิกเลยเพราะรู้สึกไม่โอเคตรงที่มีคนเรียนรวมกันเยอะมาก
ส่วนตัวเป็นคนชอบเรียนไปไวๆเลยเลือกที่จะเรียนเดี่ยวมากกว่า ซักพักก็เลยได้ลองไปหาเรียนญี่ปุ่นจนได้ไปหยุดอยู่ที่หนึ่งเพราะมันใกล้บ้านและถูกใจตรงที่ครูเป็นคนญี่ปุ่นด้วยซึ่งก็คือเซนเซคนที่พูดถึงในหนังสือเล่มนี้
เราเรียนกับแกไปได้ซักพัก วีซ่าทำงานแกก็เริ่มหมด
แกเลยต้องกลับประเทศกว่าจะมาที่ไทยอีกทีก็ปีหน้า
เราในตอนนั้นคือแบบ..
‘ ฉันอยากจะใช้ชีวิตที่มีญี่ปุ่นล้อมรอบ! ’
ส่วนตัวเป็นคนที่บ้าเรียนภาษามากกก ถ้าเกิดเผลอไปหลงรักภาษาใดภาษานึงเข้านะ
บอกเลยว่าถึงไหนถึงกัน!
เราเลยพยายามหาทางที่จะไปอยู่กับคนญี่ปุ่นแบบที่ไม่ต้องใช้เงินมากเพราะไม่อยากรบกวนพ่อแม่
สุดท้ายก็ได้ไปเจอโครงการที่ไปเป็นอาสาสมัครที่ญี่ปุ่นโดยที่เค้าจะฟรีทั้งที่พักและอาหาร
แต่เราต้องติดต่อเค้าไปเองว่าจะทำงานแบบไหน ลงจังหวัดอะไร
แต่.. ช่วงที่พวกเราไปมันดันชนหน้าร้อนพอดี ก่อนเซนเซจะกลับประเทศเราเลยปรึกษาเซนเซว่าถ้าอยากได้อากาศเย็นๆต้องไปที่จังหวัดไหน
แกเลยตอบกลับมาว่า..
‘ นากาโน ‘
นั่นแหละค่ะ เลยเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
ผลงานอื่นๆ ของ Rin Nalinkarn ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Rin Nalinkarn
ความคิดเห็น