ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Right There ❀ {Bnior & Markbam}

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 03 : Put it all together baby (ทำใจดีๆไว้ที่รัก)

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 58


    Tiny White Pointer

    Chapter 03 : Put it all together baby (ทำใจดีๆไว้ที่รัก)

     

                กิ่งไม้ยังคงถูกตีวนลงบนผิวน้ำ หากไม่มีเสียงน้ำตก ก็ถือว่าตอนนี้ความเงียบได้โปรยปรายล้อมรอบองค์หญิง(?) องค์น้อยกับนักกายกรรมหนุ่มแล้ว ร่างสูงถึงจะไม่พอใจเท่าไหร่ที่พอตนยอมจับคู่ล่าสัตว์กับคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอยู่ริมบ่อน้ำตก แต่พอจะออกไปล่า ฝ่ายนั้นก็ปฏิเสธเสียดื้อๆ เหตุผลเพียงแค่..

     

                “ทำไม ข้าแค่ขี้เกียจไปล่าสัตว์กับท่านแล้วมันจะทำไม” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าใจของมาร์คคิดอะไร “อีกอย่างน้ำที่นี่ก็เย็นสบายดี ใสเห็นตัวปลา... ถึงจะไม่มีปลาก็เถอะ”

               

                ร่างบางยู่หน้าเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นปลาสักตัวในน้ำใส แต่ก็ยิ้มเหมือนเด็กอีกครั้ง เมื่อเห็นผีเสื้อสีสวยบินมาเกาะดอกไม้ริมบ่อ มือเรียวเอื้อมไปช้าๆหวังจะหยอกล้อกับผีเสื้อน้อย คนที่มองอยู่ก็เปลอหลุดยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ทั้งๆที่อารมณ์ยังขุ่นอยู่

     

                ...ยิ้มทำไมกันเรา!

     

                มาร์คถกกับความคิดในหัว ก่อนจะหันไปมองแบมแบมอีกครั้งแล้วเห็นท่าทางเก้ๆกังๆ มือน้อยๆเอื้อมไปด้านหน้าเพื่อจะจับผีเสื้อสีสวย แต่ทว่ามันก็บินหนีเหมือนแกล้ง แบมแบมยืดตัวลุกตามความสูงของผีเสื้อ ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อเอื้อมให้ถึงสิ่งที่หมาย แต่ทว่าผีเสื้อน้อยก็บินไปไกลเรื่อยๆ จนร่างบางเอื้อมคว้าได้เพียงลม ...ก่อนที่จะ

     

    ตูมมมมม

     

    แขนเรียวปัดป่ายไปมาในสายน้ำ ดวงตาผู้มองดูเบิกกว้าง ก่อนจะทะยานตัวไปช่วยทันทีตามสัญชาตญาณ ร่างสูงพุ่งตัวลงไปช่วยคนตัวเล็กในน้ำทันที วงแขนแกร่งรั้งตัวร่างบางเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี แต่ทว่าร่างบางยังปัดป่ายมือไม่ยอมหยุด จนแขนเรียวกระแทกกระทั้นโดนตัวผู้มาช่วยหลายจุด มือบางทั้งดันทั้งกดหัวคนมาช่วยให้ลงไปกินน้ำหลายอึก ร่างสูงใช้แรงที่มีดันตัวร่างบางให้ลอยขึ้นไปก่อนจะยันตัวเองให้ยืนเต็มความสูง

     

    ...อ่าวยืนถึงหรือนี่? ...งั้นเมื่อกี้ก็

     

    “ฮิฮิ~” เสียงหัวเราะในลำคอของคนตัวเล็กทำให้คนฟังขีดอารมณ์โกรธาขึ้นแตะเพดาน

    “ท่าน!” มาร์คโพล่งออกไปใส่หน้าคนเด็กกว่า แต่ทว่าทำได้เพียงทำให้หยุดขำได้เท่านั้น

    “อะไร?” เสียงใสขานตอบอย่างยียวน “...หูยย น้ำถึงแค่ไหล่ข้าเองเนอะ”

    “ท่านแกล้งหลอกข้า!” ร่างสูงกัดฟันกรอดๆ พยายามกดอารมณ์ขุ่นของตนให้ลงต่ำ

    “เปล่านะ ข้าตกน้ำจริงๆนะ.. แต่ไม่ได้จม”

     

    ร่างบางยิ้มให้บางๆ ก่อนจะทำท่าเหมือนจะขึ้นจากน้ำ หากแต่วงแขนแกร่งที่โอบอยู่รอบเอวบางไม่ปล่อยลง กลับกระชับให้แน่นขึ้น จนคนตัวเล็กตกใจที่ร่างตนถูกดึงไปแนบชิดอกกว้าง ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าคมมาใกล้คนตัวเล็ก

     

    “เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ” แววตาเจ้าเล่ห์มองใบหน้าหวานอย่างเป็นนัยน์ๆ

    “เจ้าจะทำอะไร!” คนตัวเล็กขึ้นเสียงใส่ พร้อมยกแขนขึ้นเพื่อดันร่างแกร่งให้ออกไป

    “ถึงข้าจะไม่ได้มียศศักดิ์เท่าองค์หญิง แต่ทว่าตามอายุข้าอาวุโสกว่าท่านหลายขวบปี ให้เกียรติกันบ้าง..” รอยยิ้มยียวนของร่างสูงทำให้คนตัวเล็กอยากจะคว้าหินข้างลำธารน้ำมาปาใส่ใบหน้าหล่อเสียนี่กระไร “... เด็กน้อย”

    “ข้าไม่ใช่เด็กนะ!” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน แสดงความโกรธาที่กำลังปะทุในความคิด

    “...แต่ถึงอย่างไรก็เด็กกว่าข้าหม่อมฉัน~” น้ำเสียงกระแนะกระแหนของร่างสูงทำให้คนตัวเล็กที่ก่อนหน้านี้ เริงร่าแปรเป็นถลึงตาขบฟันกรามแน่น

     

    ยิ่งเห็นอาการของร่างที่อยู่ในอ้อมแขน ยิ่งทำให้คนตัวสูงได้ใจ ยักคิ้วขยิบตาใส่อย่างสนุกสนาน

     

    ...ไงล่ะเด็กน้อย คิดว่าจะยียวนข้าได้ฝ่ายเดียวหรือ?

     

    “ปล่อย! จะยืนแช่น้ำกันอีกนานไหม” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นหลังจากอดกลั้นอารมณ์อยู่พักนึง

    “ไม่.. ไม่ปล่อย” ร่างสูงเอ่ยเรียบๆ

    “ท่านต้องการอะไรจากข้า ปล่อย!” แขนเรียวสะบัดสุดแรง แต่ก็สู้แรงอีกคนไม่ได้

    “ขอโทษข้าก่อน”

     

    ร่างสูงยกยิ้ม ก่อนจะยื่นใบหน้าหล่อเหลาไปใกล้ ก่อนจะทำหน้าเหนือใส่ร่างบางอย่างมีชัย เมื่อเห็นเด็กน้อยถอนหายใจยาวๆ อย่างอดกลั้นอารมณ์อย่างถึงที่สุด ก่อนจะกลอกตาแล้วเอ่ยคำตามประสงค์

     

    “..ขอโทษ” ร่างสูงตีหน้าฉงนเหมือนกับไม่ได้ยินถ้อยวลีที่พูดเพียงแผ่วเบา “ข้าขอโทษ!... เพคะ”

     

    ร่างสูงพยักหน้าพอใจกับคำพูดของเด็กน้อยในอ้อมแขน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย เหมือนต้องการแก้แค้นคืนกับการกระทำของเด็กแสบก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่าวงแขขนแกร่งที่โอบเอวตัวเองยังไม่คลายออก คิ้วสวยก็ขมวดเป็นปมเป็นคำถามว่าทำไมยังไม่ปล่อย แต่ร่างสูงก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

     

    “ปล่อยข้าสักทีสิ” ร่างบางพูดอย่างอ่อนใจ “ต้องการอะไรอีก ขอโทษก็ขอโทษแล้วไง”

    “เด็กดื้อ...” วงแขนแกร่งกระชับร่างบางให้แน่นกว่าเดิม “ก็ต้องโดนลงโทษ..”

     

    ใบหน้าคมเลื่อนลงไปใกล้คนตัวเล็ก จนปลายจมูกชนกัน ร่างบางนิ่งเหมือนถูกตรึง หลับตาปี๋ พยายามถอยหน้าหนี แต่ยิ่งถอยก็ยิ่งใกล้ คนตัวเล็กรู้ดีว่าทำโทษจากปากของร่างสูง หมายถึงอะไร ต่อให้เด็กดูก็รู้ว่า อยู่สภาพนี้ เค้าจะต้องโดนอะไร

     

    “หึหึ ทำเป็นกลัวไปได้ ..เด็กน้อยจริงๆ”

     

    ดวงตาสวยลืมมองร่างสูง ลอบถอนใจออกมาเบาๆเหมือนโล่ง ส่วนร่างสูงก็หัวเราะเย้ยในลำคอ ก่อนจะคลายวงแขนออกจากเอวบาง แต่ทว่า

     

    “โอ้ย! อื้อ.. !!!

     

    น้ำในสระไม่ลึกมากก็จริง แต่ตะไคร่น้ำก็มีตามธรรมชาติ ...และคิดว่าร่างบางที่ดิ้นในวงแขนแกร่งอยู่ ...เมื่อถูกปล่อยและเลื่อนตัวออกทันทีจะเกิดเหตุการณ์ใด

     

    ริมฝีปากนุ่มประกบกันอย่างไม่ตั้งใจ ร่างเล็กเบิกโตกว้างมองร่างสูง ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง เมื่อความหวานแทรกซึมเข้ามา ถึงแม้ว่าจะไม่ยินดีกับการกระทำนี้ แต่ก็ทิ้งไว้เช่นนั้นอยู่พักใหญ่ราวกับลืมว่าต้องถอนออก ร่างสูงแทรกลิ้นร้อนๆมากวาดความหวานในโพรงปากของคนตัวเล็ก ตามสันชาตญาณ แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีการขัดขืนใดเกิดขึ้น ความรู้สึกวาบหวามที่มาพร้อมกับความเคลิบเคลิ้ม ค่อยๆละลายความพยศของร่างบางไป เหมือนกับกระแสน้ำที่โอบล้อมร่างของทั้งคู่

    มือแกร่งเลื่อนมายึดเอวของร่างบางให้อยู่ใกล้ตัวราวกับกลัวจะไหลไปตามน้ำ ไม่สามารถมีใครตอบได้เลยว่า จูบที่แสนหวาน กับท่าทางที่แสนอ่อนโยน มาจากคู่กัดที่เพิ่งทะเลาะกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าได้อย่างไร อารมณ์ที่เกิดจากคนตัวเล็กแสนไร้เดียงสา มันล่วงเลยมานาน ร่างสูงก็ดูไม่มีทีท่าจะหยุด ยังคงรับความหวานจากคนตัวเล็กไปเรื่อยๆ

     

    แปะ แปะ แปะ แปะ .... ซ่า ...!!!

     

    เมฆดำทมิฬเคลื่อนตัวมาครอบคลุมป่าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ร่างบางผละออกจากอ้อมอกคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเพราะความเขินอาย จูบแรกของเด็กน้อย... บ้าจริงทำไมต้องเป็นคนคนนี้ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มันไป ร่างบางสบถในใจ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น รสจูบก็ยังอยู่ที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนไม่จาง

    มาร์คและแบมแบมขึ้นจากน้ำก่อนจะหยิบรีบหยิบของที่วางไว้เก็บใส่เป้บนหลังม้า ทั้งสองยังไม่กล้าสบตากันหลังจากเกิดเหตุเมื่อครู่ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจ เมื่อนึกบางอย่างที่สำคัญออก

     

    “ท่านพี่ข้าล่ะ! ท่านพี่ข้ายังไม่กลับมาเลย” ร่างบางทำท่าเหมือนจะวิ่งไปตามในป่า แต่ทว่า

    “ท่านจะไปไหน” มือแกร่งคว้ามือร่างบางไว้ ก่อนจะค่อยๆปล่อย เพราะยังปรับอารมณ์จากเมื่อครู่ไม่ได้ขาด “ฝนตกหนักขนาดนี้ ต่อให้ขี่ม้าไปก็หาไม่เจอ อีกอย่างในนั้นก็มีองครักษ์อย่างเจบี จะกลัวอะไร ข้าว่าตอนนี้พระองค์ควรกลับไปรอที่วังกันก่อน”

     

    พูดจบก็ขึ้นม้าทันที เด็กน้อยแบมแบมก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย ทั้งสองกลับไปที่หวังในสภาพที่เปียกไปทั้งร่าง ร่างบางได้แต่ยืนฟังผู้เป็นพ่อบ่นเล็กน้อยที่ออกไปเล่นไกล แล้วปล่อยให้เปียกฝนกลับมา

     

    ...ควรขอบคุณฝนรึเปล่า ที่ตกลงมา เลยไม่ถูกถามว่าทำไมถึงเปียก

     

     

    ร่างที่สั่นเพราะความหนาวของลมเย็นที่พัดผ่านมาต้องผิวกายที่เปียกไปด้วยน้ำฝน ตอนนี้มีเพียงเสื้อซับในหนาที่สวมอยู่ โชคดีที่หลบเข้ามาทันก่อนที่น้ำฝนจะซึมถึง ร่างบางนั่งกอดเข่าก้มหน้าเหมือนกับพยายามเก็บกักความอุ่นที่เหลืออยู่ของตนให้มากที่สุด

     

    “หนาวก็ขยับมาทางนี้เถอะ”

     

    เสียงเข้มๆดังขึ้น ร่างบางค่อยๆเงยขึ้นมองแสงไฟที่ลุกโชนขึ้นมาพร้อมเสียง คนตัวสูงหันมามองอีกคน ก่อนจะหันกลับไปเหมือนไม่มีอะไร มือหนาสะบัดเสื้อตัวนอกของตัวเองบนกองไฟ หลังจากเก็บมาจากหินที่วางผึ่งเสื้อของทั้งคู่ ใจจริงก็อยากเดินเข้าไปหาไออุ่นจากกองไฟเหลือเกิน หากแต่ถ้าไปใกล้กว่านี้ อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นช่วงหน้าอกที่มีแต่เสื้อหนาๆ ไร้อวัยวะบางอย่างของผู้หญิง จึงจำใจนั่งอยู่ที่เดิม

     

    “ดื้อไปก็มีแต่ตัวท่านเองที่จะแย่” คำพูดที่แสนเย็นชาของร่างสูงดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันดังใกล้ขึ้นกว่าที่เคย มือหนาคลุมเสื้อที่แห้งและอุ่นนิดๆของตัวเองให้ร่างบาง ก่อนจะมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “ขอบคุณนะ..” ร่างบางพยุงตัวลุก มือเรียวกำเสื้อที่คลุมอยู่แน่นเพื่อไม่เผยให้เห็นเรือนร่าง ก่อนจะลุกไปนั่งข้างๆกองไฟ สายตาทอดไปด้านนอกถ้ำ ฝนยังโหมกระหน่ำไม่หยุดพัก เหมือนไม่อยากให้ออกจากป่าไปได้

     

    “คืนนี้คงต้องค้างที่นี้...” เสียงเข้มเสียงเดิมดังขึ้น บ้างครั้งร่างเล็กก็คิดว่า ทำไมคนตรงหน้าไม่พูดจาที่มีน้ำมากกว่านี้ มันช่างแข็งกระด้าง ไม่เหมือน..ท่านมาร์ค ตอนนี้กำลังคิดถึงชายหนุ่มแสนดีคนนั้น และแน่นอน น้องรักที่อยู่กับเค้าด้วย ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จะเจอเหตุการณ์แบบคู่ของตนรึเปล่า

    “แล้วท่านมาร์คกั...บ”

    “ห่วงตัวท่านเองเถอะ” ยังไม่ทันถามถึงน้องรัก แววตาเฉยชาก็ปรายตามามอง พร้อมกระแทกคำพูดใส่หน้า “ข้าเตรียมที่นอนไว้ให้แล้ว อาจจะไม่สบายเหมือนที่วัง แต่ก็ดีที่สุดแล้ว เชิญนอน ได้แล้ว

     

    ร่างบางมองหนาอีกคนด้วยความเหนื่อย ไม่ใช่เพียงเพราะถูกคำพูดไร้ความนิ่มนวลใส่หลายครั้ง แต่ทว่า รู้สึกเหนื่อยจริงๆ ทั้งร่างล้าไปหมด ขาเรียวเดินไปที่แผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีกระเป๋าเป้ของอีกคนวางอยู่ คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอน ก่อนความเหนื่อยล้าและความหนาวเหน็บจะทำให้ห้วงนิทรามาเยี่ยมเยียนง่ายขึ้น

     

     

    ค่ำคืนมันผ่านไปเช่นวันก่อน เพลานี้คนอย่างแบมแบมคงนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว นาฬิกาไม้สีขาวที่วางอยู่ข้างเตียงไม่ช่วยให้ใจสงบลง เพราะเวลาที่ขึ้นโชว์ ตอนนี้ล่วงเลยไปจนใกล้จะรุ่งสาง เด็กน้อยไม่สามารถข่มตานอนได้เลย นี่มันอะไรกัน ความรู้สึกที่ยังติดอยู่ที่ตรงนี้ นิ้วเรียวลูบเบาๆที่ริมฝีปากนิ่ม ความรู้สึกที่ไม่รู้จัก...ในหนังสือจะมีไหมนะ พรุ่งนี้คงต้องเข้าไปหาอ่านในห้องหนังสือ

     

    พึมพำอยู่อย่างนั้น บนเตียงกว้าง... พลิกตัวสองสามทีก็ต้องลุกขึ้น พาร่างตนไปอาบน้ำล้างหน้า ไม่ใช่เพราะมันเป็นวันใหม่แล้ว ไม่ใช่เพราะแสงตะวันสาดส่องมาทักทาย หากแต่ทุกครั้งทีลองหลับตา ก็จะนึกถึงใบหน้า คนคนนั้น แล้วใจก็เต้นแรงอย่างประหลาด

     

    แต่งตัวในชุดสบายๆ เสื้อสีอ่อนกับกางเกงขายาวคล่องตัว ถึงแม้จะอยู่ในฐานะองค์หญิง แต่ถ้าไม่ได้มีงานหลวง ราชวังรับแขก ก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีเหตุผลอะไรต้องใส่กระโปรงยาว ลากพื้นวัง ถูกเลี้ยงมาแบบเจ้าหญิงงามสง่า แล้วยังไง ใจอ่อนโยน แต่การแต่งกายก็ไม่ใช่เครื่องสร้างข้อสงสัย เพราะผมยาวสลวยที่เป็นอยู่ ใบหน้าหวานๆที่งามกว่าสตรีใดในเมืองนั้นก็จบข้อครหาหมดสิ้น

     

    ขาเรียวก้าวมาหยุดที่ห้องหนังสือของวัง ที่นี้รวมไว้ทุกอย่างที่เป็นเอกสาร ท่านพ่อรวบรวมงาน ทั้งงานหลวงงานราชไว้หมด แต่ที่มานั้นไม่ใช่นึกสนุกอย่างช่วยผู้เป็นพ่อทำงาน สะสางฎีกา แต่แค่อยากมาหาอะไรทำ ฆ่าความคิดที่ยังสบสนวุ่นวายอยู่ในหัว อยากเข้ามามองหน้ากระดาษที่สนิทสนม แทนนึกถึงแววตาคู่นั้น ... แต่จู่ๆก็เข้าใจประโยคนึงในหนังสือที่เคยอ่าน

     

    ...ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ

     

    “...ทำอะไรน่ะ” เสียงของคนตัวเล็กเอ่ยเบาๆ ถึงอย่างนั้น อีกคนที่กำลังทำท่าทำทางค้นนู้นนี่อยู่ก็ชะงักลง ก่อนจะหันมาทำหน้านิ่ง “..ข้าถามว่ามาทำอะไร” ต้องใจดีสู้เสือ รู้เพียงเท่านี้ ในใจรู้แค่นี้

    “มาหาอะไรอ่าน... นิดหน่อย” ร่างสูงละจากกองเอกสารเก่า หนังสือโบราณ แล้วย่างกายเข้ามาใกล้ คนตัวเล็กก็ได้แต่ถอยหนี ถึงอย่างนั้นช่วงขายาวๆนั่นก็ก้าวเข้ามาใกล้ได้โดยง่าย

    “.....” ใกล้เกินไปแล้ว รู้เพียงเท่านี้ ใจเริ่มเต้นแรงไร้สาเหตุ ...ใช่ มันไม่มีเหตุผล เพราะหากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคำตอบของจังหวะหัวใจคนตัวเล็ก เค้าคงไม่ยอมรับ ไม่ยอม ..แน่ๆ “อะไ..ร”

     

    ยังไม่ทันพูดจบ มือหนาก็ยกขึ้นทาบข้างๆหัว หลังบางแนบชั้นวางหนังสือ ที่จริงสามารถก้าวหนีคนคนนี้ไปได้ หากทำตอนนี้ แต่ทว่าสองขาไม่ขยับดั่งใจ ใบหน้าคมก้มมาใกล้ ถึงนี่ไม่ใช่คราแรก แต่กลับทำให้ รู้สึกหวาบหวามมากกว่า

     

    “..อย่ามายุ่งกับหม่อมฉันเลย องค์หญิง” คำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมา ทำเอาคนที่หลบสายตาอยู่เหลือบมามองทันที ...คำพูดกับการกระทำช่างต่าง “มันไม่มีผลดี ไม่ว่ากับใคร”

     

    พูกจบก็ทิ้งให้ความสับสน ฉงนใจทำหน้าที่ ร่างเล็กทาบมือที่อกซ้ายก่อนจะมองตามร่างที่เดินออกไป อะไร เมื่อกี้นี้เกิดอะไร เหมือนรู้ตัว แต่ก็ไม่ เหมือนเข้าใจ แต่ก็ไม่ ไม่รู้อะไรเลย...

     

    “..หนังสือ ใช่ หนังสือ”

     

    เดินตรงไปที่ชั้นวางที่อยู่ไม่ไกล แล้วหาตำราที่อ่านค้างแล้วแอบไว้ทันที .. หวังว่ามมันจะช่วยล้างความคิดที่ปนเปมั่วไปหมดได้นะ

     

     

    สั่น สั่นอยู่อย่างนั้น ลมที่เคยรู้สึกว่าอ่อนโยน บัดนี้รู้สึกราวกับมันคือลมหนาวที่พัดโหมกระหน่ำซ้ำๆใส่ตัว พยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้น แต่หัวก็หนักเกินกว่าจะทำได้ มองไปข้างกายก็พบร่างที่คจะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ไม่ ใบหน้าเรียบเฉยที่ขมวดคิ้วแม้ยามนิทรา เปลือกตาค่อยๆขยับมอง แพขนตาปรืออยู่นานกว่าจะปรับสายตาให้ชัด และเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตรงหน้ารู้ตัวถึงการเคลื่อนไหวของร่างบางใน อ้อมแขน

     

    อ้อมแขน?... เดี๋ยวสิ

     

    “.............” มีเพียงความเงียบจากร่างหนา แต่ทว่ามีช่วงนึง แค่เสี้ยววิ ที่รู้สึกเหมือนแววตาท่ามกลางความเงียบงันนั้นบอกว่า ตื่นแล้วใช่ไหม แต่ก็คงเป็นเพราะพิษไข้มากกว่า นี่คือสิ่งที่ร่างบางคิด

     

    “แค่กๆ” เสียงทักทายแรกจากองค์หญิงจูเนียร์คือ เสียงไอกระแอมในคอ ร่างหนาลุกขึ้นพร้อมพยุงให้ลุกขึ้นนั่งด้วยกัน ไร้ซึ่งคำพูดใด ยืนเต็มความสูงแล้วไปคว้าเสื้อของคนตัวเล็กกว่า สะบัดสองสามที แล้วเดินกลับมา

    “ใส่สิ” รับมาอย่างเก้ๆกังๆ สวมมันในขณะที่อีกคนหันหลังให้อย่างรู้งาน “เสร็จรึยัง”

    “อ.. อืม” พยายามรักษาให้เสียงเป็นปกติ ถึงมีแรงจะพูด จะน้อยแล้วก็ตาม

    “เราจะออกจากที่นี่กัน” พูดสั้นๆได้ใจความ นั่นคือนิสัยของเค้าสินะ ไม่มีน้ำใดๆในมะนาวลูกนี้ การหวังว่าจะได้ยินคำหวาน ประโลมใจคงเป็นฝัน

    “กลับวัง...แค่กๆ” พูดออกมาพร้อมพยายามลุก แต่ก็เห็นว่าการลุกยืนและก้าวเดินเอง จะเป็นเรื่องยากที่สุดในตอนนี้

    “ใช่..” วงแขนแกร่งโอบร่างบางพร้อมยกขึ้นอุ้มด้วยแขนทั้งสอง มันเป็นเรื่องน่าตกใจมาก และหากยังมีเรี่ยวแรงคนที่ถูกยกขึ้น คงดิ้นไปมาจนกว่าจะได้ลง แต่ทว่า ตอนนี้แรงขัดขืนมลายหายไปโดยสิ้น

    “อยู่นิ่งๆเถอะ ... ถึงแล้วจะปล่อยลง”

     

     

    “อ้ะ!

     

    จับขมับตัวเองเบาๆ เมื่อใหลตกจากหนังสือเล่มหนาไปทาบกับโต๊ะไม้เสียงดังตุบ เผลอหลับเพราะความล้า หรือการที่ไม่ได้นอนทั้งคืนก็ไม่ทราบได้ ลุกพาตัวเองกับหนังสือเล่มหนาในมือออกจากห้องไป

     

    เดินออกมาไม่นานก็ยิ้มออก เมื่อเห็นพี่สุดที่รักของตนเดินเข้ามาในตัวปราสาทพร้อมกับองครักษ์หนุ่ม อาการดูภายนอกก็รู้ว่าป่วยเป็นแน่ผู้เป็นน้องจะเดินเข้าไปถามไถ่อาการ แต่สองขาก็ก้าวไม่ออก เมื่อเห็นคนคนเดิม ที่ทำให้ตัวเองต้องไปหมกตัวในห้องหนังสือ ก้าวมาโอบประคองคนเป็นพี่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย...

    ทั้งที่อยากเดินเข้าไปหาผู้เป็นพี่ แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็กลับกลายเป็นเหมือนรูปปั้นที่ตั้งโชว์ประกอบทางเดินเท่านั้น มองเพียงการก้าวเดินพร้อมกอดประคองกันไปที่ห้องของผู้เป็นพี่เท่านั้น ทำให้คนตัวเล็กคิดได้ว่า ตนยืนอยู่จุดไหน และเข้าใจคำที่คนคนนั้นบอก บอกว่า อย่ายุ่งด้วย... สองขาหันหลังกลับเพื่อไปที่อื่น ที่ไหนก็ได้ ที่ที่จะทำให้ภาพตรงหน้าพ้นสายตา แต่ไวเท่าความคิด หัวหนักอึ้ง ความล้าวิ่งขึ้นมาที่ขมับทั้งสอง เพียงชั่ววูบ.. ก่อนจะทิ้งตัวลงไประนาบกับพื้นวัง

     

    ภาพสุดท้ายที่เห็นคือองครักษ์ที่คุ้นตาเข้ามา ด้วยสีหน้าตกใจ... มีความเป็นห่วงในแววตา รู้สึกดีขึ้น ดีขึ้นจริงๆ สองแขนแกร่งอุ้มร่างตนขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนสติจะดับวูบไป รู้เพียงว่า

     

    มาร์คเป็นคนเย็นชา... กว่าเจบี


    .. Waiting for next Chapter ..



     

    Chap. นี้สั้นๆค่ะ เป็นช่วงติดหน่วงๆนิดหน่อย

    แต่งไปไรท์ก็หน่วง คนอ่านอ่านไปงงไหม ฮริ่งฮึ ... เอาเป็นว่า

    “ทุกคนมีบางอย่างในใจ”

    พูดได้แค่นี้ ตอนนี้ก็ใกล้จะคลายไปทีล่ะอย่าง

    ความรู้สึกที่ค่อยๆเปิดออกของแต่ละคน ใช้เวลาค่ะ ต้องผ่านไปอีกสักตอนสองตอน

    คงได้เรื่องหลักขึ้น ฮิฮิ ..ฮือฮือ

     

    คุยกันได้ที่ @SwT_Te หรือไปฟริ้งฟุ้งใน

     #ficrightthere

     

    ก็ได้ค่ะ

    เม้นเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×