ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Right There ❀ {Bnior & Markbam}

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02 : Finally the stars align (ในที่สุดดวงดาราก็โคจรมาเรียงกัน)

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 58


    Tiny White Pointer

    Chapter 02 :  Finally the stars align (ในที่สุดดวงดาราก็โคจรมาเรียงกัน)

     

                น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยขึ้น ไร้ท่าที่สะทกสะท้านใดๆที่เข้ามาขัดจังหวะหวาน แววตาที่ดูดื้อนิดๆ สร้างเสน่ห์แบบแบดบอย ร่างสูงเอียงคอมองเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

     

    “ขอประทานอภัยหากเข้ามาขัด...” เสียงที่ดูไร้อารมณ์แต่ปนยียวนเว้นวรรคก่อนพูดต่อว่า “บรรยากาศที่แสนหวานหอม พอดีเดินผ่านมา ไม่ได้ตั้งใจ”

     

                จูเนียร์ยอมรับว่าคนตรงหน้านั้นหน้าตาดี และดูสง่า ตาเรียวเล็กที่ดูเข้ากับนิสัยกวนปนดื้อได้ลงตัวอย่างประหลาด จูเนียร์จ้องมองชายสวมหน้ากากอยู่นาน จนรู้สึกตัวและละสายตามามองน้องที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล

     

    “แบมแบม... พี่อยากขึ้นห้อ...” ไม่ทันที่ผู้เป็นพี่จะเอ่ยว่าอยากหลีกหนีจากความน่าอายตรงนี้จบ ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มพริ้มของผู้เป็นน้อง

    “ท่านนามว่าเจบีงั้นหรือ...” อนุชาสุดที่รักก็เอ่ยขึ้น แต่ทว่าเอ่ยกับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ตน เจ้าของชุดสีชมพูพีชเดินตรงไปหาพร้อมยื่นแก้วแชมเปญใบใหม่ให้ ก่อนยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน “นี่แทนแก้วที่เพิ่งทำตกไป ..นะ”

     

                ผู้เป็นพี่จ้องมองน้องรักที่กำลังดี๊ด๊ากับชายแปลกหน้า ในใจก็ไม่กล้าพูดเตือนใดๆ เพราะเมื่อครู่ตนก็เพิ่งทำตัวเช่นนั้น... อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ มองเห็นภาพน้องตนที่กำลังพูดคุยอย่างสนิทสนม แล้วมัน..

     

    “ท่านหญิง...” มาร์คที่กำลังปั้นหน้านิ่ง เผยยิ้มหวานอีกครั้ง หลังเอ่ยเรียกคนที่ยืนข้างๆ “ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ? เหตุใดจึงเงียบงันไป หรือเพราะเรื่องเมื่อครู่” แววตาหวานหลุบมองต่ำ เหมือนจะบอกเป็นนัยน์ๆว่า ขอโทษที่รุ่มร่าม ถึงแม้อีกคนจะยอมก็ตาม

     

    “หม่อมฉันห้ามใจไม่อยู่จริงๆ ...” มาร์คทำท่าเหมือนจะเอ่ยขึ้นต่อ แต่ก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงเข้มๆ

    “นี่ๆ ถามชื่อข้าแล้ว..” ร่างสูงยกมือปัดผมสีดำสนิทที่ปรกหน้าออกเบาๆ ก่อนเอ่ยต่อว่า “ก็แนะนำตัวบ้างสิ ว่านามว่าอะไรกันบ้าง?” ชายหนุ่มยักไหล่เบาๆเป็นมาดกวน ก่อนจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา โดยมีแบมแบมวิ่งถือชายกระโปรงตามมา

    “ข้าชื่อแบมแบม... บอกไปแล้วเมื่อครู่” ร่างบางที่วิ่งตามมาเอ่ยอย่างร่าเริง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่พี่สุดที่รักพลางแนะนำตัว “ส่วนนี่ท่านพี่จูเนียร์ พี่..สาวข้า ผู้ที่งามหาผู้ใดในเมืองนี้เปรียบได้”

     

                เจ้าของชื่อหันไปตีน้องเบาๆ เหมือนจะบอกว่าพูดเกินจริงไปแล้ว แต่ทว่าผู้เป็นน้องหาสนใจพี่ไม่ ยังหันไปแนะนำเผื่อแผ่ถึงชายหนุ่มที่ตีหน้านิ่งยืนเก็กอยู่ใกล้พี่ตน

     

    “ส่วนนั่น มิสเตอร์มาร์ค~” ร่างบางยิ้มแบบประชดประชันให้ร่างสูงข้างพี่ชายของตน ก่อนจะเอ่ยบรรยายสรรพคุณ “นักแสดงผาดโผน.. ผู้ที่ชำนาญด้านศิลปะป้องกันตัว ... และผู้หญิง”

     

                คำสุดท้ายที่องค์หญิงน้อยเอ่ย ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะปั้นยิ้มแบบเดียวที่ได้รับมาเมื่อครู่คืนให้ และย้ายร่างมาใกล้จูเนียร์อีกก้าว และเอ่ย

     

    “ท่านหญิงก็เอ่ยเกินไป แค่หม่อมฉันพบปะกับคนมากมาย ในวงการการแสดงของกระหม่อมก็พบสตรีมากหน้าเป็นเรื่องธรรมดา” ร่างหนาลอบหันมาโปรยยิ้มให้คนที่ยืนใกล้ ทำเอาจูเนียร์เผลอยิ้มออกมาตอบ

    “อ่อเช่นนั้นเองหรือ~” ร่างบางผลักคนที่กำลังยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ผู้เป็นพี่ออกไปด้วยมือที่โอบจูเนียร์อยู่ ก่อนจะเอ่ยต่ออีกว่า “ข้าก็หลงว่า ท่านใช้ความหล่อละลายนั่น ดึงดูดสตรีเหล่านั้นมาซะอีก”

     

                คราวนี้ไม่พูดเปล่า แบมแบมผู้รักพี่มาก ก็ย้ายร่างตัวเองเข้ามาอยู่คั่นกลางคู่รักแรกพบ โดยผู้เป็นพี่ตกใจเล็กน้อยที่น้องย้ายตนออกมาไกลร่างมาร์ค ทั้งสอง แบมแบมและมาร์ค จ้องหน้ากันราวกับว่าพร้อมประกาศสงคราม แต่ทว่าด้วยเหตุใดก็ตามที่ดลบันดาลขึ้น ชายกระโปรงสวยสีมิ้นก็เข้ามาในก้าวจังหวะเดิน ทำให้ร่างบางหงายเงิบ ไปอยู่ในอ้อมอกของชายที่ยืนฟังหน้าตานิ่ง

               

                ใบหน้าที่ใกล้กันของเจบี ทำให้จูเนียร์ลืมร้องอุทานที่จะล้มเมื่อครู่ สายตาทั้งคู่สอดประสานกันทันที ไออุ่นที่สัมผัสอยู่ แววตาที่คุ้นเคยนั่น ร่างบางมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกับที่ชนตนในงานแน่นอน แววตาลึกลับนั่นชวนให้มองลงไปข้างใน มองไปในนัยน์ตานั้น ทั้งสองจ้องมองกันอยู่นาน นานพอกับคู่กัดด้านข้างจ้องหน้าจะกินเลือดกัน แต่แล้วคู่กัดก็นึกขึ้นได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกสองคนอยู่ด้วย ทั้งคู่หันมามองร่างที่กับลังโอบกัน

     

    “เจ้า!” มาร์คร้องออกมาทำให้ภวังค์ของคนทั้งคู่สลายลง ก่อนที่จะเดินเข้าไปผลักอกเจบีออกให้ไกลจูเนียร์ “เจ้าคิดจะทำอะไร อย่ามาแตะต้ององค์หญิง” สายตามาร์คมองเจบีอย่างเกรี้ยวกราด “..ของข้า”

     

                สิ้นคำมาร์คพวงแก้มของจูเนียร์แดงระเรื่อ จู่ๆก็ถูกเรียกเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ จิตใจไร้เดียงสาลุกเต้นตูมตามอีกครั้ง ความรู้สึกดีๆที่เกิดเมื่อตอนเต้นรำกลับมาอีกครั้ง แต่ทว่า น้องของที่ยืนอยู่ด้วยกลับลากออกมาจากอดีตฟลอร์เต้นรำ ที่กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิ เพื่อนำตนกลับห้อง

     

     

    มองตา ชิดใกล้ ไออุ่น

    ใจที่เต้นรัว กับรวงแก้มร้อนผ่าว

    ความรัก นี่แหละรัก ข้าเชื่อว่ารัก มันก็คือรัก!

     

    “ท่านพี่! ไปทำอะไรกับมิสเตอร์มาร์ค” ผู้เป็นน้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่ฟังก็รู้ว่าพูดเพราะห่วงผู้เป็นพี่อย่างสุดซึ้ง “ข้าปล่อยท่านไปหย่อนใจที่สวนเพียงไม่นาน หย่อนใจนะท่านพี่ ไม่ใช่ยอมใจ”

    “แบมแบม!” ผู้เป็นพี่เอ่อยขึ้นเสียงดัง เมื่อยินคำน้องเอ่ย ถึงอยากจะเอ็ดน้องแต่ก็เถียงไม่ออก

    “มาร์คผู้มากรัก ท่านพี่ คนเค้าเรียกบุรุษผู้นั่นด้วยคำแบบนี้”

     

    หน้าตาของแบมแบมจริงจังกว่าทุกครั้ง เพราะห่วงว่าพี่ตนที่ถูกนักล่าอย่างมาร์คหมายตาตั้งแต่เริ่มงานจะโดนรุ่มร่าม จนเลยเถิด แล้วยิ่งรู้ว่าพี่ของตนไม่ได้พบปะชายใดนอกจากท่านพ่อ ตน และทหารข้ารับใช้ในวัง ยิ่งทำให้ พี่สุดที่รักกลายเป็นแกะน้อยผู้โหยหารักแท้ แบมแบมจำได้ดีที่ผู้เป็นพี่เอ่ยขึ้นก่อนเข้างาน

     

    ...

    “ข้าน่ะ ตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดใจ ยินคำพี่ไหมน้องรัก ข้าจะเปิดใจให้รักเข้ามาอยู่แล้ว ข้าจะปลดเปลื้องการรอคอยที่ไร้จุดหมายนั้นเสีย และเริ่มรักใครสักคน...” แววตาว่างเปล่ากับน้ำเสียงเรียบๆที่แฝงคำตัดพ้อเอ่ยขึ้น ในห้องแต่งตัวใหญ่ ในขณะที่ข้ารับใช้กำลังสวมอาภรณ์แต่ล่ะชิ้นให้ร่างบางทั้งสอง

    “ท่านพี่~ ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้ฟังคำที่ท่านพูด ข้ารอวันท่านจะลองเปิดใจให้คนอื่นนอกจากท่านพี่คนนั้น... คนๆนั้น” ผู้เป็นน้องลังเลที่จะพูดถึงบุรุษในความทรงจำของผู้เป็นพี่เล็กน้อย กลัวว่าจะทำให้จูเนียร์คิดถึงความหลัง

    “พี่จะตามหาความรัก ที่มันกำลังจะมา” ใบหน้าสวยเงยขึ้นรับกับแสงไฟ แววตาที่ว่างเปล่าแปรเปลี่ยนเป็นความหวังที่บริสุทธิ์ของใจผู้พูด “ข้าอยากจะลองรักสักครั้ง ..ขอให้ที่ท่านหมอเอ่ยเป็นจริง”

    “ข้าจะช่วยท่านพี่เอง.. วางใจเลย!” น้ำเสียงร่าเริงกับท่าทีสดใสเอ่ยอย่างจริงใจ แบมแบมรู้สึกดีมากๆ ที่เห็นผู้เป็นพี่ยิ้มอย่างมีความหวัง จริงอยู่ว่าแบมแบมไม่พอใจที่ท่านพ่อชอบที่จะพร่ำบอกให้ตนและท่านพี่หาคู่ครอง และคอยเป็นกำลังใจเสมอในเรื่องคนในความทรงจำของผู้เป็นพี่ แต่ช่วงหลังมานี้ท่านพี่มักนอนไม่หลับ หมองเศร้าจากความทรงจำนั้น ทำให้เค้าไม่ค่อยจะมั่นใจนักว่าควรจะบอกกับพี่ตัวเองเช่นเดิมไหมว่าให้เชื่อในรักนั้น และยิ่งการรับเอนไอของพี่เข้ามาใกล้ ดวงใจของผู้เป้นน้องก็อยากให้ท่านพี่มีสุขกับรักสักครั้ง รักแบบหนุ่มสาวบ้าง

    “ไม่.. ไม่เป็นไร วันนี้ข้าจะไม่สวมมัน” จูเนียร์เอ่ยขึ้นเมื่อสาวใช้กำลังจะช่วยสวมสร้อยดอกไม้สุดรักของตนให้ ร่างบางลูบคอระหงของตนก่อนจะพูดกับสาวใช้ว่า “ชุดข้า ...ไม่ใส่สร้อยคงจะดีกว่า”

    ผู้เป็นน้องมองท่านพี่ที่ดูเหมือนหลุดพ้นจากความหลังกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ยิ้มปริ่ม แต่ในใจลึกๆก็รู้สึกถึงคำถามที่ร้องเรียกคำตอบ คำถามที่ถามว่า นี่ถูกแล้วใช่ไหม?

     

    ภายในห้องถูกความเงียบปรกคลุมพักใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นน้องจะรู้สึกถึงถ้อยคำที่อาจรุนแรงไปของตน จึงเอ่ยขึ้น แต่ทว่าผู้เป็นพี่ก็คิดเช่นกันกับตน

     

    “หม่อมฉันขอโทษ/พี่ขอโทษ”

     

    ทั้งสองเอ่ยขอโทษพร้อมกัน ด้วยความที่อยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา ราวกับแฝดก็ไม่ปาน ทำให้ทั้งสองเข้าใจหัวใจอีกดวงโดยไม่ต้องกล่าวคำใดขึ้น ทั้งสองมองกันด้วยความรู้สึกที่คลายความกดดันเมื่อครู่ ผู้เป็นพี่เดินเข้ามาสวมกอดน้อง เหมือนกับน้องที่เข้าสวมกอดท่านพี่เช่นกัน ทั้งสองมอบกอดที่อันอบอุ่นของความเป็นพี่น้องให้กันและกัน

     

    “พี่รักเจ้านะ พี่จะไม่ทำให้เจ้าต้องห่วงแล้วจ้องกินเลือดกินเนื้อใคร จนหมดความเป็นองค์หญิงผู้เรียบร้อยอีกแล้ว” จูเนียร์เอ่ยติดตลก ก่อนจะถอนกอดออกจากน้องแล้วนั่งลงบนเตียงตัวเอง

    “งั้นข้าก็จะไม่ถามท่านว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างข้างนอกนั่น” แบมแบมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กลับเป็นปกติ “...แต่ท่านก็ต้องระวังไว้บ้างนะ ยาพิษน่ะ มักเคลือบด้วยน้ำตาล คำหวานนั่นก็เช่นกัน...”

     

    จูเนียร์ยิ้มรับกับคำสอนของน้องรัก ก่อนจะจับมือนุ่มนิ่มของแบมแบมขึ้นมา ราวกับจะอ้อนน้องรักให้เลิกเป็นห่วงและบ่นเป็นท่านแม่

     

    “พี่รู้แล้ว พี่จะรักเค้าอย่างมีสติ” ใบหน้าสวยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย ที่พูดคำว่ารักไป

    “รัก? รักที่เพิ่งพบกันครั้งแรกงั้นหรอ? ท่านพี่ข้า..”

    “แล้วท่านเจบีล่ะ”

     

    ก่อนที่ผู้เป็นน้องจะเอ่ยขึ้นต่อ จูเนียร์ก็ดักคอด้วยการพูดถึงเจบี ชายลึกลับที่น้องตัวเองดูจะชื่นชอบเอาอยู่มากโข ถึงกับเดินเข้าไปคุยอย่าง.. สนิทสนม

     

    “เค้าเป็นใครหรอ พี่เห็นเจ้า...”

    “อ้อ ท่านเจบีเค้าบอกข้าว่าเค้าเป็นราชองครักษ์จากแคว้นออโรร่าไทม์ ที่ได้รับคำเชิญมางานนี้แทนจักพรรดิณีที่ครองราชย์อยู่ที่นั่น”

     

    ถึงจะพอใจแล้วที่รู้ว่าชายลึกลับคนนั้นคือใคร แต่ทว่า ความรู้สึกที่เห็นน้องของตนดูตื่นเต้นกับการพูดถึงชายคนนั้นทำเอาจูเนียร์ รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ...ไม่รู้ทำไม

     

    การสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั้งทั้งสองแยกย้าย โดยแบมแบมกลับห้องตน จูเนียร์ก็เปลี่ยนฉลององค์แล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    ม่านหมอกลอยคละกันในอากาศ สีสันราวกับสายไหมสีน่ากิน แต่แล้วหมอกนั้นก็หายวั้บลงไปทันที เสียงก้าวเท้าช้าๆเดินมาด้านหลัง ร่างบางหันไปมองทันที ก็ต้องตกใจเล็กน้อย ที่พบเฮอเซลยืนอยู่

     

    “ไงองค์ชายน้อย... รู้สึกอย่างไรบ้างกับรักแรกพบ”

    “ท...ท่านหมอ” จูเนียร์ในชุดนอนบางเบา กำลังมองไปรอบๆกาย บัดนี้มันกลายเป็นเหมือนบ้านของเฮอเซลไปแล้ว “ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี้”

    “.. สนใจสิ่งที่ข้าถามเจ้าดีกว่านะ” ร่างของเฮอเซลหายวับไปก่อนจะมาปรากฏอีกด้านหนึ่งของจูเนียร์ “ตอนนี้รู้สึกใจเต้น และสับสนใช่ไหม”

    “..ท่านรู้?” ร่างบางนั่งลงกับพื้นบ้าน “ข้าก็ไม่เข้าใจหัวใจตัวเองเลย มันเต้นแรงใส่คนไม่เลือกเลย”

    “หึ ฮ่าๆๆ” แม่หมอขำออกมาเบาเบา ก่อนจะเดินมาหาร่างบาง “มันเลือกแล้วต่างหาก”

    “เลือกแล้ว? ท่านหมายความว่าอย่างไร”

    “เลือกคนที่จะหวั่นไหวด้วยอย่างไรเล่า เด็กน้อย...” เฮอเซลยกยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยคำสุดท้าย “ใจเจ้ามันเลือกแล้ว ... แต่แค่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเป็นใคร”

    “ห้ะ?...” คิ้วสวยผูกโบว์เข้าหากัน ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ ร่างบางหันไปหวังจะถามอีกครั้ง แต่ทว่าร่างเฮอเซลก็หายกลายเป็นควันต่อหน้า วูบ...~

     

     

    รุ่งเช้าวันนี้อากาศดีกว่าทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะไอลมที่พัดผ่านเข้ามาเบาๆกับแดดอุ่นๆยามเช้า หรือเป็นเรื่องเมื่อคืน ร่างบางก้าวเดินเหมือนกระต่ายน้อยร่าเริง ไปยังหน้ากระจกก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง

     

    “ถ้าหากเป็นเมื่อวาน เช้านี้ข้าจะนั่งคิดถึงท่าน...” นิ้วเรียวสัมผัสเบาๆลงบนจี้ดอกไม้ที่วางอยู่ในกล่องไม้เล็กๆ “แต่วันนี้ จะไม่ใช่อีกแล้ว... ข้าขอเปิดรับใครเข้ามานะท่านพี่” รอยยิ้มสีเทาๆที่เจือไปด้วยความรู้สึกของจูเนียร์ ที่กำลังส่งไปให้จี้ดอกไม้น้อยๆนั้น หวังเหลือเกินว่าจะส่งไปถึงเจ้าของมัน และกลับมาห้ามใจที่กำลังไหวหวั่นของตน

     

    “ไม่สิ... ข้าต้องเป็นคนใหม่” ร่างบางสะบัดผมสลวยเล็กน้อย พร้อมเดินไปอาบน้ำแต่งตัว

     

    ชุดคล่องตัวสำหรับวันนี้ กางเกงเสื้อก็ถะมัดถะแมง พร้อมสำหรับการขี้ม้า ร่างบางเดินไปหาน้องรักที่ห้องเพื่อบอกกำหนดการณ์ของวัน ว่าวันนี้เค้าและน้องรักมีอะไรต้องไปทำกันบ้าง แต่ทว่า ห้องก็ว่างเปล่า

     

    ...สงสัยจะลงไปแล้ว

     

    “ตื่นเช้าดีนี่” เสียงเข้มๆทำเอาร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองต้นเสียง

    “ท่าน?...” จูเนียร์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้า ..เหตุใดคนๆนี้ถึงยังอยู่ในวังของตนอีกนะ

    “เจบีพะยะค่ะ” ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ร่างบางก่อนจะโค้งให้พอเป็นพิธี “แบมแบมลงไปแล้ว เหลือท่าน เชิญลงไปเสวยอาหารเช้าได้แล้ว... พะยะค่ะ”

     

    ร่างสูงทิ้งเสียงหลังประโยคเหมือนตั้งใจกวนคนฟัง ก่อนจะเดินนำหน้าไป แต่เมื่อลงมาถึงห้องอาหารก็ต้องแปลกใจกว่าเก่า เมื่อเห็นน้องสุดที่รักกำลังคุยอย่างออกรสกับผู้เป็นพ่อ และมีผู้ร่วมรับประทานอยู่อีกคน...

    ...ท่านมาร์ค?

     

    “อ่าวท่านพี่~ มาแล้วหรอเพคะ~” น้องรักกล่าวทักทายอย่างสดใส

     

    ผู้เป็นพี่นั่งลงตรงข้ามน้องรัก ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารเช้า เหมือนเช่นเคย... ที่แตกต่างไปเพราะมีแขกเพิ่มมา 2คน องค์ราชาผู้เป็นพ่อนั่งอยู่หัวโต๊ะ มองสายตาลูกที่มองกันข้ามอาหารไปมา คนโตก็มองคนที่นั่งข้างน้อง คนน้องก็มองคนนั่งข้างพี่ เห็นแล้วก็แย้มพระสรวล แต่ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆไป

     

    เวลาก็ล่วงเลยไปเล็กน้อยทั้งสี่ก็ออกมาที่ลานกว้าง ก่อนมหาดเล็กจะนำม้ามาให้แต่ล่ะคน มาร์คและเจบี มีม้าเป็นของตัวเองที่โดยสารมาด้วยอยู่แล้ว เลยขอออกขี่ชมไพรด้วย แบมแบมก็ออกปากเห็นดีเห็นงามกับเจบี ทั้งสี่ขี้ชมนกชมไม้กันไปตามประสา จนกระทั้งความคิดพิเรนทร์ของก็ก่อตัวขึ้น

     

     

    “เรามาล่าสัตว์กันดีไหม” มาร์คเอ่ยในขณะที่ทั้งสี่กำลังพักม้ากันที่ริมธาร คนฟังอีกสามคนหันมองเค้าเหมือนสนใจ ยิ่งทำให้เค้ายกยิ้ม

    “จะไปฆ่าสัตว์ทำไม” เสียงใสแย้งขึ้นมาทันที ไม่ใช่ใครอื่น แบมแบม...

    “ข้าก็เห็นด้วย ฆ่าไม่อยากฆ่าสัตว์” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกหนึ่งเสียง

     

    “หม่อมฉันแค่อยากให้เราได้ลองทำอะไรสนุกๆกัน มาชมไพรแบบนี้องค์หญิงทั้งสองก็คงมาบ่อยแล้ว มันก็แค่แข่งขันกันเล่นๆ” เจ้าของคำพูดปรายตาไปทางร่างบางเจ้าของเสียงอันอ่อนโยน “เราแค่จับมันมาแล้วก็ปล่อยไปก็ได้ ...อย่างพวกกวางป่าเราคงไม่จับมันมากินหรอกจริงไหมพะยะค่ะ หรือหากพบกระต่ายป่าแล้วพระองค์อยากเลี้ยง...”

    “...งั้นก็ได้”

    “ท่านพี่!~” ผู้เป็นน้องร้องเสียงหลง เมื่อเห็นผู้เป็นพี่ยอมง่ายๆ ร่างเล็กเบ้ปากใส่เจ้าของความคิดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาบุคคลที่ยืนอยู่ก็เหมือนไม่อยู่ “ท่านเจบีคิดเห็นเช่นไร” ร่างเล็กหาพวก

     

    “...ตัวหม่อมฉันตามใจพระองค์ทั้งสอง..หากจะล่าสัตว์ก็เข้าไปในป่าลึกกว่านี้เพียงไม่กี่อึดใจ แต่คนที่เตรียมอาวุธมาก็มีแค่พวกเราสองคน ส่วนท่านทั้งสองมีเพียงธนู ลูกธนูก็มีเพียงไม่กี่ดอก” เสียงเข้มกล่าวดูเป็นหลักเป็นการ

    “จริงด้วย! แล้วแบบนี้ท่านยังจะให้พวกข้าไปผจญภัยกลางป่าโดยไร้อาวุธที่สู้สัตว์ร้ายได้อีกหรอ”

     

    ...ช่างขัดจริงแท้!

    เอาสิ คิดว่าจะทำยังไงได้ต่อ!

     

    สองตาประสาน แบมแบมและมาร์คจ้องมองกันและกัน เพียงแต่แววตานั้นไม่ได้มีความรู้สึกอ่อนไหววาบวามแม้แต่น้อย มีเพียงแววตาที่จะกินเลือดกินเนื้อกัน ทั้งสองโต้เถียงกันในใจ ราวกับได้ยินเสียงอีกฝ่าย

     

    “งั้นเราก็แยกกันไปเป็นคู่”

     

    นั่นไง! เผยออกมาแล้ว แผนการร้าย ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำสำเร็จหรอก

     

    “เราจะแบ่งกันเป็นแบบนี้ ข้าจะไปกับท่านหญิงจู...”

    “งั้นข้าไปกับท่านเอง!” แบมแบมโพล่งขึ้นดักคอ ทำเอาเจ้าความคิดชะงัก

     

    จะมาไม้ไหนอีก ยัยองค์หญิงแสบ!

    เอาสิ~ คิดว่าจะได้รุ่มร่ามกับพี่ข้าเป็นครั้งที่สอง ฝันไปเถอะ!

     

    “งั้นตกลงตามนี้นะ” แบมแบมเอ่ยในขณะที่ทุกคนยังเงียบ ก่อนจะเดินไปดันตัวพี่สุดที่รักให้ไปกับเจบี ... เหอะๆ ไปกับใครก็ปลอดภัยกว่าไปกับเจ้า ไอ้เจ้ามาร์ค!

     

    อ้าวเห้ย!

    มาร์คสบถเสียงดังในใจเมื่อเห็นว่าคนที่หมายตาให้ไปด้วยขี่ม้าออกไปกับมารตลอดการของตนอย่างเจบี ร่างหนากัดฟันกรอด ไม่ใช่เพราะเจบีได้ไปกับจูเนียร์ แต่เพราะสิ่งมีชีวิตที่ลอยหน้าลอยตาเอากิ่งไม้เขี่ยน้ำอยู่ที่ลำธาร เหมือนตั้งใจจะกวนประสาทตน

     

    “มองทำไม” ร่างเล็กละจากการเล่นน้ำ หันมาทำหน้ายียวนใส่มาร์ค

    “ท่าน!

    “เรียกเสียงแข็งขนาดนั้นเรียกชื่อเฉยๆก็ได้กระมัง”

    “แบมแบม!

    “นี่ข้าเป็นองค์หญิงนะ ให้เกียรติข้าบ้างสิ” ร่างเล็กหันมายักคิ้วใส่คนที่ยืนหน้านิ่วอยู่ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาใส่

     

    หึหึ สะใจ

    ยัยตัวแสบ!

     

     

    “เราต้องไปอีกไกลแค่ไหน?” ร่างบางบนหลังม้าสีขาวหันไปถามชายหนุ่มที่เงียบสงัดยิ่งกว่าป่าช้า หากไม่มีเสียงม้าเดินก็คงคิดว่าตนมาคนเดียวแล้ว

    “เราก็พักม้าไว้ที่ต้นสนนี่ก่อนได้ แล้วก็ใช้เท้าเดินไปดูสัตว์แถวนี้ ข้าว่าน่าจะมีกระต่ายป่าสักตัว” ร่างสูงเสยผมขึ้นเล็กน้อยเพราะอากาศที่อบอ้าวขึ้นมาดื้อ “ข้าว่าอากาศเหมือนฝนกำลัง”

    “นั่นไง!” ร่างบางร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นหลังกระต่ายป่าสีขาวปนเทาอยู่ไม่ไกล “ไปกันเถอะ” ร่างบางออกวิ่งตามกระต่ายตัวนั้นทันทีหลังลงจากม้า

    “เดี๋ยว! องค์หญิง ตรงนั้นมันป่าลึกมากเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวท่านจะหลง!

     

    ร่างสูงออกวิ่งตามทันทีเมื่อเห็นคู่ของตนออกวิ่งไปไม่สนใจว่าที่นี่เป็นป่าลึก ด้วยความแข็งแรงที่มีมากกว่า มือแกร่งคว้าแขนของคนที่ออกนำมาไกลไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างบางจะถูกแรงเหวี่ยงจากการวิ่งแล้วถูกรั้งหันเข้าหาร่างสูงอย่างจัง จนล้มทับกันไปตามระเบียบ

     

    “อ้ะ!..” ร่างบางร้องออกมาเมื่อล้มผิดท่า ถึงแม้ตอนนี้จะนอนทับบนร่างแกร่งของเจบี แต่ทว่าข้อเท้าก็พลิกเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่

    “ท่านเป็นอะไรรึเปล่าองค์หญิง” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก จนได้ยินเสียงพูดนั้นชัดเจนราวกับกระซิบข้างหู

    “ข... ข้า..” จู่ๆแก้มเนียนก็ร้อนผ่าวเสียดื้อๆ อาการกำเริบอีกแล้ว “ข..ข้อเท้าข้าคงพลิก”

     

    ร่างสูงดันตัวลุกพร้อมประคองร่างบางบนตัวให้นั่งพร้อมกัน ก่อนจะสำรวจที่ข้อเท้าของคนตรงหน้า เมื่อเลิกกางเกงขึ้นดูก็พบว่า มันมีเลือดออกจากแผลถลอกที่ครูดกับพื้นดินที่มีกรวดหิน มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาก่อนจะซับห้ามเลือด และนำน้ำดื่มที่ติดตัวมาล้างมัน ก่อนจะพันแผลกันสิ่งสกปรกไว้อย่างเบามือ

    ดวงตาคู่สวยมองทุกๆการกระทำของคนที่ดูเย็นชาทำกับตน ม่านตาขยายกว้างขึ้นเมื่อจู่ๆก็ถูกอุ้มขึ้นในอ้อมแขนแกรงของเจบี จูเนียร์มองทำตาปริบๆ รวงแก้มแดงที่ระเรื่ออยู่ก็ใกล้จะเป็นลูกตำลึงสุกแล้ว

     

    “เรากลับวังกันก่อนดีกว่า ข้ารู้เหมือนว่า”

     

    แปะ ...แปะ แปะ... ซ่า!

     

    ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเอ่ย ฝนก็ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว เมื่อมองซ้ายมองขวาแล้ว ก็พบว่าตอนนี้ทั้งคู่เข้ามาในป่าลึกมาแล้ว ร่างสูงจึงตัดสินใจหาที่หลบฝนก่อนที่ร่างในวงแขนจะเปียกชุ่มไปมากกว่านี้ เจบีออกวิ่งไปหาที่หลบภัย และเหมือนฟ้ายังเห็นใจ มีถ้ำเล็กๆที่ยังพอจะหลบฝนได้บ้าง ทั้งสองเข้าไปหลบพัก

     

    “..ทำไมเราไม่กลับไปที่ม้าล่ะ” ร่างบางเอ่ยขึ้น เมื่อได้นั่งลงบนหินก้อนใหญ่ในถ้ำ “อร้าย!” เสียงสายฟ้าฟาดลงมาทำเอาร่างบางตกใจร้องออกมา ก่อนจะหลบตาอีกคนเพราะอาย

    “แล้วใครเป็นคนออกวิ่งตามกระต่ายมาในป่าลึกขนาดนี้ล่ะ” นัยน์ตาคมมองเหมือนกำลังดุเด็ก “ม้าก็คงตกใจเสียงฟ้าวิ่งเตลิดไปแล้ว ...เพราะเจ้าของยังไม่ทันผูกมันไว้ ออกตัววิ่งทิ้งมาไกล”

    “... ก็ข้า” ปากสวยได้รูปเบ้ขึ้นเป็นรูปสามเหลี่ยม เหมือนเด็กน้อย

    “ช่างเถอะ ยังไงก็หลบในนี้จนกว่ามันจะหยุดตก ...อีกอย่างข้อเท้าท่าน” ร่างสูงเหลือบมองข้อเท้าของร่างบาง ก่อนจะเห็นว่าชุดที่ใส่มาเปียกชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝน “ท่านถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกก่อนเถอะ”

    “ห้ะ..” แขนเรียวยกขึ้นป้องปิดตัวเอง ก่อนจะมองอีกคนด้วยสายตาหวาดๆ “ทำไมข้าต้อง...”

    “หรือท่านอยากจะปอดบวมก่อนล่ะ” ร่างสูงพูดพลางถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะนำไปพาดไว้ที่หินกว้างอีกด้าน

     

    “ข้าไม่แอบดูหรอกหน่า..”

     

     

    .. Waiting for next Chapter ..



    เนียร์คิดถูกรึเปล่าที่เปิดใจให้Mr. Mark แต่ก็ไม่รู้นะ ดันชัดมว้ากกก

    ไม่ค่อยบอกเลยว่าใครคู่ใคร ฮ่าฮ่าฮ่า แต่Chapter หน้านี่ บอกเลยว่าเปียก เปียกทั้งคู่

    แน่ๆ ... เราจะเชื่อมั่นว่ารีดเราไม่คิดลึก~

     

    ปล. อยากติดตามฟิค ก็กดเป็นแฟนไว้เลยค่ะ จะได้ไม่พลาด~

    คอมเม้นเป็นกำลังใจสำคัญของไรท์มากเลย ไรท์ไม่ขอให้ต้องโหวต ต้องเพิ่มเรทติ้ง

    แต่ขอแค่คอมเม้นที่อยากพูดถึงฟิคเรื่องนี้ให้ชื่นใจหน่อยแค่นี้เอง

    ไรท์จำหมดนะใครเม้นบ้าง นี่ๆ คอมเม้นมีผลต่อการให้ฉากที่เค้าไม่ให้อัพในนี้นะ~

    หรือถ้าใครอยากคุยกับไรท์ก็นี่เลยทวิตไรท์ @SwT_Te
     

    แล้วก็อย่าลืมไปสกรีมความใส(?)ของฟิคเรื่องนี้ได้ในแท็กนี้เลย~

    จะรออ่านนะคะ

     

    #ficrightthere

     

    เม้นเถอะ ติดตามเถอะ ไปฟรุ้งฟริ้งในทวิตกันเถอะ นะนะนะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×