ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นอัลฟ่าหญิงเพียงหนึ่งเดียวในโลกนิยายBL

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7 บทสนทนาของปู่และหลาน

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 63


      

    มือสองมือยกขึ้นเหนือบ่าราวกับผู้ร้ายที่ประกาศยอมแพ้ ศีรษะโคลงลงอย่างนอบน้อมและเจียมตัว เก้าอี้ถูกถอยร่นเว้นระยะห่างเท่าที่เธอวางใจว่าปลอดภัย ทว่ารอยยิ้มบางบนใบหน้าก็ยังคงประดับอยู่มิได้เลือนหายไปราวกับพ่อค้าผู้เสแสร้ง...หากบอกว่าไม่กลัวเลย ก็นับเป็นคำโป้ปด...ดังนั้นคงเรียกว่าเอลลิโอร่าเพียงแค่ทำใจดีสู้เสือเท่านั้น เพราะตนแสนมั่นใจว่าปู่ผู้เด็ดขาดสามารถหักคอเธอได้หากเขาต้องการ...ต่อให้เป็นหลานในเชื้อสายของเขาก็ตาม...

     

    เอาล่ะ...เริ่มสารภาพตรงไหนก่อนดีนะ?”

    เอลลิโอร่าพยายามรักษาความใจเย็นในตัวเอาไว้ พลางเอ่ยหยอกล้อเพื่อถ่วงเวลาเล็กน้อยเพื่อสังเกตอีกฝ่ายว่ามีท่าทีเช่นไร ยอมรับเลยว่าเธอกำลังหวาดกลัวอย่างมากมายนัก...ทว่าหากเผยความใจเสาะออกมา ความน่าเชื่อถือในคำพูดแก้ตัวต่อจากนี้ก็คงลดน้อยลง...

     

    เริ่มจากจุดประสงค์อันทะเยอทะยานในหัวของเจ้าก่อนเลยแล้วกัน...

    คาเอลรอสเอ่ยกับหลานสาวที่แสดงตนว่าเหมือนปกติดีทั้งที่แทบไม่ขยับกายเข้าใกล้เขาเลยแม้แต่น้อย บางทีสายเลือดของพวกชาวแดนเหนือที่ชอบเสแสร้งและกลับกลอกก็คงปรากฏอยู่ในตัวหลานผู้นี้อยู่ดีกระมั้ง...

     

    ทางด้านเด็กหญิงที่เห็นท่าทีใจเย็นของผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดีนัก....อาจเป็นเพราะความใจเย็นนี้ก็ได้ที่กดดันเธอราวกับว่าทุกสิ่งที่เธอกระทำจะอยู่ในสามัญของเขา...

     

    ย่อมเป็นเรื่องเงินตรา...ใครบ้างล่ะจะไม่ใฝ่หาสินทรัพย์

    เอลลิโอร่าเอ่ยตอบอย่างที่ผู้คนทั่วไปมักเป็นกัน...ผู้คนทำงานก็ล้วนต่างหวังเงินทอง ใครๆก็อยากรวยกันทั้งนั้น แล้วเหตุใดเขาจึงคิดว่าเธอต้องมีจุดประสงค์อะไรล่ะ...ร่างของเด็กหญิงยิ่งขยับกายถอยห่างอีกเล็กน้อย...

     

    เงินทอง?...ก็คงใช่ แต่คนอย่างเจ้าคงไม่หวังแค่นั้นหรอก

    คาเอลรอสที่ได้ฟังก็เพียงเหลือบมองด้วยความดูแคลน...มือข้างหนึ่งถูกยกมาเท้าคางอย่างหยิ่งยโสตามเดิม ก่อนใช้มือข้างกวักเรียกเด็กหญิงให้ขยับมาใกล้ๆ เพราะเกรงว่าอีกสักพักนางคงถอยห่างเขาจนออกนอกบ้านไปเสียก่อน

     

    เอลลิโอร่าที่เห็นปู่ของตนกวักมือเรียกให้เข้าใกล้ แม้ใจจะขลาดกลัว ทว่าก็ยอมเชื่อฟังและขยับมาใกล้เขาตามระยะเท่าเดิม แต่ดูเหมือนปู่ร่วมสายเลือดของตนก็ยังไม่พอใจนัก จึงกระดิกนิ้วเรียกเธอราวกับผู้เป็นนายให้เข้ามาใกล้อีก...เด็กหญิงจึงทำได้เพียงจำใจเข้าไปใกล้เขาอีก แม้ใจจะหวั่นว่าหากเขาเอื้อมมือมาบีบคอเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว..

     

    เอาล่ะ...ว่าอย่างไรล่ะ เอลลิ

     

    ดวงตาอสรพิษผู้เป็นต้นแบบฉายแวววาวดุจผู้เป็นใหญ่ที่มองลงมา...มือที่คิดว่าอาจคร่าชีวิตตนได้นั้นเอื้อมมาเล่นผมเปียของเธอตามเดิม ท่าทางและสีหน้าของเขาที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจนั้นสร้างความลำบากใจให้แก่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยากเย็น น้ำเสียงที่เอ่ยกระชับยิ่งสร้างความน่าขนลุก...

     

    ไม่คิดว่าท่านจะประเมินข้าสูงเกินไปหน่อยหรือ...

    รอยยิ้มของเอลลิโอร่าบางลงเล็กน้อย ทว่าก็ไม่แคล้วแสดงท่าทีปกติอยู่ดี ปู่ของเธอคาดหวังอะไรในตัวเธอกัน...ความสามารถหรือพรสวรรค์ใดๆก็ล้วนไม่มี หากเธอเก่งกาจก็ว่าไปอย่าง...

     

    หากข้าตัดลิ้นของเจ้าเสีย...คำเสแสร้งนั้นจะยังคงเอื้อนเอ่ยออกมาหรือไม่?”

    คาเอลรอสเอ่ยกับหลานสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ท่าทางที่แสดงออกว่าใจเย็น ทว่าประโยคความที่พูดนั้นช่างกลับดูเลือดเย็นยิ่งนัก มือของเขายังคงเล่นเปียผมของนางต่ออย่างไม่ใส่ใจ

     

    ซึ่งเอลลิโอร่าที่รู้จักปู่ร่วมสายเลือดผู้นี้ดีโดยประมาณ ย่อมเข้าใจแล้วว่า เขาคงดูออกจริงๆ...และให้โอกาสเธอพูดเป็นครั้งสุดท้าย...ช่างประเสริฐยิ่ง ปกปิดแทบตาย สุดท้ายก็ไม่สำเร็จผล...

     

    เมื่อรับรู้ดีแล้วว่าสุดท้ายก็คงไม่อาจเสแสร้งไปต่อได้...รอยยิ้มที่พยายามฉีกบนใบหน้าเพื่อสร้างภาพก็จางหายไปถึงสามส่วน เหลือเพียงรอยยิ้มที่ดูแคลนตน...ก่อนตัดสินใจเอ่ยความจริงจากก้นลึกของตัวเอง

     

    ที่ตัวข้าอยากได้เงินตรานั้นเป็นเรื่องจริง....ทว่าการใฝ่หามันเพื่อสร้างอำนาจให้ตนต่างหากที่ป็นสิ่งสูงสุด

     

    เป็นน้ำเสียงที่จริงจังและเคร่งขรึมเกินวัยหรือความปกติของเด็กหญิงที่เอ่ยออกมา...ดวงตาอสรพิษเลื่อนสบตาของผู้เป็นปู่ที่ไม่แคล้วกันอย่างเงียบงัน...แม้จะกระดากปากที่จะพูดว่าตัวเองใฝ่สูง ทว่ามันก็คือความจริง...

     

    ซึ่งทางด้านคาเอลรอสที่ได้ยินกลับไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางที่แปลกใจ หนำซ้ำดวงตาของเขายังฉายแววความชอบใจถึงสองส่วน...ก่อนปลดผ้าผูกเปียผมของหลานสาวให้ปล่อยลงแผ่สยายเพื่อถักให้ใหม่ อันเนื่องจากนางชอบมัดเปียผมของตัวเองอย่างชุ่ยๆนักไม่สมเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย...บางทีพวกโอเมก้ายังดูสมหญิงกว่านางเลย

     

    หันมานี่...แล้วเล่าต่อเสีย

    คาเอลรอสเอ่ยต่ออย่างราบเรียบ ก่อนจับศีรษะของหลานสาวคนโปรดให้หันหลังเพื่อถักผมของนางได้สะดวก...มือหนาและหยาบกร้านของเขาสางเส้นผมสีดำที่คล้ายถอดแบบมาจากตนอย่างเบามือ บ่งบอกถึงความเมตตาและเอ็นดูต่อนางอย่างแท้จริง หากถามถึงผู้ใดในชนเผ่าที่ชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้โปรดปราน เสียงทั้งหมดย่อมตอบถึงหลานสาวผู้เกิดต่างแดนของเขาอย่างแน่นอน...

     

    คาเอลรอสไม่ใช่ผู้ชายใจดีหรือเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตาต่อเด็กหรือทุกคนในชนเผ่านัก...ซึ่งก็คงนับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ใครสักคนจะได้รับความโปรดปรานจากเขาได้...

     

    หลังจากที่ข้าปรับตัวเข้ากับที่นี้ได้ในระดับหนึ่งแล้วและต้องไปกลับจักรวรรดิเฟย์ติสเป็นครั้งคราว...ซึ่งครั้งตอนอยู่ที่ดินแดนทางเหนือนั้น ข้าจึงพยายามศึกษาความรู้ของที่นั่นเท่าที่จะทำได้...เพื่อหาหนทางสร้างโอกาส เพราะการอยู่ดินแดนทางใต้นั้นค่อนข้างยากลำบากที่จะสร้างฐานการเงินหรืออิทธิพลทางสังคมได้

     

    นับว่าบิดาของนางช่างน่าชัง...เพราะคล้ายเขากำลังตัดโอกาสและสถานะทางสังคมของเธอในจักรวรรดิเฟย์ติส ไม่มีเชื้อพระวงศ์คนใดที่เติบโตในดินแดนอันห่างไกลความเจริญเช่นเธอ...พวกเขาจะกดเธอด้วยเหตุผลที่ว่าการศึกษาและแนวคิดที่ล้าหลังอันเนื่องจากสภาพแวดล้อมโดยรอบของเธอ อีกทั้งตัดขาดการหาอำนาจภายในทางการเมืองในขณะที่พี่ชายและน้องชายของเธอจะค่อยๆสะสมมันจนมีรากฐานที่มั่นคง...และเธอไม่มี

     

    สุดท้ายเอลลิโอร่าจะกลายเป็นเพียงตัวหมากโง่ๆที่ไม่มีอำนาจทางการเมืองใดๆ มีเพียงสถานะทางสังคมที่ได้ชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์นอกคอกเท่านั้น ซึ่งหากจะคิดในมุมมองของเธอแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่อนาคตข้างหน้า ตัวเธอจะถูกบิดาส่งไปแต่งงานเพื่อเสริมอำนาจราชวงศ์เฟย์ติสอย่างขัดขืนไม่ได้...ถูกบีบให้ไร้อำนาจจนกลายเป็นหุ่นเชิดเพื่อผลประโยชน์อีกทีก็เท่านั้น

     

    ช่างรู้จักหาทางเอาตัวรอดเสียจริง…”

    คาเอลรอสเอ่ยอย่างราบเรียบแม้ดวงตาจะยังคงจับจ้องไปยังเรือนผมของหลานสาวเพื่อถักเปียให้อยู่ก็ตาม เขาไม่ได้กล่าวประชดแต่อย่างใด ทว่าการที่เด็กอายุเพียงพึ่งเริ่มแรกเดินสำหรับโลกใบนี้อย่างนางตระหนักถึงสถานะของตนและพยายามดิ้นรนนั้นนับเป็นเรื่องน่าทึ่งแล้ว...

     

    เพราะผู้คนบนโลกใบนี้มีชีวิตที่ยาวนาน...พวกเขาจึงเติบโตช้า ทว่าไม่ใช่สำหรับเอลลิโอร่าที่ใช้ชีวิตเฉกเช่นเดิมตามโลกก่อน จนกลายเป็นความเร่งรีบสำหรับโลกใบนี้...

     

    โอ้...ขอบคุณสำหรับคำชมแล้วกันนะ ท่านปู่

    เอลลิโอร่าหยุดเล่าแล้วมาตอบรับคำกล่าวของคาเอลรอสอย่างทีเล่นทีจริง เธอโคลงหัวเล็กน้อยคล้ายน้อมรับ ทว่าก็ถูกสายตาดุของคนกำลังถักเปียให้อยู่ว่านิ่งๆ จึงทำตัวราบเรียบเช่นเดิม...

     

    ช่วงเวลาที่อยู่จักรวรรดิเฟย์ติสนั้นไม่ได้ยาวนานพอให้ข้าสร้างสัมพันธ์ต่อขุนนางจนสร้างความเชื่อใจได้...จึงจำเป็นต้องเริ่มจากรากฐานที่จับต้องได้เสียก่อน...ข้าค้นหาวิธีทางอยู่นาน...

    เอลลิโอร่าเอ่ยเล่าต่ออย่างราบเรียบ...สมัยก่อนเธอเคยพยายามเข้าไปตีสนิทกับขุนนางบางส่วนที่เป็นกลาง ทว่าก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล อันเนื่องจากอคติทางความคิดและสถานภาพทางสังคมของเธอที่ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่นัก แม้พวกเขาจะไม่เข้าฝ่ายอนุรักษนิยมหรือเสรีนิยม แต่ก็ยังคงต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองอยู่ดี

     

    ซึ่งเอลลิโอร่านั้นคงไม่สามารถทำตัวเป็นน้ำ ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างง่ายดายนัก จึงพยายามหาหนทางอื่นเพื่อใฝ่หาอำนาจแทน...และเงินทองก็เป็นรากฐานหนึ่งของอำนาจ....

     

    แล้วเจ้าก็เจอช่องโหว่ของกฎหมายระหว่างดินแดนทางตอนเหนือและดินแดนตอนทางใต้สินะ…”

    ด้วยสติปัญญาของคาเอลรอสทำให้เขาที่คิดตามหลานสาวก็สามารถประกอบความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาอสรพิษของเขาฉายแววความประหลาดใจในความชาญฉลาดของหลานสาวตรงหน้า...นางช่างเข้าใจคิดดีจริงๆ

     

    ข้าใช้เวลาคิดตั้งนาน...แต่ท่านกลับคิดมันออกได้รวดเร็วยิ่งนัก....

    เอลลิโอร่าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเย้ยหยันออกมา...เธอใช้เวลาคิดหนทางนี้ตั้งหลายวันหลายสัปดาห์ ทว่าคาเอลรอสที่ได้ฟังและเพียงคิดตาม ก็กลับมองเห็นหนทางนี้อย่างรวดเร็ว...แต่ก็สมเป็นเขาจริงๆนั่นแหละ คาเอลรอสฉลาดกว่าเธอมาก...

     

    ต้องขอบคุณสนธิสัญญาอาณาเขตระหว่างทุ่งกว้างและราบลุ่มเนย์ติสของจักรวรรดิเฟย์ติสกับดินแดนทางใต้ล่ะนะ ที่ทำให้เกิดช่องว่างกับตัวข้าที่มีสถานะเช่นนี้ได้ใช้ประโยชน์....

     

    ชิ้นส่วนของอสุราและสัตว์ในดินแดนทางใต้นั้นเป็นที่ต้องการของโลกภายนอกอย่างเหลือล้น บรรดานักสะสม เศรษฐีผู้มั่นคั่ง ขุนนางหรือแม้แต่องค์กษัตริย์ก็อยากได้ไปประดับเป็นบารมี...ทว่าก็น่าเสียดายนักที่ต่อมาสนธิสัญญาอาณาเขตระหว่างทุ่งกว้างและราบลุ่มเนย์ติสถูกลงนามไปเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว จึงทำให้ชาวแดนเหนือหรือผู้คนโลกภายนอกที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากที่นี้ ไม่สามารถเข้ามาเหยียบได้อีก...

     

    ผู้คนในดินแดนทางใต้เองก็ไม่ได้ต้องการยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกอะไร พื้นฐานชีวิตโดยปกติของผู้คนที่นี้คือชนเผ่ามิใช่พ่อค้าหรือคนเมือง พวกเขาไม่ได้ต้องเงินทองหรือฐานะอะไรเฉกเช่นผู้คนภายนอก ระบบสังคมและการแลกเปลี่ยนของดินแดนทางใต้หรือเนย์ยีร์ค่อนข้างเป็นวิถีเก่า พวกเขาไม่ได้เปิดรับการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นัก

    หนึ่งในข้อตกลงแห่งสนธิสัญญานี้กล่าวว่า มิให้ผู้ใดที่ไม่ใช่เชื้อสายแห่งดินแดนทางใต้หรือมิได้รับการยอมรับจากชนเผ่าอย่างน้อยเจ็ดชนเผ่าเพื่อยืนยันความปลอดภัยเข้ามาเหยียบย่างที่ดินแดนทางใต้แห่งนี้ได้ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือมิได้รับการยืนยันความปลอดภัยต่อผู้ฝ่าฝืนในดินแดนทางใต้ โดยสถานะพลเมืองจะมิอาจได้รับสิทธิ์คุ้มครองความเป็นมนุษย์ได้....ซึ่งก็คือการแอบสื่อว่า ถ้าผู้คนชนเผ่าในดินแดนทางใต้ทั้งหลายพบเจอเข้า...หากถูกสังหารหรือกระทำสิ่งใดก็ล้วนไม่ผิดกฎหมายระหว่างดินแดนทั้งสิ้น

     

    แต่ดูเหมือนจักรวรรดิเฟย์ติสที่เป็นดินแดนเหนือขึ้นไปของเนย์ยีร์นั้นยังคงพยายามดึงผลประโยชน์จากดินแดนทางใต้นี้ การแต่งงานของคาเอลรอสที่เป็นเจ้าชายผู้หนึ่งของชนเผ่าฮันเรย์และแอนโทเซียที่เป็นเจ้าชายลำดับที่หนึ่งของราชวงศ์เฟย์ติสนั้นเป็นสิ่งแสดงชัดเจน ผู้ปกครองแดนเหนือต้องการให้ลูกหลานของตนมีเชื้อสายดินแดนทางใต้เพื่ออ้างสิทธิ์การเข้ามายุ่งเกี่ยวและแสวงหาผลประโยชน์ ในขณะเดียวกันดินแดนทางใต้ได้รับผลประโยชน์จากการส่งเจ้าชายชนเผ่าหนึ่งไปแต่งงานคือ การได้จักรวรรดิเฟย์ติสที่มีภูมิศาสตร์อยู่เหนือดินแดนทางใต้ที่ขอบคลุมพื้นที่เขตชายแดนทั้งหมดเป็นกำแพงชายแดนให้ ซึ่งจักรวรรดิเฟย์ติสก็คงไม่ยอมให้อาณาจักรอื่นเข้ามาหาผลประโยชน์ร่วมกับตนได้เช่นกัน จึงนับเป็นไม้กันหมาที่หน้าใหญ่พอตัว

     

    ทว่าสิ่งหนึ่งที่จักรวรรดิเฟย์ติสผู้ยิ่งใหญ่โดนดินแดนทางใต้ตลบหลังอย่างเจ็บแสบนั้นสร้างรอยแผลในประวัติศาสตร์ของชาวแดนเหนือที่ขึ้นว่าเจ้าเล่ห์ไม่น้อย เพราะเมื่อความจริงแล้วการถูกยอมรับเป็นเชื้อสายของดินแดนทางใต้นั้นมิใช่มีเพียงสายเลือดเป็นองค์ประกอบหนึ่งเดียว ทว่าผู้คนที่นี้หากเกิดมาแล้วต้องจารึกรายชื่อลงพื้นธรณีเนย์ยีร์โดยองค์เทพผู้ศรัทธาเสียก่อนจึงนับเป็นผู้สืบเชื้อสายในดินแดนทางใต้โดยสมบูรณ์...

     

    ดังนั้นการแต่งงานของคาเอลรอสและแอนโทเซียผู้เป็นปู่และย่าจึงทำให้จักรวรรดิเฟย์ติสไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างที่คาดหวังนัก กลับเป็นดินแดนล้าหลังอย่างเนย์ยีร์ที่ได้ผลไปแทน....ซึ่งก็คงเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับดินแดนผู้ดีที่มีการศึกษาแต่กลับแพ้ชาวเผ่า จึงทำให้หนังสือประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเฟย์ติสได้กล่าวว่าสนธิสัญญานี้เกิดขึ้นเพราะความสนติและให้ความเป็นธรรมต่อดินแดนที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา...สร้างภาพตัวเองว่าเป็นฝ่ายคนดีที่กันผู้เข้าหาผลประโยชน์ในดินแดนทางใต้ที่ด้อยกว่าตน...ในฐานะดินแดนที่ติดกันและยิ่งใหญ่อีกทั้งยังพัฒนากว่า นับว่าบิดเบือนให้ตัวเองดูดีไปจริงๆ

     

    ซึ่งด้วยเหตุผลดังนี้จึงทำให้แม้แต่คาเดย์หรือบิดาของเธอผู้เป็นจักรพรรดิในกาลปัจจุบันที่นับว่ามีสายเลือดของชาวแดนใต้ถึงครึ่งหนึ่งก็ยังมิอาจเข้ามาพื้นที่ทุ่งกว้างแห่งนี้ได้...เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับอภิสิทธิ์นั้น...

     

    ในคราแรกที่เธอมาอยู่ที่นี้ก็ผ่านการใช้ตรายอมรับจากชนเผ่าทั้งเจ็ดซึ่งผู้เป็นปู่ที่จัดเตรียมทั้งหมดให้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับการยอมรับจากชนเผ่าในดินแดนทางใต้ เมื่อสนธิสัญญานั้นห้ามคนภายนอกเข้ามาเหยียบที่นี้ตั้งแต่แรก...ดังนั้นข้อตกลงนี้จึงเป็นที่รู้กันว่าเป็นทางปิดตายของผู้คนทั้งหมดที่หวังอยากเข้ามาดินแดนทางใต้ ทว่าเมื่อเธอมีคนที่อยู่ภายในอย่างปู่เป็นคนคอยจัดการธุระนี้ให้ จึงสามารถเข้ามาที่นี้ได้นับเป็นคนแรกเลยกระมั้ง....

     

    ซึ่งตัวของเอลลิโอร่าเมื่อหนึ่งปีก่อนก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนในชนเผ่าฮันเรย์ทั้งหมดจนกลายเป็นผู้มีเชื้อสายของดินแดนทางใต้อย่างแท้จริงโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งตราการยอมรับจากเจ็ดชนเผ่าแล้ว ในขณะที่เธอก็ยังคงถือสถานะเป็นชาวเฟย์ติสเช่นกันจึงทำให้สามารถเดินทางไปมาในสองดินแดนนี้อย่างไร้ข้อกังขา...

     

    และในสนธิสัญญานั้นก็ไม่ได้กล่าวถึงการนำทรัพยากรของดินแดนทางใต้มาซื้อขาย...เพราะผู้คนที่นี้ไม่คิดจะออกไปโลกภายนอก มีเพียงส่วนน้อยจนแทบนับหัวได้ที่จะออกจากดินแดนนี้และพวกเขาก็คงไม่คิดขายธรรมชาติของตัวเองอีกทั้งพวกเขาก็ไม่ได้ใช้เงินดั่งเช่นพวกคนภายนอก จึงไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย...และเมื่อคนภายนอกมาเอาไม่ได้ อีกทั้งคนภายในอย่างพวกเขาก็มิคิดจะเอาออก จึงไม่มีกฎหมายข้อนี้ร่างขึ้นมาแต่อย่างใด...

     

    ดังนั้นจึงนับว่าเธอไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างไรเลยด้วย....เพราะมันไม่มีเขียนเอาไว้...

     

    ข้าล่ะอยากรู้จริงๆทูตชาวเฟย์ติสคิดอย่างไรอยู่...จึงลงนามในสนธิสัญญาที่ขาดทุนเช่นนี้

    เอลลิโอร่าเอ่ยรำพึงออกมา แม้มันจะทำให้เกิดช่องว่างสำหรับเธอ แต่ก็ไม่ใช่สำหรับชาวเฟย์ติสคนอื่น...พวกเขาโดนตัดขาดไปเรียบร้อยแล้ว

     

    ในช่วงเวลานั้นทูตชาวเฟย์ติสไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาชนเผ่าขนาดนั้น อีกทั้งยังไม่รู้กฎธรรมเนียมหรือจารีตของดินแดนทางใต้อย่างถ่องแท้...ง่ายดายต่อการถูกหลอก

    คาเอลรอสเอ่ยตอบคำถามของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นว่าหลานสาวที่กำลังเล่าเรื่องอยู่นั้นหันมาติเตียนทูตชาวเฟย์ติสเสียได้...มือหนาค่อยๆบรรจงถักเปียผมให้นางต่อไป...

     

    ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่อีกทั้งผู้คนที่นี้ก็ไม่ได้เปิดรับคนภายนอกให้เข้ามาศึกษาดินแดนหรือชนเผ่าของตัวเองขนาดนั้น จึงไม่แปลกที่แม้แต่ทูตชาวเฟย์ติสที่พยายามเรียนรู้ภาษาชนเผ่าหรือวัฒนธรรมจารีตของพวกเขาก็ยังไม่อาจเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ นับเป็นความผิดพลาดทางภูมิศาสตร์อย่างแท้จริง...แม้มันจะดูเป็นเรื่องไม่น่าพลาด ทว่าสิ่งนี้ก็เป็นส่วนสำคัญหนึ่งอยู่ดี...

     

    ส่วนจักรวรรดิเฟย์ติสที่ได้รับสนธิสัญญาแบบนี้แต่ก็ยังยินยอมนั้นเป็นเพราะเหตุผลหลายปัจจัยหลักๆนั่นคือ ประการแรกดินแดนทางใต้นั้นเป็นดินแดนคั้นกลางระหว่างจักรวรรดิเฟย์ติสและทวีปนาคาธอันเป็นทวีปของกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นเผ่าปีศาจ ดังนั้นดินแดนทุ่งกว้างแห่งนี้จึงเป็นเหมือนรัฐกันชนระหว่างดินแดนมนุษย์และปีศาจ เหตุผลประการที่สองคือจุดยุทธศาสตร์ของดินแดนทางใต้ยากแก่การทำการรบ อีกทั้งไม่มีความชำนาญในพื้นที่นี้ หากส่งกำลังพลทหารไปเกรงว่าคงเกิดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งในความจริงแล้วตามประวัติศาสตร์ในอดีตก่อนสนธิสัญญาจะถูกร่างขึ้น จักรวรรดิเฟย์ติสก็เคยส่งกำลังพลทหารมารบที่นี้แล้วหลายครั้งทว่าก็พ่ายแพ้ไปอันเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ไม่รู้จัก อีกทั้งโดนชนเผ่าฮันเรย์ที่เป็นนักล่าในทุ่งกว้างนี้ซึ่งชำนาญพื้นที่ล่าเป็นเหยื่อราวกับสัตว์เสียเอง...จนสุดท้ายการสูญเสียโดยไร้ความคืบหน้านี้จึงถูกยุติลง และเหตุผลประการที่สามคือ การถูกลงนามคำสัตย์ของสนธิสัญญาที่ทำให้จักรวรรดิเฟย์ติสต้องรักษาคำพูดหรือสิ่งที่ตนเขียนร่วมลงไป...นับว่าน่าขบขันจริงๆ

     

    เอลลิโอร่าพยักหน้ารับคำชี้แจงของปู่อย่างว่าง่าย...เพราะเธอเข้าใจเลยว่าการเข้าถึงที่นี้ยากเพียงใด เธอใช้เวลาถึงห้าปีกว่าที่ผู้คนในชนเผ่าจะยอมรับ อีกทั้งภาษาที่ต้องเรียนรู้นั้นก็โชคดีหน่อยที่มีปู่พูดภาษาเฟย์ติสได้ การสั่งสอนจึงลำบากน้อยลง...

     

    จริงอยู่ที่ว่าสิ่งที่เจ้าทำนั้นไม่ผิดกฎหมายและดินแดนนี้เองก็ไม่ได้มีข้อห้าม...แต่ว่าการจะมาให้เจ้าใช้ผลประโยชน์จากที่นี้โดยเปล่าๆ...ก็มิใช่เรื่องนัก

    คาเอลรอสเอ่ยกับหลานสาวอย่างราบเรียบ แม้รับรู้การกระทำของนางที่ผ่านมาแล้วก็ตาม มันไม่ได้มีความโกรธหรือขุ่นเคืองแม้แต่น้อย มือที่ถักเปียผมให้นางเสร็จเมื่อครู่ปัดทรงให้เบาๆแล้วจึงค่อยหยิบผ้ายาวมาผูกผมให้นางต่อ...

     

    เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าจ่ายเท่าไหร่?”

    เอลลิโอร่าเงยหน้ามองผู้เป็นปู่อย่างตรงไปตรงมาอีกครา พลางฉีกรอยยิ้มราวกับคนที่เริ่มเข้าใจบางสิ่งแล้ว

     

    คิดจะติดสินบนข้าอย่างนั้นเหรอ?....เข้าใจคิดดีนิ แต่นั่นก็อยู่ที่ว่าเจ้าจะมีพอมอบมันให้ข้าได้ไหม…”

    คาเอลรอสเอ่ยตอบกลับอย่างราบเรียบ มือที่ผูกผมให้นางเสร็จสิ้นดีแล้วยกขึ้นมาเท้าคางอย่างเย่อหยิ่งราวกับกำลังเฝ้ามองเรื่องสนุก นับเป็นน่าสนใจไม่น้อย...เมื่อหลานสาวผู้นี้รู้จักการกระทำเช่นนี้ในวัยเพียงเท่านี้แล้ว...

     

    ซึ่งคาเอลรอสไม่ได้ผิดหวังหรือเสียใจในการคิดจะทำเรื่องไม่ดีอะไรของหลานสาวแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังมองเป็นเรื่องดีที่นางเข้าใจจะทำ เพราะในความเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสังคมของมนุษย์มีเรื่องโสมมมากมายและผู้คนก็ไม่ได้ขาวสะอาด...สักวันเมื่อนางใฝ่หาอำนาจ ผู้คนจะเข้าหานางด้วยผลประโยชน์ ขุนนางจะคอยกัดแทะทรัพย์สินของนางและตัวนางจะกลายเป็นคนที่คอยหวาดระแวง...เขาไม่เคยคาดหวังให้นางเป็นคนดี....

     

    สมเป็นปู่ของข้าจริงๆนั่นแหละ...

    เอลลิโอร่าเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มบางพลางหันกลับมามองคาเอลรอสตรงๆ เด็กหญิงเพียงจับจ้องไปยังดวงตาอสรพิษที่แสนลึกล้ำนั้นด้วยความเสาะค้น...

     

    เจ้าเองก็สมเป็นหลานของข้าเช่นกันนั่นแหละ...

    คาเอลรอสเอ่ยกับหลานสาวด้วยความเอ็นดู...พลางเหลือบมองดวงตาของนางที่พยายามสบตาเขาอย่างสนใจ มือหนาเพียงลูบหัวของนางอย่างเบามือ...

     

    .

    .

    .

     

     

    เห็นท่านปู่นิ่งๆอย่างนี้เขาก็เอ็นดูหลานมากนะคะ ส่วนน้องเองที่เห็นเฉยๆกับปู่ก็เคารพและรักมากเช่นกัน555



    SQW
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×