คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4 ลูกชัง
หากนับบรรดาเจ้าชายโดยสายเลือดในกษัตริย์คาเทียสแล้ว
ลูกที่พระบิดาไม่ทรงโปรดปรานมากที่สุดนั้นก็คงไม่พ้นเจ้าชายลำดับที่สามผู้ยากจะเข้าใจ
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่กษัตริย์ผู้ทรงมีเหตุผลและต้องรักษาหน้าตาในสังคมจะแสดงทีท่าไม่ชอบในบุตรคนนี้อย่างชัดเจน
แต่เรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้นั้นคงเป็นความสามารถอันโดดเด่นเหนือจากพี่น้องทั้งมวลของเจ้าชายที่ถูกชิงชังผู้นี้...โดดเด่นเสียจนการคว้าตำแหน่งรัชทายาทในราชวงศ์วาสตินนั้นเป็นเรื่องง่ายดายหรือแม้แต่การกบฏก็คงไม่ใช่เรื่องเกินมือ
และนั่นยิ่งสร้างความหวาดระแวงแด่กษัตริย์คาเทียสมากมายนัก
กลิ่นควันหลงของสิ่งมัวเมาลอยคลุ้งไปทั่วห้องอันกว้างใหญ่แห่งนี้
สุราและยาเสพติดคล้ายเป็นสิ่งปกติที่ดูคุ้นชิน
เอกสารต่างๆกระจายลงพื้นไปพร้อมกับเงินตราราวกับไม่มีค่าอะไร
นับเป็นภาพไม่น่ามองนักสำหรับกษัตริย์ผู้ยึดมั่นในความเที่ยงตรงและความดีอย่างคาเทียส
เขาอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงเพื่อหลีกหนีมันชั่วครู่และยกมือกุมขมับเล็กน้อย
“ปราสาทที่ข้าสร้างขึ้นให้บุตรทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีไว้สำหรับการพำนัก...มิใช่
ให้เจ้าเอามาเป็นที่มั่วสุมเช่นนี้ เคียร์เนย์”
เป็นกษัตริย์คาเทียสที่เอ่ยกับบุตรชายลำดับที่สามของตน
ในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังเด็กชายผู้เอนพิงนอนโซฟาอย่างเกียจคร้านและในมือถือยาสูบอันเป็นเหตุของควันหลงในห้องแห่งนี้
เจ้าชายแกะดำไม่เอ่ยตอบอะไร หากแต่กลับสูบไม้ยาสูบในมือและพ่นควันหลงเป็นคำตอบ....เขาหาได้ใส่ใจในคำกล่าวของผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย
หนำซ้ำยังออกดูกวนประสาทเสียแทน
“ท่านคงไม่ได้มาที่นี้เพื่อมาบ่นข้าหรอกกระมัง...พระบิดา”
เคียร์เนย์เอ่ยด้วยรอยยิ้มหลังเห็นสีหน้าที่อึดอัดหลังสูบกลิ่นควันของผู้เป็นบิดา
ปราสาทของเขานั้นไม่ใช่สถานที่มาเยือนเท่าไหร่นัก
“บรรดาน้องของเจ้าทั้งหลายบอกว่าเห็นเจ้าแถวปราสาทต้องห้าม.....คิดจะทำอะไรกันแน่?”
กษัตริย์คาเทียสเอ่ยาถามถึงความหวาดระแวงที่เป็นสาเหตุที่ต้องมาเยือน...เรื่องปราสาทแห่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้...แม้ที่ผ่านมาบุตรชายคนนี้จะทำตัวไม่ดีเช่นไร
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงมากมายจนไม่อาจให้อภัยได้อีกเลย แต่การที่บุตรชายคนนี้กล้าล้ำเส้นกฎข้อห้ามที่เขาตั้งขึ้นนั้นคงไม่อาจมองข้ามได้
บางทีบุตรชายผู้นี้ก็คิดอะไรแผลงๆอยู่เสมอ...และความคิดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเป็นส่วนใหญ่
คาเทียสยอมรับว่าเขาค่อนข้างไม่ชอบในตัวของบุตรชายคนนี้เท่าไหร่
เพราะในบรรดาทายาททั้งหมดล้วนแต่เชื่อฟังเขาทั้งสิ้น หากแต่มีเพียงบุตรชายคนนี้เท่านั้นที่คิดแข็งข้อเสมอ
และนิสัยของผู้อยู่ชนชั้นปกครองส่วนมากย่อมไม่ชอบในความกระด้างกระเดื่องนี้
“พวกมันยังเยาว์วัยนักก็มักพูดไปเรื่อย
หาได้มีความน่าเชื่อถือไม่...ท่านก็คงไม่หูเบาเชื่อคำกล่าวลอยๆแบบนั้นหรอกกระมัง”
เคียร์เนย์เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
พลางหยิบยกยาสูบในมือขึ้นมาสูบอีกครา....ดวงตาสีเลือดคล้ายกำลังมองเหยียดชายผู้เป็นกษัตริย์อย่างชัดเจน
“อย่าเรียกน้องๆของเจ้าว่า’พวกมัน’....จงระวังคำพูดคำจาหน่อย เคียร์เนย์”
คาเทียสเอ่ยตักเตือน
แม้จะรู้ดีว่านิสัยดูถูกดูแคลนต่อทุกสิ่งนั้นเป็นสันดานรากลึกที่ฝังเข้าไปในกระดูกของบุตรตรงหน้าแล้วก็ตาม
ครั้งหนึ่งเขาเคยยินดีในตัวของบุตรชายที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถผู้นี้...หากแต่เมื่อนานวัน
เขาก็ได้เห็นถึงความหยิ่งยโสและการเหยียดหยามดูถูกดูแคลนผู้คนของบุตรชายผู้นี้...
“หากท่านมีเวลามานั่งจับผิดข้า....เอาเวลาเช่นนี้ไปสั่งสอนเหล่าบุตรรักของท่านจะดีกว่านะ...เพราะพวกมันช่างกระจอกจนข้าแทบไม่เชื่อเลยล่ะ”
เป็นน้ำเสียงเย้ยหยันที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนยิ่งกว่าก่อนหน้าพร้อมกับรอยยิ้มแสยะที่ฉีกออกราวกับคนวิปริตที่กำลังชื่นชมในการเหยียดหยามผู้อื่น
ดวงตาสีเลือดส่องประกายและพร้อมกับแสดงท่าทางล้อเลียนกษัตริย์คาเทียสผู้เป็นบิดา
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า....อย่าหยิ่งผยองให้มาก
เคียร์เนย์....สักวันจะมีคนเหนือกว่าเจ้าและจะเป็นเจ้าที่ตกลงมาจากยอดบัลลังก์เสียเอง”
กษัตริย์คาเทียสเอ่ยเตือนด้วยความไม่พอใจ
จริงอยู่ที่ในบรรดาทายาททั้งหมด เป็นเด็กหนุ่มตรงหน้าที่อยู่เหนือทุกคนและสมบูรณ์พร้อมที่สุด
จนถูกนักปราชญ์กล่าวว่าคืออัจฉริยะแห่งยุค...ร้อยปี ไม่สิ หลายร้อยปีจะมีสักคน
แต่อาจเพราะเป็นเช่นนั้นจึงทำให้เด็กชายตรงหน้ายกตนขึ้นสูงกว่าคนอื่น
จึงกลายเป็นนิสัยเสียเช่นนี้
“คนที่เหนือกว่าข้าน่ะมีแน่นอน....แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพราะสุดท้ายมันวัดกันที่ตรงนี้”
เป็นเด็กชายที่เอ่ยอย่างไม่แยแส
มือของเขายกขึ้นพร้อมนิ้วชี้ที่เคาะหัวของตนก่อนเลื่อนมายังตรงหน้าอก
ท่าทางที่มั่นใจนั้นราวกับผ่านอะไรมามากมาย
“ความฉลาดและจิตใจอย่างนั้นเหรอ?....”
คาเทียสไม่อาจตีความท่าทางของเด็กชายตรงหน้าได้อย่างมั่นใจนัก
“ท่านนี่ซื่อดีนัก....”
เคียร์เนย์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะ
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยตอบบิดาของตนแต่อย่างใด เพียงมองชายตรงหน้าอย่างเรียบๆ
แต่ที่ชายตรงหน้าคิดก็ไม่ได้ผิดอะไร....หากแต่ความหมายของมันสำหรับเคียร์เนย์แล้วมันคือ
การมีความคิดที่จะมาเติมเต็มจิตใจของตนเองได้....การหาความสุขมอบให้แด่ชีวิตของตน
เก่งกว่าแล้วอย่างไร? เก่งที่สุดแล้วมันเป็นเช่นไง?...เขาเลิกสนใจเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไปเนิ่นนานแล้ว โลกจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
มนุษย์ก็เช่นกัน...ไม่มีทางที่เราจะรู้ว่าที่ดีที่สุดหรือเก่งที่สุดจะสิ้นสุดลงที่ใดและเป็นใคร
การมามัวคิดว่าตนเองต้องไร้เทียมทานหรือเก่งที่สุด ก็นับเป็นเรื่องน่าเหนื่อยใจและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตอาจมีคนเก่งกว่าเราอยู่ดีก็ได้
หากจะมัวแข่งขันตนเพื่อจะเป็นที่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ได้นานแค่ไหน...สู้หาความสุขใส่ตัวเสียดีกว่า...
เขาได้เรียนรู้จากชีวิตในวัยเยาว์ของตนแล้วว่า
ชีวิตที่แสนสั้นเช่นมนุษย์อย่างเขานั้นช่างเปราะบางและน่าเบื่อหากดำรงอยู่ในกรอบที่ถูกนิยามว่าความดีงาม
กิเลศและตัณหาถูกตีตราว่าเป็นบาป...ทั้งๆที่แท้จริงแล้วมันก็คือความต้องการของมนุษย์ที่แท้จริงในจิตใจเท่านั้นเอง
เขาไม่เหมือนคนอื่นๆที่ชอบแสร้งทำตัวเป็นคนดีทั้งที่จริงแล้วภายในก็ไม่ต่างอะไรจากเขาแท้ๆ
พยายามที่จะเป็นคนดีอย่างนั้นเหรอ น่าขำจริงๆ....สุดท้ายพวกมันก็ยังคงมีความอยากอยู่ลึกๆ
“เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ไง....ข้าจึงไม่เลือกเจ้าเป็นรัชทายาท...”
คาเทียสอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา....เมื่อเด็กชายตรงหน้านั้นยากที่จะเข้าใจได้
เขาไม่ปฏิเสธในความสามารถของบุตรชายคนนี้ หากแต่เขาปฏิเสธในความผิดแปลกและยากจะเข้าใจในบุตรชายคนนี้ต่างหาก...การมีกษัตริย์ที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่นั้น...นั้นไซร้สร้างความหวาดกลัวมากกว่าจะได้รับความเชื่อใจจากประชาชน
ภาพลักษณ์และการแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญต่อสังคมที่ชื่อว่าราชวงศ์
บุตรทั้งหลายจะต่างพากันทำคุณความดีแก่ประเทศชาติหรือกระทำเพื่อส่วนร่วม...เพื่อครองใจประชาชน
ซึ่งมันจะกลายเป็นหนึ่งในรากฐานของขั้นบันไดสู่บัลลังก์
แต่บุตรชายผู้นี้ต่างออกไป....เขาไม่เคยคิดจะทำอะไรนอกจากผลประโยชน์ส่วนตัวและความสนุกที่ตนอยาก
“ข้าไม่เคยอยากได้เก้าอี้โง่ๆที่เรียกว่าบัลลังก์ของท่านหรอกนะ...”
เคียร์เนย์เอ่ยพลางฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
มือหนาวางยาสูบลงก่อนจะยกขึ้นมาเท้าคางอย่างถือดี ดวงตาสีเลือดเลื่อนไปจับจ้องยังหน้าต่างของห้อง
ซึ่งทิศทางของมันก็เป็นที่ตั้งของปราสาทแห่งหนึ่งที่เขามักชอบไปหาเด็กหญิงผู้หนึ่งเสมอมา
“อำนาจที่ไร้อิสระน่ะ....สุดท้ายมันจะเฉาตายเอานะ
พระบิดา”
น้ำเสียงที่คล้ายจะทีเล่นทีจริงของเด็กชายนั้นดูเหมือนจะหยอกล้อผู้เป็นบิดาของตนเอง
หากแต่มันคือความเย้ยหยันต่อปมของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์อย่างคาเทียส
กษัตริย์เฉกเช่นคาเทียสนั้นนับว่าเป็นยอดกษัตริย์คนหนึ่ง...เขาเที่ยงตรงและยุติธรรมดุจตราชั่งแห่งความดีและความชั่ว
อยู่ภายใต้กรอบระเบียบอย่างเคร่งครัดและศรัทธาในศาสนาอย่างแท้จริง...ไม่ว่ามองมุมไหน
เขาย่อมเป็นกษัตริย์ในอุดมคติอย่างชัดเจน
หากแต่เพราะเป็นเช่นนั้นเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งที่เห็นแก่ตัวได้และแบกรับความคาดหวังและสายตาของประชาชนเอาไว้
เป็นดั่งหุ่นเชิดที่ต้องทำดีต่อไปเรื่อยๆบนเวทีท่ามกลางสายตาผู้คนที่คาดหวังให้หุ่นตัวนี้ทำความดีต่อพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
.
.
.
ความว่างเปล่าปกคลุมดวงตาสีเลือดจนไร้สิ้นประกายแสง
ลับหลังจากชายผู้เป็นบิดาให้กำเนิดตามสายเลือดจากไป
กลายเป็นความเงียบงันที่ปรากฏอยู่ ยาสูบชั้นดีในมือเพียงกำด้วยแรงอันเล็กน้อยก็หักลงอย่างง่ายดายราวกับว่าแรงของเขาต่างจากมนุษย์ทั่วไป
มือหนายกขึ้นปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่านี้หวังเพียงให้มันจางหายไป
หากแต่คล้ายมันคือสิ่งที่ติดตัวเขามา...ไม่สิ มันคือตัวตนของเขา ต่อให้ขูดดวงตาคู่นี้ออกมา
ต่อให้ควักหัวใจดวงนี้ออกไป...ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ซึ่งเคียร์เนย์’เกลียด’และ’กลัว’ความว่างเปล่านี้...ความว่างเปล่าที่กัดกินตัวเขามาโดยตลอด...ตั้งแต่กำเนิด...และมันจะคงอยู่จนเขาตาย...
เขามักรู้สึกอยู่เสมอว่าภายในของเขามันกลวงเปล่า...มันไม่มีอะไรเลย
ราวกับภายในไม่มีอวัยวะ ไม่แม้แต่หัวใจที่เต้นเฉกเช่นผู้อื่น มือเล็กครั้งวัยเยาว์เคยกุมอกของตนและเงี่ยหูฟัง
หากแต่ก็ไม่เคยได้ยินอะไรจากมัน
แต่เดิมเขาไม่เคยมีความหิวกระหายในอาหาร
ไม่เคยรู้สึกง่วงนอนแม้ไม่ได้นอน
ไม่เคยเจ็บปวดแม้บาดเจ็บ...ราวกับตุ๊กตากลวงๆที่เดินได้เท่านั้นเอง
วัยเด็กของเขาแตกต่างจากผู้อื่น...ทุกคนล้วนใช้เวลาไปกับการวิ่งเล่น
หากแต่เป็นเขาที่หยุดนิ่งใช้เวลากับการนั่งฟังเสียงหัวใจของตน
โดยคาดหวังให้มันเต้นเฉกเช่นคนปกติ
ซึ่งนับว่าน่าแปลกแม้ตัวเขาเมื่อครั้งยังเด็กจะลองเฉือนเนื้อของตนให้ลงลึกเพื่อมองดูภายในร่างกายของตน
หากแต่ก็พบว่าภายในก็ยังคงมีอวัยวะไม่ต่างคนปกติ
แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ข้ารับใช้ทุกคนหวาดกลัวเขา
รวมถึงมารดาจิตไม่ปกติของเขาด้วย
แต่เมื่อลองย้อนกลับไปคิดดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกมันเหล่านั้นจะหวาดกลัวเขา...ภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ใช้มีดทานอาหารกรีดท้องของตัวเองโดยไม่แสดงความรู้สึกอะไรนั้นคงน่าสยดสยอง
และสิ่งสำคัญที่สุดที่เขามิอาจลืมเลือนได้และมันก็สร้างตัวตนอันบิดเบี้ยวของเขาขึ้นมาคือ
ความทรงจำของเหล่าสิ่งมีชีวิตมากมายที่ตายลงด้วยน้ำมือของมนุษย์...ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม...
คล้ายมันเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดมาโดยโชคชะตา
ความทรงจำของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกฆ่าโดยมนุษย์ฉายขึ้นภายในหัวของเขาทุกครั้งที่หลับตาลง...สร้างความวิกลจริตให้แก่เขาอย่างถึงที่ไม่สิ้นสุดเป็นดั่งเขาวงกตที่ไม่อาจออกมาได้
นี่ก็สิบแปดปีแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่...และสิบแปดปีที่เขาเห็นสิ่งมีชีวิตมากมายถูกฆ่าโดยมนุษย์นับหลายร้อยนับหลายพันความทรงจำทุกครั้งที่นอนหลับทุกคืน...พวกมันบิดเบือนความรู้สึกของเขาที่มีต่อมนุษย์อย่างแท้จริง
ซึ่งความทรงจำหนึ่งที่เขาจดจำได้ดีที่สุดนั้นนับว่าเป็นความทรงจำที่น่าประหลาด...ถึงชายผู้สร้างโลกใบนี้...โลกที่มองออกไปคือกรอบสี่เหลี่ยม
เขาสร้างโลกใบนี้ด้วยความเพ้อฝันและภาคภูมิ ก่อนเผยแพร่ให้แก่ผู้คนมากมาย
จากนั้นจึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยเชือกฟาง....
นับเป็นความทรงจำเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ได้’ถูกฆ่า’ หากแต่เป็นการ’ฆ่าตัวเอง’…ซึ่งเคียร์เนย์ไม่อาจเข้าใจชายผู้นั้น
เหตุใดเขาจึงเลือกจบชีวิตตัวเองกัน? ทั้งที่โลกที่เขาสร้างนั้นสร้างเงินมากมายให้แก่เขา
ผู้คนมากมายก็ต่างชื่นชมเขาอย่างไม่ขาดสาย แล้วทำไมจึงฆ่าตัวตายกัน?
นอกเหนือความหงุดหงิดที่รู้ว่าโลกที่ตนอยู่นั้นเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น
มันก็ทำให้เขาเข้าใจเลยว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่กำลังมองดูเขาและนางหรือใครๆจากกรอบสี่เหลี่ยมนี้...
ส่วนความทรงจำที่เหลือนั้นก็มากมายจนเขาหาได้ใส่ใจจะจำมันเสียแล้ว...นอกเหนือจากความทรงจำที่เด่นชัดหน่อย...จอมมารผู้ถูกเกลียดชังและถูกสังหารโดยผู้กล้า
มนุษย์ผู้ถูกสังเวยโดยมนุษย์ด้วยกันเอง พ่อมดที่ถูกหวาดกลัวและจุดจบคือการเผาทั้งเป็นโดยมนุษย์ที่เขาคอยช่วยเหลือ....มีความทรงจำอีกไม่น้อยที่เขาจดจำได้ดีเพราะเรื่องราวช่างน่าจดจำ
ความจริงผู้คนอาจเรียกมันว่าอดีตชาติ...หากแต่สำหรับเขามันเป็นเพียงความทรงจำหนึ่งเท่านั้น
เพราะเคียร์เนย์ตระหนักถึงตัวตนของตัวเอง เขาก็คือเขา...ไม่ว่าจะอดีตชาติหรืออนาคต
ก็หาใช่ตัวเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้
แม้ความทรงจำส่วนใหญ่มักจะเป็นปีศาจซะส่วนใหญ่ ซึ่งอาจเป็นเพราะอันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์และปีศาจนั้นรุนแรงขนาดที่ว่าหากจะฆ่ากันเพียงพบเจอครั้งแรกก็ไม่น่าแปลก
และสุดท้ายแล้วเขาก็รับรู้ดีว่าความทรงจำที่ถูกยัดเยียดเข้ามานั้น
มันก็เป็นเพียงสิ่งที่พยายามทำให้เขา’เกลียดชัง’มนุษย์
เพื่อกำหนดให้เขาเป็นตัวร้ายตามโชคชะตา...ไม่สิ ตามเกมส์โง่ๆนั่น
อย่างไงซะคงต้อง’ขอบคุณ’ชายผู้สร้างคนนั้นที่ทำให้เขาได้รับรู้ถึงความหลอกลวงของโลกใบนี้...และการสร้างเธอคนนั้นขึ้นมาบนโลกใบนี้
ช่างนับเป็นเรื่องน่ายินดี
เพียงได้พบเจอครั้งแรก
ก็ทำให้หัวใจที่ว่างเปล่านั้นกลับมาเต้นเฉกเช่นคนปกติ...
‘ฉันสร้างเธอขึ้นมาเพื่อเป็นของนายโดยเฉพาะเลยนะ...เคียร์เนย์’
เป็นชายผู้สร้างที่ครั้งหนึ่งเคยเอ่ยขึ้นอย่างติดตลกและเลื่อนลอย
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นนั่นคล้ายรับรู้ถึงการมองเห็นของเขาจากความทรงจำ บางทีผู้ชายคนนี้ก็มักทำอะไรให้เขาขนลุกไม่น้อย...ทั้งที่โลกที่ชายผู้นี้อยู่นั้นหาได้มีเวทมนต์ไม่
มันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระสำหรับที่นั่น แต่ชายคนนั้นกลับมองทุกอย่างว่าเป็นไปได้และคล้ายจะมองทุกอย่างออกราวกับเห็นภายใน
แต่เอาเถอะ...เมื่อชายผู้นั้นสร้างนางขึ้นมาให้เขา...เขาย่อมขอรับด้วยความเต็มใจ
แต่ส่วนเรื่องที่เขาต้องทำตาม’เนื้อเรื่อง’ที่ชายผู้นั้นสร้างเอาไว้และ’คาดหวัง’ให้เขาดำเนินมัน คงต้องขอปฏิเสธล่ะนะ....บทสรุปน่าเบื่อแบบนั้น เขาไม่อยากเล่นไปตามบทหรอกนะ
โทษทีแล้วกันนะ...
ความคิดเห็น