ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครานี้เป็นสตรีสองใจนามว่านางวันทอง

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4 คาดหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 62


      

    ไม่รู้ว่านานเท่าใดแล้ว หากแต่แสงแดดในยามเช้าถูกย้อมมาเป็นยามบ่าย ทำให้แสงแดดที่ตกกระทบลงมาค่อนข้างเจิดจ้ากว่าเดิม ซึ่งทางด้านพิมพิลาไลยก็ไม่ได้รู้สึกร้อนอะไรนักเพราะตนเองหลบอยู่ในเรือนอยู่แล้ว

     

    หนังสือจินดามณีที่นางอ้อนวอนขอบิดาให้ซื้อให้นั้นใกล้จบเต็มทน ความจริงแล้วไม่ใช่นางอ่านหนังสือไม่ออก นางมาจากยุคปัจจุบันที่ทุกคนต่างได้รับการศึกษากันทั้งนั้น แม้ตัวนางจะเกเรแต่ก็ไม่เคยผลการเรียนตกหรือไม่สนใจเกรดเลย เพราะกลัวว่าพ่อแม่ในชาติก่อนจะรู้ว่าตนเหลวแหลกแค่ไหนหากพวกเขารับรู้ใบเกรด

     

    จึงนับว่านางค่อนข้างแตกต่างจากเพื่อนเกเรในกลุ่มอยู่ไม่น้อย ที่แม้จะไปแอบหนีไปเที่ยวก็ยังอุตส่าห์แชทถามเพื่อนร่วมห้องว่ามีงานอะไรไหม

     

    คิดแล้วก็นึกขำตัวเอง....ถ้าตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกก็จบแล้ว...น่าสมเพชสิ้นดี

     

    คุณหนูขอรับ...ท่านพลายแก้วกำลังเดินลงไปจากเรือนแล้วขอรับ จะให้บ่าวหยุดเขาดีหรือไม่?”

    บ่าวที่คอยเฝ้ามองดูแลเด็กทั้งสามอยู่ห่างๆตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาของเด็กหญิงนั้นคลานเข้ามากระซิบเบาๆ เมื่อเด็กชายอีกคนกำลังคิดจะออกไปข้างนอกโดยที่ยังไม่ได้รับขอการอนุญาตจากเจ้าบ้าน

     

    ปล่อยเขาไป...

    พิมพิลาไลยเหลือบมองบ่าวชายที่อายุมากกว่าตนอยู่หลายปีอย่างเงียบๆก่อนจะกวาดสายตาไปที่ประตูที่พลายแก้วออกไปไม่นานมานี่โดยไม่ทำอะไร

     

    เขาจะไปทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของนาง...

     

    แต่ว่าหากท่านพลายแก้วเป็นอะไรขึ้นมา...ท่านพันศรโยธาจะลำบากเอานะขอรับ…”

    บ่าวชายได้แต่เอ่ยด้วยความนอบน้อมกับเด็กหญิง

     

    แต่ไหนแต่ไรแล้วที่คุณหนูของเขาไม่เคยแม้แต่จะใส่ใจผู้อื่น....แม้กระทั่งมารดาผู้ให้กำเนิดก็ยังไม่เคยจะแสดงทีท่ารักใคร่แต่อย่างใด คงมีเพียงท่านพันศรโยธาเท่านั้นที่คุณหนูยังพอแสดงความรู้สึกนึกคิดอยู่บ้าง....

     

    ซึ่งสำหรับพิมพิลาไลยแล้วมันคือเรื่องจริงไม่ผิดเพี้ยน นางไม่ได้มีความทรงจำอะไรดีเกี่ยวกับครอบครัวนัก หนำซ้ำคนที่ฆ่าเธอทางอ้อมในชาติก่อนก็เป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องนับถือหรือเชิดชูเอาไว้ นางไม่เชื่อในศาสนา....นางไม่เชื่อในความดี...นางเชื่อเพียงสัจธรรมของโลกเท่านั้น....

     

    แม้พ่อแม่ในชาตินี้จะไม่ได้ย่ำแย่เหมือนชาติก่อน แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะสร้างกำแพงขึ้นมา...ไม่มีใครรู้ว่าผู้คนจะทำร้ายตัวเราเองเมื่อใดแม้จะร่วมสายเลือดก็ตามที...

     

    มารดาของนางคือนางศรีประจัน...เป็นอดีตแม่ค้าขายของในตลาดมาก่อน เป็นสตรีหน้าตางดงามถูกใจหนุ่มน้อยใหญ่ในตลาดเป็นอันมาก เป็นสตรีปากจัดและค่อนข้างทื่อตรงตามประสาลูกชาวบ้าน พิมพิลาไลยไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรในตัวมารดาผู้นี้นัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชื่นชอบเช่นกัน เพราะนางเป็นคนบังคับให้นางวันทองในเรื่องต้องแต่งงานกับขุนช้างเพียงเพราะสมบัติ  อีกทั้งยังเป็นคนที่มีนิสัยอย่างที่นางไม่ค่อยชอบนัก

     

    ส่วนพันศรโยธาผู้เป็นบิดานั้นพิมพิลาไลยไม่ได้รู้สึกอคติกับเขามากเท่ามารดานักเพราะเขานั้นได้ตายตั้งแต่ที่นางวันทองยังเป็นเด็กแล้ว หนำซ้ำเมื่อได้มาพบตัวจริงก็รู้สึกถูกชะตาด้วยอย่างน่าประหลาด เพราะอาจพันศรโยธานั้นเป็นคนฉลาดและสุภาพรู้จักพูดต่างจากนางศรีประจัน ทำให้นางเห็นได้ถึงความต่างของวุฒิภาวะและความคิดของคนทั้งสองอย่างชัดเจน

     

    ซึ่งแม้จะเกิดมาอยู่ในโลกนี้ได้ห้าปีแล้ว...นางก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายอย่างพันศรโยธาจึงตกลงปลงใจกับแม่นางศรีประจัน ทั้งที่นิสัยไม่น่าเข้ากันได้นัก....

     

    แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับนาง....

     

    หากพวกเขาจะกล่าวโทษบิดาข้า...ก็คงต้องกล่าวโทษเด็กชายผู้นั้นมากกว่าเสียที่ไม่รู้จักความเอง

    พิมพิลาไลยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากจะบอกว่าพันศรโยธานั้นอาจถูกตำหนิที่ไม่ให้คนของตนดูแลบุตรชายเพื่อนให้ดีปล่อยให้เด็กไปเล่นที่ไหนก็ไม่รู้ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ คงต้องโทษเด็กชายเองมากกว่าที่ไม่รู้จักความ ดื้อซนไปเล่นเสียเอง

     

    หากเจ้ากลัวความผิด...ข้าจะบอกเองว่าข้าใช้เจ้ามาช่วยจัดเรียงหนังสืออยู่จึงไม่เห็นว่าเด็กนั่นแอบหนีลงไปเล่น

    นางกล่าวต่อพลางเหลือบมองไปยังบ่าวชายอย่างเยือกเย็น นางเองก็คงจะทิ้งความผิดไว้ให้กับคนรับใช้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก

     

    การเกิดมาในฐานะชาวบ้านในโลกนี้อาจดูพื้นๆไม่มีอะไรนัก หากแต่การเกิดมาเป็นบ่าวเป็นไพร่ในโลกนี้ลำบากยิ่งนัก

     

    คนพวกนี้ไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์ในการตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย จะสังเกตได้จากการที่บ่าวผู้นี้คลานเข้ามาถามนางว่าควรทำเช่นไรดียามเมื่อเด็กชายกำลังจะออกไป หากเป็นคนปกติก็คงเดินเข้าไปห้ามเด็กชายเสียแล้ว....แต่ไม่ใช่กับบ่าวกับไพร่ แม้จะไม่ใช่ลูกเจ้านาย แต่หากสถานะสูงกว่า พวกเขาก็ไม่มีสิทธิเข้าไปทำอะไรได้หากไม่มีคนสถานะสูงกว่าอีกคนออกคำสั่ง

     

    เป็นความลำบากอันแน่แท้....หากเข้าไปห้ามเด็กชายก็อาจถูกต่อว่าว่าไม่มีสิทธิ์ แต่หากปล่อยไปก็ถูกเจ้านายลงโทษภายหลังที่ไม่ยอมห้าม...

     

    มันดูไร้เหตุผล....แต่ก็ไม่มีใครสนใจความเป็นไปของเหล่าคนสถานะนี้อยู่แล้ว เปรียบดั่งวัวงานที่ไม่มีใครมานั่งถามความรู้สึกนึกคิดของมันหรอก

     

    .

    .

    .

     

    และก็เกิดเรื่องขึ้นอย่างที่นางคาดคิดไว้....เด็กชายนามว่าขุนแผนหายตัวไปนานโขแล้วยังไม่กลับมา ทำให้เหล่าพ่อพันศรโยธาที่พูดคุยกันเสร็จพากันตกใจและกระวนกระวายยิ่งนัก โดยเฉพาะขุนไกรพลพ่ายผู้เป็นบิดาของเด็กชาย เขาตวาดใส่เหล่าข้าทาสบริวารด้วยความโกรธเกรี้ยว ในขณะที่สหายพยายามคิดอย่างใจเย็น

     

    ข้าจำได้ว่า ข้าให้บ่าวชายผู้หนึ่งมาดูแลเด็กๆ...

    เป็นพันศรโยธาที่คิดได้ ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองบ่าวไพร่ชายที่ตนมอบหมายงานให้อย่างเยือกเย็นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชวนทำให้รู้สึกหวาดกลัวว่า

     

    เหตุใดจึงไม่คอยดูแลบุตรชายเพื่อนข้า...ปล่อยให้ไปเล่นเพียงลำพัง รู้หรือไม่ว่าต่อให้เฆี่ยนเอ็งจนตายก็ยังไม่อาจสามารถชดใช้ได้...ไปลากครอบครัวมันมาด้วยเสีย

     

    อย่างที่บอกไป....เกิดเป็นบ่าวไพร่นั้นยากลำบากโดยแท้และน่าสงสารอย่างเหลือล้น....และสิ่งที่พันศรโยธาทำนั้นก็ไม่ได้แปลกอะไร...ซึ่งนางก็ไม่ได้ยอมรับอะไรหากแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านเช่นกัน

     

    อย่าลืมสิ...นี่มันโลกไหนและยุคสมัยใดกัน...

     

    นางไม่สามารถใช้ความคิดในโลกปัจจุบันมาตัดสินการกระทำของพันศรโยธาว่าเป็นสิ่งที่ผิดได้ เพราะมันคือสิ่งปกติในโลกยุคสมัยนี้...

     

    มุมมองความคิดและทัศนคตินั้นแปรผันไปตามกาลเวลายุคสมัยเสมอ...

     

    ช้าก่อนค่ะ...ท่านพ่อ...โปรดอย่าโทษบ่าวชายผู้นั้นเลยนะคะ...เป็นลูกเองที่ดื้อดึงให้เขามาช่วยจัดเรียงตำราให้เพราะมันเยอะมากมายนัก...ทำให้เขาไม่ว่างเฝ้าดูจนเผลอเปิดโอกาสให้บุตรชายของเพื่อนท่านพ่อแอบหนีไปเล่นจนหลงทางเองเป็นแน่แท้ค่ะ

     

    พิมพิลาไลยเอ่ยพลางแสร้งทำตัวซื่อก่อนจะกระตุกแขนเสื้อของผู้เป็นบิดาเบาๆเรียกร้องความสนใจ ก่อนจะแกล้งปั้นหน้าเศร้าพลางบอกว่า บ่าวชายผู้นั้นในขณะที่ช่วยเธอก็ยังหันไปมองเด็กชายที่เหลือเสมอ แต่เพราะเด็กชายที่หนีเล่นผู้นั้นก็ใช้โอกาสที่บ่าวชายช่วยเธอไปหนีเล่น...

     

    คล้ายจะบอกว่าหากโทษบ่าวผู้นั้น...ก็คงต้องโทษเธอ....ซึ่งก็ไม่มีใครคิดจะกล้าโทษเด็กผู้หญิงตัวน้อยหรอก

     

    และคำพูดของเด็กน้อยที่ดูใสซื่อมีหรือที่คนคิดว่าจะโกหกและยิ่งกับพันศรโยธาผู้รักบุตรยิ่งกว่าอะไรนั้นย่อมเชื่อโดยแทบไม่ไตร่ตรองใดๆ

     

    ซึ่งสำหรับพิมพิลาไลยแล้วนั้นแม้จะเป็นเรื่องดี ที่มีบิดารักตนปานนี้ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้...แต่หากมองในมุมหนึ่งก็น่าเป็นห่วงนัก บิดาที่ทำทุกอย่างเพื่อบุตรของตนโดยไม่สนอะไรนั้นอาจจะสร้างปัญหาภายหลังก็เป็นได้

     

    ลูกขอโทษที่เอาแต่ใจจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ค่ะ...ท่านพ่อ

    เด็กหญิงก้มหน้าของตัวเองราวกับรู้สึกผิด ทำเอาผู้ได้เห็นต่างพากันสงสาร...จะมีคนเลวร้ายที่ไหนกล้าต่อว่าเด็กน้อยที่เพียงแค่อยากจัดเรียงหนังสือเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นอุบัติเหตุ...

     

    ด้วยเหตุนี้....สุดท้ายแล้วจึงพากันช่วยออกตามหาเด็กชายโดยไม่กล่าวว่าเธอเลย

     

    เหล่าผู้ใหญ่ได้พากันเดินออกตามหาไปหมดสิ้น ทิ้งไว้เหลือเพียงนางกับเด็กชายอีกคนและบ่าวหญิงกับบ่าวเด็กที่มีอยู่น้อยนิดปลายเรือน

     

     พิมพิลาไลยเพียงนั่งเท้าคางจากหน้าต่างไม้ของเรือนห้องเหลือบสายตามองดูเหล่าผู้คนที่กำลังออกตามหาเด็กชายอยู่อย่างร้อนรน

     

    ใบหน้าที่คราแรกแสดงว่าเศร้าสร้อยนั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉยอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีพิศวงมองดูผู้คนเหล่านั้นไม่ต่างจากแมลงที่กำลังบินวุ่นวาย

     

    ความจริงแล้วพิมพิลาไลยรับรู้ว่าเด็กชายอยู่ไหน แต่นางก็ไม่คิดจะเอ่ยบอกพวกเขา....

     

    ไม่รู้เพราะว่าโชคดีหรืออย่างไรที่ช่างประจวบเหมาะเหลือเกินที่หน้าต่างข้างนางนั้นสามารถมองออกไปเห็นภายนอกของเรือนได้กว้างนัก

     

    ใกล้บ้านของนางนั้นมีป่าใหญ่...แต่ก็ถูกล้อมเชือกปักเพราะอันตรายและลึกมากนักอาจทำให้คนหลงได้....

     

    แต่เด็กนั่นก็ยังเข้าไป...ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของนางสักหน่อย หากแต่เป็นเด็กชายเองเสียมากกว่าที่รนหาที่ตาย...

     

    พิมพิลาไลยไม่ได้ใจแข็งพอจะฆ่าคนด้วยมือตัวเองได้...นางก็เป็นเหมือนคนปกติ...ไม่มีคนปกติที่ไหนสามารถฆ่าคนได้ลงคอ

     

    ศีลธรรม...บุญบาป...ความรู้สึกผิด...มีหลายอย่างมากมายที่ทำให้นางไม่กล้าที่จะฆ่าคน ซึ่งเหตุผลเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป

     

    หากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางเองก็ไม่ใช่คนดี....

     

    ขุนแผนคือคนที่จะฆ่านางวันทองในอนาคต....เขาจะเป็นคนฆ่านาง....มีหรือที่นางจะปล่อยให้เขามาฆ่านางได้ แม้จะยังไม่เกิด แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องรอให้เกิดเช่นกัน...

     

    การตายในชาติหนึ่งก็เพียงพอแล้ว...เพียงพอที่จะทำให้นางตระหนักถึงชีวิต นางรักชีวิตตัวเอง....รักมากมายนัก

     

    เพราะฉะนั้นนางคาดหวังว่าเขาจะตายเพราะสัตว์ป่าหรือไม่ก็หาไม่เจอตลอดไปในป่านั่น...

     

    .

    .

    .



    ตัวเอกของเรื่องไม่ใช่คนดีนะคะ เป็นตัวละครเทาๆที่ก็มีด้านความคิดและการกระทำที่ไม่ดีเหมือนกันจากสภาพแวดล้อมที่เติบโตและพบเจอมา



    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×