คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 เด็กหญิงผู้ไม่รู้
หากย้อนไปเมื่อตั้งแต่จำความได้ยามถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้...ก็ราวกับหน้ากระดาษของหนังสือที่ว่างเปล่า ไม่มีตัวหนังสือใดบรรยายถึงมันและไม่มีภาพวาดใดบอกเล่าถึงมัน
‘เธอไม่รู้อะไรเลยในโลกใบนี้’
เกิดมาก็ถูกคุมขังและตีตรวนด้วยโซ่ล่ามโดยไม่ไถ่ถาม
ถูกขังในปราสาทลึก ไร้สิ้นผู้คนที่ดูแลมีเพียงอาหารและน้ำที่ป้อนมาให้
แต่ก็ไร้คำพูดใดๆกับเธอ เธอแทบไม่ได้เรียนรู้ภาษาใดๆในโลกใหม่นี้เลย
เพราะไม่มีใครสอนหรือแม้แต่พูดกับเธอ...
ไม่รู้เรื่องของโลกที่ตนเกิด...ไม่รู้ภาษาที่จะพูด...ไม่รู้เลยว่าตนเป็นใครในโลกใบนี้
เธอรู้สึกหวาดกลัว...ใช่
เธอกลัวอย่างมากมาย ถึงเธอจะเป็นคนปรับตัวได้หรือเป็นคนง่ายๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันอย่างใหญ่หลวงได้เช่นนี้
มือเล็กทั้งสองข้างกุมหัวของตนอย่างสั่นเทาและนึกย้อนถึงความทรงจำอดีตทุกครั้งไป เวลาว่างมีมากมายสำหรับเธอที่ถูกคุมขัง หากแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย สุดท้ายแล้วจึงมีเพียงความคิดและความทรงจำในอดีตเท่านั้นที่ย้อนวนอยู่ในหัว
และที่สำคัญ...ชาติที่แล้วเธอ’ตาย’เพราะอะไรกันล่ะ? ความทรงจำบางส่วนขาดหายไปโดยเฉพาะเหตุการณ์ตอนตายของเธอ...
เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนี้จนตายจริงๆเหรอ
ถูกล่ามโซ่อย่างกับสัตว์...อยู่ในที่ไหนก็ไม่รู้...แถมไม่มีใครอีก...
เธอสั่นเทากับความคิดนี้อยู่นานตลอดหลายปีที่เติบโตภายใต้โซ่ตรวนและห้องขังนี้....จนสุดท้ายมันได้กลายเป็น’ความสิ้นหวังและหมดหวังจนเลิกคาดหวัง’
นิ้วมือที่ผอมแห้งอยู่แล้วเต็มไปด้วยแผลสดจากการพยายามแกะปลอกคอเหล็ก
ตามข้อต่อแขนและขารวมถึงคอเป็นรอยฟกช้ำจากการพยายามขยับให้หลุด
เมื่อลองพยายามแต่ไร้ซึ่งผลที่แม้แต่โอกาสเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่เห็นนั้น...ทำให้เธอล้มเลิกความพยายามที่ไร้สิ้นประโยชน์ใดๆไป
เธอใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังและหมดอาลัยตายอยากมาจนถึงอายุหกปี...
จนกระทั่งได้มีเด็กชายผู้หนึ่งก้าวเข้ามาที่ปราสาทลึกแสนโดดเดี่ยวนี้....เขามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างดูน่าหวาดกลัว
ดวงตาสีเลือดอันแปลกจากปกติของเขาทำให้เธอต้องตกตะลึง
เส้นผมสีดำสนิทคล้ายขนกาไม่ก็ความมืดมิดยิ่งขับให้เขาดูโดดเด่นมากขึ้น
‘เป็นเจ้าน่ะเหรอ...’
‘สภาพดูน่าสมเพชกว่าที่คิดจังเลยแฮะ’
เป็นเด็กชายที่เอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ
ซึ่งเธอในตอนนั้นไม่สามารถเข้าใจภาษาได้
หากแต่ท่าทางที่ดูเหยียดยามนั่นก็มากพอที่จะทำให้เธอเข้าใจ
แม้จะเป็นความตกใจที่มีคนมายังปราสาทนี้นอกจากคนใส่ชุดคลุมที่มาคอยให้อาหารและทำความสะอาดให้แก่เธอนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว
แต่กลับมีเด็กชายที่ไหนไม่รู้โผล่ขึ้นมา
‘แต่เอาเถอะ...อย่างน้อยๆเจ้าก็น่าสนใจมากพอที่ข้าจะเสียเวลาด้วย’
.
.
.
“บทบัญญัติกฎหมายแห่งรัสเชลข้อที่สิบแปดมันผิดนะ...เรย์”
เป็นเคียร์เนย์ที่เอ่ยกับเด็กหญิงผู้ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน
เขาชี้ไปยังหน้ากระดาษของตำราที่ตนเอามาสอนแก่นางอย่างเหนื่อยใจ
เขาเป็นผู้เริ่มสอนนางในการฟังและพูดแล้วจึงอ่านและเขียน...ตลอดจนมอบวิชาความรู้ให้ไม่แพ้เหล่าทายาทใดของกษัตริย์ทั้งมวล
จึงเรียกได้ว่าที่มัวเรลล์สามารถพูดคุยหรืออ่านเขียนได้ในปัจจุบันก็เพราะเด็กชายผู้เป็นจอมมารคนนี้
และนับเป็นเรื่องน่าตกใจในครั้งแรกที่พบกันสำหรับเคียร์เนย์
เมื่อเขารับรู้ว่านางไม่สามารถสื่อสารได้เหมือนคนปกติ
แต่เมื่อได้นึกย้อนดูวิธีการเลี้ยงดูที่มีต่อเด็กหญิงแล้ว
เขาจึงไม่แปลกใจนักและนึกสนุกที่จะอยากสอนนาง
พระบิดาของเขาหวาดกลัวนางมากมายขนาดไหนทุกคนในวังต่างรู้ดี...แม้ขนาดล่ามโซ่ใส่ปลอกคอก็ยังแสดงอาการวิกลจริตเพียงนี้...แล้วถ้าหากเขาสอนนางให้ทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ?...สีหน้าของทุกคนจะเป็นเช่นไรโดยเฉพาะพระบิดา
ความเกลียดชังต่อทุกคนที่เขามีอยู่นั้นเกิดขึ้นอยู่เบื้องลึกภายใต้จิตใจ....แม้พวกมันจะไม่ได้ทำอะไรให้เขารู้สึกแย่เป็นพิเศษมากมายก็ตาม...
หากนึกภาพในหัวของเขาที่แปรออกมาแล้ว
ก็คงเป็นฝูงหนอนที่ยั้วเยี้ยกันมากมายบนพื้นดิน...มันไม่สามารถทำให้เขาบาดแผลหรือแม้แต่สร้างความเจ็บปวดได้...แต่มันก็น่ารำคาญสายตาและอยากจะเหยียบมันให้จมดิน
“อย่างนั้นเหรอ...”
มัวเรลล์พยักหน้าตอบกลับอย่างว่าง่ายพลางเขียนตัวอักษรใหม่ลงไป
ก่อนที่จะยื่นให้เด็กชายตรงหน้าตรวจสอบอีกคราแล้วจึงผ่าน
มือของเด็กชายถูกยกขึ้นมาลูบหัวของเด็กหญิงราวกับเป็นรางวัล
รอยยิ้มที่ฉีกกว้างของเขายังคงดูแสแสร้งไม่ต่างจากเดิม
มัวเรลล์สัมผัสได้ว่าเขากระทำกับเธอไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง...
เธอถูกเด็กชายยัดเยียดตำราเรียนให้หลังจากเริ่มอ่านออกเขียนได้ในตอนอายุแปดปี
แม้มันอาจจะช้ากว่าเด็กทั่วไปที่เริ่มเรียนกันตั้งแต่อายุหกหรือเจ็ดปีแล้วก็ตาม แต่เขาก็มีความพยายามที่จะยัดความรู้ทุกอย่างที่หาได้เข้าหัวของเธอและคาดหวังให้เธอสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ซึ่งสำหรับเคียร์เนย์ก็อาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เขาเป็นคนฉลาดมาแต่กำเนิด
เขาสามารถทำทุกสิ่งอย่างล้วนง่ายดาย...ไม่แม้แต่จะต้องใช้ความพยายามอะไรมากมาย
เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดและคาดหวังให้เด็กหญิงตรงหน้าเป็นเหมือนเขา
หากแต่ความเป็นจริงแล้วมัวเรลล์ก็เป็นคนธรรมดาปกติทั่วไปที่มีอดีตชาติอยู่จึงอาจเรียนรู้ได้รู้เรื่องกว่าเด็กปกติ
แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นคนฉลาดขั้นจอมมารตรงหน้าได้
แต่สิ่งที่เธอสงสัยจากมันคือ
เคียร์เนย์จะได้ประโยชน์อะไรจากการช่วยเหลือเธอ คราแรกเขากล่าวว่าเพราะสงสารเธอ คราต่อมาเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก...ไม่มีความจริงออกจากปากเด็กชายผู้นี้
ไม่มีคนบ้าที่ไหนที่อุตส่าห์เข้ามายังปราสาทลึกนี้เพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่เห็นหน้าค่าตาและไกลตัวแถมยังเป็นดาวหายนะอีก...นอกเสียจากว่าเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงเรียงนามของเธอในฐานะหายนะ
ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลอยู่ที่เคียร์เนย์จะเข้าหาเธอ...เพราะเขาคือจอมมารในอนาคตและความต้องการของเขาคือการกำจัดมนุษย์ให้หมดสิ้นไป...
การเก็บเธอไว้แม้จะเป็นการป้องกันหายนะดวงใหม่...แต่มันก็เป็นเหมือนดาบสองคม...เพราะในขนาดเดียวกันหากมีผู้เข้ามาช่วยเหลือเธอและปล่อยเธอไป
หายนะก็ยังคงเกิดขึ้นได้...
เธอไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เคียร์เนย์จึงมีความคิดจะกำจัดชาติพันธุ์ดั้งเดิมของตนได้โดยสันดานและเป็นดั่งสัญชาตญาณ
ทั้งๆที่ในประวัติตัวเกมส์ก็ไม่เคยมีบอกว่าเขาถูกรังแกหรือทำร้ายโดยมนุษย์ด้วยกันแท้ๆ
แต่เอาเถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ....เพราะแม้ในบทเกมส์ผู้กล้าจะชนะจอมมารดั่งเช่นธรรมมะย่อมชนะอธรรม
แม้จอมมารจะถูกกำจัด...แต่เจ้าหญิงต้องสาปอย่างเธอก็ไม่ได้ถูกฆ่าตายแต่ถูกจองจำเช่นเดิมเท่านั้น
เพราะอย่างที่บอก ไม่มีใครต้องการให้ดาวหายนะดวงใหม่ที่ไหนไม่รู้เกิดและกลายเป็นหายนะอีกครั้งหนึ่ง...
เพราะฉะนั้นต่อให้เด็กชายตรงหน้าของเธอตาย....มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ...
เธอจะยอมตามบทเนื้อเรื่องของเกมส์เพื่อออกสู่โลกภายนอกในระหว่างเป็นพวกจอมมารและอาศัยจังหวะนั้นหลบหนีไปหรือไม่ก็รอจังหวะที่จอมมารถูกกำจัดแล้วก็ไม่เสียหาย
เธอไม่ได้ใส่ใจคนอื่นมากมายเท่าตัวเอง...เธอก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เห็นแก่ตัว
ที่หากไม่ใช่ปัญหาของตน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแก้ไขอะไร
หากจะบอกว่าเธอเป็นคนกลับกลอกหรือไม่จริงใจล่ะก็....ใช่
แล้วทำไมล่ะ?
ดูสภาพตัวเองในตอนนี้ก็คงไม่มีปัญญาเป็นคนดีไปช่วยใครหรอก...เอาโซ่ออกจากมือตัวเองยังไม่รอดเลย
.
.
.
ความคิดเห็น