คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 น้องชายผู้ไม่สมประกอบ
และเมื่อฤดูหนาวหมุนเวียนผ่านไปสองคราหลังจากที่นางกำเนิด....นางก็ได้พบว่าตนได้มีน้องชายเสียแล้ว
มารดาของนางดูจะดีใจกับเรื่องนี้อย่างมากและเป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำ จนบางครานางก็ได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กลอยมาจากตำหนักของผู้เป็นมารดา
ทั้งที่มารดาไม่เคยร้องให้นางฟังเลยสักครั้งเดียว...
ช่างลำเอียงจริงๆนะ
มารดา...
แม้แต่นามของนางก็ไม่เคยเรียก...หนำซ้ำนามที่ตั้งก็แทบไม่คิดอะไรนักเลย
เสวี่ยเฟย...นั่นคือนามของนางในชาตินี้
ที่แปลว่าหิมะโปรยปรายบนท้องฟ้า ตามวันที่นางถือกำเนิดมา...
“องค์หญิงเพคะ...วันนี้หม่อมฉันต้องขอตัวไปหาสหายที่ป่วยหนักในอีกตำหนักของพระสนมนะเพคะ....เพราะฉะนั้นหม่อมฉันคงจะไม่อาจอยู่ดูแลพระองค์ได้
ต้องขอประทานอภัยจริงๆนะเพคะ”
เสียงของนางกำนัลที่ถูกส่งมาดูแลนางกล่าวขึ้นพลางแสร้งทำสีหน้าสลดน่าสงสาร...นางกำนัลที่ถูกส่งมาดูแลนางนั้นถือว่าน้อยมากนัก
หนำซ้ำนางกำนัลเหล่านี้ก็หาเรื่องโดดงานไม่ดูแลนางที่ยังเป็นเพียงเด็กอายุเพียงสองหนาวเท่านั้นอีก...บัดซบโดยแท้
แต่นางก็ยังเด็กเกินกว่าจะตอบโต้และสถานะองค์หญิงก็เป็นเพียงแค่ปลายแถว
จึงทำให้แทบไม่มีอำนาจใดๆเลยด้วยซ้ำไป...
“อืม...”
เสวี่ยเฟยเพียงได้แต่ตอบสั้นๆและพยักหน้าเบาๆอย่างเคยชิน
เอาเถอะ ถึงร้องเรียนมารดาไปก็ไม่เคยช่วยอะไรอยู่แล้ว
“งั้นอยู่เฉยๆในตำหนักนะเพคะ”
ไม่แม้แต่จะหันมามองเด็กน้อยผู้นั่งลงที่เก้าอี้ไม้
นางกำนัลก็เดินออกไปอย่างไม่รีรอด้วยสีหน้าที่เก็บความสุขไม่มิด
ทิ้งให้เด็กหญิงวัยเพียงสองหนาวอยู่เพียงลำพัง...
เสวี่ยเฟยเพียงก้มหัวของตนลงไปนอนกับโต๊ะอย่างเงียบๆและหลับตาลงพลางฟังเสียงเพลงกล่อมเด็กที่ลอยมาจากตำหนักของผู้เป็นมารดา
.
.
.
วันเวลาได้ผ่านไปอีกครั้งหลังจากที่น้องชายของนางกำเนิดก็หกปีมาแล้ว...นางในยามนี้มีอายุได้แปดหนาวแล้ว
ซึ่งหลังจากที่น้องชายของนางกำเนิดมาไม่กี่ปี มารดาก็ต้องพบกับความผิดหวังเช่นเดิม
เมื่อน้องชายของนางนั้นป่วยเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางสมอง...หากจะเรียกให้ถูกในภาษาของโลกก่อนคงเป็นออทิสติกไม่ก็สมองไม่โตตามวัยเท่าที่ควรอะไรประมาณนั้น
นางเองก็ไม่ใช่หมอจึงอธิบายให้ชัดเจนไม่ได้นัก
ส่วนสาเหตุที่ทำให้มารดาของนางคลอดน้องชายออกมาเป็นเช่นนี้
คงเพราะถูกวางยา....
อย่างที่บอกมารดาของนางนั้นกระหายอำนาจและทะเยอทะยานอย่างมาก
นางก็เหมือนนางสนมในนิยายทั่วไปที่คอยหาทางเหยียบย้ำคนอื่นให้ลงมาและตลบหลังเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้น
ซึ่งก็ไม่แปลกที่มารดาของนางจะถูกลอบกลับเช่นนี้บ้าง
เป็นเรื่องปกติของสงครามที่เรายิงเขาได้แล้วจะมีหรือที่เราจะไม่โดนยิงบ้าง
ที่รู้ๆหลังจากมารดาของนางได้รับรู้เรื่องนี้ก็หัวเสียอย่างหนัก
นางมักได้ยินเสียงบ่นของมารดาเสมอยามเมื่อแอบลองไปตำหนักของมารดา
‘บุตรคนแรกก็สตรี บุตรคนที่สองก็ปัญญาอ่อน....ไร้ประโยชน์
ไร้ประโยชน์จริงๆ....’
ถ้อยคำอันเย็นชาและไร้ซึ่งความรักที่มีต่อบุตรทั้งสองที่ตนให้กำเนิดมานั้นหลุดออกมาจากปากของผู้เป็นมารดา
ซึ่งไม่ว่าฟังกี่คราก็ช่างน่าเจ็บปวดจริงๆ
“พี่สาว....พี่สาว....เล่นกัน....”
เสียงของน้องชายในวัยเพียงหกหนาวเอ่ยเรียกนาง
มือน้อยๆจับชายผ้าของนางสะกิดเรียกอย่างใสซื่อ ดวงตากลมน้อยๆนั่นไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มารดาของตนพูดนั้นคือเรื่องโหดร้ายเพียงใด
เสวี่ยเฟยเพียงแสร้งยิ้มและก้มตัวลงเล็กน้อยให้สายตาของนางอยู่ในระดับเดียวกับน้องชายตัวน้อยก่อนจะเอื้อมมือของตนไปลูบหัวของเขาและเอ่ยว่า
“อืม ไปเล่นกัน…ตอนนี้มารดากำลังยุ่ง
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรเข้าไปใกล้ตำหนักมารดานัก...ไปเล่นที่สวนดีกว่านะ เสวี่ยหยาง”
การให้น้องชายมาได้ยินเสียงมารดาบ่นถึงการกำเนิดของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แม้เขาจะไม่เข้าใจก็ตาม
.
.
.
ความคิดเห็น