ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แด่เธอผู้เป็นสตรีของจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่17 ป้ายสี

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 63


      

    หากจะกล่าวกันตามความจริงแท้ที่มิอาจบิดเบือนนั้น...ชาติพันธุ์แรกเริ่มของจอมมารนั้นไซร้มิใช่มนุษย์และมิอาจเป็นชาติพันธุ์ใดในโลก...คล้ายเป็นดั่งลูกชังแสนรักของผู้สร้าง...เหตุเพราะกำเนิดมาก็สมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่งแล้ว... ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผู้สร้างไม่ได้ประทานมันให้แก่เขานั่นคือความจริงใจและความเชื่อใจ...ทุกตัวละครในเรื่องราวล้วนต่างมีสายสัมพันธ์ที่แสนดีและบอกเล่าถึงมันอย่างงดงาม...แต่สำหรับจอมมารแล้วคงยากนักที่จะพูดถึง....

     

    เสียงในท้องพระโรงแห่งราชวังวาสตินกำลังกึกก้องราวฝูงชน...ผู้คนทั้งหลายต่างส่งเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างเหลือล้น เป็นองค์กษัตริย์คาเทียสผู้เคร่งเครียดพยายามรักษาความสงบ ในขณะที่ข้าหลวงทั้งหลายเผยสีหน้าซีดเซียว...หากจะบรรยายสถานการณ์ในตอนนี้ก็นับว่าวุ่นวายไม่น้อย

     

    มัวเรลล์เพียงเท้าคางอย่างเกียจคร้าน เรือนผมทองอ่อนดุจแสงแรกรุ่นนั้นปกหน้าชวนให้ดูยุ่งเล็กน้อยทว่ามีหรือเจ้าตัวจะใส่ใจ ดวงตาสีอรุณเหลือบมองเหตุการณ์ความวุ่นวายในวาสตินจากลูกแก้ววิเศษแห่งการเนรมิต...หนึ่งในของวิเศษแห่งผู้สร้างที่จอมมารครอบครองสิบสามชิ้นทั้งสิ้น

     

    สมความต้องการของเจ้าจริงๆ

    เด็กหญิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยรำพึงออกมาแซะจอมมารหนุ่มแม้ใบหน้านิ่งสงบ ทว่าแววตาก็คุกรุ่นไปด้วยอารมณ์  สายตายังคงจับจ้องเหตุการณ์ที่ปรากฏในลูกวิเศษไม่วาง...

     

    ความโกลาหลที่เกิดขึ้นล้วนเป็นการกระทำบัดซบของจอมมารอย่างเคียร์เนย์ไม่ต้องสงสัย...

     

    กษัตริย์คาเทียสผู้น่าสงสารถูกป้ายสีความผิดอย่างไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก....ถึงการลงโทษประหารบุตรทั้งหกอย่างเถรตรง...หรือหากจะพูดให้ดีก็คือเหล่าคนที่เธอฆ่าไปนั้นแล จอมมารหนุ่มแสร้งทำตัวเป็นผู้หวังดีปริศนาส่งหมายเหตุแจ้งไปยังอาณาจักรดั่งเดิมหรือต้นตระกูลของฝั่งมารดาเด็กเหล่านั้นกล่าวอ้างว่า กษัตริย์คาเทียสทรงพิโรธต่อการกระทำของพวกเขาที่ฆ่าเด็กหญิงผู้หนึ่ง จึงตัดสินลงโทษประหารพวกเขา...หากมิเชื่อจงตรวจสอบเถ้าธุลีในโลงศพเด็กหญิงปริศนาที่ผ่านมา...เขาซ่อนหลักฐานไว้ที่นั่น....

     

    แม้มันอาจไม่น่าเชื่อถือ ทว่าเมื่อนานวันเจ้าหญิงเจ้าชายตัวน้อยไม่ปรากฏตัว แม้จะพยายามออกตามหาเท่าใด จดหมายปริศนาของเคียร์เนย์จึงถูกย้อนกลับมาสนใจและย่อมกระตุ้นความแคลงใจไม่มากก็น้อย จนสุดท้ายเพียงรอให้ผู้คนทั้งหลายหมดสิ้นหนทาง...จดหมายนี้จะเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่พวกเขาคิดจะลอง

     

    และจอมมารหนุ่มผู้สลับนำโครงธุลีของเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชายตัวน้อยไว้ในโลงศพย่อมกลายเป็นหลักฐานป้ายสี หลังมีการตรวจสอบโดยเวทย์พิสูจน์ ซึ่งเคียร์เนย์ไม่รอช้าใส่ไฟเพิ่มโดยการส่งผนึกความทรงจำตอนที่เธอถูกพวกมันทั้งหลายทำร้ายจนตายและภาพของกษัตริย์คาเทียสตอนที่เขาอยู่กับเธอซึ่งถูกรักษาตัวอยู่เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าบุตรหลานของพวกเขากระทำเช่นนี้จริงๆและมันเป็นเหตุทำให้กษัตริย์คาเทียสพิโรธตามที่เขาป้ายสี...

     

    ถึงแม้จะมีความน่าสงสัยที่ว่ากษัตริย์คาเทียสจะกล้าฆ่าบุตรในสายเลือดของตัวเองจริงๆหรือ? อีกทั้งก็ไม่มีหลักฐานว่าเป็นกษัตริย์คาเทียสที่ฆ่าเสียหน่อย?....ทว่าประเด็นเรื่องที่ว่าโครงธุลีของเหล่าเด็กน้อยนั้นซ่อนอยู่ในงานศพของเด็กหญิงปริศนาที่ถูกจัดขึ้นโดยกษัตริย์คาเทียสก็ยังคงเป็นความจริงแท้และนั่นก็อาจเป็นการอำพรางหลักฐานก็เป็นได้ อีกทั้งกษัตริย์คาเทียสขึ้นชื่อเรื่องความเที่ยงตรง...ทำให้ผู้คนก็แอบคิดว่าเขาอาจกล้าทำ

     

    แต่ร้อยทั้งร้อยย่อมไม่มีหลักฐานเพียงพอจะบอกว่ากษัตริย์คาเทียสเป็นคนกระทำจริงๆ....แต่มันก็เพียงพอจะสร้างความแตกแยก...

     

    แม้หลักฐานไม่เพียงพอที่จะกล่าวว่าพระบิดาเป็นผู้กระทำ...ทว่ามันก็มากพอที่จะทำให้เขาดูเป็นผู้ร้ายสำหรับเหล่าคนที่หมดสิ้นหนทางตามหาบุตรและดันไปเจอโครงธุลีเด็กเหล่านั้นจริงๆตามจดหมายกล่าว...เหมือนดั่งหมาที่ถูกบีบให้หิวโซ หากเหลืออาหารเพียงชิ้นเดียวที่วางตรงหน้ามัน...มันย่อมกัดกินโดยไม่สงสัยว่าจะโดนวางยาเบื่อหรือไม่...

    จอมมารหนุ่มผู้นั่งข้างๆเด็กหญิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางลูบเรือนผมสีอรุณอย่างเบามือ ขณะที่ดวงตาสีเลือดเหลือบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลูกแก้ววิเศษอย่างเฉยเมย

     

    มัวเรลล์ที่ได้ฟังคำกล่าวของมารร้ายข้างกายก็อดไม่ได้ที่จะถอนสายตาจากลูกแก้วและเหลือบมองไปยังเขา...จอมมารนี่กำลังเล่นกับความรู้สึกคนอย่างไม่ต้องสงสัย ใช้ความเตลิดเมื่อคนหมดสิ้นหนทางมาปลุกปั่นให้ง่ายขึ้น...เพราะเขารู้ดีว่ามนุษย์ไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลา...

     

    ในบรรดาหกศพที่เธอฆ่าไปนั้นมีเจ้าชายผู้เกิดจากมารดาฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าหญิงจากต่างอาณาจักรสองคน มีเจ้าชายผู้เกิดจากสตรีชนชั้นสูงระดับมาร์ควิสจำนวนสามคนและเจ้าหญิงผู้เกิดจากสตรีตระกูลเอกอัครราชทูตที่เก่าแก่หนึ่งคน....

     

    ซึ่งชาติตระกูลของพวกมันทั้งสิ้นล้วนดูดี....แต่หากมองให้ลึกลงไปในความสัมพันธ์นั้น....

     

    ดูเหมือนเป็นความบังเอิญที่น่าตายไม่น้อย...เมื่อต้นเชื้อสายฝั่งมารดาของพวกมันล้วนมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับราชวงศ์วาสตินเท่าไหร่นัก...เพราะฉะนั้นการลงดาบประหารเด็กพวกนี้ก็คล้ายจุดไฟก่อง่ายราวกับน้ำมันราดแล้ว

     

    ในสองอาณาจักรของเจ้าชายที่สิ้นชีวิตไปล้วนมีอดีตปฏิปักษ์กับอาณาจักรวาสตินมาช้านาน พึ่งจะมีสนธิสัญญาสงบศึกกันเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้นจึงทำให้ความสัมพันธ์ในปัจจุบันก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก ส่วนตระกูลมาร์ควิสอีกสามตระกูลนั้นล้วนมีประวัติถูกสงสัยในการสมทบกับกลุ่มก่อการร้ายสร้างความรุนแรงใต้ดินในการแบกแยกอาณาจักรและตระกูลเอกอัครราชทูตของฝ่ายเจ้าหญิงนั้นไซร้ถูกตราหน้าว่าแอบขายชาติอยู่บ่อยครั้ง

     

    เพราะฉะนั้นแล้วความวุ่นวายจึงแตกแขนงได้ง่ายดายนัก....

     

    ดวงตาสีอรุณจ้องมองจอมมารหนุ่มด้วยความแคลงใจอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่ามารร้ายหรือจะใส่ใจ เขาเพียงฉีกยิ้มที่เธอจ้องมองเขาและยกร่างของเด็กหญิงมานั่งตักตนอย่างเอาแต่ใจ หน้าซุกไหล่ของนางราวออเซาะตามนิสัยเสียที่เป็นมา

     

    ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าใส่ร้ายทั้งหมดหรอกนะ...กษัตริย์คาเทียสไม่ได้ประโยชน์อะไรเมื่อทำเช่นนั้น เขามีเพียงเสียกับเสียเท่านั้น อีกทั้งบิดาไฉนจะกล้าฆ่าบุตร ย่อมไม่สมเหตุสมผล

    มัวเรลล์เอ่ยความคิดของตนแย้งจอมมารหนุ่ม ยังคงมีช่องว่างที่จะกล่าวว่ากษัตริย์คาเทียสเป็นผู้ผิดนัก

     

    มันไม่สำคัญหรอกว่าผู้คนจะเชื่อว่ากษัตริย์คาเทียสทำจริงทั้งหมดหรือไม่...ขุนนางมาร์ควิสผู้คิดกบฏ อาณาจักรข้างเคียงที่คิดร้ายและนักการทูตขายชาติจะสรรหาเหตุผลเพื่อโจมตีกษัตริย์คาเทียสต่อให้เราเอง....

     

    จอมมารเช่นเคียร์เนย์เพียงสร้างโอกาสหยิบยื่นให้กับพวกรอโอกาสหาผลประโยชน์อยู่เพียงเท่านั้น...เขาไม่คิดจะลงมือให้เปลืองแรงของตนให้มากมาย

     

    การได้เห็นอาณาจักรล่มสลายลงด้วยน้ำมือของคนในอาณาจักรด้วยกันเองนั้นคงสร้างความอารมณ์ดีให้กับเขาไม่หยอกเลยเชียว... โดยเฉพาะเด็กน้อยผู้กล้านั่น...ซึ่งอันตัวเขาผู้เป็นจอมมารไม่นิยมชมชอบเก็บเสี้ยนหนามให้มาย้อนตำเท้าเบื้องล่างซะเท่าไหร่นัก...อีกทั้งความสนใจเพียงหนึ่งเดียวของนางควรเป็นเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น...

     

    เพราะหากนางเลือกที่จะรักมันมิใช่เขา...ก็ไม่มีความหมายที่นางจะอยู่บนโลกใบนี้สำหรับเขา....

     

    ดวงตาสีโลหิตอันน่าขนลุกแต่กำเนิดอดไม่ได้ที่จะจ้องมองหลังคอของเด็กหญิงบนตักคล้ายหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่จอมมารหนุ่มจะตัดสินใจอย่างเอาแต่ใจโดยอ้าปากของตนกัดลงที่หลังคอของนาง...

     

    อ๊ะ...เคียร์ทำบ้าอะไรกัน?...มากัดข้าทำไมเล่า?”

    มัวเรลล์ที่คราแรกมัวแต่สนใจกับเหตุการณ์ต่างๆในลูกแก้วนั้นจึงมิได้สนใจจอมมารหนุ่มเท่าไหร่นัก ทว่าเมื่อความเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่หลังคอของตนก็พบว่าเป็นมารร้ายผู้นี้ที่กัดเธอราวหมาบ้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

    ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าตายที่ดูเหมือนฟันของจอมมารหนุ่มจะแหลมคมดั่งพวกผีดูดเลือดหรืออย่างไร....เขายิ่งขบฟันของตนกับเนื้อของเด็กหญิงราวจะสลักความเจ็บปวดไว้ให้เพื่อย้ำเตือนอะไรสักอย่าง...

     

    จนสุดท้ายเมื่อจอมมารหนุ่มพอใจแล้ว เขาจึงถอนฟันของตนออกจากคอของเด็กหญิงด้วยความอารมณ์ดี...ต่างจากผู้ถูกกระทำอย่างมัวเรลล์ที่แม้รักษาสีหน้านิ่งสงบ ทว่าแววตาบ่งบอกความไม่พอใจอย่างชัดเจน...

     

    อา...นี่แหละ งดงามเกินบรรยาย...

    จอมมารร้ายอย่างเคียร์เนย์แม้ถูกมองค้อนโดยเด็กหญิงก็หาได้ยี่หระไม่ เขาเพียงจ้องมองผลงานของตัวเองคล้ายเด็กน้อยที่ภูมิใจ ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยรอยกัดที่มีรอยช้ำของนางไปมา...

     

    น่าเสียดาย...เขามิอาจรัดคอนางได้.....

     

    ราคะของเขานั้นช่างเต็มไปด้วยความรุนแรงเหลือทน....ตัวเขามิอาจยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ราวกับเดรัจฉานที่รู้จักสมสู่....ทว่าเพราะความโปรดปรานของเขาที่มีต่อนางนั้นช่างมากมายมหาศาลนัก...จึงต้องพยายามหักห้ามใจมิให้ล้ำเส้น

     

    .

    .

    .

     


    บทที่16อัพเป็น100%แล้วค่ะ ใครที่ยังไม่ได้อ่านสามารถย้อนกลับไปอ่านได้เลยนะคะ

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×