คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่17 ป้ายสี
หากจะกล่าวกันตามความจริงแท้ที่มิอาจบิดเบือนนั้น...ชาติพันธุ์แรกเริ่มของจอมมารนั้นไซร้มิใช่มนุษย์และมิอาจเป็นชาติพันธุ์ใดในโลก...คล้ายเป็นดั่งลูกชังแสนรักของผู้สร้าง...เหตุเพราะกำเนิดมาก็สมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่งแล้ว...
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผู้สร้างไม่ได้ประทานมันให้แก่เขานั่นคือ‘ความจริงใจและความเชื่อใจ’...ทุกตัวละครในเรื่องราวล้วนต่างมีสายสัมพันธ์ที่แสนดีและบอกเล่าถึงมันอย่างงดงาม...แต่สำหรับจอมมารแล้วคงยากนักที่จะพูดถึง....
เสียงในท้องพระโรงแห่งราชวังวาสตินกำลังกึกก้องราวฝูงชน...ผู้คนทั้งหลายต่างส่งเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างเหลือล้น
เป็นองค์กษัตริย์คาเทียสผู้เคร่งเครียดพยายามรักษาความสงบ ในขณะที่ข้าหลวงทั้งหลายเผยสีหน้าซีดเซียว...หากจะบรรยายสถานการณ์ในตอนนี้ก็นับว่าวุ่นวายไม่น้อย
มัวเรลล์เพียงเท้าคางอย่างเกียจคร้าน เรือนผมทองอ่อนดุจแสงแรกรุ่นนั้นปกหน้าชวนให้ดูยุ่งเล็กน้อยทว่ามีหรือเจ้าตัวจะใส่ใจ
ดวงตาสีอรุณเหลือบมองเหตุการณ์ความวุ่นวายในวาสตินจากลูกแก้ววิเศษแห่งการเนรมิต...หนึ่งในของวิเศษแห่งผู้สร้างที่จอมมารครอบครองสิบสามชิ้นทั้งสิ้น
“สมความต้องการของเจ้าจริงๆ”
เด็กหญิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยรำพึงออกมาแซะจอมมารหนุ่มแม้ใบหน้านิ่งสงบ
ทว่าแววตาก็คุกรุ่นไปด้วยอารมณ์
สายตายังคงจับจ้องเหตุการณ์ที่ปรากฏในลูกวิเศษไม่วาง...
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นล้วนเป็นการกระทำบัดซบของจอมมารอย่างเคียร์เนย์ไม่ต้องสงสัย...
กษัตริย์คาเทียสผู้น่าสงสารถูกป้ายสีความผิดอย่างไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก....ถึงการลงโทษประหารบุตรทั้งหกอย่างเถรตรง...หรือหากจะพูดให้ดีก็คือเหล่าคนที่เธอฆ่าไปนั้นแล
จอมมารหนุ่มแสร้งทำตัวเป็นผู้หวังดีปริศนาส่งหมายเหตุแจ้งไปยังอาณาจักรดั่งเดิมหรือต้นตระกูลของฝั่งมารดาเด็กเหล่านั้นกล่าวอ้างว่า
กษัตริย์คาเทียสทรงพิโรธต่อการกระทำของพวกเขาที่ฆ่าเด็กหญิงผู้หนึ่ง
จึงตัดสินลงโทษประหารพวกเขา...หากมิเชื่อจงตรวจสอบเถ้าธุลีในโลงศพเด็กหญิงปริศนาที่ผ่านมา...เขาซ่อนหลักฐานไว้ที่นั่น....
แม้มันอาจไม่น่าเชื่อถือ ทว่าเมื่อนานวันเจ้าหญิงเจ้าชายตัวน้อยไม่ปรากฏตัว
แม้จะพยายามออกตามหาเท่าใด
จดหมายปริศนาของเคียร์เนย์จึงถูกย้อนกลับมาสนใจและย่อมกระตุ้นความแคลงใจไม่มากก็น้อย
จนสุดท้ายเพียงรอให้ผู้คนทั้งหลายหมดสิ้นหนทาง...จดหมายนี้จะเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่พวกเขาคิดจะลอง
และจอมมารหนุ่มผู้สลับนำโครงธุลีของเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชายตัวน้อยไว้ในโลงศพย่อมกลายเป็นหลักฐานป้ายสี
หลังมีการตรวจสอบโดยเวทย์พิสูจน์ ซึ่งเคียร์เนย์ไม่รอช้าใส่ไฟเพิ่มโดยการส่งผนึกความทรงจำตอนที่เธอถูกพวกมันทั้งหลายทำร้ายจนตายและภาพของกษัตริย์คาเทียสตอนที่เขาอยู่กับเธอซึ่งถูกรักษาตัวอยู่เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าบุตรหลานของพวกเขากระทำเช่นนี้จริงๆและมันเป็นเหตุทำให้กษัตริย์คาเทียสพิโรธตามที่เขาป้ายสี...
ถึงแม้จะมีความน่าสงสัยที่ว่ากษัตริย์คาเทียสจะกล้าฆ่าบุตรในสายเลือดของตัวเองจริงๆหรือ?
อีกทั้งก็ไม่มีหลักฐานว่าเป็นกษัตริย์คาเทียสที่ฆ่าเสียหน่อย?....ทว่าประเด็นเรื่องที่ว่าโครงธุลีของเหล่าเด็กน้อยนั้นซ่อนอยู่ในงานศพของเด็กหญิงปริศนาที่ถูกจัดขึ้นโดยกษัตริย์คาเทียสก็ยังคงเป็นความจริงแท้และนั่นก็อาจเป็นการอำพรางหลักฐานก็เป็นได้
อีกทั้งกษัตริย์คาเทียสขึ้นชื่อเรื่องความเที่ยงตรง...ทำให้ผู้คนก็แอบคิดว่าเขาอาจกล้าทำ
แต่ร้อยทั้งร้อยย่อมไม่มีหลักฐานเพียงพอจะบอกว่ากษัตริย์คาเทียสเป็นคนกระทำจริงๆ....แต่มันก็เพียงพอจะสร้างความแตกแยก...
“แม้หลักฐานไม่เพียงพอที่จะกล่าวว่าพระบิดาเป็นผู้กระทำ...ทว่ามันก็มากพอที่จะทำให้เขาดูเป็นผู้ร้ายสำหรับเหล่าคนที่หมดสิ้นหนทางตามหาบุตรและดันไปเจอโครงธุลีเด็กเหล่านั้นจริงๆตามจดหมายกล่าว...เหมือนดั่งหมาที่ถูกบีบให้หิวโซ
หากเหลืออาหารเพียงชิ้นเดียวที่วางตรงหน้ามัน...มันย่อมกัดกินโดยไม่สงสัยว่าจะโดนวางยาเบื่อหรือไม่...”
จอมมารหนุ่มผู้นั่งข้างๆเด็กหญิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
พลางลูบเรือนผมสีอรุณอย่างเบามือ ขณะที่ดวงตาสีเลือดเหลือบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลูกแก้ววิเศษอย่างเฉยเมย
มัวเรลล์ที่ได้ฟังคำกล่าวของมารร้ายข้างกายก็อดไม่ได้ที่จะถอนสายตาจากลูกแก้วและเหลือบมองไปยังเขา...จอมมารนี่กำลังเล่นกับความรู้สึกคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ใช้ความเตลิดเมื่อคนหมดสิ้นหนทางมาปลุกปั่นให้ง่ายขึ้น...เพราะเขารู้ดีว่ามนุษย์ไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลา...
ในบรรดาหกศพที่เธอฆ่าไปนั้นมีเจ้าชายผู้เกิดจากมารดาฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าหญิงจากต่างอาณาจักรสองคน
มีเจ้าชายผู้เกิดจากสตรีชนชั้นสูงระดับมาร์ควิสจำนวนสามคนและเจ้าหญิงผู้เกิดจากสตรีตระกูลเอกอัครราชทูตที่เก่าแก่หนึ่งคน....
ซึ่งชาติตระกูลของพวกมันทั้งสิ้นล้วนดูดี....แต่หากมองให้ลึกลงไปในความสัมพันธ์นั้น....
ดูเหมือนเป็นความบังเอิญที่น่าตายไม่น้อย...เมื่อต้นเชื้อสายฝั่งมารดาของพวกมันล้วนมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับราชวงศ์วาสตินเท่าไหร่นัก...เพราะฉะนั้นการลงดาบประหารเด็กพวกนี้ก็คล้ายจุดไฟก่อง่ายราวกับน้ำมันราดแล้ว
ในสองอาณาจักรของเจ้าชายที่สิ้นชีวิตไปล้วนมีอดีตปฏิปักษ์กับอาณาจักรวาสตินมาช้านาน
พึ่งจะมีสนธิสัญญาสงบศึกกันเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้นจึงทำให้ความสัมพันธ์ในปัจจุบันก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก
ส่วนตระกูลมาร์ควิสอีกสามตระกูลนั้นล้วนมีประวัติถูกสงสัยในการสมทบกับกลุ่มก่อการร้ายสร้างความรุนแรงใต้ดินในการแบกแยกอาณาจักรและตระกูลเอกอัครราชทูตของฝ่ายเจ้าหญิงนั้นไซร้ถูกตราหน้าว่าแอบขายชาติอยู่บ่อยครั้ง
เพราะฉะนั้นแล้วความวุ่นวายจึงแตกแขนงได้ง่ายดายนัก....
ดวงตาสีอรุณจ้องมองจอมมารหนุ่มด้วยความแคลงใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่ามารร้ายหรือจะใส่ใจ เขาเพียงฉีกยิ้มที่เธอจ้องมองเขาและยกร่างของเด็กหญิงมานั่งตักตนอย่างเอาแต่ใจ
หน้าซุกไหล่ของนางราวออเซาะตามนิสัยเสียที่เป็นมา
“ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าใส่ร้ายทั้งหมดหรอกนะ...กษัตริย์คาเทียสไม่ได้ประโยชน์อะไรเมื่อทำเช่นนั้น
เขามีเพียงเสียกับเสียเท่านั้น อีกทั้งบิดาไฉนจะกล้าฆ่าบุตร ย่อมไม่สมเหตุสมผล”
มัวเรลล์เอ่ยความคิดของตนแย้งจอมมารหนุ่ม
ยังคงมีช่องว่างที่จะกล่าวว่ากษัตริย์คาเทียสเป็นผู้ผิดนัก
“มันไม่สำคัญหรอกว่าผู้คนจะเชื่อว่ากษัตริย์คาเทียสทำจริงทั้งหมดหรือไม่...ขุนนางมาร์ควิสผู้คิดกบฏ
อาณาจักรข้างเคียงที่คิดร้ายและนักการทูตขายชาติจะสรรหาเหตุผลเพื่อโจมตีกษัตริย์คาเทียสต่อให้เราเอง....”
จอมมารเช่นเคียร์เนย์เพียงสร้างโอกาสหยิบยื่นให้กับพวกรอโอกาสหาผลประโยชน์อยู่เพียงเท่านั้น...เขาไม่คิดจะลงมือให้เปลืองแรงของตนให้มากมาย
การได้เห็นอาณาจักรล่มสลายลงด้วยน้ำมือของคนในอาณาจักรด้วยกันเองนั้นคงสร้างความอารมณ์ดีให้กับเขาไม่หยอกเลยเชียว...
โดยเฉพาะเด็กน้อยผู้กล้านั่น...ซึ่งอันตัวเขาผู้เป็นจอมมารไม่นิยมชมชอบเก็บเสี้ยนหนามให้มาย้อนตำเท้าเบื้องล่างซะเท่าไหร่นัก...อีกทั้งความสนใจเพียงหนึ่งเดียวของนางควรเป็นเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น...
เพราะหากนางเลือกที่จะรักมันมิใช่เขา...ก็ไม่มีความหมายที่นางจะอยู่บนโลกใบนี้สำหรับเขา....
ดวงตาสีโลหิตอันน่าขนลุกแต่กำเนิดอดไม่ได้ที่จะจ้องมองหลังคอของเด็กหญิงบนตักคล้ายหยุดนิ่งไปชั่วครู่
ก่อนที่จอมมารหนุ่มจะตัดสินใจอย่างเอาแต่ใจโดยอ้าปากของตนกัดลงที่หลังคอของนาง...
“อ๊ะ...เคียร์ทำบ้าอะไรกัน?...มากัดข้าทำไมเล่า?”
มัวเรลล์ที่คราแรกมัวแต่สนใจกับเหตุการณ์ต่างๆในลูกแก้วนั้นจึงมิได้สนใจจอมมารหนุ่มเท่าไหร่นัก
ทว่าเมื่อความเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่หลังคอของตนก็พบว่าเป็นมารร้ายผู้นี้ที่กัดเธอราวหมาบ้าโดยไม่ทราบสาเหตุ
ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าตายที่ดูเหมือนฟันของจอมมารหนุ่มจะแหลมคมดั่งพวกผีดูดเลือดหรืออย่างไร....เขายิ่งขบฟันของตนกับเนื้อของเด็กหญิงราวจะสลักความเจ็บปวดไว้ให้เพื่อย้ำเตือนอะไรสักอย่าง...
จนสุดท้ายเมื่อจอมมารหนุ่มพอใจแล้ว
เขาจึงถอนฟันของตนออกจากคอของเด็กหญิงด้วยความอารมณ์ดี...ต่างจากผู้ถูกกระทำอย่างมัวเรลล์ที่แม้รักษาสีหน้านิ่งสงบ
ทว่าแววตาบ่งบอกความไม่พอใจอย่างชัดเจน...
“อา...นี่แหละ
งดงามเกินบรรยาย...”
จอมมารร้ายอย่างเคียร์เนย์แม้ถูกมองค้อนโดยเด็กหญิงก็หาได้ยี่หระไม่
เขาเพียงจ้องมองผลงานของตัวเองคล้ายเด็กน้อยที่ภูมิใจ
ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยรอยกัดที่มีรอยช้ำของนางไปมา...
‘น่าเสียดาย...เขามิอาจรัดคอนางได้.....’
ราคะของเขานั้นช่างเต็มไปด้วยความรุนแรงเหลือทน....ตัวเขามิอาจยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ราวกับเดรัจฉานที่รู้จักสมสู่....ทว่าเพราะความโปรดปรานของเขาที่มีต่อนางนั้นช่างมากมายมหาศาลนัก...จึงต้องพยายามหักห้ามใจมิให้ล้ำเส้น
.
.
.
บทที่16อัพเป็น100%แล้วค่ะ ใครที่ยังไม่ได้อ่านสามารถย้อนกลับไปอ่านได้เลยนะคะ
ความคิดเห็น