คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่15 ระบาย
เสียงของหมัดแข็งที่กระแทกเข้ากับใบหน้าหรือส่วนอื่นๆของร่างกายนั้นดังต่อเนื่องอยู่เสมอ
ของเหลวสีแดงไหลนองเต็มไปทั่วพื้นที่อย่างมากมายจนกลบกระเบื้องเงาให้จมลึก
สิ่งของต่างๆถูกวางกระจัดกระจายอย่างไม่เป็นระเบียบนักเมื่อผู้ใช้ไม่ได้สนใจมันเท่าสิ่งที่ตนกำลังกระทำอยู่...ซึ่งสิ่งของเหล่านั้นล้วนเป็นเครื่องมือในการระบายอารมณ์ของเด็กหญิงผู้กำลังอยู่ในภวังค์ความเดือดดาลได้เป็นอย่างดี
มัวเรลล์ไม่รู้เลยว่าเธอหมดเวลาไปกับการกระทำเช่นนี้นานเท่าใดแล้ว....หากแต่สิ่งที่รับรู้คือ
เธอยังคงไม่พอใจกับมันและจะทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่าความรู้สึกของเธอจะเบาบางลง....
ซึ่งตอนนี้ก็ค่อนข้างดีขึ้นมาบ้างนิดหน่อยแล้ว...หัวของเธอเย็นพอจะควบคุมอารมณ์และสติของตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไม่ยากเย็น
ความจริงการได้ระบายอะไรเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดสำหรับเธอ
มือของเธอสั่นไม่หยุด...หากแต่ก็ยังคงหวดหมัดต่อไปราวกับหยุดไม่ได้
เธอไม่รู้เลยว่าเพราะความกลัวหรืออะไรบางสิ่งกันแน่
เสียงถอนหายใจของเด็กหญิงที่นั่งคร่อมร่างของชายหนุ่มที่สภาพยับเยินนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ปรับลงได้เป็นอย่างดี
มือที่กำหมัดทั้งสองข้างของเธอปล่อยวางลง...จึงเป็นสนับเหล็กมีคมที่ล่วงลงมากระทบกับพื้นนอง
มือของเธอเต็มไปด้วยเลือด...ไม่สิ
ตอนนี้สภาพของเธอนั้นเปื้อนเลือดของเขาเกือบหมดแล้ว
ดวงตาสีอรุณสงบลงแม้จะยังคงความแข็งกร้าวเอาไว้อยู่...พลางจับจ้องไปยังผลงานของตนที่ได้กระทำไว้...หากเป็นปกติเธอคงทำตัวรับไม่ได้กับสภาพที่เห็นตรงหน้า
หากแต่เพราะความเดือดดาลและเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างสุดแสนสาหัสจนตายมาคราหนึ่งแล้ว ภาพที่เห็นจึงไม่ได้น่ากลัวอะไรเท่าความขาดสติของเธอที่กำลังเดือดดาลในตอนนี้
หัวของจอมมารหนุ่มอยู่ในสภาพเละไม่เป็นชิ้นดี....ไม่เหลือเค้าโครงของใบหน้ามนุษย์เลยแม้แต่น้อย
หนำซ้ำสภาพร่างกายเองก็ไม่ต่างกันมากนัก....ยับเยินดี...
“พอแล้ว....ข้าเหนื่อยแล้ว...”
มัวเรลล์เอ่ยอย่างราบเรียบพลางยกมือเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่
เมื่อเห็นว่าเป็นก้อนเนื้อเล็กๆและเลือดข้นที่ติดซอกเล็บของเธออยู่...อา
น่าขยะแขยงจริงๆนั่นแหละ
ถึงแม้เธอจะบอกว่าตนเป็นคนหัวรุนแรง
หากแต่มันก็เป็นเพียงการทะเลาะวิวาทของเด็กหรือการใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาส่วนมาก
แต่ก็ไม่เคยถึงฆ่าคนตายหรือทำร้ายผู้อื่นจนสาหัสอะไร
หนำซ้ำผู้เป็นแม่ในอดีตเองก็ไม่ใคร่ให้เธอกระทำตัวเช่นนี้เท่าไหร่นัก
“เอาใจเขามาใส่ใจเรา ----....ถ้ามีคนทำร้ายลูกเพียงเพราะลูกไม่ยอมเล่นด้วย
ลูกจะรู้สึกอย่างไง?“
“อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็เงียบเอาไว้
แล้วค่อยรู้จักหาวิธีอื่นที่ดีกว่าความรุนแรง...ไม่ใช่ไปต่อยเขา เตะเขา...มันไม่ดี”
“ไม่มีใครชอบคนที่แก้ปัญหาด้วยความรุนแรงหรอกนะลูก....ถ้าทำตัวแบบนี้
ลูกจะอยู่ในสังคมไม่ได้”
เป็นคำสั่งสอนของแม่ที่เอ่ยกับเธอ ซึ่งมันก็เป็นความจริงและความหวังดีอันแน่แท้...ดังนั้นเธอจึงพยายามปรับตัวเสมอมา
แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องระเบิดอารมณ์ชกต่อยคนเช่นนี้อีก
ไม่สิ...ทำร้ายคนอื่นจนตายอย่างเกินความคาดหมาย...
“ตอนแรกเจ้าขอฆ่าข้าสองสามครา....แต่ถ้านับจากที่ข้าตายแล้วเจ้าเล่นฆ่าข้าตายเกือบสิบกว่าครั้งเชียว”
เป็นน้ำเสียงของจอมมารหนุ่มเอ่ยขึ้นราวกับไม่ทุกข์ร้อน....ในขณะที่ใบหน้าที่พังยับเยินจนเห็นเนื้อแดงและลูกตานั้นค่อยๆกลับมาฟื้นฟูหากันราวกับสัตว์ประหลาด
ซึ่งคราแรกมัวเรลล์ที่รับรู้ว่าจอมมารผู้นี้ฆ่าไม่ตายดั่งพลานาเรียก็รู้สึกตกตะลึงและประหลาดใจอย่างมากมาย
แต่พอตระหนักได้ว่าโลกใบนี้คือเวทมนต์ที่มีอยู่จริง
จึงพยายามข่มสติเอาไว้และฆ่าเขาต่อไปเรื่อยๆ
และเมื่อยิ่งฆ่าเขามากขึ้นเท่าใดความรู้สึกของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความน่าขนลุกและน่าขยะแขยงในเวลาเดียวกัน
จะให้เธอรู้สึกอย่างไรได้ล่ะ...เมื่อคนตรงหน้าคล้ายไม่มีวันตาย...ต่อให้มีดจะเสียบทะลุหัวของเขานั้นมันก็จะกลับมาเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น....หรือแม้แต่จุดไฟเผาเขาต่อให้ตายอย่างทรมานเหมือนเธอ
ทว่าเมื่อไฟดับลงก็คล้ายดั่งนกฟีนิกซ์ที่ย้อนคืนสู่ชีวิตจากเถ้าถ่านได้....ไม่ว่าเธอจะฆ่าเขาอย่างไง
ทรมานแค่ไหน...ชายผู้นี้ก็ไม่ตายและไม่เคยส่งเสียงร้องถึงความเจ็บปวด...
อา...มันไม่ใช่มนุษย์จริงๆนั่นแหละ...ถึงว่าเหตุใดจึงเป็นจอมมาร
เมื่อมีร่างกายสัตว์ประหลาดเช่นนี้...
“ถึงเจ้าจะตายสักร้อยรอบเจ้าก็ไม่มีปัญหามิใช่รึ”
มัวเรลล์เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางพยายามแกะเศษไม่พึงประสงค์ในซอกเล็บของตนราวกับเชื้อโรค
ก่อนกวาดสายตามองดูเลือดที่นองพื้นและอุปกรณ์มากมายที่กระจัดกระจายตามพื้นเช่นกัน
ซึ่งพวกมันล้วนเป็นของจอมมารน่าตายอย่างเคียร์เนย์ที่ดันใจกว้างให้ยืมใช้ทรมานตัวเองเสียด้วย...นับว่าเป็นคนบ้าทีเดียว
“ก็จริง...แต่ว่าเจ้าในตอนนี้ก็ดูเร่าร้อนมากมายนัก....ทำข้าหลงเลยล่ะ”
เป็นจอมมารหนุ่มที่ตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ดวงตาสีเลือดเป็นประกายยามสอดส่องเรือนร่างที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงจนกลบผิวขาวดุจหิมะของนางซึ่งกำลังคร่อมร่างของตนอยู่....การได้เห็นด้านนี้ของนางนับว่าเปิดหูเปิดตามากมายนัก
มันรู้สึกดีกว่าการที่นางแสร้งทำตัวขี้ขลาดว่าง่ายเป็นไหนๆ....ที่ผ่านมาเป็นเด็กหญิงผู้นี้ที่ยอมเขาเสมอ...ไม่ว่าเขาจะยัดเหยียดหรือบอกสิ่งใดกับนางก็ตาม
ซึ่งจอมมารหนุ่มรับรู้ดีว่าเป็นเพราะเด็กหญิงผู้นี้หวาดกลัวเขาอยู่นั่นเอง....นางหวาดระแวงเขาเสมอมา
เมื่อเห็นดวงตาสีเลือดของจอมมารหนุ่มที่เป็นประกายเลื่อนสายตามองเรือนร่างของตนนั้น
มัวเรลล์จึงจับหัวของเขาโขกกับพื้นต่อในทันที
“แล้วชอบไหมล่ะ?”
เป็นเด็กหญิงที่เอ่ยถามคล้ายหยอกล้อ
หากแต่ไม่มีความตลกอยู่ในนั้นจริงๆเลยแม้แต่น้อย....เธอล่ะไม่สบอารมณ์กับจอมมารผู้นี้มากมายนัก...
“ใจร้ายจังเลยแฮะ
แต่แนวรุนแรงแบบนี้ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะ”
เป็นเคียร์เนย์ที่แม้ถูกเด็กหญิงโขกหัวกับพื้นอย่างรุนแรงจนหากเป็นมนุษย์ปกติคงสมองเบลอไปแล้ว
แต่จอมมารหนุ่มที่ความลำเอียงและโปรดปรานในตัวเด็กหญิงอย่างชัดเจน จึงนับว่ามันคือการหยอกล้อของนางแล้วกัน
“บางทีมนุษย์ธรรมดาอย่างข้าคงไม่อาจเข้าใจตรรกะอันบิดเบี้ยวของจอมมารอย่างเจ้าได้จริงๆ”
มัวเรลล์ที่เห็นท่าทางที่ไร้ซึ่งความโกรธหรือความไม่พอใจแม้เธอจะทำอะไรกับเขาก็ตามก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
สามัญสำนึกของชายผู้นี้น่าจะผิดปกติไป
“แล้วหายโกรธข้าหรือยัง?...เรย์”
เป็นจอมมารหนุ่มที่ยิ้มรับคำกล่าวของเด็กหญิงโดยไม่เอ่ยปฏิเสธ
เพราะมันคือความจริงที่ว่าความคิดของเขาบิดเบี้ยวไปแล้ว
ความทรงจำมากมายในหัวของเขาย่อมมีประสบการณ์และความรู้สึกที่ล้นเหลือเกินมนุษย์คนหนึ่งจะสัมผัสได้หรือควรได้รับ
และมันก็บิดเบือนตัวตนของเขาไปโดยไม่รู้ตัว....บางทีตัวตนของเขาในตอนนี้อาจเป็นจอมมารหรือใครในความทรงจำใดความทรงจำหนึ่งที่ผ่านมาก็ได้และความเป็นมนุษย์ของเขาก็จางหายไปตามความทรงจำเหล่านั้นตามกาลเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานเสียแล้ว...
“ไม่รู้สิ...บางทีถ้าพวกมันตายหมด
ความโกรธก็คงเบาบางลง...”
มัวเรลล์เลือกไม่เอ่ยตอบตรงๆ
เพราะการฆ่าจอมมารผู้นี้ก็เหมือนไม่ได้ฆ่า
ทุกครั้งหลังความตายเขาก็ย้อนคืนสู่ชีวิตได้เฉกเช่นเดิม
จุดจบเพียงหนึ่งเดียวของจอมมารก็คงเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์และการตายด้วยน้ำมือของผู้กล้าจริงๆนั่นแหละ...หาใช่เธอ
กล่าวกันว่าตัวละครผู้เป็นดั่งลาสบอสในเกมส์นี้อย่างจอมมารนั้นมีฉากพ่ายแพ้เพียงแค่ฉากเดียวเท่านั้นนั่นคือการที่ผู้กล้าอย่างยูริอัสใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เทพีแห่งโชคชะตาทั้งสามสร้างประทานให้เสียบลงที่หัวใจของเขาจนทะลุลงไป...นั่นคือการผนึกตัวตนที่โอบอุ้มความชั่วร้ายของโลกไว้เพียงหนทางเดียว
ซึ่งแม้จะเลือกเล่นตัวละครอื่นหรือในรูทต่างๆก็จะไม่ได้มีการเกี่ยวข้องกับจอมมารมากนัก
อาจมีเพียงแค่การกล่าวถึง แต่ก็ไม่ได้มีจุดจบที่เกี่ยวข้องกับจอมมารเลยแม้แต่น้อย
นับเป็นความแปลกหนึ่งอย่างของเกมส์นี้
อีกทั้งฉากจบของเกมส์นี้นั้นมีมากมายเสียจนผู้เล่นทั้งหลายต่างต้องนำรูทที่ตนเคลียร์มาได้สำเร็จมาช่วยร่วมนับกัน
ซึ่งก็พบว่ามีฉากจบในแต่ละตัวละครที่แยกเป็นแต่ละรูทต่างๆรวมกันแล้วทั้งหมดถึงหลักร้อย...นับว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งไม่น้อยที่ผู้สร้างเกมส์ใส่ใจรายละเอียดและใช้เวลาสร้างมันถึงขนาดนี้
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ...เพราะที่มัวเรลล์จะนึกถึงคือการที่มีเพียงตัวละครเดียวและหนำซ้ำยังมีเพียงแค่ฉากเดียวเท่านั้นที่สามารถกำจัดจอมมารลงได้....ดังนั้น’ยูริอัส’จึงเป็นตัวกุมสำคัญ
มัวเรลล์เพียงหวังว่าผู้กล้าตัวน้อยในความทรงจำนั้นจะไม่ตายหรือจบในรูทอื่นไปเสียก่อนก็เท่านั้น...
.
.
.
ความคิดเห็น