ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แด่เธอผู้เป็นสตรีของจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่14 ความเดือดดาล

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 63


      

    สุดท้ายแล้วมัวเรลล์ผู้เห็นการตัดสินใจของคนทั้งหลาย เธอก็ได้แน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่ได้มองเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ หรือต่อให้มองเป็นมนุษย์เช่นกัน แต่พวกเขาก็เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมของตนและทำได้เพียงมอบความสงสารให้แก่เธอ...ซึ่งความสงสารนั้นไม่เคยช่วยอะไรเธอ...มันไร้ประโยชน์สำหรับเธอ

     

    หยาดน้ำตาที่ค้างคาอยู่บนดวงตาที่ไม่อาจปิดสนิทนั้นแน่นิ่ง หยดน้ำไม่ได้ไหลหรือย้อนคืนสู่บ่อของมัน...

     

    เธอไม่อาจทำอะไรได้เลย...ไม่เลยสักนิด แม้เพียงจะกลั้นน้ำตาหรือยกมือของตนขึ้นมาปาดมันก็เจ็บปวดเกินจะทำ...ทำไม ทำไมเป็นเธอที่ไม่สามารถทำอะไรได้ตั้งแต่ต้นกัน....หากไม่มีโซ่นี่...อย่างน้อยเธอก็สามารถหนีได้แล้วแท้ๆ

     

    ผู้คนทั้งหลายต่างพยายามเยื้อชีวิตเธออย่างมากมาย...จนจวบค่ำคืนที่ไร้สิ้นแสงอรุณ แต่พวกเขาก็ยังคงทำงานอย่างหนักต่อไปโดยไม่หยุดพัก บทสวดมากมายไม่เคยเงียบลงเลยสักครั้ง แสงสว่างเองนั้นก็ครอบคลุมตัวเธอเสมอ...หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงเป็นความทรมานที่ไม่มีวันจบสิ้น...บัดซบดีจริงๆ

     

    มัวเรลล์ไม่อาจรับรู้ได้ว่าวันเวลาที่ล่วงเลยไปนั้นยาวนานหรือสั้นแค่ไหนกัน แต่ที่เธอสามารถรับรู้ได้อยู่เสมอคือความเจ็บปวดเจียนตายที่ไม่มีวันจบสิ้นนี้...บางทีนี่อาจผ่านมาหลายวันหรือเพียงแค่หนึ่งคืนก็ได้ ซึ่งคนสภาพปางตายอย่างเธอก็คงไม่สำคัญอะไรที่จะต้องรู้มันก็ตาม

     

    ซึ่งในระหว่างที่มัวเรลล์หมดสิ้นถึงศรัทธานั้นเสียงบทสวดก็เริ่มเงียบไป....กลายเป็นเสียงของผู้คนที่ล้มลงไปนอนกับพื้น ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบงันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นจนน่าขนลุก จากนั้นจึงเป็นเสียงฝีเท้าของคนผู้หนึ่งที่เธอคุ้นชินดี....มันคือเสียงเท้าที่กระทบลงกับพื้นอย่างผิดมารยาทที่เจ้าหญิงเจ้าชายไม่ทำกัน

     

    ตอนเธอเรียกร้องหาเขา ชายผู้นี้กลับไม่อยู่...แต่พอสภาพปางตาย กลับคล้ายรู้เวลาจะมาจริงๆ

     

    สภาพยังดูงดงามกว่าที่ข้าคิดอีกนะเนี่ย....เรย์

    เป็นน้ำเสียงที่ไม่แยแสต่อทุกสิ่งเสมอมาเอ่ยขึ้น คล้ายไม่ทุกข์ร้อนหรือรู้สึกอะไร...ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ตลอดมา มัวเรลล์รับรู้ดีว่า จอมมารผู้นี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด....ตั้งแต่คราแรกที่พบกันด้วยซ้ำ

     

    อดทนได้ดี...

     

    คำชมของจอมมารหนุ่มไม่ได้เป็นที่ต้องการของเธอในตอนนี้...มัวเรลล์ไม่ได้รู้สึกดีใจหรือตื่นเต้นอะไรยามเขามา เธอหมดหวังกับใครต่อใครแล้ว....และเธอเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าจอมมารผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ดังนั้นความคาดหวังของเธอที่มีต่อเขาจึงน้อยยิ่งกว่าการร้องขอความเมตตาจากกษัตริย์คาเทียสเสียอีก

     

    เอาเถอะ....อย่างไงซะหลังจากนี้ก็จะเป็นเพียงหนึ่งความเจ็บปวดที่ต้องจดจำ...

     

    จอมมารหนุ่มรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ของเด็กหญิงเป็นอย่างดี หากแต่มันก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแต่อย่างใด มือหนาของเขาเอื้อมไปสัมผัสร่างของเด็กหญิงที่ไหม้เกรียมในสภาพปางตาย

     

    ก่อนจะใช้มือข้างนั้นกดลงที่คอของเด็กหญิงและปลิดลมหายใจอันเบาบางในที่สุด

     

    มัวเรลล์จึงค่อยๆหลับลงไปอย่างเรียบสงบในที่สุด...อย่างน้อยเขาก็ทำตัวมีประโยชน์จริงๆกับเธอครั้งหนึ่งล่ะนะ

     

    ทุกอย่างตัดกลายเป็นสีดำสนิทอีกครา...เธอรู้สึกดีจริงๆ

     

    .

    .

    .

     

    คล้ายความเงียบงันและภาพสีดำจะไม่ได้คงอยู่ตลอดไปอย่างที่มัวเรลล์ต้องการนัก....เมื่อหนึ่งตื่นแรกของเธอกลับกลายเป็นความจริงที่ว่าเธอยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกครา ดวงตาสีอรุณลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนมองภาพทุกอย่างที่ชัดเจนเหมือนครั้งปกติ....

     

    เป็นใบหน้าของจอมมารหนุ่มที่ยังคงเหยียดยิ้มให้กับเธอ ในขณะที่มือของเขากำผงสีดำบางอย่างที่แหลกเหลวอยู่อย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาสีเลือดเป็นประกายยามจับจ้องเธอเหมือนทุกคราที่ผ่านมา

     

    อรุณสวัสดิ์กับชีวิตในครั้งใหม่นะ...เรย์

     

    มัวเรลล์รู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้....เธอนิ่งเงียบ พลางย้อนมองร่างกายของตนโดยไม่ใส่ใจจอมมารหนุ่มตรงหน้า มือเล็กทั้งสองข้างที่เคยฟอกช้ำและถูกตีตรวนนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว...เรือนผมยาวของเธอที่เคยถูกตัดไม่เหลือชิ้นดีนั้นกลับกลายเป็นเช่นเดิม และเมื่อพอลองเอื้อมมือของตนไปสัมผัสที่ใบหน้าก็พบว่าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ แม้แต่ร่องรอยของการล่วงละเมิดทางเพศก็ราวกับว่าไม่ได้เกิดขึ้น...

     

    ย้อนเวลาอย่างนั้นหรือ?...เพราะทุกอย่างคล้ายจะกลับกลายเป็นก่อนหน้าที่เธอจะถูกทำร้ายเสียหมด

     

    คำถามแรก เคียร์...เจ้าเป็นคนทำเหรอ?”

    เป็นน้ำเสียงที่นิ่งสงบคล้ายเหมือนทุกคราของเด็กหญิงเอ่ยถามขึ้น....ดวงตาของเธอยังคงไม่ได้มองไปที่จอมมารหนุ่ม ดวงตาสีอรุณนั้นยังคงจับจ้องไปที่ร่างกายของตัวเองอย่างไม่วางตา

     

    ย่อมเป็นเช่นนั้น...

    เคียร์เนย์หรี่ตามองดูเด็กหญิงที่ดูนิ่งสงบแม้จะผ่านเหตุการณ์ก่อนหน้ามาแล้วก็ตามด้วยความแปลกใจไม่น้อย นางเข้มแข็งขนาดนี้เชียวหรือ?...ไม่สิ เขาสัมผัสได้ว่าความนิ่งสงบของเด็กหญิงตรงหน้าอาจไม่ใช่ความจริง

     

    เช่นนั้นคำถามอย่างที่สอง...เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าจะโดนกระทำเช่นนี้?”

    มัวเรลล์ยอมรับว่าตัวเองอาจไม่ใช่คนฉลาด แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่โง่งม....เธอไม่ได้โง่พอจะมองไม่ออกว่า เขารับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธออย่างแน่แท้....คำพูดและการกระทำของเขาก่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นหลักฐานชั้นดี...

     

    ซึ่งดวงตาสีอรุณที่นิ่งสงบเหมือนดั่งทะเลสาบเย็นที่ไร้คลื่นนั้นหาได้นิ่งสงบจริงๆตามทีจอมมารหนุ่มคิด แม้ภายนอกมัวเรลล์จะดูนิ่งสงบอย่างที่เป็นมา...หากแต่แท้จริงแล้วภายใต้น้ำเสียงหรือสีหน้าที่นิ่งสงบนั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่พยายามกักเก็บเอาไว้อยู่

     

    และมันพร้อมปะทุในทันทีเมื่อความจริงปรากฏ...

     

    จอมมารหนุ่มเงียบงันไปสักพักเมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเด็กหญิง มือหนายกขึ้นสัมผัสคางคล้ายทำท่าครุ่นคิดแม้จะไม่ได้คิดอะไรจริงจังเลยก็ตาม เขาไม่ได้เงียบไปเพราะความรู้สึกผิดหรือหวาดกลัวที่จะยอมรับมัน หากแต่กำลังวิเคราะห์ท่าทางที่ไม่เคยเห็นของเด็กหญิงเบื้องหน้าด้วยความสนใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน

     

    ดูท่าเด็กหญิงตรงหน้าเขาอาจจะไม่ได้เฉื่อยชาอย่างที่แสดงให้เห็นตลอดมา....เอาเถอะ ต้องทำให้ชัดเจนเสีย...

     

    อืม...ข้าย่อมรับรู้ดี

    เคียร์เนย์ตอบกลับอย่างมั่นคง...ดวงตาสีเลือดฉายแววจริงจังอย่างชัดเจน เขาผู้มีความทรงจำของผู้สร้างมีหรือจะไม่รู้เนื้อแท้ของเนื้อเรื่องอันโสมมนี้ มันคือโชคชะตาตามเดิมของเด็กหญิงตรงหน้า...เพื่อสร้างเหตุผลในการขับเคลื่อนให้จอมมารเช่นเขาบ้าคลั่งกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์...

     

    ความจริงแล้วที่เคียร์เนย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาของมัน เขาย่อมมีเหตุผลของเขา...

     

    แล้วทำไมไม่ช่วยข้า?....”

    มัวเรลล์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เริ่มราบเรียบเสียยิ่งกว่าเก่า เสียงลมหายใจที่ผ่อนลงคล้ายกำลังควบคุมตนนั้นชัดเจน ดวงตาสีอรุณที่ไม่ได้มองจอมมารหนุ่มในคราแรก เลื่อนสายตามองเขาอย่างนิ่งสงบ

     

    และเหลือบมองมือทั้งสองข้างของตนอย่างสำรวจคล้ายสำรวจมันเพื่อเตรียมทำอะไรบางอย่าง....

     

    เพราะนั่นคือชะตากรรมของเจ้า...ความตายหนึ่งคราจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ

    จอมมารหนุ่มเอ่ยราวกับเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่ดวงตาสีเลือดจับจ้องไปที่เด็กหญิงราวกับไม่ใช่ผู้กระทำผิด

     

    ตายแล้วเป็นอิสระเหรอ?....พูดบ้าอะไรกัน ถ้าตายแล้วเป็นอิสระจริง ทำไมไม่ฆ่าข้าด้วยตัวเองเสียล่ะ จะหักคอให้ตายในทันทีก็ได้นิ แต่เจ้ากลับปล่อยให้ข้าถูกทรมานเยี่ยงเดรัจฉาน!”

    ภายใต้ดวงตาที่นิ่งสงบของมัวเรลล์เริ่มเผยความแข็งกร้าวขึ้น มือทั้งสองข้างเริ่มกำเข้าหากันบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มปะทุในตอนนี้

     

    มีเหตุผลมากมายที่ข้ามิอาจทำเช่นนั้นได้...อีกทั้งเหตุใดเป็นข้ากันที่ผิด....เมื่อผู้กระทำมิใช่ข้า เป็นพวกมันมิใช่หรือที่กระทำทารุณเจ้า เรย์...ความโกรธแค้นของเจ้าทำไมมิลองลงที่พวกมันดูล่ะ ข้าส่งเสริมเจ้าได้อย่างไม่ยากเย็นนะ

    เคียร์เนย์ยังคงเอ่ยกับเด็กหญิงราวกับผู้ไร้ความผิด....ในขณะที่สองเท้าก้าวเดินไปหานางเพื่อใกล้ชิด มือหนาของเขาเอื้อมไปสัมผัสใบหูของนางพลางยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบเอ่ยเยี่ยงงูร้ายที่ล่อลวงผู้คนอีกครา

     

    เป็นพวกมนุษย์กลุ่มนั้นที่กระทำกับเจ้าราวกับไม่ใช่มนุษย์มิใช่หรือ?....ลองฆ่าพวกมันเสียเป็นพวกแรกในการเริ่มต้นนับว่าเป็นสิ่งวิเศษสุดไม่ใช่หรือ…”

     

    ถ้อยคำกระซิบที่คล้ายพิษร้ายนั้นถูกปนป้อนให้แก่เด็กหญิงผู้ถูกกระทำราวกับต้องการกระตุ้นความเกลียดชังและความโกรธแค้นให้ฝังราก

     

    หุบปากของเจ้า....อย่าคิดมาล่อลวงข้า เคียร์

     

    ทว่าน่าเสียดายนักที่คำล่อลวงของงูร้ายนั้นไม่สำเร็จ...มือเล็กของมัวเรลล์ตีสะบัดมือหนาของจอมมารหนุ่มที่สัมผัสหูของเธออย่างแรง ดวงตาที่นิ่งสงบอันซ่อนความแข็งกร้าวยิ่งทวีคูณจนเริ่มเผยออกมาชัดเจน

     

    จอมมารอย่างไงก็เป็นจอมมาร

     

    มัวเรลล์กล่าวเสียงแข็งพลางกำมือหนาที่สัมผัสหูของเธออย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว....ที่ผ่านมาเธอตระหนักถึงมันดีหากแต่ก็ไม่เคยรู้สึกชัดเจนเท่านี้มาก่อนว่า เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นจอมมาร สันดานและตรรกะธาตุแท้นั้นย่อมมิใช่มนุษย์และไม่มีวันเป็นอย่างมนุษย์ ต่อให้จะกำเนิดจากมารดาและบิดาที่เป็นมนุษย์ก็ตาม

     

    ดูเหมือนเจ้าจะรับรู้...น่าแปลกจริงๆ แต่เอาเถอะ มันก็ไมได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเป็นพวกมันที่กระทำต่อเจ้าหรอกนะ เรย์...หากเจ้าจะกล่าวว่าข้าคือผู้ผิดทั้งหมด...ย่อมเป็นเรื่องน่าขัน เรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น หากพวกมันเป็นคนดีจริง พวกมันจะไม่เข้ามาที่นั่นตั้งแต่แรก...และพวกมันคงไม่กระทำกับเจ้าเช่นนั้น

     

    คิดตรองดูเสียเถิด...เพียงเจอหน้ากันครั้งแรกก็กระทำกับเจ้ายิ่งกว่าคนบาปผู้ถูกลงทัณฑ์ในนรกเสียอีก จิตใจของพวกมันต้องเลวร้ายเพียงใด

     

    มนุษย์น่ะเชื่อใจไม่ได้หรอกนะ...เรย์

     

    เป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันต่อทุกสิ่งที่เธอคุ้นชินดีปรากฏขึ้นเช่นทุกครั้ง...คำกล่าวของเขายังคงเป็นยาพิษร้ายเสมอ มันมีพลังโน้มน้าวผู้คนให้หลงวนอยู่ในกิเลสตัณหา...ดั่งซาตานที่ล่อลวงผู้คนให้ตกลงไปในนรก....

     

    หยุดพูดให้ข้าเกลียดมนุษย์เหมือนกับเจ้า เคียร์….ข้าไม่เหมือนเจ้า พวกมันก็เป็นเพียงคนกลุ่มเดียว มิใช่ตัวแทนมนุษย์ทั้งโลก ข้าไม่ตัดสินผู้คนทั้งหมดโดยวัดจากคนกลุ่มเดียว

    มัวเรลล์รู้สึกแสลงหูนัก ยามเมื่อฟังคำกล่าวที่คล้ายยาพิษของจอมมารหนุ่ม เธอรู้สึกเหมือนฟังของเสียที่ทำให้สุขภาพจิตของเธอต่ำลง

     

    เช่นนั้นเจ้าจะกล้าบอกรึเปล่าล่ะว่าเจ้าจะไม่ถูกกระทำเช่นนี้อีก ในเมื่อตัวตนของเจ้าคือเด็กหญิงผู้ต้องสาป มนุษย์ทั้งโลกจะต้อนรับการมีอยู่ของเจ้าหรือ?...พวกมันจะปฏิบัติต่อเจ้าเยี่ยงมนุษย์เหมือนกันรึไง?...คำตอบของมันย่อมไม่มีวันเกิดขึ้น

     

    นี่คือความจริงแท้...ที่แม้แต่มัวเรลล์ก็ต้องหยุดชะงัก นับเป็นเรื่องย้อนแย้งสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้พวกเขาจะพยายามรักษาชีวิตเธอไว้เพื่อป้องกันดาวหายนะดวงใหม่เกิดขึ้น หากแต่ในทางกลับกันแล้วเธอก็ถูกเกลียดชังและรังเกียจอย่างฝังรากลึกเข้ากระดูก....ถึงขนาดที่ว่าหากเธอไปอยู่ในที่หนึ่งของเมือง ย่อมต้องถูกผู้คนปาก้อนหินใส่จนตายก็เป็นได้

     

    พวกศาสนจักรเองก็ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่ว่าดาวหายนะจะเกิดใหม่ขึ้นหากดาวหายนะอีกดวงตายลง อาจเป็นเพราะเพื่อความมั่นคงและป้องกันการแทรกแซงของเผ่าอื่น อีกทั้งดาวหายนะก็ไม่ได้ตายและเกิดต่อกันในทันที ระยะเวลาช่วงรอยต่อนั้นยาวนานพอสมควร

     

    จึงไม่แปลกที่ชาวบ้าน ไม่สิ...มนุษย์ทุกคนจะไม่ได้สนใจและแสดงความเกลียดชังและรังเกียจอย่างเปิดเผย

     

    มันไม่มีที่ใดที่ปลอดภัยสำหรับเธอเมื่ออยู่บนผืนแผ่นดินของมนุษย์....หรือแม้แต่มีมนุษย์อยู่ด้วยแม้เพียงคนเดียวก็ตาม นับว่าจอมมารผู้นี้ช่างรู้จักพูดจี้จุดได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกที่เขาจะโน้มน้าวผู้คนให้คล้อยตามได้

     

    หากแต่ไม่ใช่กับมัวเรลล์....อาจเพราะแท้จริงแล้วเธอมิใช่คนเฉื่อยชาที่ตามคนง่ายๆอย่างที่แสดงมาและยิ่งรวมกับอารมณ์ที่คุกรุ่นแล้ว เธอย่อมไม่ใช่คนที่ต้องคล้อยตามจอมมารหนุ่ม...

     

    ข้าก็เลยจะต้องเมินเฉยต่อการปิดหูปิดตาของเจ้าที่ปล่อยพวกมันกระทำอย่างนั้นเหรอ ตลกตายล่ะ

    มัวเรลล์เอ่ยเสียงเย็นยะเยือก ไม่ว่าจอมมารผู้นี้จะมีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ หรือพวกมันและมนุษย์คนอื่นๆจะทำเช่นไรกับเธอ แต่มันก็ไม่ได้ลบล้างสิ่งที่เธอถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย แม้ร่างกายจะหายดีหรือย้อนคืนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความรู้สึกก็ได้ตกตะกอนฝังลึกลงในจิตใจของเธอเสียแล้ว...มันไม่มีวันหายไป...

     

    เอาล่ะ...นี่ เคียร์ ข้าขออะไรเจ้าอย่างได้ไหม?”

    มัวเรลล์เอ่ยต่อพลางสูบลมหายใจเบาๆและหลับตาลง  แม้เธอจะดูค่อนข้างควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม...แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย....

     

    ถ้าหากฟื้นขึ้นมาคนปกติก็คงร้องโวยวายหรืออาละวาด....แต่ถ้าเป็นเธอ.....

     

    หืม?...ย่อมได้

    จอมมารหนุ่มแม้จะงุนงงกับคำถามของเด็กหญิงไปบ้าง แต่ก็ตกลงตามใจเด็กหญิงเช่นปกติ....ก่อนที่ดวงตาสีเลือดจะเบิกกว้างหลังสิ้นคำตอบนั้น...

     

    เป็นหมัดของเด็กหญิงที่หวดเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างเต็มแรง...หนำซ้ำยังกระชากเส้นผมของจอมมารหนุ่มต่อด้วยความรุนแรง

     

    งั้นก็ไปตายสักสองสามครั้งให้ข้าหน่อยนะ

     

    เป็นมัวเรลล์ที่เอ่ยขึ้นเสียงเย็นยะเยือกอย่างขีดสุด ใบหน้าและดวงตาที่นิ่งสงบในตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าวอย่างชัดเจน  ท่าทางที่นิ่งสงบสุขุมหรือเฉื่อยชาจางหายไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงความเดือดดาลและป่าเถื่อนที่แสดงให้เห็น

     

    มือเล็กชักมือของตนกลับมาอย่างเลือดเย็นและพบว่ามีเลือดของชายผู้เป็นจอมมารติดอยู่...แต่เด็กหญิงหาได้แยแสไม่ เธอปาดมันออกและหมายจะต่อยมันอีกครั้ง...

     

    ความจริงแล้วมัวเรลล์ไม่เคยฆ่าคน เธอไม่ใช่นักฆ่าหรือทหารผู้เก่งกาจเหมือนนางเอกที่หลุดเข้ามาในนิยาย เธอเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง...หากแต่เพราะความเดือดดาลนี้ ทำให้เธอคิดจะฆ่าคนได้

     

    ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าข่าวที่คนฆ่ากันตายเพราะความโกรธแค้นนั้นเป็นเช่นไร...

     

    มือเล็กของมัวเรลล์ชกเข้าที่ใบหน้าจอมมารอย่างต่อเนื่องและเลือดเย็น....ด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนสี แม้เลือดจะกระเซ็นมาเปรอะเปื้อนที่หน้าของเธอก็ตาม

     

    ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น....ข้าย่อมพร้อมรับมัน

    เป็นเสียงตอบกลับของจอมมารหนุ่มที่เอ่ยตอบเด็กหญิง รอยยิ้มของเขาไม่ได้จางหายไปจากบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ดวงตาสีเลือดเป็นประกายจับจ้องไปที่เด็กหญิงอย่างสนอกสนใจ...เมื่อเห็นท่าทาง ไม่สิ บุคลิกที่แท้จริงของเด็กหญิงตรงหน้าเปิดเผยในที่สุด

     

    มัวเรลล์ที่ได้รับการตอบกลับอย่างสบายๆและรอยยิ้มเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะหวดหมัดลงที่ใบหน้าของจอมมารหนุ่มอย่างรุนแรง และเมื่อชักมือออก เลือดของเขาก็หยดนองเต็มมือของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมันเช่นเดิมและชกเข้าที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งและอีกครั้ง...

     

    หนึ่งอย่างที่เธอไม่ชอบมากนักคือ ความรุนแรง....ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนสุภาพชนหรือดีเด่นอะไร หากแต่เป็นเพราะเนื้อแท้ของเธอที่พยายามปกปิดมาตลอด ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติที่แล้ว...

     

    คือการที่แท้จริงแล้วเธอเป็นคนหัวรุนแรง


    แต่เพราะครั้งหนึ่งเป็นมารดาบังเกิดเกล้าที่ร้องขอเธอ....เป็นมารดาที่คาดหวังลูกสาวที่เรียบร้อยและปกติดีเหมือนคนอื่นๆ


    เธอจึงปิดเงียบและพยายามกลบตัวตนนี้เพื่อเป็นลูกสาวที่ดีของมารดาเสมอมา


    ทว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว...ใครจะตายก็ช่างแม่งสิ

     

    หากเธอฆ่าจอมมารนี้เสร็จแล้ว....เธอจะไปฆ่าพวกมันต่อเสีย

     

    .

    .

    .

     

     

    เอาจริงๆไรท์อยากย้ำอีกรอบนะคะว่านิยายเรื่องนี้มีความรุนแรงบางส่วนเป็นส่วนประกอบเรื่องนะคะ555 (ความจริงน้องเรย์เองก็รุนแรงไม่ใช่น้อย---)

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×