คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่14 ขอเรียน
“ไม่ได้!...จะบ้าหรือกระไรกัน เป็นหญิงเป็นนางจะให้เรียนสูงไปทำไม
ประเดี๋ยวโตไปก็มีผัวเลี้ยง”
เสียงของมารดาบังเกิดเกล้าเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ สีหน้าบิดงอเพราะความต้องการของบุตรสาวนั้นช่างเอาแต่ใจยิ่ง
หนำซ้ำสามีของตนยังอยากส่งเสริมโดยใช่เหตุ ที่ผ่านมานางยอมปิดหูปิดตาข้างหนึ่งปล่อยให้เขาตามใจบุตรนั้นก็ถือว่ายอมมากโขแล้ว
แต่หากจะให้บุตรสาวผู้นี้เรียนหนังสือหนังหาจริงจังดั่งเช่นผู้ชายก็คงไม่คุ้มค่าและผิดแผกจากหญิงชาวบ้านนัก...เพราะการที่สามัญชนที่มิใช่ลูกขุนมูลนายจะได้เรียนหนังสือนั้นย่อมต้องบวชเรียนที่วัด
น้อยนักจะมีเงินจ้างคนสอนหนังสือหรือเข้าโรงเรียนเฉกเช่นลูกขุนนาง แล้วมีสตรีดีๆที่ไหนกันจะนั่งร่วมห้องกับเณรพระทั้งหลายเพียงคนเดียว...หากเกิดเรื่องอาบัติหรืองามหน้าขึ้นมาจะทำเช่นไร
มิอับอายถึงพ่อแม่กระนั้นหรือ
“พี่ไม่ได้ให้ลูกไปเรียนวัดกับพวกพระพวกเณรเสียหน่อย...อีกอย่างเมื่อบุตรใฝ่รู้ใยจึงไม่ส่งเสริม
ถึงโตไปมีผัวเลี้ยงก็มีความรู้ติดตามเพิ่มค่าได้ มิเห็นน่าเกลียดกระไร”
พันศรโยธาพยายามเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น
แม้เห็นฝ่ายภรรยาตั้งอคติไปแล้วก็ตาม
ความจริงแล้วพื้นฐานความคิดดั้งเดิมของเขาในคราแรกก็ไม่ต่างอะไรจากนางศรีประจันผู้เป็นภรรยานัก...สตรีนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนสูงอะไร...ทว่าความฉลาดของบุตรสาวเป็นสิ่งที่มองข้ามไปมิได้
หากมองข้ามเรื่องเพศไป...สุดท้ายเด็กหญิงตัวน้อยก็เป็นบุตรของเขามิใช่หรือ
จะหญิงจะชายหากบุตรฉลาดใฝ่รู้ก็ควรส่งเสริมสมพ่อแม่คน
แม้ในคราแรกที่นางเกิดมา
ความคิดแวบแรกของพันศรโยธาที่ยังไม่ผูกพันกับบุตรสาวนัก จะวางแผนชีวิตให้บุตรสาวแต่งงานกับบัณฑิตหรือพ่อค้าเพื่อมาสืบทอดการค้าแทน
มิได้คาดหวังในตัวบุตรผู้หญิงเท่าไหร่นัก
ทว่าเมื่อเลี้ยงนางด้วยสองมือตนและเห็นความฉลาดที่ส่องประกาย...ความคิดของเขาจึงเปลี่ยนไป....
“แล้วจะจ้างครูมาสอนหรืออย่างไร ค่าครูนั้นมิใช่ถูกๆ สิ้นเปลืองยิ่ง”
นางศรีประจันไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่าอะไรนัก บุตรสาวอ่านออกเขียนได้ก็นับว่าเกินความสามารถชาวบ้านปกติแล้ว
จะให้เก่งเทียบเจ้าขุนมูลนายและบุตรหลานข้าราชการหรืออย่างไรกัน
“ไม่มีสิ่งใดที่สิ้นเปลืองเมื่อเราเต็มใจ...”
พันศรโยธามิได้ชื่อว่าเป็นพ่อค้าใหญ่เพียงนาม ทรัพย์สินมากมายแม้ชั่วรุ่นลูกหลานก็มิอาจลดทอนลงได้...แล้วมันจะมีปัญหาอะไรกับการจ้างครูกัน
ทว่าเพียงขาดความเหมาะสมก็เท่านั้น
“ก็เพราะเจ้าตามใจบุตรเช่นนี้ จึงเสียนิสัย
เป็นผีบ้าผีร้ายไม่หาย!”
แม้เรื่องเงินจะไม่ใช่ปัญหาอะไรนัก
ทว่านางศรีประจันมองว่ามันไม่ใช่เรื่องนัก ทำอะไรไม่มีประโยชน์นัก
“พูดจาดีๆหน่อย...นั่นลูกเรา”
พันศรโยธาคิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อความปากร้ายของภรรยาลามไปถึงบุตรสาว...แม้ตนจะไม่ได้เคร่งอะไรกับมารยาทของนางศรีประจันนักทว่าหากบุตรได้ฟังย่อมเป็นเรื่องไม่ดี...
สุดท้ายการทะเลาะของพันศรโยธากับนางศรีประจันก็ดำเนินต่อไปโดยมีสายตาของบุตรสาวอย่างพิมพิลาไลยจับจ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่วางตา...มันช่างเป็นภาพที่คุ้นชินสำหรับนางนัก...อดีตชาติที่ครอบครัวร้าวฉานย่อมมีการทะเลาะเกิดขึ้นเป็นเสมอ
ทว่าการทะเลาะในครั้งนี้กลับทำให้นางรู้สึกต่างออกไป....เพราะเป็นพันศรโยธาที่ยอมทะเลาะกับนางศรีประจันเพื่อความต้องการของนาง....มิใช่เรื่องเงินทองหรือชีวิตคู่อันเฮงซวยของพวกเขาเฉกเช่นพ่อแม่ในอดีตชาติ
.
.
.
สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
การทะเลาะของผู้เป็นบิดามารดาคนก็เช่นกัน...พวกเขาหาจุดกึ่งกลางซึ่งกันและกัน
เพื่อให้ปัญหาจบลง...แน่นอนว่าย่อมเป็นพันศรโยธาที่หาวิธีไกล่เกลี่ย เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นการทะเลาะมีหรือจะจบลง
นางศรีประจันเป็นคนคิดถึงความคิดตัวเองเป็นหลักในระดับหนึ่งไม่มากก็น้อย..ดังนั้นการเสนอวิธีผ่อนปรนจึงเป็นทางดีที่สุด
เสียงทะเลาะบนเรือนใหญ่ในยามเช้าสายได้จางหายไปแล้ว....ทิ้งเพียงเสียงลู่ลมยามค่ำคืนที่มาถึงในตอนนี้....
ปลายปากกาหมึกหนักลงที่แผ่นกระดาษ...แสงตะเกียงสะท้อนฉายแววไฟสาดส่องไปทั่วห้องอย่างเบาบาง
ยังคงเป็นพันศรโยธาที่นั่งทำงานในยามค่ำคืนแม้ยามรุ่งจะทะเลาะกับภรรยาของตนมาก็ตาม
ท่าทางของเขามิได้ต่างอะไรจากปกตินัก มือข้างหนึ่งเท้าคางเยี่ยงนายใหญ่ของเรือน
ดวงตาจับจ้องเอกสารในมือไม่วางตา
ความนิ่งสงบนี้บ่งบอกถึงการที่เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือมีปัญหาแม้แต่น้อยหลังการทะเลาะครั้งนี้
ทว่าก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมือเล็กที่คุ้นชินจับปลายเสื้อด้านหลังของเขา....
“หืม....ยังไม่นอนอีกแล้วเหรอคะ คนเก่ง”
พันศรโยธาหยุดเขียนงานและหันมามองบุตรสาวที่มีแววตาลำบากใจไม่น้อยตั้งแต่เกิดการทะเลาะตอนนั้น...เขารู้ดีว่านางคงรู้สึกผิดเล็กๆที่ขอเรียนหนังสืออย่างที่เขาเคยเรียน....
“หนูขอโทษนะคะ...”
พิมพิลาไลยได้แต่เอ่ยคำกล่าวนี้ออกมา...ความจริงแล้วที่ผ่านมาพันศรโยธามักเป็นผู้ยอมนางศรีประจันเป็นส่วนมาก
น้อยครั้งที่เขาจะเป็นฝ่ายโต้เถียงอะไรสักอย่าง....ทว่าเขาก็ยอมมีปัญหาเพื่อนาง
“ลูกไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก....
เกิดเป็นพ่อแม่คนหากแค่ส่งเสริมสิ่งที่ลูกใฝ่จะเรียนรู้ยังไม่ได้ ก็นับว่าบกพร่องแล้ว”
พันศรโยธาเอ่ยตอบกลับคำขอโทษของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน
มือหนาทั้งสองยกร่างของเด็กหญิงมาตักดั่งที่เคยทำมาพลางลูบหัวและหลังด้วยความเอ็นดู
ความจริงแล้วแต่ดั้งแต่เดิมครอบครัวของพันศรโยธานั้นมีพื้นฐานที่ดี....บรรพบุรุษสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นพ่อค้าใหญ่ที่ร่ำรวย
จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองดั่งเช่นผู้คนทั่วไป
อีกทั้งบิดาของเขาก็เดินทางไกลบ่อยครั้ง วิสัยทัศน์จึงเปิดกว้างกว่า ปล่อยให้พันศรโยธาเรียนรู้อะไรที่หลากหลาย
และมารดาของเขาแต่เดิมก็เป็นหญิงผู้ดีมาก่อนจึงให้ความสำคัญกับมารยาทและการศึกษา
ซึ่งเพราะการเติบโตมาในครอบครัวที่พร้อมของเขาจึงทำให้ทัศนคติเรื่องการเลี้ยงดูบุตรจึงอยู่ในแง่ดีกว่าชาวบ้านทั่วไปอยู่ระดับหนึ่ง...
“ลำบากท่านพ่อแล้ว...”
พิมพิลาไลยเอ่ยรำพึงอย่างเบาเสียง
พลางซุกไหล่ของบิดาตามนิสัยเสียที่เคยชิน....
“เพียงเจ้าตั้งใจเล่าเรียนก็พอแล้ว”
พันศรโยธาเพียงยิ้มให้กับบุตรสาว...มือหนาทั้งสองประคองใบหน้าของนางให้จ้องมองตนก่อนเลื่อนใบหน้าลงจุมพิตหน้าผากของบุตรคนโปรดอย่างรักใคร่เอ็นดู
.
.
.
กลับมาแล้วค่า-----มาให้ดีใจเป็นพักๆ555 เย้!
ตอนนี้เซอร์วิสเรือผีคุณพ่อไปบ้าง5555
[ปล.ไรท์ลองวาดรูปคร่าวๆของตัวละครหลักตอนเด็กดู พลายแก้ว(ขุนแผน) พิมพิลาไลย ขุนช้าง ตามลำดับ]
จะลงเรือไหนกันน้าาาาาาา----?
ความคิดเห็น