ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครานี้เป็นสตรีสองใจนามว่านางวันทอง

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่14 ขอเรียน

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 63


    T
    B

      

    ไม่ได้!...จะบ้าหรือกระไรกัน เป็นหญิงเป็นนางจะให้เรียนสูงไปทำไม ประเดี๋ยวโตไปก็มีผัวเลี้ยง

    เสียงของมารดาบังเกิดเกล้าเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ สีหน้าบิดงอเพราะความต้องการของบุตรสาวนั้นช่างเอาแต่ใจยิ่ง หนำซ้ำสามีของตนยังอยากส่งเสริมโดยใช่เหตุ ที่ผ่านมานางยอมปิดหูปิดตาข้างหนึ่งปล่อยให้เขาตามใจบุตรนั้นก็ถือว่ายอมมากโขแล้ว

     

    แต่หากจะให้บุตรสาวผู้นี้เรียนหนังสือหนังหาจริงจังดั่งเช่นผู้ชายก็คงไม่คุ้มค่าและผิดแผกจากหญิงชาวบ้านนัก...เพราะการที่สามัญชนที่มิใช่ลูกขุนมูลนายจะได้เรียนหนังสือนั้นย่อมต้องบวชเรียนที่วัด น้อยนักจะมีเงินจ้างคนสอนหนังสือหรือเข้าโรงเรียนเฉกเช่นลูกขุนนาง แล้วมีสตรีดีๆที่ไหนกันจะนั่งร่วมห้องกับเณรพระทั้งหลายเพียงคนเดียว...หากเกิดเรื่องอาบัติหรืองามหน้าขึ้นมาจะทำเช่นไร มิอับอายถึงพ่อแม่กระนั้นหรือ

     

    พี่ไม่ได้ให้ลูกไปเรียนวัดกับพวกพระพวกเณรเสียหน่อย...อีกอย่างเมื่อบุตรใฝ่รู้ใยจึงไม่ส่งเสริม ถึงโตไปมีผัวเลี้ยงก็มีความรู้ติดตามเพิ่มค่าได้ มิเห็นน่าเกลียดกระไร

    พันศรโยธาพยายามเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น แม้เห็นฝ่ายภรรยาตั้งอคติไปแล้วก็ตาม ความจริงแล้วพื้นฐานความคิดดั้งเดิมของเขาในคราแรกก็ไม่ต่างอะไรจากนางศรีประจันผู้เป็นภรรยานัก...สตรีนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนสูงอะไร...ทว่าความฉลาดของบุตรสาวเป็นสิ่งที่มองข้ามไปมิได้ หากมองข้ามเรื่องเพศไป...สุดท้ายเด็กหญิงตัวน้อยก็เป็นบุตรของเขามิใช่หรือ จะหญิงจะชายหากบุตรฉลาดใฝ่รู้ก็ควรส่งเสริมสมพ่อแม่คน

     

    แม้ในคราแรกที่นางเกิดมา ความคิดแวบแรกของพันศรโยธาที่ยังไม่ผูกพันกับบุตรสาวนัก จะวางแผนชีวิตให้บุตรสาวแต่งงานกับบัณฑิตหรือพ่อค้าเพื่อมาสืบทอดการค้าแทน มิได้คาดหวังในตัวบุตรผู้หญิงเท่าไหร่นัก ทว่าเมื่อเลี้ยงนางด้วยสองมือตนและเห็นความฉลาดที่ส่องประกาย...ความคิดของเขาจึงเปลี่ยนไป....

     

    แล้วจะจ้างครูมาสอนหรืออย่างไร ค่าครูนั้นมิใช่ถูกๆ สิ้นเปลืองยิ่ง

    นางศรีประจันไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่าอะไรนัก บุตรสาวอ่านออกเขียนได้ก็นับว่าเกินความสามารถชาวบ้านปกติแล้ว จะให้เก่งเทียบเจ้าขุนมูลนายและบุตรหลานข้าราชการหรืออย่างไรกัน

     

    ไม่มีสิ่งใดที่สิ้นเปลืองเมื่อเราเต็มใจ...

    พันศรโยธามิได้ชื่อว่าเป็นพ่อค้าใหญ่เพียงนาม ทรัพย์สินมากมายแม้ชั่วรุ่นลูกหลานก็มิอาจลดทอนลงได้...แล้วมันจะมีปัญหาอะไรกับการจ้างครูกัน ทว่าเพียงขาดความเหมาะสมก็เท่านั้น

     

    ก็เพราะเจ้าตามใจบุตรเช่นนี้ จึงเสียนิสัย เป็นผีบ้าผีร้ายไม่หาย!”

    แม้เรื่องเงินจะไม่ใช่ปัญหาอะไรนัก ทว่านางศรีประจันมองว่ามันไม่ใช่เรื่องนัก ทำอะไรไม่มีประโยชน์นัก

     

    พูดจาดีๆหน่อย...นั่นลูกเรา

    พันศรโยธาคิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อความปากร้ายของภรรยาลามไปถึงบุตรสาว...แม้ตนจะไม่ได้เคร่งอะไรกับมารยาทของนางศรีประจันนักทว่าหากบุตรได้ฟังย่อมเป็นเรื่องไม่ดี...

     

    สุดท้ายการทะเลาะของพันศรโยธากับนางศรีประจันก็ดำเนินต่อไปโดยมีสายตาของบุตรสาวอย่างพิมพิลาไลยจับจ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่วางตา...มันช่างเป็นภาพที่คุ้นชินสำหรับนางนัก...อดีตชาติที่ครอบครัวร้าวฉานย่อมมีการทะเลาะเกิดขึ้นเป็นเสมอ

     

    ทว่าการทะเลาะในครั้งนี้กลับทำให้นางรู้สึกต่างออกไป....เพราะเป็นพันศรโยธาที่ยอมทะเลาะกับนางศรีประจันเพื่อความต้องการของนาง....มิใช่เรื่องเงินทองหรือชีวิตคู่อันเฮงซวยของพวกเขาเฉกเช่นพ่อแม่ในอดีตชาติ

     

    .

    .

    .

     

    สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การทะเลาะของผู้เป็นบิดามารดาคนก็เช่นกัน...พวกเขาหาจุดกึ่งกลางซึ่งกันและกัน เพื่อให้ปัญหาจบลง...แน่นอนว่าย่อมเป็นพันศรโยธาที่หาวิธีไกล่เกลี่ย เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นการทะเลาะมีหรือจะจบลง นางศรีประจันเป็นคนคิดถึงความคิดตัวเองเป็นหลักในระดับหนึ่งไม่มากก็น้อย..ดังนั้นการเสนอวิธีผ่อนปรนจึงเป็นทางดีที่สุด

     

    เสียงทะเลาะบนเรือนใหญ่ในยามเช้าสายได้จางหายไปแล้ว....ทิ้งเพียงเสียงลู่ลมยามค่ำคืนที่มาถึงในตอนนี้....

     

    ปลายปากกาหมึกหนักลงที่แผ่นกระดาษ...แสงตะเกียงสะท้อนฉายแววไฟสาดส่องไปทั่วห้องอย่างเบาบาง ยังคงเป็นพันศรโยธาที่นั่งทำงานในยามค่ำคืนแม้ยามรุ่งจะทะเลาะกับภรรยาของตนมาก็ตาม ท่าทางของเขามิได้ต่างอะไรจากปกตินัก มือข้างหนึ่งเท้าคางเยี่ยงนายใหญ่ของเรือน ดวงตาจับจ้องเอกสารในมือไม่วางตา ความนิ่งสงบนี้บ่งบอกถึงการที่เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือมีปัญหาแม้แต่น้อยหลังการทะเลาะครั้งนี้

     

    ทว่าก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมือเล็กที่คุ้นชินจับปลายเสื้อด้านหลังของเขา....

     

    หืม....ยังไม่นอนอีกแล้วเหรอคะ คนเก่ง

    พันศรโยธาหยุดเขียนงานและหันมามองบุตรสาวที่มีแววตาลำบากใจไม่น้อยตั้งแต่เกิดการทะเลาะตอนนั้น...เขารู้ดีว่านางคงรู้สึกผิดเล็กๆที่ขอเรียนหนังสืออย่างที่เขาเคยเรียน....

     

    หนูขอโทษนะคะ...

    พิมพิลาไลยได้แต่เอ่ยคำกล่าวนี้ออกมา...ความจริงแล้วที่ผ่านมาพันศรโยธามักเป็นผู้ยอมนางศรีประจันเป็นส่วนมาก น้อยครั้งที่เขาจะเป็นฝ่ายโต้เถียงอะไรสักอย่าง....ทว่าเขาก็ยอมมีปัญหาเพื่อนาง

     

    ลูกไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก.... เกิดเป็นพ่อแม่คนหากแค่ส่งเสริมสิ่งที่ลูกใฝ่จะเรียนรู้ยังไม่ได้ ก็นับว่าบกพร่องแล้ว

    พันศรโยธาเอ่ยตอบกลับคำขอโทษของบุตรสาวอย่างอ่อนโยน มือหนาทั้งสองยกร่างของเด็กหญิงมาตักดั่งที่เคยทำมาพลางลูบหัวและหลังด้วยความเอ็นดู

     

    ความจริงแล้วแต่ดั้งแต่เดิมครอบครัวของพันศรโยธานั้นมีพื้นฐานที่ดี....บรรพบุรุษสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นพ่อค้าใหญ่ที่ร่ำรวย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองดั่งเช่นผู้คนทั่วไป อีกทั้งบิดาของเขาก็เดินทางไกลบ่อยครั้ง วิสัยทัศน์จึงเปิดกว้างกว่า ปล่อยให้พันศรโยธาเรียนรู้อะไรที่หลากหลาย และมารดาของเขาแต่เดิมก็เป็นหญิงผู้ดีมาก่อนจึงให้ความสำคัญกับมารยาทและการศึกษา

     

    ซึ่งเพราะการเติบโตมาในครอบครัวที่พร้อมของเขาจึงทำให้ทัศนคติเรื่องการเลี้ยงดูบุตรจึงอยู่ในแง่ดีกว่าชาวบ้านทั่วไปอยู่ระดับหนึ่ง...

     

    ลำบากท่านพ่อแล้ว...

    พิมพิลาไลยเอ่ยรำพึงอย่างเบาเสียง พลางซุกไหล่ของบิดาตามนิสัยเสียที่เคยชิน....

     

    เพียงเจ้าตั้งใจเล่าเรียนก็พอแล้ว

     

    พันศรโยธาเพียงยิ้มให้กับบุตรสาว...มือหนาทั้งสองประคองใบหน้าของนางให้จ้องมองตนก่อนเลื่อนใบหน้าลงจุมพิตหน้าผากของบุตรคนโปรดอย่างรักใคร่เอ็นดู

     

    .

    .

    .

     


    กลับมาแล้วค่า-----มาให้ดีใจเป็นพักๆ555 เย้!

    ตอนนี้เซอร์วิสเรือผีคุณพ่อไปบ้าง5555



    [ปล.ไรท์ลองวาดรูปคร่าวๆของตัวละครหลักตอนเด็กดู พลายแก้ว(ขุนแผน) พิมพิลาไลย ขุนช้าง ตามลำดับ]

    จะลงเรือไหนกันน้าาาาาาา----?



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×