คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่11 การโต้แย้งของบิดาและบุตร
“ข้ามีความประสงค์เข้ารับการศึกษาที่’สถานบันการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารฮาร์ดแซน’”
ทันทีที่คำตอบอันแสนผิดแปลกจากผู้คนเอ่ยออกมาจากปากอสรพิษร้ายวัยเยาว์...ก็ทำให้สัญชาตญาณของผู้เป็นองค์จักรพรรดิร้องเตือนว่าอย่าปล่อยให้มันได้กระทำตามใจ
เพราะความต้องการของเด็กหญิงตรงหน้านั้นดูช่างน้อยนิดและใฝ่ต่ำยิ่งเมื่อเทียบกับความทะเยอทะยานในนัยน์ตาคมที่ปรากฏ
เล่ห์ของงูร้ายแม้หางมิโผล่แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีพิษ...หนำซ้ำยังถูกเลี้ยงดูมาโดยชายผู้ได้ชื่อว่าอันตรายที่สุดในมวลเผ่าพันธุ์มนุษย์
ไม่มีทางเลย....ที่เด็กหญิงผู้น่าชิงชังตรงหน้าจะไร้คมเขี้ยวและกลโกง
“เหตุใดจึงเลือกเรียนเช่นนั้น?”
คาเดย์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มแข็งทื่อ
ปลายปากกาในคราแรกที่เคลื่อนไหวเสมอมาหยุดนิ่งลง
คล้ายมีความระแวงและสงสัยปรากฏขึ้นมาในบรรยากาศอันอบอวลนี้ เพราะสำหรับคาเดย์ในฐานะผู้เดินหมากบนหน้ากระดานนั้นรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นักในการตัดสินใจเลือกของเด็กหญิงที่ฉายแววความทะเยอทะยานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แม้สถานบันการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารฮาร์ดแซนจะมิได้มีลำดับแย่อะไรในการวัดประเมินของกระทรวงศึกษาหลัก...ทว่าเมื่อเทียบกับมหาลัยอย่างคาอีสเทียร์ซึ่งนับว่าเป็นสถานบันการศึกษาลำดับหนึ่งของทวีปมนุษย์แล้ว
ย่อมมีความต่างชั้นกันอยู่หนึ่งระดับในฐานะภาพลักษณ์และหลักสูตรอำนวยความสะดวกในการศึกษา...
ซึ่งหากว่าเด็กหญิงตรงหน้าต้องการเข้ามามีบทบาททางการเมืองหรือแสดงจุดยืนของตนในสังคม
ประวัติการศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อภาพลักษณ์การประเมินและส่งเสริมความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจ...
“ก็มิได้มีอะไรเป็นพิเศษ...เพียงเห็นว่าท่านปู่แนะนำว่าเหมาะสมก็เท่านั้น”
เอลลิโอร่าเอ่ยตอบออกมาอย่างเรียบง่ายคล้ายไม่ใส่ใจต่อลำดับหรือคุณภาพของสถานที่ศึกษาที่ตนต้องการเข้าเรียนเท่าไหร่นัก
แม้แท้จริงแล้วในอดีตจะคิดทบทวนราวนับสิบนับร้อยครั้งแล้วก็ตาม
ทว่าหากตอบไปตามความจริงแล้วนั้นไซร้รังแต่จะสร้างปัญหาก็เท่านั้น
เพราะสิ่งที่เธอต้องการจากสถานบันการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารฮาร์ดแซนนั้นคือ’เส้นสาย’ในระบบอุปถัมภ์ของกองทัพและเครือข่ายภายในที่อนาคตสามารถส่งเสริมการแทรกแซงในภาครัฐได้
อีกทั้งเพราะคาเอลรอสผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดเคยจบการศึกษาจากที่นั่น...ย่อมส่งเสริมให้เธอสามารถเข้าเรียนได้โดยง่าย
แม้หากจะให้เทียบกับมหาลัยคาอีสเทียร์แล้วจะดูด้อยในลำดับชั้นการศึกษา
ทว่าเอลลิโอร่าเลือกดูเนื้อหาที่เรียนและผลประโยชน์ที่หาได้เข้ากับตัวเธอเป็นส่วนมากจึงตัดสินใจเช่นนั้น...โดยไม่ใส่ใจมุมมองภายนอกของใครนัก
“เช่นนั้นเอง....ช่างน่าเชื่อถือยิ่ง”
ทางด้านของคาเดย์ที่ได้ยินคำตอบอันแสนลิ้นไม่มีกระดูกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยประชดขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะใช่ว่าเด็กหญิงตรงหน้าจะเป็นคนไม่มีความคิดเสียเมื่อไหร่...แม้ไม่ใคร่อยากยอมรับทว่าความคิดความอ่านของบุตรีที่แสนชิงชังนั้นเป็นของจริง...บางคราก็ลุ่มลึกจนน่าขนลุก.....
ดูเหมือนการเติบโตมาในดินแดนอันด้อยพัฒนาและไร้การศึกษานั้นคงมิอาจสามารถกดสติปัญญาและภูมิความคิดของนางได้จริงๆ...ราวกับว่าตรงหน้าของเขานั้นคือคาเอลรอสผู้เป็นบิดาที่ถอนแบบร่างออกมาครั้งวัยเยาว์
ซึ่งความใกล้เคียงของหลานสาวและปู่ร่วมสายเลือดทั้งสองนี้เองที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก...ถึงความเลือดเย็นผิดมนุษย์และความฉลาดลึกล้ำที่ไม่แยแสต่อศีลธรรมของสายเลือดอสรพิษร้ายที่อาจสืบทอดต่อกันมา...
เพราะในบรรดาเชื้อสายไขบุตรหลานทั้งหมดนั้นมีเพียงเอลลิโอร่า
เดอ เฟย์ติสเท่านั้นที่ดูเหมือนอดีตองค์จักรพรรดิที่เจ็ดอย่างคาเอลรอสถึงขนาดกล่าวยอมรับว่า’โปรดปรานและคล้ายคลึงกับตนมากที่สุด’ แม้กระทั่งคาเดย์ผู้เป็นบุตรสายตรงโดยกฎหมายก็ยังมิเคยได้รับการยืนยันหรือกล่าวให้คำสัตย์เช่นนั้นมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่มรดกอันน่ารังเกียจหลังสงครามล่าอาณานิคมอย่าง กองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสจะตกลงมาเป็นของเด็กหญิงตรงหน้าในฐานะผู้สืบทอด...หนำซ้ำยังไม่นับรวมตราประจำตนอันแสนล้ำค่าซึ่งกล่าวกันว่ามีอภิสิทธิ์ชนสามารถละเว้นกฎหมายบางมาตราและอำนาจในการตัดสินใจโดยไม่ผ่านรัฐส่วนกลางในบางส่วน
หากพำนักอยู่ในดินแดนนอกอาณาเขตจักรวรรดิเฟย์ติสก็ยังคงสามารถยืนยันสถานะ’พิเศษ’รองรับได้เสียอีก...
ความพิเศษที่มากมายเพียงนี้มีหรือจะกล่าวหมด....แต่นั่นก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้ว่าสิ่งที่เด็กหญิงตรงหน้าครอบครองอยู่นั้นสามารถเขย่าบัลลังก์จากยอดสูงได้...ไม่ว่าหน้าประวัติศาสตร์ใดจะถูกลบเลือนหรือบิดเบือนจนไร้รูป
ทว่าข้อเท็จจริงที่ว่าอำนาจทางการทหารที่มีอาวุธและกำลังพลที่มากพอก็มักสามารถล้มล้างอำนาจและระบอบที่เคยเป็นอยู่ได้เสมอ...ตำแหน่งอภิสิทธิ์ชนที่เกินเลยชนชั้นปกครองนั้นก็เป็นสิ่งบ่งบอกถึงอำนาจความอวดดีที่อยู่นอกเหนือการควบคุม...
ในฐานะองค์จักรพรรดิแล้ว...คาเดย์ไม่ปรารถนาอย่างยิ่งยวดถึงการมีอยู่ของมัน
แม้ในใจจะเกลียดชังจนอยากสาปแช่งในความมากเล่ห์ของผู้เป็นทั้งอดีตองค์จักรพรรดิและพระบิดาอย่างคาเอลรอสที่แม้จะยอมปล่อยมือจากอำนาจในจักรวรรดิเฟย์ติสแล้วก็ไม่แคล้วดันทิ้งอิทธิพลและเส้นสายทางอภิสิทธิ์ชนอันใหญ่หลวงเอาไว้...ยังคงเป็นอสรพิษร้ายนิสัยเสียที่ชอบคายของโสมมทิ้งเอาไว้ระรานเหยื่อถึงแม้ตนจะอิ่มแล้วก็ตามที...
ซึ่งหากเอลลิโอร่าได้ยินห้วงความคิดนี้ก็คงมิปฏิเสธพระบิดาบังเกิดเกล้าเลยแม้แต่น้อย...เพราะในมุมมองสำหรับเธอแล้ว
ความตั้งใจแต่ดั้งแต่เดิมของคาเอลรอสอาจสร้างกองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสและอภิสิทธิ์ชนทางตราประจำตนเพื่อป้องกันให้ตัวเองที่แม้จะกลับไปอยู่ดินแดนทางใต้ไม่ถูกกดดันทางอำนาจจากจักรวรรดิเฟย์ติสในภายหลังและยังสามารถกลับมาใช้ผลประโยชน์จากดินแดนทางเหนือได้โดยชอบธรรมแม้จะสูญเสียตำแหน่งจักรพรรดิและตัดขาดจากสถานะทางสังคมของดินแดนทางเหนือลดน้อยลง
อีกทั้งหากเกิดปัญหาระหว่างชายแดนหรือข้อร้องเรียนต่างๆ...ตำแหน่งนี้จะถูกยกขึ้นมาเพื่อแสดงจุดยืนถึงอิทธิพลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในจักรวรรดิเฟย์ติส
แต่นั่นก็เป็นความคิดที่ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปนัก...เมื่ออันตัวเธอผู้เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวได้กำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ภายหลังสิบสองปีก่อน
อำนาจทั้งมวลและองค์ความคิดทั้งหลายจึงล้วนถูกถ่ายโอนมายังเอลลิโอร่าแทน...ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนทั้งหลายจะหมายมองเธอเปรียบเสมือนตัวแทนอำนาจของคาเอลรอสที่ยังคงอยู่
“ไม่ว่าข้าจะตัดสินหรือกระทำสิ่งใด ท่านก็จะไม่เคยเชื่อถือข้าตั้งแต่แรกแล้ว....พระบิดา”
คล้ายเป็นความไม่แยแสต่อการตั้งแง่ที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิด...ดีชั่วเพียงใดล้วนถูกชิงชังโดยไม่ไถ่ถามเหตุผล
มีหรือที่เด็กหญิงจะต้องเทิดทูนหรือใส่ใจคนผู้นี้ด้วย
เอลลิโอร่ามิใช่นางเอกในนิยายน้ำเน่าที่ใคร่หวังให้ใครมารักชมชอบเป็นนิจ...เธอไม่ได้ขอให้ใครมารักตน
เพราะอย่างน้อยก็เป็น เธอที่รักตัวเองมากพอแล้ว
“เป็นเจ้าที่ไม่ควรไว้ใจต่างหาก....”
ความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตรนั้นห่างเหินเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว...ตลอดระยะเวลาครึ่งชีวิตของการบิดาคนของคาเดย์นั้นค่อนข้างประพฤติผิดไม่มากก็น้อย
เพราะมิเช่นนั้นผลผลิตแห่งความผิดหวังตรงหน้าจะปรากฏขึ้นมาหรือ...
ครั้งหนึ่งเขาเคยจดจำได้ว่านางเคยเป็นเด็กน้อยธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปดั่งเช่นอันวาร์และโลริส...แต่เพราะความผิดมหันต์ในอดีตที่ตนได้เมินเฉยและทอดทิ้งบุตรีผู้นี้ในวัยเยาว์ได้ย้อนรอยสร้างอสรพิษร้ายในคราบเด็กหญิงปุถุชนเสียแล้ว...
“เช่นนั้นท่านก็เลยถืออภิสิทธิ์ตนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการทหารในกองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสของข้าอย่างนั้นหรือ?”
เอลลิโอร่าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซะออกมาอย่างราบเรียบแม้แท้จริงแล้วจะแอบซ่อนความหงุดหงิดและขุ่นเคืองเอาไว้ไม่น้อย
ถึงในคราแรกที่วาคินรีส์เอ่ยปากถึงงบประมาณที่ถูกตัดออกไปอย่างไม่สมเหตุสมผลนั้นจะระงับอารมณ์ความรู้สึกได้ราวกับไม่มีอะไร
ทว่า’การถูกขัดผลประโยชน์’นั้นคือสิ่งที่เธอเกลียดชังที่สุดแล้วหนา
กองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสอันซึ่งอยู่ใต้การปกครองของเธอนั้นแต่เดิมแล้วถูกก่อตั้งโดยคาเอลรอสผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดเมื่อครั้งทำสงครามศึกล่าอาณานิคม
ซึ่งแน่นอนว่าจุดประสงค์ของกองพลทหารม้าเหล่านี้ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อไล่ล่าชาติพันธุ์มนุษย์อื่นทั้งสิ้น...ย่อมไม่จำเป็นต้องบรรยายเยินยอบอกกล่าวถึงแสนยานุภาพของมัน
เพราะหากไม่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมที่สุดจะมีหรือที่สามารถพิชิตแผ่นดินเกือบครึ่งโลกได้
จึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนจะหวาดกลัวกับมรดกแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามที่หลงเหลือมาอยู่ในยุคอันซึ่งไฟสงครามสงบเย็นลง...
“ยุคแห่งสงครามได้จบลงมาเนิ่นนานแล้ว...‘สนธิสัญญาสันติภาพโลกแห่งอีสเทียร์ซิน’มีข้อเสนอในการยื่นเงื่อนไขกำหนดควบคุมกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ในแต่ละดินแดนมานานแล้ว
ทว่าที่ผ่านมาข้าผ่อนปรนเกินไปบ้างเสียหน่อยมิคิดเช่นนั้นหรือ...อย่างไรเสียกองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสก็มิใช่กองทัพทหารหลักแห่งเฟย์ติส
เพราะฉะนั้นการลดงบประมาณลงไปบางส่วนก็มิใช่เรื่องประหลาดอะไร”
จักรพรรดิคาเดย์กล่าวอ้างเหตุผลที่ตนวางเอาไว้เรียบร้อยดีแล้ว
สองมือประสานกันบนหน้าตักเยี่ยงคนกุมความคิด แววตาสีเลือดคู่เยือกแข็งมิได้โอนเอนให้กับคำเอ่ยแซะที่นัยในแท้จริงแล้วหวังจุดประเด็นขึ้นมา
นับยังเป็นหนึ่งในความคาดคิดของเขาอยู่เลยทีเดียว...
เอลลิโอร่าที่ได้ยินคำตอบอันซึ่งปรุงแต่งโดยหยาบกร้านนั้นก็เพียงรู้สึกขบขันอย่างยิ่งยวด...ช่างเป็นจักรพรรดิที่ลำเอียงเสียจนน่าเกลียดจริงๆ
ดวงตาอสรพิษหรี่ตามองด้วยความเย้ยหยัน
พลางเอ่ยปากที่ฉีกกว้างเล็กน้อยเพื่อเอ่ยต่าง
“หากจะกล่าวเช่นนั้นก็คงดูย้อนแย้งนัก...พระบิดา เพราะหากท่านหวังทำตามเงื่อนไขสนธิสัญญาตามแท้จริงแล้ว
ก็ควรลดงบประมาณกับยุทโธปกรณ์และจำกัดการเกณฑ์ทหารในฐานพลเรือนและหน่วยฝึกในภาคการศึกษาของกองทัพทหารหลักแห่งเฟย์ติสแทนจะดูน่าเชื่อถือกว่ากระมัง
เพราะอย่างไรเสีย...กองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสก็เป็นกองกำลังทหารรักษาพระองค์ของข้า
มิใช่ กองทัพทหารหลักแห่งเฟย์ติสที่เป็นฐานและกำลังหลักของจักรวรรดินี้เสียหน่อย”
ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีพอสมควรสำหรับเอลลิโอร่าที่ปู่ร่วมสายเลือดอย่างคาเอลรอสนั้นค่อนข้างรอบคอบและแสนมองการณ์ไกล
เนื่องจากการก่อตั้งกองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสในเริ่มแรกและตลอดระยะเวลาในรัชสมัยของเขานั้นกองพลนี้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้อำนาจหน่วยงานของกองทัพทหารหลักแห่งเฟย์ติสอยู่
เพราะจุดประสงค์หลักในเริ่มต้นต้องการเพียงทำการศึกสงครามล่าอาณานิคมเท่านั้น...ทว่าเมื่อสิ้นสุดยุคแห่งการนองเลือดที่ความทะเยอทะยานนั้นไซร้ได้มอดดับสูญลงไป...คาเอลรอสจึงทำการปรับเปลี่ยนโอนย้ายกองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสให้เป็นกองกำลังทหารรักษาพระองค์แทนในภายหลัง
มิเช่นนั้นกองทัพหลักแห่งเฟย์ติสคงสามารถอ้างการมีกรรมสิทธิ์ในกองพลนี้ได้
อีกทั้งยังเป็นการตัดปัญญากับการเกี่ยวข้องกับรัฐส่วนกลางได้ดี ทำเอาเหล่าทหารชั้นอาวุโสหัวจิ้งจอกเฒ่าในกองทัพเฟย์ติสต้องร้องเสียดายที่ตนไม่อาจสามารถใช้ประโยชน์ได้เสียอีก
“หากจะกล่าวตามแบบแผน ก็คงเป็นเช่นนั้น....ทว่าอย่าลืมเสียว่า
กองกำลังทหารรักษาพระองค์ของเจ้านั้นมิอาจนับได้ว่า’ปกติ’นัก ทั่วทั้งโลกาใต้ผืนฟ้านี้ล้วนต่างรู้กันดีว่าเศษซากกองพลมนุษย์อันโสมมของเจ้านี้อันตรายเสียยิ่งกว่ากองทัพหลักแห่งดินแดนจักรวรรดิเสียอีก...เพราะฉะนั้นองค์กรสันติภาพโลกย่อมแสดงความเห็นชอบอยู่ในระดับหนึ่งเป็นอย่างต่ำ”
“โอ้....ช่างเอ่ยอ้าง หลังสิ้นสุดยุคสงครามนั้นกองพลทหารม้าแห่งเนย์ติสของข้าก็ถูกบีบบังคับให้จำกัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ตลอดจนงบประมาณภายใต้สนธิสัญญาจบศึกอยู่แล้ว
แล้วเหตุไฉนท่านจึงคิดยังที่จะอ้างตัดงบประมาณอยู่กัน...เช่นนั้นจะมิดูเป็นการเจาะจงเพื่อลดอำนาจองค์หญิงผู้นอกคอกอย่างข้าคนนี้ไปหน่อยหรือ”
สุดท้ายแล้วบทสนทนาอันเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งของทั้งสองฝ่ายย่อมสร้างความคุกรุ่นก็ยังคงดำเนินต่อไป
แม้นี้จะเป็นการพบหน้ากันครั้งแรกของบิดาและบุตรในรอบระยะเวลาที่ยาวนานก็ตามที...และหากจะให้คาดเดา
ความสัมพันธ์ของพวกเขาหลังจากนี้คงย่ำแย่ขึ้นทวีคูณเหมือนทุกคราเสมอ....
.
.
.
ความคิดเห็น