ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครานี้เป็นสตรีสองใจนามว่านางวันทอง

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่11 ความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 62


      

    พิมพิลาไลยคาดหวังว่าตนจะได้ใช้เวลาร่วมกับบิดาอย่างมีความสุขตามประสาพ่อลูกในเรือน หากแต่ไม่เป็นดั่งหวังนักเมื่อนางต้องเดินทางไปบ้านของขุนศรีวิชัยกับบิดาแทน...เด็กหญิงได้แต่เกาะบิดาอยู่บนรถม้าโดยไม่พูดอะไร ในขณะที่ฝ่ายบิดาก็คอยเอ่ยถามบุตรสาวว่านั่งสบายไหมหรือเหนื่อยรึเปล่าอยู่หลายรอบ

     

    ทำเอาบ่าวคนสนิทของพันศรโยธาที่ติดตามมาด้วยแอบถอนหายใจเบาๆกับความห่วงบุตรสาวจนเกินไปของผู้เป็นนาย

     

    แต่เมื่อเหลือบมองดูดีๆแล้ว...ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้ช่างเหมือนกันจริงๆ....แม้บุตรสาวของผู้เป็นนายจะนิ่งเงียบและไม่แสดงอารมณ์เหมือนนาย แต่เขาผู้เป็นบ่าวคนสนิทที่รับใช้พันศรโยธามาตั้งแต่เด็กในฐานะบ่าวที่อายุใกล้เคียงกัน...มีหรือจะดูไม่ออกว่า สองพ่อลูกนั้นมีความประหลาดไม่ต่างกัน...

     

    บางทีก็นึกแปลกใจที่คุณหนูของพวกเขาไม่ได้ส่วนใดที่เหมือนมารดาเลยแม้แต่น้อย....แต่เมื่อคิดถึงนิสัยและท่าทางของคุณนายศรีประจันแล้ว....

     

    ให้คุณหนูเป็นแบบนายท่านนั่นแหละดีแล้ว....

     

    .

    .

    .

     

    ยินดีต้อนรับนะ หนูพิมพิลาไลย ลุงเตรียมขนมให้หนูทานเยอะแยะเลยนะ ขุนช้างเองก็ตั้งใจรอจะเล่นกับหนูอยู่เหมือนกัน

    เป็นขุนศรีวิชัยที่ออกมาต้อนรับนางและบิดาด้วยรอยยิ้มกับคำพูดชวนเป็นมิตร....หากแต่พิมพิลาไลยสัมผัสได้ว่าแสแสร้งไปบางส่วน...

     

    นางแทบจะฆ่าขุนช้างกันตาย...มีหรือเขาจะมารอเล่นกับนาง...

     

    พิมพิลาไลยอยากจะกลอกตากับคำพูดของขุนศรีวิชัยนัก หากแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เพียงยกมือสวัสดีและกล่าวขอบคุณตามมารยาท

     

    และสุดท้ายก็ถูกส่งตัวขึ้นมาบนเรือนโดยไม่ไถ่ถามสักคำ....ทางด้านบิดาของนางก็แยกตัวไปคุยธุระกับขุนศรีวิชัย

     

    มีเพียงนางและขุนช้างที่อยู่บนเรือน....กับบ่าวไพร่ที่นั่งอยู่ไกลๆเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับเด็กอย่างพวกนาง

     

    สีหน้าของขุนช้างที่เห็นนางดูก็รู้ว่าโดนบิดาและมารดาบังคับมาอย่างแน่นอนและไม่มีความคิดอยากจะเล่นเหมือนดั่งขุนศรีวิชัยบอกหรอก

     

    ซึ่งพิมพิลาไลยคิดว่าความสัมพันธ์ของนางกับขุนช้างยากนักที่จะเป็นเพื่อนกัน...เมื่อครั้งแรกที่พบกันกลับเป็นความรุนแรงและหวังจะฆ่า

     

    และก็เป็นไปตามนั้น...พิมพิลาไลยเพียงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยอยู่นิ่งเฉยราวกับตุ๊กตา ในขณะที่ขุนช้างนั่งอ่านตำราอย่างเงียบๆโดยไม่สนใจเด็กหญิงเช่นกัน...

     

    พวกเขาไม่ต้องการที่จะพูดคุยกันและหวังให้มันเป็นแบบนี้จนจบ...แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นนั้นทำให้บ่าวใช้รู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก

     

    เด็กทั้งสองที่ควรจะสนิทกันตามประสาเด็กกลับแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา ราวกับไม่ต้องการให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของตน

     

    .

    .

    .

     

    ขุนศรีวิชัยและพันศรโยธาพูดคุยกันอยู่นานนักจนในที่สุดก็จบลง เป็นพันศรโยธาที่เดินเข้ามาในห้องเรือนที่เด็กทั้งสองอยู่ด้วยท่าทางอ่อนโยนที่พึงมีอยู่เสมอ

     

    และทันทีที่ได้เห็นบิดาของตนแม้เพียงเสี้ยววิ ดวงตาของพิมพิลาไลยที่นิ่งสงบราวกับไร้คลื่น คล้ายได้มีกระแสน้ำอีกครั้ง แม้เพียงไม่นานแต่ขุนช้างก็สามารถสังเกตเห็นได้

     

    เด็กหญิงลุกขึ้นในทันทีและก้าวเดินไปหาบิดาของตนโดยไม่สนสิ่งใด ก่อนที่พันศรโยธาจะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนขึ้นมาอุ้ม

     

    รอนานไหมคะ?”

    พันศรโยธาเอ่ยถามเด็กหญิงอย่างนุ่มนวลและลูบหัวของนางด้วยความเอ็นดู

     

    ไม่ค่ะ

    พิมพิลาไลยเอ่ยพลางอ้อนออดบิดาในทันที ราวกับว่านางไม่ได้รอบิดาถึงสองชั่วโมงโดยไม่ทำอะไรเลย

     

    สองพ่อลูกพูดคุยหยอกล้อกันเองอยู่สักแปป ก่อนที่พันศรโยธาจะหันไปมองเด็กอีกคนและเดินเข้าไปหาขุนช้างจากนั้นจึงนั่งลงยองๆในขณะที่เขายังคงอุ้มบุตรสาวอยู่

     

    สบายดีไหม? ขุนช้าง

    พันศรโยธาเอ่ยถามเด็กชายด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาขยี้หัวของเด็กชายเบาๆด้วยความเอ็นดูไม่ต่างกับหลานชาย

     

    สบายดีครับ...คุณอา

    ขุนช้างเอ่ยตอบอย่างมีมารยาทและความเคารพ ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้เขาจะไม่ชอบบุตรสาวของผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้เช่นกัน

     

    พันศรโยธาเป็นบุรุษที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าเสมอ...เขาเข้าใจทุกคน หรือต่อให้ไม่เข้าใจ เขาก็จะพยายามทำความเข้าใจโดยไม่มองว่ามันเป็นเรื่องแปลกหรือแย่...และการที่คนๆหนึ่งจะเข้าใจหรือพยายามเข้าใจคนอื่นโดยเปิดกว้างเช่นนี้มีน้อยนัก ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกชอบและเคารพในตัวของชายคนนี้

     

    จะว่าไปวันก่อนคงลำบากมากสินะ ขอโทษที่ลูกสาวอาทำไม่ดีกับเจ้านะ

    พันศรโยธาเอ่ยพลางแสดงสีหน้ารู้สึกผิด ก่อนที่จะก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อขอโทษโดยไม่มีการถือดีอะไรว่าตนเป็นผู้ใหญ่หรือต่อหน้าเป็นเด็ก

     

    ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อยครับ...ไม่เป็นไรหรอกครับ

    ขุนช้างลนลานในทันทีที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าเอ่ยขอโทษและแสดงความรู้สึกผิดตรงๆ เขาเป็นผู้น้อยจึงไม่ชินนักที่ผู้ใหญ่มาเอ่ยเช่นนี้

     

    เด็กคนนี้เองก็รู้สึกไม่ดีมากๆเลยนะหลังจากเจ้ากลับไป

    พันศรโยธาเอ่ยพลางลูบหัวของเด็กหญิงเบาๆ เรียกสายตาของขุนช้างให้หันไปมองนางและพบว่าเด็กหญิงหลบสายตาเขาอยู่ แต่ก็พยักรับเบาๆ

     

    ลูกสาวของคุณอา....ป่วยเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอครับ?”

    เมื่อท่าทางที่สงบขุนช้างก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม....เด็กหญิงที่คิดจะฆ่าเขาในวันนั้นดูไม่เหลือเค้าเลยจริงๆ...

     

    พันศรโยธาเพียงส่งสายตาให้บ่าวใช้ที่แม้อยู่ไกลให้ออกไป เพราะระแวงว่าเด็กชายตรงหน้าจะพูดออกมาตรงๆ

     

    และแม้ไม่ใช่เจ้าบ้าน แต่ฐานะของพันศรโยธาก็เพียงพอที่จะทำให้บ่าวใช้ฟังคำสั่งรองลงมาเจ้านายและครอบครัวของเจ้านาย

     

    หลังสิ้นสุดผู้คนที่ออกไป มีเพียงความเงียบสงบ....พันศรโยธาจึงพยักหน้าให้กับคำถามของเด็กชายเมื่อครู่

     

    ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับหน่อยนะ

    พันศรโยธายิ้มบางให้กับขุนช้างโดยที่มือหนาลูบหัวของเด็กชายอย่างอ่อนโยน

     

    ซึ่งทำให้ขุนช้างที่เคารพในตัวของชายผู้นี้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มและการกระทำที่เอ็นดูเขาราวกับบุตรหลาน ก็ยากจะปฏิเสธ....

     

    เขาไม่สามารถหักล้างปฏิเสธให้ชายที่เป็นดั่งอาใจดีคนนี้เสียใจได้....

     

    .

    .

    .

     

    ท่านพ่อ...ขี้โกง

    พิมพิลาไลยเอ่ยในขณะที่ยังถูกบิดาอุ้มเพื่อเดินทางกลับบ้าน นางซบไหล่ของบิดาพลางจ้องมองไปยังบ้านของขุนศรีวิชัยที่พึ่งจากมาไม่นานนักผ่านไหล่ของผู้เป็นบิดา

     

    บิดาของนางนั้นช่างร้ายกาจยิ่ง เล่นใช้ท่าทางและรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนั้น ใครกันจะกล้าปฏิเสธ...โดยเฉพาะขุนช้างที่ดูเหมือนจะเคารพพ่อของนางอย่างมาก...

     

    หืม?...พ่อเหรอ? พ่อไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย

    พันศรโยธายังคงประดับรอยยิ้มและแสร้งไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิด

     

    เป็นผู้ใหญ่น่ากลัว...ผู้ใหญ่รังแกเด็ก

    พิมพิลาไลยเอ่ยพลางเอื้อมมือของตนไปแตะปากที่มักเป็นรอยยิ้มอยู่เสมอของผู้เป็นบิดา...

     

    แล้วหนูกลัวพ่อรึเปล่าล่ะคะ?”

    พันศรโยธาปล่อยให้เด็กหญิงจับปากของตนตามใจ เขาเพียงฉีกยิ้มกว้างขึ้นพร้อมสบสายตาของเด็กหญิงในโอบแขน

     

    พิมพิลาไลยที่ได้เห็นรอยยิ้มและสายตาที่เจ้าเล่ห์ของบิดาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย ถามในคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วแท้ๆ นางเพียงปล่อยมือที่แหย่จากปากบิดาอย่างเสียอารมณ์ ก่อนคล้องคอบิดาและกอดเขาแน่น

     

    ไม่ค่ะ

     

    .

    .

    .

     

     

    เรื่องอดีตของน้องมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างส่วนนะคะ ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เนื่องจากมีรีดท่านหนึ่งมาบอกแนะนำให้ค่ะ ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ เพราะไรท์หาข้อมูลมาไม่ดีเอง ขอโทษนะคะ แต่เรื่องสาเหตุการตายจะยังเหมือนเดิมนะคะเพราะไม่อยากให้พล็อตที่วางไว้เปลี่ยนไป ปล.ใครไม่ย้อนกลับไปอ่านก็ได้นะคะ เพราะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องข้างหน้า


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×