คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่11 ความลับ
พิมพิลาไลยคาดหวังว่าตนจะได้ใช้เวลาร่วมกับบิดาอย่างมีความสุขตามประสาพ่อลูกในเรือน
หากแต่ไม่เป็นดั่งหวังนักเมื่อนางต้องเดินทางไปบ้านของขุนศรีวิชัยกับบิดาแทน...เด็กหญิงได้แต่เกาะบิดาอยู่บนรถม้าโดยไม่พูดอะไร
ในขณะที่ฝ่ายบิดาก็คอยเอ่ยถามบุตรสาวว่านั่งสบายไหมหรือเหนื่อยรึเปล่าอยู่หลายรอบ
ทำเอาบ่าวคนสนิทของพันศรโยธาที่ติดตามมาด้วยแอบถอนหายใจเบาๆกับความห่วงบุตรสาวจนเกินไปของผู้เป็นนาย
แต่เมื่อเหลือบมองดูดีๆแล้ว...ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสองพ่อลูกคู่นี้ช่างเหมือนกันจริงๆ....แม้บุตรสาวของผู้เป็นนายจะนิ่งเงียบและไม่แสดงอารมณ์เหมือนนาย
แต่เขาผู้เป็นบ่าวคนสนิทที่รับใช้พันศรโยธามาตั้งแต่เด็กในฐานะบ่าวที่อายุใกล้เคียงกัน...มีหรือจะดูไม่ออกว่า
สองพ่อลูกนั้นมีความประหลาดไม่ต่างกัน...
บางทีก็นึกแปลกใจที่คุณหนูของพวกเขาไม่ได้ส่วนใดที่เหมือนมารดาเลยแม้แต่น้อย....แต่เมื่อคิดถึงนิสัยและท่าทางของคุณนายศรีประจันแล้ว....
ให้คุณหนูเป็นแบบนายท่านนั่นแหละดีแล้ว....
.
.
.
“ยินดีต้อนรับนะ หนูพิมพิลาไลย ลุงเตรียมขนมให้หนูทานเยอะแยะเลยนะ
ขุนช้างเองก็ตั้งใจรอจะเล่นกับหนูอยู่เหมือนกัน”
เป็นขุนศรีวิชัยที่ออกมาต้อนรับนางและบิดาด้วยรอยยิ้มกับคำพูดชวนเป็นมิตร....หากแต่พิมพิลาไลยสัมผัสได้ว่าแสแสร้งไปบางส่วน...
นางแทบจะฆ่าขุนช้างกันตาย...มีหรือเขาจะมารอเล่นกับนาง...
พิมพิลาไลยอยากจะกลอกตากับคำพูดของขุนศรีวิชัยนัก
หากแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร เพียงยกมือสวัสดีและกล่าวขอบคุณตามมารยาท
และสุดท้ายก็ถูกส่งตัวขึ้นมาบนเรือนโดยไม่ไถ่ถามสักคำ....ทางด้านบิดาของนางก็แยกตัวไปคุยธุระกับขุนศรีวิชัย
มีเพียงนางและขุนช้างที่อยู่บนเรือน....กับบ่าวไพร่ที่นั่งอยู่ไกลๆเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับเด็กอย่างพวกนาง
สีหน้าของขุนช้างที่เห็นนางดูก็รู้ว่าโดนบิดาและมารดาบังคับมาอย่างแน่นอนและไม่มีความคิดอยากจะเล่นเหมือนดั่งขุนศรีวิชัยบอกหรอก
ซึ่งพิมพิลาไลยคิดว่าความสัมพันธ์ของนางกับขุนช้างยากนักที่จะเป็นเพื่อนกัน...เมื่อครั้งแรกที่พบกันกลับเป็นความรุนแรงและหวังจะฆ่า
และก็เป็นไปตามนั้น...พิมพิลาไลยเพียงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยอยู่นิ่งเฉยราวกับตุ๊กตา
ในขณะที่ขุนช้างนั่งอ่านตำราอย่างเงียบๆโดยไม่สนใจเด็กหญิงเช่นกัน...
พวกเขาไม่ต้องการที่จะพูดคุยกันและหวังให้มันเป็นแบบนี้จนจบ...แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นนั้นทำให้บ่าวใช้รู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนัก
เด็กทั้งสองที่ควรจะสนิทกันตามประสาเด็กกลับแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา
ราวกับไม่ต้องการให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของตน
.
.
.
ขุนศรีวิชัยและพันศรโยธาพูดคุยกันอยู่นานนักจนในที่สุดก็จบลง
เป็นพันศรโยธาที่เดินเข้ามาในห้องเรือนที่เด็กทั้งสองอยู่ด้วยท่าทางอ่อนโยนที่พึงมีอยู่เสมอ
และทันทีที่ได้เห็นบิดาของตนแม้เพียงเสี้ยววิ
ดวงตาของพิมพิลาไลยที่นิ่งสงบราวกับไร้คลื่น คล้ายได้มีกระแสน้ำอีกครั้ง
แม้เพียงไม่นานแต่ขุนช้างก็สามารถสังเกตเห็นได้
เด็กหญิงลุกขึ้นในทันทีและก้าวเดินไปหาบิดาของตนโดยไม่สนสิ่งใด
ก่อนที่พันศรโยธาจะยกบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนขึ้นมาอุ้ม
“รอนานไหมคะ?”
พันศรโยธาเอ่ยถามเด็กหญิงอย่างนุ่มนวลและลูบหัวของนางด้วยความเอ็นดู
“ไม่ค่ะ”
พิมพิลาไลยเอ่ยพลางอ้อนออดบิดาในทันที ราวกับว่านางไม่ได้รอบิดาถึงสองชั่วโมงโดยไม่ทำอะไรเลย
สองพ่อลูกพูดคุยหยอกล้อกันเองอยู่สักแปป
ก่อนที่พันศรโยธาจะหันไปมองเด็กอีกคนและเดินเข้าไปหาขุนช้างจากนั้นจึงนั่งลงยองๆในขณะที่เขายังคงอุ้มบุตรสาวอยู่
“สบายดีไหม? ขุนช้าง”
พันศรโยธาเอ่ยถามเด็กชายด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยน
มือหนาขยี้หัวของเด็กชายเบาๆด้วยความเอ็นดูไม่ต่างกับหลานชาย
“สบายดีครับ...คุณอา”
ขุนช้างเอ่ยตอบอย่างมีมารยาทและความเคารพ ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้เขาจะไม่ชอบบุตรสาวของผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นัก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้เช่นกัน
พันศรโยธาเป็นบุรุษที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้าเสมอ...เขาเข้าใจทุกคน
หรือต่อให้ไม่เข้าใจ
เขาก็จะพยายามทำความเข้าใจโดยไม่มองว่ามันเป็นเรื่องแปลกหรือแย่...และการที่คนๆหนึ่งจะเข้าใจหรือพยายามเข้าใจคนอื่นโดยเปิดกว้างเช่นนี้มีน้อยนัก
ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกชอบและเคารพในตัวของชายคนนี้
“จะว่าไปวันก่อนคงลำบากมากสินะ ขอโทษที่ลูกสาวอาทำไม่ดีกับเจ้านะ”
พันศรโยธาเอ่ยพลางแสดงสีหน้ารู้สึกผิด
ก่อนที่จะก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อขอโทษโดยไม่มีการถือดีอะไรว่าตนเป็นผู้ใหญ่หรือต่อหน้าเป็นเด็ก
“ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อยครับ...ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ขุนช้างลนลานในทันทีที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าเอ่ยขอโทษและแสดงความรู้สึกผิดตรงๆ
เขาเป็นผู้น้อยจึงไม่ชินนักที่ผู้ใหญ่มาเอ่ยเช่นนี้
“เด็กคนนี้เองก็รู้สึกไม่ดีมากๆเลยนะหลังจากเจ้ากลับไป”
พันศรโยธาเอ่ยพลางลูบหัวของเด็กหญิงเบาๆ
เรียกสายตาของขุนช้างให้หันไปมองนางและพบว่าเด็กหญิงหลบสายตาเขาอยู่
แต่ก็พยักรับเบาๆ
“ลูกสาวของคุณอา....ป่วยเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอครับ?”
เมื่อท่าทางที่สงบขุนช้างก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม....เด็กหญิงที่คิดจะฆ่าเขาในวันนั้นดูไม่เหลือเค้าเลยจริงๆ...
พันศรโยธาเพียงส่งสายตาให้บ่าวใช้ที่แม้อยู่ไกลให้ออกไป
เพราะระแวงว่าเด็กชายตรงหน้าจะพูดออกมาตรงๆ
และแม้ไม่ใช่เจ้าบ้าน แต่ฐานะของพันศรโยธาก็เพียงพอที่จะทำให้บ่าวใช้ฟังคำสั่งรองลงมาเจ้านายและครอบครัวของเจ้านาย
หลังสิ้นสุดผู้คนที่ออกไป
มีเพียงความเงียบสงบ....พันศรโยธาจึงพยักหน้าให้กับคำถามของเด็กชายเมื่อครู่
“ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับหน่อยนะ”
พันศรโยธายิ้มบางให้กับขุนช้างโดยที่มือหนาลูบหัวของเด็กชายอย่างอ่อนโยน
ซึ่งทำให้ขุนช้างที่เคารพในตัวของชายผู้นี้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มและการกระทำที่เอ็นดูเขาราวกับบุตรหลาน
ก็ยากจะปฏิเสธ....
เขาไม่สามารถหักล้างปฏิเสธให้ชายที่เป็นดั่งอาใจดีคนนี้เสียใจได้....
.
.
.
“ท่านพ่อ...ขี้โกง”
พิมพิลาไลยเอ่ยในขณะที่ยังถูกบิดาอุ้มเพื่อเดินทางกลับบ้าน
นางซบไหล่ของบิดาพลางจ้องมองไปยังบ้านของขุนศรีวิชัยที่พึ่งจากมาไม่นานนักผ่านไหล่ของผู้เป็นบิดา
บิดาของนางนั้นช่างร้ายกาจยิ่ง เล่นใช้ท่าทางและรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบนั้น
ใครกันจะกล้าปฏิเสธ...โดยเฉพาะขุนช้างที่ดูเหมือนจะเคารพพ่อของนางอย่างมาก...
“หืม?...พ่อเหรอ? พ่อไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
พันศรโยธายังคงประดับรอยยิ้มและแสร้งไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิด
“เป็นผู้ใหญ่น่ากลัว...ผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
พิมพิลาไลยเอ่ยพลางเอื้อมมือของตนไปแตะปากที่มักเป็นรอยยิ้มอยู่เสมอของผู้เป็นบิดา...
“แล้วหนูกลัวพ่อรึเปล่าล่ะคะ?”
พันศรโยธาปล่อยให้เด็กหญิงจับปากของตนตามใจ เขาเพียงฉีกยิ้มกว้างขึ้นพร้อมสบสายตาของเด็กหญิงในโอบแขน
พิมพิลาไลยที่ได้เห็นรอยยิ้มและสายตาที่เจ้าเล่ห์ของบิดาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย
ถามในคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วแท้ๆ นางเพียงปล่อยมือที่แหย่จากปากบิดาอย่างเสียอารมณ์
ก่อนคล้องคอบิดาและกอดเขาแน่น
“ไม่ค่ะ”
.
.
.
เรื่องอดีตของน้องมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างส่วนนะคะ ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เนื่องจากมีรีดท่านหนึ่งมาบอกแนะนำให้ค่ะ ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ เพราะไรท์หาข้อมูลมาไม่ดีเอง ขอโทษนะคะ แต่เรื่องสาเหตุการตายจะยังเหมือนเดิมนะคะเพราะไม่อยากให้พล็อตที่วางไว้เปลี่ยนไป ปล.ใครไม่ย้อนกลับไปอ่านก็ได้นะคะ เพราะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องข้างหน้า
ความคิดเห็น