ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นอัลฟ่าหญิงเพียงหนึ่งเดียวในโลกนิยายBL

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่8 การตกลง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 63


      

    เป็นม้วนกระดาษที่คลี่ออกมาเพื่อจดสัญญาและเนื้อหาที่ตกลงตามคำสัตย์...น้ำหมึกจากปลายปากกาขนนกซึมลงเป็นลวดลายภาษาชนเผ่าที่คุ้นตา...ดวงตาอสรพิษจับจ้องมันโดยไม่กระพริบเพื่อป้องกันผู้เขียนบิดเบือนข้อตกลงและมือหนาที่หยาบกร้านของชายที่มีอายุมากกว่านั้นตวัดปลายเส้นจนบรรจบในท้ายสุด ก่อนเขียนเส้นตัดจบคล้ายเป็นจุดสิ้นสุดประโยค ไวยากรณ์ของภาษาฮันเรย์นั้นซับซ้อน การวางคำในแต่ละรูปประโยคจึงต้องระมัดระวังให้ดีหนำซ้ำคำศัพท์ภาษานี้ในบางคราก็เปลี่ยนรูปเปลี่ยนความหมายได้

     

    จึงไม่แปลกที่เอลลิโอร่าจึงพินิจพิจารณาเนื้อหาในสัญญาอย่างถี่ถ้วน...แม้เธอจะรู้ภาษาฮันเรย์อย่างเชี่ยวชาญจนแทบไม่เหลือเค้าสำเนียงคนต่างถิ่นหรือลายมือที่แปลกแยก ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากให้สู้กับชาวเผ่าฮันเรย์โดยกำเนิดแล้วย่อมเป็นภาษาที่สมบูรณ์พร้อมกว่าเธอจริงๆ

     

    อีกทั้งคนตรงหน้าของเธอก็ชาญฉลาดเป็นกรด...อาจเป็นไปได้ที่จะถูกหลอกหรือตลบหลัง เพราะอย่างไรเสียปู่ผู้นี้ก็ไม่เคยเผยความคิดใดออกมา นับเป็นคนที่อ่านออกยากที่สุดในบรรดามนุษย์ที่เธอเคยเจอมา

     

    ข้าไม่คิดว่าข้อตกลงผลประโยชน์นี้จะทำให้ท่านพอใจได้นะ....ท่านปู่

    เอลลิโอร่าเอ่ยตามความคิดของตนเองตรงๆ ยามเมื่อนึกถึงสินบนที่ชายตรงหน้าต้องการ...เขาสามารถเรียนร้องหรือหาประโยชน์จากตรงนี้ได้มากกว่านี้แท้ๆ

     

    ข้อตกลงสัญญาในกระดาษนี้กล่าวถึงสามอย่างที่เธอจะต้องทำหรือมอบให้แก่เขา หนึ่งคือรายได้ส่วนหนึ่งของการค้าโดยประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นจะถูกเก็บเข้ากองเงินของชนเผ่าฮันเรย์ โดยแบ่งจ่ายเป็นเงินตราและปัจจัยสี่ที่เอาไว้รองรับคนในชนเผ่าเช่นเครื่องนุ่งห่มกับยาเป็นต้น  สองคือ กำหนดช่วงระยะเวลาฤดูการล่าเพื่อการค้า หากเป็นฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์และอสุราหรือช่วงรอยต่อการรอเติบโตของมัน จะไม่มีการล่าเพื่อการค้าขึ้นเพื่อป้องกันจำนวนสัตว์หรืออสุราที่น้อยลงกว่าปกติในธรรมชาติ อย่างที่สามคือ ห้ามเปิดเผยการค้านี้หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่ผู้คนในดินแดนทางใต้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะชนเผ่าอื่นๆ เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นที่หากรับรู้ว่าเธอหาผลประโยชน์จากดินแดนนี้และชนเผ่าฮันเรย์ก็มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยก็อาจสร้างความไม่พอใจระหว่างชนเผ่าให้เป็นได้ ซึ่งข้อตกลงทั้งหมดนี้เอลลิโอร่าแทบไม่ได้รับผลกระทบหนักใดๆเลยด้วยซ้ำ...

     

    ทว่าก็ไม่มีคำตอบใดๆจากชายผู้เป็นใหญ่คนนี้ มีเพียงดวงตาอสรพิษที่เป็นต้นกำเนิดเท่านั้นที่ทอดสายตามองเธอจากเบื้องบนเป็นคำตอบ....เขามองเธอคล้ายเห็นเป็นงูแรกเกิดที่พยายามล่าเหยื่อมากมายเพื่อเป็นใหญ่ในดงป่านี้ ทำให้เด็กหญิงเข้าใจแล้วว่าเขาแค่ให้เธอติดสินบนเป็นพิธีเท่านั้น บางทีเส้นทางหรืออำนาจของเธอที่พยายามสร้างก็คงเป็นเพียงเศษหนูเมื่ออยู่ในสายตาความยิ่งใหญ่และมั่นคั่งของปู่ผู้นี้

     

    เจ้าน่ะเหมือนข้าอย่างยิ่งยวด...เอลลิ

    คาเอลรอสเอ่ยกับหลานสาวคนโปรดของตนอย่างเอ็นดู มือหนาเอื้อมมาสัมผัสใบหน้าที่แม้ไม่เรียบเนียนมากมายเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชายปกติอันเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่เยี่ยงชนเผ่า...ทว่าก็ไม่ได้หยาบกร้านเช่นกัน นิ้วสากเกลี่ยแก้มของเด็กหญิงอย่างคุ้นชินด้วยความพึงใจ

     

    เขาผู้เป็นใหญ่ไม่คิดจะเอาอะไรกับหลานสาวเช่นนางอยู่แล้ว ทว่าก็ต้องให้นางเรียนรู้ในวิธีที่ควรจะเป็นเช่นกัน จึงนับว่าการติดสินบนครั้งนี้ของเอลลิโอร่าก็ไม่ต่างอะไรจากยื่นลูกอมให้ญาติผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย ผลประโยชน์ที่นางมอบให้ไม่ได้มากมายอะไรสำหรับคาเอลรอสที่มีฐานะเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เลยด้วยซ้ำ

     

    การกระทำของเขาก็ไม่ต่างอะไรจากการสั่งสอนและส่งเสริมนางทางอ้อมๆต่างหาก

     

    หากให้เทียบกับประวัติของท่านแล้ว ข้าคงอ่อนด้อยกว่าถึงเท่าตัวนัก...

    เอลลิโอร่าโคลงศีรษะของตนเบาๆยามเมื่อนึกถึงบทความของนักประพันธ์ชาวเฟย์ติสผู้หนึ่งที่เขียนหนังสือชีวประวัติของจักรพรรดิที่เจ็ดอย่างคาเอลรอส

     

    หากจำไม่ผิดคงเป็นหนังสือชื่อเรื่องว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งสงคราม ซึ่งค่อนข้างมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้างอันเนื่องจากนักประพันธ์คนนี้เป็นผู้จบจากสถานบันการศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารฮาร์ดแซนอันเป็นสถานที่ศึกษาของคาเอลรอสเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายที่ถูกส่งไปจักรวรรดิเฟย์ติสและหนำซ้ำยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นอีกต่างหาก ดังนั้นข้อมูลที่ได้จึงมีความน่าเชื่อถือกว่าบุคคลที่แทบไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของคาเอลรอสมาเขียน ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็อาจไม่ได้ถูกต้องนัก เพราะอย่างไรเสียผู้เขียนก็มิได้สนิทสนมกับชายผู้เป็นปู่ของเธออีกทั้งยังเป็นการมองจากภายนอกมาเสียด้วย

     

    มันก็แค่เศษกระดาษ

    คาเอลรอสเอ่ยตอบหลานสาวของตนอย่างไม่แยแส ยามเมื่อนึกถึงหนังสือไร้สาระที่เขียนประวัติของตนออกมาให้ใครต่อใครอ่านโดยไม่รู้เรื่องความเป็นจริงของเขาแม้แต่น้อย นับเป็นหนังสือที่น่าตลกดี

     

    แต่พวกเขาก็สรรเสริญท่านไม่น้อยเลยนิ...

    เด็กหญิงได้แต่ฉีกยิ้มบางขบขันในความน่าตลกของชาวเฟย์ติสที่เขียนยกยอจักรพรรดิที่เจ็ดอย่างคาเอลรอสเพราะเป็นผู้ล่าอาณานิคมให้แก่จักรวรรดิของตนมากมาย ทำให้ช่วงนั้นทั้งทรัพยากรและแรงงานหรือพื้นที่เขตแดนต่างๆล้วนมหาศาลนัก จนเรียกว่าในยุคสมัยนั้นจักรวรรดิเฟย์ติสเป็นผู้ร่ำรวยอย่างแท้จริง ทำเอาถูกตั้งฉายาว่าเป็นดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินเฉกเช่นอังกฤษที่เลื่องอำนาจ ทว่าจักรพรรดิที่ชาวเหนือสรรเสริญกันนักหนากลับไม่ได้มีสายเลือดของดินแดนนี้แม้แต่น้อย...น่าขำดี

     

    แล้วอย่างไร

    ชายผู้เป็นใหญ่เอ่ยปัดคำสรรเสริญนั้นราวกับไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาตั้งแต่ต้นแล้ว ดูท่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แท้จริงแล้วไม่แม้แต่จะแยแสประชาชนใต้ปกครองของเขาเท่าไหร่นักจริงๆ

     

    รอยยิ้มบางที่ฉาบลงบนใบหน้าของชายผู้เป็นปู่นั้นไร้ซึ่งความแยแสและลึกล้ำ....เอลลิโอร่าปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งกว่ามนุษย์คนใดทั้งมวลของชายผู้เป็นปู่คนนี้แท้จริงคืองูพิษร้ายเฉกเช่นซาตานในสวนอีเดนที่ล่อลวงอดัมกับอีฟให้ตกหลุมพรางถูกพระผู้เป็นเจ้าขับไล่อยู่เบื้องหลัง...

     

    .

    .

    .

     

    เอลลิโอร่าที่หลังจากพูดคุยธุระกับคาเอลรอสเสร็จสิ้น....ก็ก้าวเดินกลับบ้านของตนอย่างเรียบเฉยพลางครุ่นคิดถึงผลกระทบที่ตามมาภายหลังของข้อตกลงสัญญาที่ตนพึ่งทำไปกับปู่ของตนให้ถี่ถ้วน มือกร้านปัดผ้าม่านกั้นประตูที่มีคราบเลือดติดอยู่บ้างหลังทำความสะอาดไปเมื่อวันก่อน แล้วจึงนึกได้ว่าตนลืมบางสิ่งหลังกลับมาจากเฟย์ติสเสียได้

     

    เอลลิโอร่าสบถคําหยาบเป็นภาษาชนเผ่าออกมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยพลางยกมือขึ้นขยี้หัวของตนลวกๆ ในหัวกล่าวด่าตัวเองที่สะเพร่า ยุ่งจนลืมไปเลยแฮะ...ไม่ได้เรื่องชะมัด

     

    ว่าแล้วก็เดินไปหยิบสัมภาระเมื่อครั้งกลับจากเฟย์ติสและค้นมันอยู่นานสักพัก จึงเจอกล่องหีบเก็บของที่ค่อนข้างดูมีราคาและปกปิดแน่นหนา ทว่าเอลลิโอร่าไม่ใส่ใจมันนัก เอื้อมมือเปิดเอาสิ่งของภายในไปบางส่วนแล้วปิดฝามันก่อนลากไปจุดที่เห็นได้ง่ายๆ

     

    จากนั้นก็เดินต่อไปยังห้องของแม่เลี้ยงคนงามโดยแสดงท่าทีอ่อนลงอยู่หลายส่วน ดวงตาอสรพิษยามเมื่อเห็นภาพโฉมงามที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เตียงด้วยรอยยิ้มบางก็อดไม่ได้ที่ผ่อนลงเข้าไปอีก เอลลิโอร่าหยุดเดินที่จะเข้าไปและเพียงยืนดูชายหนุ่มบนเตียงตรงทางเข้าประตูก่อนเอนศีรษะพิงขอบประตูอย่างอ่อนล้า หวังเฝ้าดูรอยยิ้มตรงหน้าให้ยาวนานที่สุดเท่าที่ทำได้

     

    จนอาลีนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่สักพักรู้สึกตัวและหันไปมองดวงตาคู่คมที่จับจ้องตนไม่วาง ทำเอาใบหน้าใต้ผ้าคลุมแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงบางๆเพราะความอาย เมื่อเห็นสายตาของคุณหนูที่ช่างเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนเช่นนี้

     

    แม้เอลลิโอร่าจะไม่ได้ดูดีตามแบบฉบับพิมพ์นิยมของชาวเฟย์ติสที่ต้องมีผิวขาวดั่งหิมะ ร่างบางอ่อนช้อยหรือดวงตาสีบางและเรือนผมสีอ่อน ตามบทประพันธ์เรื่องความงามที่แท้จริงของชาวแดนเหนือโดยกวีเอกนิโคลัส ทว่าคนหน้าตาดีอย่างไรก็คือคนหน้าตาดี ต่อให้ไม่ใช่ความงามในรูปธรรมของใคร แต่ด้วยรูปลักษณ์ของเด็กหญิงตรงหน้าที่มากมายพอให้ผู้คนมองข้ามความงามในหัวของตนแล้ว...

     

    ดูเหมือนจะชอบนักเขียนผู้นี้สินะ คราวหลังไปเฟย์ติสข้าจะซื้อกลับมาฝากให้มาก

    เอลลิโอร่าเอ่ยกับแม่เลี้ยงคนงามของตน พลางเดินเข้าไปนั่งบนเตียงด้วยก่อนเอื้อมมือสางเส้นผมยาวสีฟ้าอ่อนให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเหลือบมองหนังสือในมือบางเพื่อหาชื่อผู้แต่งหมายมั่นไว้ในใจ เวลาซื้อจะได้มิพลาดอะไร

     

    แต่ไหนแต่ไรแล้วที่แม่เลี้ยงคนงามของตนมีร่างกายไม่แข็งแรงนัก ดังนั้นการออกไปเที่ยวข้างนอกจึงเป็นเรื่องมิควรเท่าไหร่ แต่ทว่าหากให้อยู่เพียงบนเตียงอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไร ก็กลัวว่าคนงามจะเหงาและเฉาเอา เอลลิโอร่าจึงคอยหาสิ่งต่างๆมาอำนวยความสะดวกและสิ่งผ่อนใจให้แก่แม่เลี้ยงผู้นี้ประดุจลูกคุณหนูคุณชายผู้ร่ำรวยก็ไม่ปาน จนบางครั้งก็สร้างความลำบากใจให้กับอาลีนเมื่อฐานะของตนเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ แต่กลับถูกผู้เป็นนายเลี้ยงดูแลเสียยิ่งกว่าเจ้าหญิงในนิยายที่ตนชอบอ่านอีก

     

    ท่านเอลลิไม่ควรตามใจข้ามากขนาดนี้นะครับ...เดี๋ยวข้าได้กลายเป็นข้ารับใช้นิสัยเสียกันพอดี

    อาลีนเอ่ยประท้วงเล็กๆยามเมื่อจับจ้องสายตาที่คอยสังเกตตัวเองตลอดเวลา และทุกครั้งที่นางกระทำก็ล้วนเป็นรายละเอียดที่ใส่ใจต่อเขายิ่ง บางทีคุณหนูของเขาก็ไม่ควรทำอะไรเช่นนี้...นางเป็นเจ้าหญิงนะ เหตุใดต้องมาลำบากหนำซ้ำยังต้องดูแลข้ารับใช้ไร้ประโยชน์เช่นเขาอีก...อาลีนได้แต่ตัดพ้อในใจ ยามเมื่อนึกถึงองค์จักรพรรดิที่ทรงลำเอียงต่อเด็กหญิงตรงหน้าเขาเช่นนี้

     

    นิสัยเสียก็นิสัยเสียไปสิ...ข้ามีปัญญาเลี้ยงดูเจ้าอยู่แล้ว

    เอลลิโอร่าหาได้ใส่ใจคำกล่าวของแม่เลี้ยงคนงามไม่ เธอเอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมของเขาก่อนค่อยๆสอดมือลูบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน นิ้วกร้านเกลี่ยแก้มเขาอย่างเอ็นดู

     

    ความจริงแล้วการที่เอลลิโอร่าหาเงินจนหัวหมุนนั้นก็ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการสร้างฐานอำนาจเพียงอย่างเดียว ทว่าก็เพื่อเอาไว้ใช้ดูแลแม่เลี้ยงคนงามของตนให้สุขสบายเฉกเช่นเจ้าหญิงตัวน้อยก็ไม่ปานด้วย นับเป็นความต้องการส่วนตัวของเอลลิโอร่าเอง เธอค่อนข้างพอใจเมื่อเห็นเขาใส่เสื้อผ้าชั้นดีหรือได้สิ่งดีๆ

     

    มันไม่เหมาะสมนะครับ ท่านเอลลิ...

    อาลีนเอ่ยแย้งเบาๆแม้จะรู้ดีว่าคุณหนูของตนก็คงไม่ใส่ใจ ทว่าเมื่อเหลือบมองเห็นสายตาที่มองเขาอย่างเอ็นดูระหว่างพูดนั้นคล้ายศักดิ์ศรีผู้เป็นแม่เลี้ยงรู้สึกพ่ายแพ้ยับเยิน แต่ก่อนเขาเลี้ยงดูนาง...เหตุไฉนตอนนี้เป็นนางที่เลี้ยงเขากัน...แล้วสายตาที่มองเขาเป็นเด็กน้อยอีก....

     

    เมื่อสีหน้าของแม่เลี้ยงคนงามขึ้นสีเล็กน้อยเพราะความอาย เสียงหัวเราะขบขันในลำคอของเด็กหญิงก็อดไม่ได้ที่จะดังขึ้นมาเบาๆ ก่อนนึกขึ้นได้ถึงธุระของตน จึงยกมือวางสิ่งของที่เอามาจากกล่องหีบนั้นไว้ที่มือของแม่เลี้ยงหนุ่ม

     

    และเมื่อมือบางของอาลีนคลายออกก็พบว่ามันคือ ศิลาสีขาวสะอาดจนโปร่งใสสามารถเห็นทะลุไปยังมือของเขาได้และขวดของเหลวขนาดเล็กที่ภายในบรรจุน้ำสีประหลาดเอาไว้...

     

    ศิลายาถ่ายโอนของพวกนักเล่นแร่แปรธาตุเบตติเหนือกับน้ำยาเวนก้าจากรากไม้พฤกษาทวีปเรเวนโดยเผ่าเอลฟ์ลักลอบน่ะ

    เอลลิโอร่าเอ่ยอธิบายแม่เลี้ยงหนุ่มที่กำลังทำหน้าสติหลุดไปชั่วขณะโดยไม่ใส่ใจ พลางบอกให้เขาทานและดื่มมันทุกวันหลังจากนี้ตามที่เธอกำหนดเวลาไว้

     

    และดูเหมือนอาลีนจะได้สติกลับมาแล้ว ระหว่างฟังคำอธิบายราวกับเป็นเรื่องปกติของเด็กหญิง ก็ทำให้สีหน้าของเขายิ่งรู้สึกเหมือนทานยาขม...มือบางสั่นเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าสองสิ่งในมือของตนตอนนี้คืออะไร

     

    กล่าวกันว่าผู้คิดค้นศาสตร์แปรธาตุขึ้นมาครั้งแรกก็คือกลุ่มชนเบตติเหนือ ที่อาศัยอยู่ตามรอยเขตตะเข็บชายแดนอาณาจักรเบนติและทวีปเรเวนอันเป็นผืนดินของเผ่าเอลฟ์ ยากนักที่จะเข้าถึงกลุ่มชนนักเล่นแปรธาตุเริ่มแรกเหล่านี้เพราะมักอาศัยอยู่บนเทือกเขาหรือบริเวณความกดอากาศสูงไร้ผู้คนอาศัยอยู่ ซึ่งบริเวณเหล่านั้นก็เป็นแหล่งผลิตหินหรือแร่ชั้นดีสำหรับการแปรธาตุ จึงไม่แปลกที่กลุ่มชนเหล่านั้นจึงตั้งถิ่นฐานที่นั่น เพราะฉะนั้นการได้สินค้าจากกลุ่มชนเบตติเหนือนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมากนักตั้งแต่ที่ตั้งของผู้ทำหรือนิสัยเอาแต่ใจเป็นหนึ่งที่เลื่องลือของกลุ่มคนเหล่านี้อีก หากไม่โดนไล่สาปแช่งหรือวางอาถรรพ์ใส่ก็นับว่าบุญแล้ว

     

    ส่วนน้ำยาเวนก้าจากรากไม้พฤกษาทวีปเรเวนนั้นแม้จะไม่ใช่สินค้าหายากมากมายอะไรทว่าราคาของมันกลับสูงเฉียดฟ้าจนแทบทำให้ผู้ครอบครองมันมีเพียงน้อยนิด อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่ชาวเอลฟ์สงวนสิทธิ์ในการผลิตแต่เพียงชาติพันธุ์เดียว ดังนั้นจึงมีราคาของการขนส่งและภาษีสินค้าต่างดินแดนผืนทวีปเพิ่มเข้าไปอีก...เพราะฉะนั้นโดยส่วนมากจึงเป็นพ่อค้าเศรษฐีผู้ร่ำรวยในระดับใหญ่หรือขุนนางผู้ทรงอำนาจและองค์กษัตริย์เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงสินค้าเช่นนี้

     

    หากจะตีค่าของมันให้ง่ายต่อความเข้าใจ...สองสิ่งในมือของอาลีนนี้สามารถซื้อขายดินแดนขนาดกลางค่อนไปใหญ่ได้อย่างสบายๆ

    ท...ท่านเอลลิ นี่มันไม่ใช่ของที่หากันได้ง่ายๆเลยไม่ใช่เหรอครับ ได้โปรดอย่าเอามาใช้กับผมเลยครับ...มันไม่คุ้มค่าเลยสักนิด

    อาลีนไม่อาจรู้ว่าทั้งชีวิตนี้ของตนจะสามารถจ่ายราคาของสองสิ่งในมือนี้ได้หมดหรือไม่...ความทุ่มเทของเด็กหญิงผู้เป็นนายนั้นช่างมากมายเกินบรรยาย

     

    อะไรคือไม่คุ้มค่าอย่างที่เจ้าคิดแล้วคำว่าคุ้มค่าผู้ใดเป็นคนตัดสินกัน?”

    เอลลิโอร่าตอบกลับแม่เลี้ยงคนงามอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมทั้งลุกยืนขึ้นหันหลังเพื่อก้าวเดินออกไปจากห้องหลังเสร็จธุระ เพราะเกรงว่าหากอยู่ต่อก็คงโดนอาลีนบ่นจนหูชาเป็นแน่เสีย

     

    .

    .

    .

     

    ยังคงทำอะไรที่เสียเวลาไร้ประโยชน์เช่นเคยนะ...สหายของข้า

    เป็นน้ำเสียงหนึ่งของเด็กชายในวัยรุ่นราวคราวเดียวกันกับเอลลิโอร่าเอ่ยขึ้น แม้ลักษณะของเสียงจะชวนเป็นมิตรและน่าฟัง ทว่าประโยคคำพูดและความคิดของผู้กล่าวนั้นกลับไม่ได้เป็นมิตรอะไรมากมายขนาดนั้น ซึ่งตัวของเอลลิโอร่าเองก็ตระหนักดี

     

    เสร่อเรื่องคนอื่น....

    เอลลิโอร่าเอ่ยตอบกลับเด็กชายโดยไม่ได้รักษาความสุภาพของภาษา คำหยาบในภาษาชนเผ่าพูดออกมาโดยไม่ปิดบัง เพราะอย่างไรเสียต่อให้แม่เลี้ยงคนงามมาได้ยินเข้าก็คงฟังไม่ออกจึงไม่ใช่ปัญหา

     

    ซึ่งแต่เดิมแล้วเอลลิโอร่าไม่ได้เติบโตในวังหลวงที่กล่าวกันว่าเคร่งครัดเรื่องการศึกษาตามแบบฉบับชนชั้นสูงเฉกเช่นทายาทกษัตริย์คนอื่นๆ เธอเติบโตในชนเผ่าที่ห่างไกลความเจริญ ผู้คนเป็นเพียงชนชั้นกลางทั่วไป ดังนั้นการพูดจาหรือการใช้คำหยาบคายตามประสาชาวบ้านทั่วไปจึงเป็นสิ่งที่เธอซึมซับมามากกว่ามารยาทผู้ดีในฐานะเจ้าหญิง

     

    ไม่มีคนสติดีที่ไหนผลาญเงินของตนไปกับข้ารับใช้ที่ใกล้ตาย...

    ยังคงเป็นเด็กชายคนเดิมที่เอ่ยตอบกลับอย่างเรียบเฉยและตรงไปตรงมา เขาออกมาจากเงามืดที่ซ่อนกายตนเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่คุ้นชินตาในความทรงจำของเอลลิโอร่า

     

    ใบหน้าคมที่แม้จะไม่ได้หล่อเหลามากมายเทียบเท่าคาเอลรอสหรือบรรดาตัวละครเอกในเรื่องราว ทว่าก็ดูดีมากพอที่จะเรียกว่าหนุ่มรูปงามได้ เรือนผมสีส้มออกหม่นคล้ายผลส้มชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและดวงตาสีชาอันนุ่มนวลและคลุมเครือนั้นเป็นที่น่าจดจำสำหรับผู้คนมากมาย ผิวสีแทนที่ดูเหมือนจะเบาบางกว่าผู้คนในชนเผ่าเล็กน้อยก็ทำให้รู้ว่าเขานั้นเป็นลูกผสมระหว่างชนเผ่า

     

    หากคนของข้าจะตายหรือใกล้ตายก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า...กล่าวเรื่องงานได้แล้ว

    เอลลิโอร่าไม่ปฏิเสธคำกล่าวของเด็กชาย อีกทั้งก็ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองในคำพูดที่ไม่ดีของเขาเพราะอย่างไรเสียมันก็คือความจริง ทว่าหากปล่อยให้เด็กชายตรงหน้าพูดเรื่องไร้สาระต่อไป ก็คงไม่ได้งาน

     

    อืม...ตอนนี้จักรวรรดิเฟย์ติสเริ่มมีการลงคะแนนเสียงจากรัฐสภาในการปรับกฎหมายการใช้ทาสให้ง่ายขึ้น...โดยยกเลิกข้อกำหนดการตรวจรายได้ที่มากเพียงพอต่อการใช้จ่ายและเลี้ยงดูทาส ดังนั้นคาดว่าในอนาคตจะมีประชาชนชนชั้นกลางถือครองทาสเพิ่มขึ้นและอัตราความเป็นอยู่ของทาสที่แย่ลง...โอกาสที่ลูกผสมหรือมีเชื้อสายจากดินแดนทางใต้ที่หลงเหลืออยู่ในจักรวรรดิเฟย์ติสถูกลักพาตัวหรือจับไปเป็นทาสมากขึ้นกว่าเดิม....

    เป็นเด็กชายที่เอ่ยรายงานสายข่าวความเปลี่ยนแปลงในจักรวรรดิเฟย์ติสในช่วงเวลาที่เอลลิโอร่าไม่อยู่ การหาข้อมูลจากดินแดนทางเหนือในดินแดนทางใต้นั้นไม่ง่าย จึงจำเป็นต้องใช้คนที่วางใจได้ในการสืบค้น ซึ่งก็เป็นเด็กชายผู้นี้ที่เธอไว้ใจพอระดับหนึ่ง

     

    แล้วพวกขุนนางฝ่ายซ้ายและขุนนางฝ่ายขวาลงความเห็นว่าอย่างไร?...เพราะอย่างไรเสียพวกวางตัวเป็นกลางก็คงไหลตัวเป็นน้ำตามเสียงข้างมากเหมือนเคย

    เอลลิโอร่าเอ่ยถามรายละเอียดย่อยของรายงาน เพื่อประเมินความคิดของเหล่าขุนนางในสภาต่อหัวข้อครั้งนี้

     

    ขุนนางฝ่ายขวาเห็นด้วยทั้งหมด พวกเขาสนับสนุนนโยบายนี้ตั้งแต่เริ่มร่างฎีกาเสนอจักรพรรดิ์ให้ลงปรมาภิไธยแล้ว...ส่วนขุนนางฝ่ายซ้ายแม้จะไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่ทว่าส่วนใหญ่ก็ยอมรับข้อเสนอนี้เพราะให้เหตุผลว่าเล็งเห็นการพัฒนาที่ดินและแรงงานโดยใช้ทาส

    เด็กชายเอ่ยตอบโดยภาพรวม  ก่อนอธิบายเสริมถึงรายชื่อของขุนนางที่เลือกไม่ลงคะแนนเสียงในนโยบายนี้เผื่อเด็กหญิงสนใจ

     

    ขอบใจ...หลังจากนี้คงต้องจัดหาคนที่ร่างกายแข็งแรงมาจำนวนหนึ่งล่ะนะ...หากคาดการณ์ไม่ผิด สิ่งที่ขายได้ดีคงเป็นทาสใช้แรงงาน...เพราะการเปิดตลาดทาสให้ง่ายขึ้นเช่นนี้ ชนชั้นกลางที่ทำภาคการเกษตรคงอยากลดต้นทุนจากการจ้างคนเก็บเกี่ยวผลผลิตให้เป็นทาสเสียมากกว่า

    เอลลิโอร่าพยักหน้าพลางเอ่ยความคิดการหากำไรจากนโยบายนี้...

     

    ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้...เจ้าจะค้าอะไรผิดกฎหมายหรือกระทำชั่วช้าอะไร ข้าไม่เคยขัดขวางเจ้า...แต่เจ้าคิดจะขายพี่น้องร่วมแผนดินของเจ้าหรือ พวกเขาต่างเป็นลูกหลานเนย์ยีร์ทั้งสิ้น...อย่าถลําลึกให้มาก เอลลิโอร่า

    เด็กชายเอ่ยแย้งความคิดของเด็กหญิงในทันทีด้วยความไม่พอใจ...ก่อนที่สนธิสัญญาอาณาเขตเนย์ติสจะลงนาม การเข้าออกดินแดนทางใต้ในสมัยอดีตจึงยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะมีผู้คนดินแดนทางใต้บางส่วนหลงเหลืออยู่นอกดินแดนอื่น เพราะการเข้ามาหาผลประโยชน์ของชาวแดนเหนือก็มิใช่เพียงทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียว ทรัพยากรมนุษย์เองก็เป็นสิ่งต้องตาต้องใจเช่นกัน...การแอบลักลอบลักพาตัวผู้คนในดินแดนทางใต้ไปเป็นแรงงานหรือทาส ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการร่างสนธิสัญญาอาณาเขตขึ้นมาเพื่อป้องกันการรุนรานจากชาวแดนเหนือ..

     

    เอลลิโอร่าที่ถูกกล่าวว่าโดยเด็กชายนั้นนิ่งชะงักไปชั่วขณะ...บางทีเธอก็อาจล้ำเส้นเกินไปจริงๆนั่นแหละ แต่ศีลธรรมในโลกก่อนไม่อาจใช้กับเธอในตอนนี้ได้เท่าเงินตราหรืออำนาจ....เธอทิ้งมันลงไปกับพื้นทรายที่แรกเดินเสียแล้ว

    โทษที...ข้าคงคิดอะไรที่มันเกินไปจริงๆอย่างที่เจ้าว่า...เช่นนั้นหากไม่มีเชื้อสายเนย์ยีร์ ก็ไม่มีปัญหาสินะ

     

    บางทีข้าก็เคยแอบคิดนะว่าเจ้าคงสามารถขายข้าได้ง่ายดายหากแลกกับผลประโยชน์

    เด็กชายอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซะเด็กหญิงตรงหน้า เพราะความคิดของนางช่างเลือดเย็นเสียจริงๆ ขายคนร่วมแผ่นดินไม่ได้ก็ขายคนนอกแทน สุดท้ายก็ยังคงจะหาผลประโยชน์อยู่ดี

     

    สบายใจได้ ข้าไม่ขายสหายของตัวเองหรอก....วาคินรีส์’”

    เอลลิโอร่าตอบกลับคำเอ่ยแซะของเด็กชายอย่างสบายๆ แม้เธอจะเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไม่ดีนัก ทว่าหากนับใครเป็นสหายในครั้งหนึ่งของชีวิตแล้ว เธอจะตอบแทนเขาด้วยมิตรภาพและจ่ายเขาด้วยจริงใจ

     

    อย่าเรียกข้าด้วยด้วยนามนั้น...เอลลิโอร่า

    เด็กชายหรือวาคินรีส์ตามนามที่เด็กหญิงเอ่ยท่าทางไม่ชอบใจที่นางเรียกอดีตนามของตนเท่าไหร่นัก

     

    .

    .

    .




    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×