คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่8 ออกตามหา
คล้ายจะมีเส้นแบ่งที่ถูกขีดเอาไว้ว่านางไม่ควรล้ำเส้นเลยนับจากนี้....ไม่เช่นนั้น
นางก็จะไม่ต่างอะไรจากบิดาและมารดาในชาติก่อน...ซึ่งตัวนางก็คงไม่พอใจนักที่จะเป็นอย่างนั้น
สิ่งที่นางทำนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากที่พ่อแม่ในอดีตได้เคยทำกับนางเลย...น่าขำนัก
น่าหงุดหงิดไปหมดจริงๆ.....น่าหงุดหงิดที่นางดันทำเหมือนพ่อแม่นั่น
น่าหงุดหงิดจนทำให้นางไม่อยากทำแล้ว น่าหงุดหงิดที่ต้องยกเลิกแผนนี้...
อา...ไม่ได้เรื่อง
ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง
ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง
ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง
ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง
ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง....
นี่มันห่วยแตกไปหมด...
สุดท้ายแล้วเป็นพิมพิลาไลยที่รู้สึกคลื่นไส้นักยามเมื่อเห็นนางทองประศรีร้องห่มร้องไห้เรียกหาลูกของตนซึ่งไม่ต่างอะไรจากตนในอดีต...
ว่าแล้วเด็กหญิงก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ
ท่ามกลางความวุ่นวายจากด้านล่าง เรียกสายตาจากขุนช้างที่หลังจากสนทนากับเด็กหญิงไปก็คล้ายจะจับตามองนางอยู่เรื่อยๆเพราะเขากังวลเหลือเกินว่าเด็กหญิงผู้นี้จะทำเรื่องอะไรต่อไป
ซึ่งเมื่อเด็กหญิงลุกขึ้นนั้นขุนช้างที่ระแวงกับการกระทำของเด็กหญิงที่กลัวว่าอาจจะสร้างความชิบหายขึ้นอีก
จึงรีบลุกขึ้นและเอ่ยถาม
“เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
“เสียงข้างล่างน่ารำคาญนัก...”
พิมพิลาไลยไม่ตอบคำถามของขุนช้าง เธอเพียงก้าวเดินลงจากเรือนโดยไม่สนใจอะไรเพียงลำพัง
ขุนช้างที่กังวลว่าเด็กหญิงจะสร้างเรื่องนัก
จึงได้แต่เพียงเดินตามไปด้วย สร้างความประหลาดใจเด็กหญิงไม่น้อย พิมพิลาไลยเหลือบมองเด็กชายที่เดินตามมาพลางเลิกคิ้วและเอ่ยติดตลกขบขันเบาๆ
“ข้านึกว่าเจ้าจะรังเกียจข้าเสียจนไม่กล้าเข้าใกล้ข้าเสียอีก”
ขุนช้างเหลือบมองเด็กหญิงที่น่ารังเกียจข้างหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
ใช่...เกิดมาเขายังไม่เคยเจอคนที่ทำชั่วได้หน้าตาเฉยอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้มาก่อนเลย...แต่ที่เขาต้องตามมาเพราะกลัวว่านางจะสร้างเรื่องอีกครา
เมื่อเห็นดวงตาที่เกลียดชังต่อนาง พิมพิลาไลยหันหลังกลับไปมองขุนช้างตรงๆเบื้องหน้าก่อนฉีกยิ้มกว้างให้กับเด็กชายและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สดใสหากแต่ขุนช้างกลับรู้สึกได้ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
“แหมๆ...เกลียดข้าขนาดนั้นเลยเหรอคะ...แล้วเกลียดถึงขั้นอยากจะฆ่าข้ารึเปล่าล่ะคะ?”
ดวงตาสีพิศวงฉายแวววิปริตคล้ายมีดที่คมกริชเพียงชั่ววูบยามจับจ้องมายังขุนช้าง
ซึ่งถึงแม้จะชั่ววูบแต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เด็กชายรับรู้ได้
สำหรับพิมพิลาไลยแล้วมันก็แค่คำถาม....ใช่
คำถามที่ตัดสินว่าตัวละครเบื้องหน้าจะเป็นอันตรายกับนางในอนาคตรึเปล่า...แม้ในใจจะไม่อยากทำบาปใหญ่ในชีวิตถึงสองคราก็ตาม...
“บ้ารึเปล่า? ข้ามิใช่เจ้านะ
ต่อให้ข้าเกลียดเจ้า ย่อมต้องต่างคนต่างอยู่สิมิใช่เบียดเบียนผู้อื่นเยี่ยงเจ้า”
ขุนช้างไม่สามารถเข้าใจตรรกะความคิดของเด็กหญิงตรงหน้าเท่าไหร่นัก
หากมีคนที่ฆ่าคนอื่นเพียงเพราะเกลียดแบบนางอยู่อีกมากมาย โลกนี้คงจะวุ่นวายเป็นแน่แท้
กฎหมายจะมีไว้เพื่ออะไรหากคนประเภทนางไม่ใส่ใจ
คิดแล้วก็เผลออดไม่ได้ที่จะยกมือเคาะหัวของเด็กหญิงตรงหน้าเป็นการสั่งสอน...
พิมพิลาไลยที่เกิดมาชาตินี้แทบไม่มีผู้ใดกล้าสัมผัสหัวของเธอนอกเหนือจากบิดาแถมบิดาของนางก็เพียงลูบหัวของนางอย่างอ่อนโยนไม่เคยเคาะตีเลยสักครั้ง
แต่เด็กชายตรงหน้ากลับเคาะหัวนาง...ก็เผลอเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อถูกเด็กชายตรงหน้าเคาะหัวสั่งสอน
มือเล็กยกขึ้นกุมหัวตัวเองบริเวณที่ถูกเคาะ
“พึ่งรู้จักกันแท้ๆมาเคาะหัวคนอื่นอย่างนี้ได้อย่างไร?
เกิดมาไม่มีผู้ใดกล้าจับหัวข้านอกจากบิดา หนำซ้ำบิดาข้ายังไม่เคยเคาะหัวข้าเลยนะ...”
เป็นคราแรกที่เห็นเด็กหญิงที่นิ่งเฉยและถือดีผู้นี้แสดงสีหน้าความรู้สึกจริงๆ....ก็ดูเป็นคนปกติแท้ๆ...
คล้ายขุนช้างสัมผัสได้ว่าเด็กหญิงก็อาจเป็นเด็กปกติธรรมดาทั่วไปก็เป็นได้....หากแต่เมื่อนึกย้อนถึงการกระทำอันน่ารังเกียจที่ยากจะให้อภัยนั้น...สุดท้ายแล้วขุนช้างจึงยังคงหวาดระแวงเด็กหญิงตรงหน้าอยู่ดี
“เจ้าว่าข้ามิได้หรอกนะ...กับตัวเจ้าที่คิดจะฆ่าผู้อื่นทางอ้อมทั้งที่พึ่งเจอกันน่ะ”
ขุนช้างเอ่ยขึ้นเสียงเย็นก่อนจับจ้องไปที่เด็กหญิงด้วยสายตาที่มองนางไม่ต่างอะไรจากคนผิดปกติผิดแผกจากมนุษย์มนา
พิมพิลาไลยรับรู้ดีถึงสายตาที่มองนาง...และรับรู้ดีถึงสิ่งที่ตนทำลงไปว่ามันผิดจากมนุษย์ปกตินัก
“นี่...ถึงข้าจะบอกเจ้าไป...เจ้าก็คงไม่เชื่อ....แต่โปรดจงรับรู้ว่าการกระทำของข้านั้นมีเหตุผล
หาได้เป็นเพราะความเกลียดชังเพียงแรกพบ...”
พิมพิลาไลยเอ่ยกับเด็กชายเบื้องหน้าตรงๆ
ขณะที่หันหลังกลับไปและเริ่มก้าวเดิน
“ในอนาคตข้างหน้า....ขุนแผน...ไม่สิ พลายแก้ว...จะเป็นผู้ทำให้ข้าถูกประหารชีวิตอย่างไร้ยางอาย”
ถูกประหารทั้งที่ไร้ความผิด...จากนั้นก็ถูกเล่าลือว่าเป็นสตรีไร้ยางอายสองใจที่มีสามีสองคน...บัดซบยิ่งนัก
ซึ่งขุนช้างไม่เห็นใบหน้าของเด็กหญิงได้เต็มนักเพราะนางหันหลังกลับไป
แต่ทว่าเขาก็ยังพอเห็นสายตาของนางยามเมื่อเอ่ยคำกล่าวเมื่อครู่....ดวงตาสีจางของนางนั้นดำมืดอย่างเห็นได้ชัดและคล้ายมันจะดำดิ่งสู่ฟากฝั่งลึกที่เขาไม่อาจมองเห็น...
ขุนช้างไม่รู้ว่าสิ่งที่เด็กหญิงตรงหน้าพูดคือเรื่องจริงหรือเฟ้อฝันตามประสาเด็กน้อยกันแน่...หากแต่ดวงตาของนางนั้นคือของจริง....เขาไม่สามารถตัดสินอะไรได้ในตอนนี้
แต่อย่างไรเสียการกระทำของนางก็ยังคงมีความผิดอยู่ดี
พิมพิลาไลยที่แอบเหลือบมองเด็กชายอยู่เมื่อครู่หลังให้คำตอบไป
ถอนหายใจด้วยเหนื่อยหน่าย...
ขุนช้างนั้นเที่ยงตรงกว่าที่นางคิด....ที่พิมพิลาไลยลองเอ่ยเหตุผลให้เขาฟังนั้นก็เพราะต้องการให้เด็กชายมองความผิดของตนเบาบางลงไปบ้าง
หากแต่สุดท้ายเด็กชายเบื้องหลังนางกลับยุติธรรมและแยกแยะได้เป็นอย่างดีนัก
น่าชื่นชมดีจริงๆ....ให้ตายเถอะ...
.
.
.
“เจ้าจะเข้าไปในป่านั่นทำไมกัน?”
ขุนช้างเอ่ยถามพลางจับเด็กหญิงให้หยุดเดินที่จะเข้าไปในป่าตรงหน้า....นางคิดจะเข้าไปทำอะไรน่ะ
นี่มันตรงข้ามกับที่ที่ผู้ใหญ่อยู่และช่วยกันหาเลย...
แต่เด็กหญิงตรงหน้ากลับหันมาตอบกลับด้วยสีหน้าฉงนใจราวกับสิ่งที่นางทำเป็นเรื่องปกติ
“ก็ไปหาเด็กนั่นสิคะ”
“เด็กนั่นหลงเข้าไปในป่าอย่างนั้นเหรอ?...งั้นเราก็ควรไปตามผู้ใหญ่ให้มาหา”
ขุนช้างว่าพลางเตรียมจะลากเด็กหญิงไปหาพวกผู้ใหญ่เพื่อบอกตำแหน่งของเด็กที่หายตัวไป
แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเป็นเด็กหญิงที่ดึงมือเขาไว้
“บ้ารึเปล่าคะ ถ้าไปบอกเขาก็รู้กันพอดีว่าข้ารู้แต่ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก...มีหวังโดนท่านพ่อดุแน่!”
นางเอ่ยพลางทำหน้ามุ้ยยามนึกถึงว่าตัวเองนั้นต้องถูกบิดาดุ
“เจ้าต่างหากจะบ้ารึไง
เด็กอย่างพวกเราเข้าไปก็คงกลายเป็นเด็กหลงให้พวกเขาหาเพิ่มอีก”
ขุนช้างตกตะลึงกับความคิดของเด็กหญิง นางทำเรื่องเลวร้ายกับผู้อื่นได้หน้าตาเฉย
แต่กลับไม่ยอมเพียงเพราะไม่อยากให้บิดาของตนดุ เด็กหญิงผู้นี้ติดพ่อจนทำให้เขาปวดประสาทนัก!
“ข้ามีวิธี...แต่เจ้าอย่าไปฟ้องพวกผู้ใหญ่ก็พอ”
นางจะถูกใครมองด้วยสายตารังเกียจก็ได้ จะถูกเกลียดชังหรือด่าแช่งนางก็ไม่สน
แต่นางต้องไม่ถูกบิดาดุ!
.
.
.
ความคิดเห็น