คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6 การจับได้
“ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว...คงมีใครสักคนพูดกระตุ้นปมเกี่ยวกับข้ารับใช้คนโปรดของเจ้ากระมั้ง
รอยยิ้มจอมปลอมจึงหลุดออกเช่นนี้”
ยังคงเป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบและเฉยเมยของผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดที่เอ่ยออกมา
มือของเขานั้นยกขึ้นเท้าคางอย่างหยิ่งยโสเยี่ยงผู้เป็นใหญ่และดวงตาอสรพิษที่ลึกล้ำกว่าเหลือบมองหลานสาวของตนอย่างดูแคลนเล็กน้อย
ทางด้านเอลลิโอร่าที่เดินทางมาถึงบ้านของชายผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดก็ไม่ได้ยิ้มแย้มอย่างที่ควรเป็น
มีเพียงริมฝีปากที่เรียบตรงไม่แสดงความรู้สึกทว่าดวงตาก็ยังคงแฝงความหงุดหงิดที่ผ่านมาอยู่ดี...เธอเหลียบมองผู้เป็นปู่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่คล้ายบัลลังก์
มันถูกประดับด้วยกระดูกสัตว์และอสุราตามประสาชนเผ่าที่ดำรงอยู่ด้วยการล่า ผ้าแพรสีม่วงและครามที่แต่งแต้มลวดลายนั้นถูกปูพื้นยาวสุดขอบภายในบ้านแสนกว้างใหญ่ของเขา...
ด้วยอดีตฐานะที่เป็นถึงเจ้าชายลำดับที่สิบสี่ของชนเผ่าฮันเรย์ผู้เกิดจากพระสนมคนที่เจ็ดซึ่งเป็นที่มักโปรดปรานของข่านองค์ก่อน
หนำซ้ำเจ้าตัวเองก็มีกำลังทรัพย์ที่สร้างขึ้นจากครั้งเมื่อกลับมาจากจักรวรรดิ์เฟย์ติส
ทำให้คาเอลรอสนับว่าเป็นผู้มีความมั่นคั่งอย่างล้นเหลือในชนเผ่าฮันเรย์อย่างแท้จริง...เผลอๆบางทีเขาก็อาจเป็นผู้ร่ำรวยด้วยทรัพย์สินที่สุดคนหนึ่งในดินแดนทางใต้แห่งนี้ด้วยซ้ำไป...
ซึ่งแม้ในกาลปัจจุบันชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะถอดถอนตำแหน่งของตนไปแล้ว
แต่ทว่าอิทธิพลของเขานั้นก็ยังคงทรงอำนาจเกินกว่าจะลบหายไปได้
ไม่แปลกที่ความเคารพของผู้คนในชนเผ่าที่มีต่อคาเอลรอสนั้นจะถูกยกสูงจนใกล้เคียงกับข่านผู้ปกครอง...เป็นชายที่ต่อให้วางอำนาจ
บารมีของเขาก็ยังคงติดตามไปอยู่ดี....
เอลลิโอร่ามักรู้สึกเสมอว่าเขาคือชายที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของตัวเองได้...ดั่งเช่นสามัญชนที่มีมิตรสหายเป็นองค์กษัตริย์...ความแตกต่างของระดับความสามารถ
พลัง อำนาจ บารมีหรือทุกอย่างล้วนสูงส่งจนกลายเป็นเธอที่ยืนอยู่ก้นสุดของเหวลึกและมีเขาที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมองลงมา...
ดวงตาอสรพิษของเอลลิโอร่าเหลือบสายตาของตนสอดส่องผู้เป็นปู่อย่างพินิจพิจารณา...เธอรู้สึกชื่นชมเขาเยี่ยงวีรชนทว่าจิตใจเบื้องลึกก็อิจฉาริษยาในทุกอย่างของเขาเช่นกัน...
บางทีหากเธอเก่งเช่นเขา...ก็คงไม่ต้องดิ้นรนพยายามทำทุกอย่างอย่างน่าอดสูเช่นนี้หรอก...
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก...ข้าว่าท่านปู่เองก็ไม่ได้ใส่ใจมันอยู่แล้วนิ....”
เอลลิโอร่าเอ่ยตอบผู้เป็นปู่พลางก้าวเดินไปนั่งเก้าอี้ด้านข้างที่ต่ำลงมาจากเจ้าบ้านอันเป็นที่ประจำของเธอยามมาเยือนที่นี้...ก่อนเลื่อนสบตากับดวงตาอสรพิษผู้เป็นใหญ่อย่างนิ่งงัน
คาเอลรอสผู้เป็นปู่ของเธอไม่โปรดปรานการกระทำใดอันไร้สาระที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์....
และครั้งหนึ่งเธอก็เคยกระทำในสิ่งที่เขาตัดสินว่ามันไร้สาระไร้ซึ่งประโยชน์...สร้างความไม่ชอบใจให้กับชายผู้นี้อยู่ถึงสี่ส่วน
ทว่าเขาก็มีเมตตาต่อเธอและเลือกปิดตาข้างเดียวโดยไม่ยุ่งเกี่ยวอะไร
“ย่อมเป็นเช่นนั้น...ไม่ว่ามันจะตายหรือเจ้าจะทอดทิ้งมัน
มันก็เป็นเรื่องของเจ้า…”
ยังคงมีแต่ความเฉยเมยประดับอยู่ในน้ำเสียงของคาเอลรอส
ดวงตาของเขาสบตามองดวงตาของผู้เป็นหลานสาวที่คล้ายคลึงกับตนจนราวกับถอดแบบออกมาด้วยความราบเรียบ
บ่งบอกถึงวุฒิภาวะของชายผู้มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานจนไร้ซึ่งการตัดสินใจด้วยอารมณ์แล้ว...
“ข้ารู้ดีว่าการกระทำของข้านั้นไร้ประโยชน์....หากแต่เขาก็คือสิ่งเดียวที่พยุงจิตใจของข้าจนมาถึงบัดนี้...”
เอลลิโอร่าเอ่ยถึงเหตุผลของตนเองขึ้นมาอ้างอีกครา
มือกร้านยกขึ้นมากวาดต่างหูข้างเดียวของตนที่ประดับด้วยพู่ไหมสีแดงในส่วนท้ายเล่นอย่างไม่จริงจังนัก...ซึ่งต่างหูที่เธอใส่เพียงข้างเดียวนี้เป็นสิ่งที่ปู่ร่วมสายเลือดเบื้องหน้ามอบให้แก่เธอ...ส่วนเหตุผลที่มันมีเพียงข้างเดียวเท่านั้นก็เป็นเพราะต่างหูอีกข้างนั้นอยู่ที่หูของคาเอลรอสผู้เป็นเจ้าของแต่เดิม...
โดยปกติแล้วผู้คนในชนเผ่าฮันเรย์ไม่มีนามสกุล...พวกเขาใช้นามและการเอ่ยถึงผู้ให้กำเนิดเป็นสิ่งยืนยันตน
ซึ่งสิ่งนั้นก็ต้องมีของตกทอดจากผู้ให้กำเนิดหรือเชื้อสายเพื่อเป็นหลักฐานอีกที
เพราะที่นี้ไม่ได้มีบัตรประชาชนหรือเอกสารข้อมูลพื้นฐานของผู้คนเพื่อบ่งบอกตัวตน
ดังนั้นต่างหูข้างเดียวนี้จึงเป็นสิ่งที่คาเอลรอสมอบให้เธอเพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นคือเชื้อสายของเขา...และอีกเหตุผลหนึ่งของมันก็คือการเป็นสิ่งของประจำกายของตนด้วยเช่นกัน
เพราะความจริงแล้วชีวิตของชาวเผ่านั้นไม่มีอะไรแน่นอนดังเช่นคนเมืองเยี่ยงคนแดนเหนือ...ใครสักคนในชนเผ่าหรือแม้แต่ตัวเธอเองก็อาจจะตายในทุ่งกว้างแห่งนี้อีกไม่นานก็ได้...โดนอสุราโจมตีบ้าง
ถูกสัตว์แทะกินหรือธรรมชาติหวนคืนก็มีโอกาส ที่นี้เป็นป่าย่อมไม่ใช่เมืองที่เจริญพอให้ผู้คนอยู่อย่างปลอดภัย
และด้วยการตายที่เกิดขึ้นได้เสมอนี้
ผู้คนในชนเผ่าฮันเรย์จึงมีสิ่งแทนตัวประจำกายหนึ่งสิ่ง...เพราะยามเมื่อตายลงสู่พื้นธรณีและร่างกายถูกเหล่าสัตว์กัดกิน
อย่างน้อยสิ่งแทนตัวนี้ก็จะบ่งบอกว่าเขาเป็นใครก่อนตาย...
พิธีศพของชนเผ่าฮันเรย์ค่อนข้างไม่น่าพิสมัยสำหรับเอลลิโอร่าสักเท่าไหร่นัก...ที่นี้ไม่มีงานพิธีที่เป็นรูปเป็นร่างอันเนื่องมาจากคติความคิดของพวกเขาที่ว่า’กฎของธรรมชาติคือการเป็นผู้ล่าไม่ก็ผู้ถูกล่าในวัฏจักรนี้’ หากจะมีใครสักคนที่ตายระหว่างการล่าหรือต่อสู้กับอสุราและสัตว์
ร่างของพวกเขาเหล่านั้นก็จะปล่อยให้อสุราที่เป็นฝ่ายชนะกัดกินจนเหลือเพียงกระดูกและถูกปล่อยทิ้งไว้ให้กลับสู่พื้นดิน...
ต่อให้เห็นนักล่าคนหนึ่งในชนเผ่าถูกกัดกินต่อหน้าต่อตา
พวกเขาก็จะไม่เข้าไปช่วยเหลือ...และปล่อยให้นักล่าคนนั้นถูกกินราวกับเป็นเรื่องปกติ
แม้คนที่จะตายจะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงของตนก็ตาม เพราะมันคือการต่อสู้และการล่าที่พวกเขามองทุกอย่างด้วยความเท่าเทียม
หากจะมีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือช่วยเหลือระหว่างผู้ล่าและผู้ถูกล่าทั้งสอง
ก็นับว่าคือความอยุติธรรม
เอลลิโอร่าเคยประสบพบเหตุการณ์นี้ครั้งหนึ่งมาแล้วและมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจสำหรับเธอ...
‘มันคือความเท่าเทียม...เมื่อเราเป็นฝ่ายล่า เราก็คร่าชีวิตอีกฝ่ายมาเหมือนกัน....แล้วเหตุใดเมื่ออีกฝ่ายกลายเป็นฝ่ายล่า
จึงคร่าชีวิตเราไม่ได้เช่นกันล่ะ...’
ตรรกะของชาวเผ่าฮันเรย์นับว่าเที่ยงตรงดีแท้...คร่าชีวิตอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาและชีวิตของตัวเองด้วย...
“ยังคงทำตัวขลาดเหมือนเดิมเลยนะ...”
คาเอลรอสเอ่ยกับหลานสาวพลางเอื้อมมือมาสัมผัสเปียผมของนางเล่นอย่างไม่จริงจัง...ดวงตาอสรพิษของผู้เป็นใหญ่จับจ้องมองเด็กหญิงอย่างพินิจและคลุมเครือ...คล้ายเห็นนางเป็นของดูเล่น...
“ข้าไม่เคยมีใจหาญกล้าตั้งแต่แรกแล้ว...”
เอลลิโอร่าเอ่ยตอบผู้เป็นปู่อย่างตรงไปตรงมา..ดวงตาของเธอเหลือบมองมือหนาของผู้เป็นปู่ที่กำลังเล่นผมเธออย่างราบเรียบ
เอลลิโอร่าตระหนักดีว่าเธอไม่สามารถกล้าหาญชาญชัยได้เฉกเช่นคาเอลรอสผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดที่อดีตเคยควบม้านำผู้คนมากมายในสนามรบเยี่ยงนายทหารกล้า
ไม่อาจเป็นผู้นำหรือแม้แต่ผู้อยู่เหนือคนได้...เพราะทั้งความสามารถและใจของเธอนั้นไม่ได้สูงกว่าใคร...เป็นแค่คนธรรมดาที่พยายามทำให้ตัวเองสูงกว่าคนปกติเท่านั้น...มิใช่อัจฉริยะหรือคนเก่ง
“งั้นเหรอ...คิดการใหญ่เท่าขุนเขา
ใยใจเล็กเท่าเศษหินกันล่ะ...หลานรักของข้า”
คาเอลรอสที่เห็นท่าทางของเด็กหญิงที่คล้ายชอบตัวเหมือนคนขี้ขลาดมากมาย
ทว่าก็ไม่ได้ใจเสาะไปทั้งหมดหนำซ้ำยัง’กล้ากระทำ’บางอย่างลับหลังเขา...นี่หรือ เรียกว่าคนขลาด มือที่เล่นผมของหลานสาวอยู่ถูกปล่อยลงพร้อมกับดวงตาอสรพิษของผู้เป็นใหญ่ที่เปลี่ยนไป...
ทำให้เอลลิโอร่าที่ทำตัวเรียบเฉยอยู่คราแรกต้องชะงักและตกใจ...ร่างของเด็กหญิงรีบขยับตัวถอยหนีเว้นระยะห่างจากเขาโดยไม่รู้ตัวตามสัญชาตญาณ...
“เอาล่ะ...การแอบลักลอบค้าขายชิ้นส่วนอสุรากับสัตว์
ทั้งเขี้ยว...กระดูก...หนังขนทั้งหลายจากดินแดนทางใต้นี้คงสร้างกำไรให้เจ้ามากโขสินะ”
คาเอลรอสเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกกับหลานสาวคนโปรดของตน...พลางนึกชิงชังเล็กน้อยที่นางหัวหมอนักจนแม้กระทั่งตนกว่าจะรู้ตัวก็ผ่านมาหกปีเสียแล้วที่จะรับรู้มัน....แม้ความสามารถหรือจิตใจของนางจะไม่ได้ดีเด่นที่สุด
ทว่าดูเหมือนความคิดความอ่านของเด็กหญิงผู้นี้คงดูแคลนไม่ได้...
เอลลิโอร่ารับรู้ดีว่าสักวันสิ่งที่ตนทำจะถูกจับได้...ซึ่งดูเหมือนก็ไม่อาจพ้นสายตาของปู่ร่วมสายเลือดผู้นี้ไปได้จริงๆ
แม้จะกระทำอย่างรอบคอบราวกับคนกลัวตายแล้วก็ตาม....
เด็กหญิงเพียงฉีกยิ้มกว้างออกมาและเงยสบตาของผู้เป็นใหญ่อย่างซื่อตรง...
“ไม่อาจพ้นสายตาท่านได้เลยจริงๆ...”
ว่าแล้วเชียวทำไมเรียกมาพบ...บัดซบ
.
.
.
ตัวเอกของเรื่องไม่ใช่ตัวละครที่ดี
เป็นคนเทาๆที่ทำเรื่องเห็นแก่ตัวหรือผลประโยชน์ของตัวเองได้นะคะ5555---
ปล.แล้วก็เรื่องนี้จะบอกเล่าประวัติของน้องสลับไปมาบ้างว่าก่อนหน้านี้เจออะไรมา
ก่อนเป็นน้องในปัจจุบัน เพราะเนื้อเรื่องในตอนนี้ไม่ได้บรรยายตอนน้องเกิดตั้งแต่เริ่มแรก
หลายๆคนอย่าพึ่งว่าน้องนะ555
ความคิดเห็น