ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครานี้เป็นสตรีสองใจนามว่านางวันทอง

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6 เรื่องสำคัญกว่า

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 62


      

    ในท้ายที่สุดแล้วสงครามประสาทของเด็กชายและเด็กหญิงก็ดำเนินไปด้วยความเงียบโดยที่ยังไม่สามารถหาคำตอบใดๆได้ ขุนช้างเพียงจ้องมองเด็กหญิงนิ่งโดยไม่พูดอะไร ส่วนพิมพิลาไลยที่คราแรกนั้นใบหน้าประดับยิ้ม...ไม่เหลือเค้าเดิมมีเพียงแต่ใบหน้าที่นิ่งเฉยปรากฏ

     

    พิมพิลาไลยไม่เคยคิดว่าการต้องมาต่อปากต่อคำกับเด็กนั้นจะทำให้นางรู้สึกกระทบอะไรเช่นนี้

     

    อย่างว่าแหละนะ...ความจริงอย่างไงก็คือความจริง....

     

    นางไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ทำลงไปได้ว่าตัวเองนั้นขาดสามัญสำนึกของคนปกตินัก...หากเป็นคนปกติทั่วไปคงเลือกหลีกเลี่ยงเฉยๆแท้ แต่ตัวนางกลับคิดจะลบคนที่พึ่งเคยเจอหน้ากันแท้ๆได้ในทันทีแม้เขาจะยังไม่ทำอะไรนาง

     

    คล้ายมีน็อตในสมองหล่นหายไปสักตัว...จนทำให้ความคิดของนางออกมาเป็นเช่นนี้

     

    และหากน็อตนั่นจะหล่นหายไปในสักที่ก็คงเป็นห้องผ่านั่น...ภาพที่เห็นในตอนสุดท้ายช่างโหดร้ายไปหมดนัก มันเละเทะเกินกว่าที่เด็กสาววัยสิบแปดปีจะรับได้...

     

    เจ้ากำลังทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายเพราะความต้องการของเจ้า

    ขุนข้างเพียงเอ่ยปรามเด็กหญิงตรงหน้า เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กหญิงผู้นี้รู้เรื่องอะไร หากแต่สิ่งที่นางได้กระทำโดยทางอ้อมนี้ลงไปคือการฆ่าคน โทษของมันคือประหาร หากแต่เพราะเด็กหญิงตรงหน้าไม่ได้เป็นผู้กระทำโดยตรง จึงไม่มีหลักฐานใดๆและไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเด็กหญิงวัยเพียงห้าปีเศษเช่นนี้จะทำความเลวได้

     

    แล้วเหตุใดนางจึงทำเช่นนี้กับเด็กนั่นกัน? เด็กนั่นไปทำอะไรให้นางกัน? พวกเราพึ่งเคยเจอกันมิใช่รึไง?

     

    ข้อสงสัยมากมายผลุดขึ้นมาในสมองของขุนช้าง เขาคิดและวิเคราะห์กับสิ่งที่เด็กหญิงตรงหน้าทำ

     

    แต่ความวุ่นวายทั้งหมดจะจบลงเมื่อเด็กชายผู้นั้นหายตัวไปเช่นกัน

    พิมพิลาไลยกล่าวอย่างราบเรียบพลางโคลงหัวของตนเบาๆโดยไม่ใส่ใจสายตาเย็นยะเยือกของเด็กชายตรงหน้า

     

    พันศรโยธาผู้เป็นบิดาของเจ้าจะเสียมิตรสหายที่คอยช่วยเป็นเส้นสายทางการทหารให้อย่างขุนไกรพลพ่าย เขาจะสูญเสียความรู้สึกดีๆและความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของบิดาของเจ้าที่ดูแลบุตรชายของเขาไม่ดี หนำซ้ำอาจมีข่าวลือถูกชาวบ้านนินทาในความสะเพร่าของบิดาเจ้าที่ปล่อยให้เด็กที่อยู่ในเรือนของตนหายตัวไปหรือตาย...

     

    พิมพิลาไลยแอบประหลาดใจไม่น้อยที่เด็กชายตรงหน้าคิดคำนึงถึงเรื่องแบบนี้ได้ในวัยเพียงเท่านี้ นางที่เพียงได้ฟังจึงเลิกคิ้วเล็กน้อยบ่งบอกความแปลกใจนี้....บางอย่างในโลกนี้ก็เกินความจริงไปมาก...ไม่มีทางที่เด็กตัวเท่านี้จะรู้เรื่องขนาดนี้ในวัยเพียงแค่นี้...แต่เอาเถอะ โลกใบนี้ก็ไม่ใช่โลกเดิมของนางสักหน่อย...

     

    เจ้าอายุเท่าไหร่?”

    พิมพิลาไลยเอ่ยถามโดยข้ามคำกล่าวก่อนหน้าของเด็กชายอย่างหน้าตาเฉย แต่ขุนช้างก็ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองแม้โดนเมินคำกล่าวเพียงตอบคำถามเด็กหญิงอย่างชั่งใจ

    หกปีเศษ

     

    ดูเหมือนจะอายุมากกว่านางในชาตินี้หนึ่งปีสินะ...เมื่อได้ฟังคำตอบพิมพิลาไลยจึงพยักหน้าเบาๆก่อนถอนหายเบาบางและกล่าวกับเด็กชายว่า

     

    เจ้าเป็นคนฉลาด...ไม่แปลกใจเลยที่ในอนาคตเจ้าจะสามารถสานต่องานของบิดาเจ้าได้เป็นอย่างดี...แต่ว่าบางครั้งความฉลาดของเจ้าที่ไม่ยอมเก็บไว้บ้างจะสร้างปัญหาให้กับตัวเจ้าเอง..."

     

    คล้ายจะเป็นการสอน หากแต่มันคือคำขู่ ขุนช้างเป็นเด็กฉลาดที่เข้าใจทุกอย่างได้ดีในตอนนี้ หากแต่เพราะความเข้าใจดีของเขานั่นแหละที่อาจจะทำให้นางต้องคิดทำอะไรสักอย่างกับเขา นางจะต้องปิดปากเขา...

     

    คราแรกจะปล่อยขุนช้างไว้เพราะแต่เดิมก็เป็นตัวละครที่มิได้สร้างปัญหาให้นางเยี่ยงขุนแผนเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเขารู้ว่านางเป็นคนกระทำ หากเขาปากโป้งไปบอกใครคงลำบากแน่แท้ แม้จะมั่นใจว่าทุกคนจะไม่เชื่อก็ตาม แต่ในอนาคตข้างหน้าคนที่ฉลาดเยี่ยงเขานี่แหละที่อาจทำให้นางลำบากได้...

     

    หากเจ้าไม่รับรู้ พวกเราคงเป็นสหายที่ดีต่อกันได้ไปอีกยาวนานนัก…”

    พิมพิลาไลยเอ่ยอย่างเสียดาย หากขุนช้างซื่อกว่านี้นางก็คงตีสนิทหวังเป็นสหายได้ หากแต่เมื่ออีกฝ่ายรับรู้ถึงตัวตนของนางและดูท่าจะรังเกียจเสียด้วยก็คงไม่มีความหมายถึงจะพยายามตีสนิทก็ตาม

     

    ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของบิดาข้ากับขุนไกรพลพ่ายหรือแม้แต่คำนินทาของชาวบ้าน....ข้าไม่สนมันหรอกนะ

     

    นางกล่าวออกมาทั้งรอยยิ้ม ทำให้ขุนช้างที่ได้ฟังและเห็นรู้สึกได้ในทันทีว่าแท้จริงแล้วเด็กหญิงผู้นี้วิกลจริตไม่มากก็น้อยนัก

     

    นางฆ่าคนที่พึ่งรู้จักกันทางอ้อมโดยง่ายๆทั้งๆที่ไม่มีเหตุผล หนำซ้ำยังไม่สนใจความเป็นไปหรือชื่อเสียงของบิดาของตนอีก...เด็กหญิงผู้นี้เกินเยียวยา....

     

    ซึ่งสำหรับพิมพิลาไลยแล้ว นางไม่ได้ใส่ใจมันนักเพราะคำนินทานั้นอย่างไงก็เป็นแค่คำนินทามันไม่ได้อยู่คงกระพันสักวันก็จางหายไป ส่วนความสัมพันธ์ของพันศรโยธากับขุนไกรพลพ่ายหรือแม้แต่ตัวของขุนศรีวิชัยเองนั้นก็ไม่ได้ยั่งยืนตั้งแต่แรกแล้ว ในอีกหลายปีข้างหน้านับจากนี้ขุนไกรพลพ่ายจะถูกประหารชีวิต ขุนศรีวิชัยจะถูกโจรฆ่าตายเพื่อแย่งทรัพย์....

     

    และสิ่งที่นางลำบากใจนัก....บิดาของนาง....จะป่วยหนักและสิ้นใจไป

     

    นางไม่ได้รู้สึกกังวลกับเรื่องราวอื่นๆเท่ากับเรื่องของบิดาผู้นี้นัก...ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากจะมีสักคนที่นางรู้สึกดีด้วยอย่างแท้จริงก็คงมีเพียงพันศรโยธาผู้เป็นบิดาในชาตินี้เท่านั้น

     

    เขาเลี้ยงดูและตามใจนางตั้งแต่เกิดเสมอมา...สายตาของเขาฉายความสุขกับการที่นางเกิดมาจริงๆ...หาใช่สายตาที่เย็นชืดอย่างที่ในอดีตชาติของนางเคยได้รับ นางไม่อยากให้เขาตาย...

     

    ซึ่งเรื่องบิดาของนางนั้นถูกจัดว่าสำคัญกว่าเรื่องความเป็นความตายของตัวละครอย่างขุนแผนกับขุนช้างเสียอีก

     

    ดวงตาสีพิศวงละความสนใจจากทุกสิ่งแม้กระทั่งเด็กชายเบื้องหน้าไป ดวงตาของนางเลื่อนลงไปจ้องมองบิดาของตนที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาที่คลุมเครือ

     

    นางคงต้องทำอะไรสักอย่างหลังจากนี้อย่างจริงจัง...

     

    .

    .

    .


      

    ปล.มีเรื่องที่อยากย้ำเวลาอ่านนะคะ ตัวเอกของเรื่องค่อนข้างได้รับผลกระทบจากปัญหาชีวิตในอดีตชาติรวมถึงเรื่องการตายทำให้สะเทือนจิตใจค่อนข้างหนัก สภาพจิตบางส่วนของน้องเขาก็เลยค่อนข้างไม่ดีเท่าไหร่นะคะ การกระทำบางอย่างที่เกินไปของน้องเขาก็เป็นผลพวงจากสภาพจิตที่ไม่ปกติของน้องเขา น้องเขาอาจจะไม่ใช่ตัวละครที่ดีแต่ก็อยากให้ทุกคนช่วยเข้าใจนะคะ555





    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×