ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นอัลฟ่าหญิงเพียงหนึ่งเดียวในโลกนิยายBL

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่5 ชีวิตของเด็กหญิง

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 63


      

    ดวงตาอสรพิษลืมตาตื่นขึ้นหลังจากนอนหลับพักผ่อนไปได้สักระยะ ภาพที่ปรากฏในสายตาแรกคือหลังคาสูงที่ว่างเปล่า...มือกร้านยกขึ้นมาขยี้ใบหน้าของตนเพื่อไล่ความง่วงอย่างแรงโดยไม่ใส่ใจสภาพผิวของตัวเองนัก ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง ทิ้งผ้าห่มเอาไว้โดยไม่คิดพับ แล้วเดินพร้อมถกแขนเสื้อยาวของตนไปล้างหน้าที่มุมเก็บน้ำ

     

    ระหว่างนั้นก็คล้ายคิดแผนตารางชีวิตของตนไปพลางๆและหยิบผ้ามาเช็ดใบหน้าของตนอย่างลวกๆ แล้วจึงเดินไปเตรียมอาหารในห้องครัวของตน ซึ่งภายในห้องครัวนั้นก็ไม่ได้สวยงามอะไรนัก เพราะบางครั้งมันก็เป็นห้องเชือดสัตว์ที่ล่าแต่ยังไม่ตายด้วยบางครั้ง คราบเลือดของพวกมันแม้ทำความสะอาดก็ไม่ได้จางหายไป อีกทั้งกลิ่นเนื้อดิบและตากแห้งก็ไม่ได้น่าหอมอะไรขนาดนั้น โชคยังดีที่มีสมุนไพรเอาไว้ปรุงอาหารจึงลดทอนกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

     

    เอลลิโอร่านั่งย่อตัวลงที่หน้าเตาไฟขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่...หยิบตะบันไฟไม้ในกระเป๋าของตนขึ้นมาจุดไฟในเตา ความจริงแล้วผู้คนในชนเผ่าส่วนมากจุดไฟจากการปั่นไม้หรือเคาะหินสร้างความร้อนให้เสียดสีกัน ซึ่งเป็นเธอที่เห็นว่าตะบันไฟไม้นั้นอำนวยความสะดวกในการจุดไฟได้ดีกว่าวิธีที่เป็นอยู่ของชนเผ่าจึงนำมาจากจักรวรรดิเฟย์ติส แม้ตนจะไม่ชอบที่นั่นซะเท่าไหร่นัก ทว่าก็ต้องยอมรับว่าดินแดนบ้านเกิดของตนนั้นพัฒนากว่าดินแดนทางใต้อยู่ดี ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดเหยียดว่าผู้คนชนเผ่านั้นล้าหลัง

     

    มือกร้านหยิบยกแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ที่เรียบตรงรูปทรงสี่เหลี่ยมจากชั้นเก็บ แล้วนำมันมาวางที่เตาไฟหลังก่อเสร็จ จากนั้นจึงเดินไปหยิบเนื้อจากกล่องไม้ที่ถูกผ้าพันเอาไว้มากมายอีกทบเพื่อกันช่องว่างของรูไม้ไม่ให้อากาศหรือแมลงเข้าไปได้ ซึ่งผ้านั้นก็ถูกย้อมเป็นสีแดงบางส่วนจากเลือดของก้อนเนื้อสัตว์ที่เก็บสดๆบ้าง

     

    เนื่องจากอาลีนมีสุขภาพที่ไม่ดีนัก ดังนั้นหน้าที่ในการล่าหรือการทำอาหาร ตลอดจนกระทั่งทุกอย่างโดยส่วนทั้งหมด จึงเป็นเอลลิโอร่าที่ทำทั้งหมดเอง...ซึ่งมันก็ค่อนข้างเหนื่อยไม่น้อยสำหรับในร่างของเด็กวัยเพียงสิบสองปี

     

    ความจริงแล้วผู้คนในชนเผ่าฮันเรย์ต่างก็ค่อนข้างเป็นห่วงเธอมากมายนัก...เพราะอายุของเธอในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กทารกสำหรับโลกนี้ มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองได้หนำซ้ำยังต้องดูแลอีกคนไปด้วยในสายตาของพวกเขา ทว่ากาลเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็น...จนพวกเขาปล่อยเธอไปเอง

     

    พอรู้ตัวอีกทีดวงตาอสรพิษของเธอก็ยังคงจับจ้องไปยังกองไฟในเตา....บางทีความลำบากก็ทำให้เธอนึกคิดอะไรอยู่เสมอ จากนั้นจึงหยิบไขมันสัตว์และเนื้อลงแผ่นเหล็กอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงค่อยปรุงสมุนไพรลงไปเพื่อดับคาว เพียงไม่นานอาหารที่เธอทำก็เสร็จดี เด็กหญิงจึงไปหยิบจานดินเผามาใส่เนื้อและสมุนไพรบางส่วน

     

    ก่อนดับเตาไฟลงและหยิบจานนั้นเดินไปห้องของแม่เลี้ยงหนุ่มอย่างเคยชิน มือข้างที่ว่างปัดผ้าม่านกั้นห้องออก เมื่อเห็นว่าคนในห้องกำลังพักผ่อนอยู่จึงยิ่งทำตัวเงียบ ก่อนเดินไปวางจานอาหารที่โต๊ะข้างๆของเขาแทนแล้วจึงออกมา

     

    เอลลิโอร่าหยิบเนื้อแห้งที่เอามาจากห้องครัวตอนทำอาหารมาเคี้ยวอย่างไม่ใส่ใจพร้อมเดินกินออกไปข้างนอกบ้านของตนและเมื่ออยู่ข้างนอกแล้วนั้นก็พบว่ามันยังคงเป็นเวลากลางคืน...ซึ่งมันก็เป็นความตั้งใจของเธอเอง เด็กหญิงใช้เวลาในการนอนเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น วันหนึ่งของโลกนี้มีระยะเวลาที่ยาวนานกว่าวันหนึ่งของโลกก่อนนัก โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนที่ดูเหมือนจะยาวนานกว่ากลางวันทำให้เวลาการนอนหลับของผู้คนที่นี้เฉลี่ยคือสิบสองชั่วโมง...

     

    ซึ่งเอลลิโอร่าเล็งเห็นค่าความคิดต่อระยะเวลาของผู้คนที่นี้ที่ทำอะไรก็ไม่ได้เร่งรีบเท่าโลกก่อนของเธอเพราะพวกเขามีเวลามากมาย ทว่าไม่ใช่สำหรับเธอ....มันคือเวลาที่เหลือเฟือ

     

    มือกร้านหยิบคันธนูและหอกที่วางเตรียมไว้ข้างนอกขึ้นมา ก่อนเดินไปทุ่งกว้างที่ระยะห่างจากที่ตั้งชนเผ่าไม่ใกล้ไม่ไกลเพียงคนเดียวเงียบๆ พลางกินเนื้อแห้งที่เป็นข้าวมื้อของตนไปด้วยจนหมดระหว่างทาง...ใช้เวลาอยู่สักพักจึงถึงจุดที่ห่างจากที่อยู่ของผู้คนในชนเผ่าพอสมควรตามที่ต้องการ

     

    ดวงตาอสรพิษสาดส่องสิ่งมีชีวิตในระยะโดยรอบและพบว่ามันไม่เป็นอันตรายต่อตนมาก จึงตัดสินใจหยุดอยู่ที่นี้ ก่อนที่เธอจะยกคันศรขึ้นมาและเล็งไปยังสัตว์ที่ตัวเล็กที่สุด...

     

    สายธนูถูกปล่อยออก...ด้วยแรงส่วนหนึ่งของเธอ ลูกศรทวนกระแสลมอีกครั้ง...หากแต่ไม่เข้าเป้า เพราะสัตว์ตัวเล็กนั้นไหวตัวทันจึงหลบหนีอย่างว่องไวอีกทั้งขนาดตัวที่เล็กจึงยากต่อการยิง

     

    เจ้ารู้ตัวไหมว่า ความสามารถของเจ้านั้นอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับคนอื่น....นักล่าเด็กในชนเผ่าที่เริ่มฝึกล่า ใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถใช้ธนูล่าอสุราขนาดกลางได้แล้ว ทว่าเจ้าใช้เวลาถึงสามเดือนกว่าจะยิงมันได้...

     

    คำกล่าวของผู้เป็นปู่ร่วมสายเลือดในอดีตยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเธอ...ยามเมื่อจับธนูฝึกเป็นเริ่มแรก มันทำให้เธอเข้าใจได้อย่างยิ่งยวดว่าตนนั้นไม่ใช่อัจฉริยะ...และไม่แม้แต่จะมีพรสวรรค์ดั่งเช่นคนทั่วไป

     

    พระเจ้าประทานพรให้กับผู้คนมากมาย...แต่ไม่ใช่เธอ

     

    มือกร้านยังคงหยิบลูกธนูลูกถัดไปขึ้นมา...ก่อนหมายคันศรไปยังเหยื่อตัวเล็กที่ยากเล็งอีกครั้ง ดวงตาอสรพิษหรี่มองมันเพื่อคาดเดาทิศหนี ก่อนปล่อยมือต่อไป หากลูกศรแรกไม่สำเร็จ...ก็ต้องเป็นลูกศรที่สอง...และหากลูกศรที่สองไม่สำเร็จ ก็ต้องเป็นลูกศรที่สาม...เธอจะยิงมันไปเรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จ...

     

    เมื่อไม่มีพรสวรรค์ เธอจึงใฝ่หาพรแสวง...ถึงแม้จะใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน จะต้องเสียเวลามากกว่าพวกเขาไปมากเท่าใด เหนื่อยกว่าแค่ไหน...แต่หากผลลัพธ์ที่ได้คือ การที่เธอสามารถทำเช่นพวกเขาได้...อยู่ในจุดเดียวกับพวกเขา...มันก็เป็นเรื่องคุ้มค่า

     

    หากพวกเขายิงธนูสิบลูก....ข้าจะยิงธนูร้อยลูก หากพวกเขาจับทวนร้อยครั้ง ข้าจะจับทวนพันครั้ง

     

    นั่นคือคำตอบของเธอในอดีตที่เอ่ยตอบผู้เป็นปู่...หากไม่มีพรสวรรค์แล้ว จึงต้องหยุดนิ่งหรือ...ไร้สาระ เธอนั้นแสนเกลียดชังความอ่อนด้อยในตัวเองอย่างสุดซึ้ง ซึ่งมันก็กลายเป็นความหมกมุ่นของการกระทำอย่างชัดเจน

     

    เอลลิโอร่าเลือกที่จะนอนเพียงสี่หรือหกชั่วโมงเพื่อทดแทนเป็นเวลาฝึกฝนและช่วงเวลาที่เธอควรเล่นเป็นเด็กๆก็ถูกปัดไปแทนการเรียนรู้อื่นๆ เธอตัดสิ่งไร้สาระอันไม่ก่อเกิดผลประโยชน์ให้กับตัวเธอจนหมดสิ้น พยายามสร้างวินัยในตัวเองเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ เพื่อหวังพัฒนาตนให้สูงขึ้นไป...

    ลูกธนูในมือกร้านยังคงถูกปล่อยออกไปเรื่อยๆ...จนสำเร็จผล เธอเสียลูกธนูไปมากมายกับมัน...ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจนักและหันมองเป้าหมายอื่นต่อไป จากนั้นจึงเริ่มยิงอีกครา...

     

    ในท่ามกลางค่ำคืนของเธอนั้นก็ยังคงมีเพียงเสียงของลูกธนูที่ทวนกระแสแรงลมอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น...และมันจะเป็นเช่นนี้จนถึงรุ่งสาง

     

    .

    .

    .

     

    สุดท้ายก็เป็นเด็กหญิงที่กลับมาถึงชนเผ่าพร้อมกับศพของอสุราห้าตัว...ซากของมันล้นกระเป๋าเก็บ จนเธอต้องหยิบมาถือเองหนึ่งตัว เสื้อที่หวังจะใส่ในวันนี้ทั้งวันเปื้อนเลือดของซากศพเนื้อที่ถือไปเสียแล้ว...ทว่าเอลลิโอร่าก็ไม่ได้ใส่ใจมันนัก

     

    เธอเดินทางกลับบ้านของตนผ่านกระโจมและบ้านดินของผู้คนในชนเผ่าที่ยังคงหลับใหลอยู่ ผู้คนที่นี้ไม่ได้ตื่นสาย ทว่ามันเป็นเรื่องปกติของพวกเขา เวลาตื่นของพวกชนเผ่าฮันเรย์คือตอนที่แสงจากดวงอาทิตย์นามว่าคาซัสย้อมท้องฟ้าเป็นสีตะวันทั้งหมดและเมื่อฝูงไก่ป่าเนียวโลจากทุ่งกว้างฝั่งตะวันออกเริ่มร้องขันสามที เพราะเชื่อว่าเป็นการเป่าประกาศวันใหม่จากมิเรียนเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเพาะปลูก ซึ่งมันเป็นเวลามาตรฐานของพวกเขา ทว่าไม่ใช่สำหรับเธออยู่ดี...

     

    เมื่อถึงบ้านของตนแล้ว...มือกร้านที่เปื้อนเลือดก็ปัดผ้าม่านกั้นประตูทางเข้าบ้านอย่างระมัดระวังพลางคิดว่าจะกลับมาเช็ดล้างให้สะอาดอีกที ก่อนเดินนำเอาซากเนื้อที่ขนมาทั้งหมดไปทิ้งไว้ในห้องครัว...ความจริงแล้วเสบียงอาหารของเอลลิโอร่าแทบไม่เคยขาดเหลือ หนำซ้ำอาจเรียกว่าล้นครัวเลยก็ได้ เพราะเป็นผลพลอยได้จากการฝึกอย่างมากมาย ยิ่งฝึกยิงฝึกล่ามาก สัตว์ที่ใช้ฝึกก็มากตาม...

     

    ซึ่งโดยส่วนมากเสบียงครัวของเอลลิโอร่ามักเน้นไปที่ของสดมากกว่าจะเป็นเนื้อตากแห้ง อันเนื่องมาจากเธอค่อนข้างห่วงในเรื่องสุขภาพของอาลีน วัฒนธรรมการกินของชาวเฟย์ติสนั้นค่อนข้างแตกต่างและผู้คนไม่กินอาหารที่ทำหยาบๆซะเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นเอลลิโอร่าจึงพยายามทำอาหารที่ผ่านการปรุงให้แก่แม่เลี้ยงหนุ่มของตนเพื่อให้เขารู้สึกเข้าปากได้ง่ายขึ้น อีกทั้งโภชนาการก็คงดีกว่าอาหารตากแห้งที่ตนกิน ทว่าช่วงเวลาที่เธอต้องไปจักรวรรดิเฟย์ติสนั้น...ทำให้เธอต้องจำใจให้อาลีนกินเนื้อตากแห้งแทนเพราะเธอไม่อยู่

     

    ซึ่งโชคดีที่อาลีนเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย จึงไม่เกิดปัญหา....เอลลิโอร่าเพียงถอนหายใจเบาๆเมื่อนึกถึงคนที่ต้องดูแล ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันค่อนข้างเหนื่อยเพราะนอกจากต้องดูแลตัวเองในร่างเด็กที่แสนลำบากแล้วยังต้องดูแลคนป่วยอีก...มันไม่มีทางเรียกว่าสบายได้ ทว่าเธอก็จะไม่ทิ้งเขาอยู่ดี

     

    และในระหว่างที่เอลลิโอร่ากำลังอยู่ในห้วงความคิดอยู่นั้น เสียงของผ้าม่านที่ขยับตัวทำให้สัญชาตญาณของเธอรีบหันไปมอง...และพบว่าเป็นอาลีนที่พยุงตัวขึ้นมาเกาะขอบประตูหวังเดินมาหาเธอ...

     

    อาลีน!”

    เอลลิโอร่าแทบอยากกุมขมับและโกรธแม่เลี้ยงคนงามของตนที่ฝืนร่างกายแสนอ่อนแอนั่นลุกจากเตียง หากเขาล้มลงไปหรือเป็นอะไรขึ้นมาเธอคงเป็นบ้าตายอย่างแน่แท้

     

    เด็กหญิงที่คราแรกจะตั้งใจเปลี่ยนเสื้อต่อเพราะคราบเลือดสกปรก...รีบเข้ามาพยุงตัวของแม่เลี้ยงหนุ่มโดยที่พยายามไม่ให้เลอะเสื้อของเขาไปด้วย ก่อนที่ดวงตาอสรพิษจะส่งสายตาดุไปหาคนงามที่ไม่รู้จักห่วงตัวเองและเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเชิงสั่งการว่า

    ข้าบอกให้เจ้าพักผ่อนอยู่บนเตียงมิใช่รึ

     

    ข้าขอโทษครับ...ข้าก็แค่อยากออกไปต้อนรับท่านบ้างเท่านั้น...

    อาลีนรู้สึกสลดเมื่อการกระทำของตนสร้างความไม่พอใจให้แก่คุณหนูของตน เขาเพียงแค่อยากทำอะไรให้นางบ้างเท่านั้น...เท่าที่ขยะไร้ความสามารถของเขาจะทำได้...

     

    เอลลิโอร่าที่เห็นสีหน้าอันเสียใจของแม่เลี้ยงคนโปรดก็พยายามคลายความโกรธ...ก่อนปรับแววตาให้อ่อนลงและพยุงร่างบางด้วยแรงที่เบาขึ้น ทว่าก็ยังไม่วายเอ่ยดุอีกเล็กน้อยตามประสาคนดูแล

    ร่างกายอ่อนแอขนาดนี้...อย่าว่าแต่ออกมาต้อนรับเลย ยืนเพียงชั่วครู่ก็ล้มแล้ว

     

    ทางด้านอาลีนที่ได้ยินก็ยิ่งรู้สึกผิดและตระหนักว่าตนเป็นตัวปัญหาให้คุณหนูของตัวเองไปอีก คล้ายมีภูเขาทับลงที่หัวใจ...ก่อนคิดย้ำว่าจะไม่ทำอะไรเช่นนี้ให้นางลำบากอีก...

     

    หลังจากพยุงร่างบางที่แสนอ่อนแอของแม่เลี้ยงหนุ่มลงถึงเตียงและจัดผ้าให้เขานอนลงเรียบร้อยแล้ว เอลลิโอร่าจึงสำรวจว่าเขาเปื้อนคราบเลือดจากเธอหรือไม่ เมื่อมองดูแล้วไม่พบความสกปรกบนผ้าและตัวของเขาจึงสบายใจเหลือบสายตาไปมองจานอาหารบนโต๊ะเพื่อตรวจดูต่อว่าได้ทานอาหารรึยัง

     

    วันนี้กินหมดสินะ...เก่งมาก

    เอลลิโอร่าที่คราแรกรู้สึกหงุดหงิดกับการที่แม่เลี้ยงหนุ่มทำตัวสร้างความลำบากให้แก่เธอโดยไม่จำเป็นนั้นยิ้มบางออกมาเมื่อพบว่าจานอาหารที่ตนทำว่างเปล่า มือกร้านข้างที่ไร้เปื้อนเลือดจึงเอื้อมไปลูบหัวของคนงามเพื่อชื่นชมเบาๆ

     

    เมื่อสติอารมณ์ของตนอ่อนลง เอลลิโอร่าจึงหยิบจานบนโต๊ะเพื่อไปทำความสะอาดและเตรียมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ดุอะไรแม่เลี้ยงหนุ่มอีก ความจริงแล้วเธอแทบไม่อยากดุหรือเอ่ยอะไรรุนแรงกับอาลีนด้วยซ้ำ...หากเขาไม่ดื้อซนโดยไม่ห่วงร่างกายตัวเอง

     

    และคล้ายเหมือนเอลลิโอร่ารับรู้ความคิดของแม่เลี้ยงหนุ่ม....จึงหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหันมาเหลือบมองคนบนเตียงและพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวลทว่าก็มั่นคงในเวลาเดียวกันว่า

     

    อย่าห่วงเลยต่อให้เจ้าทำอะไรไม่ได้เลย ข้าก็ไม่มีวันทิ้งเจ้า...ตั้งแต่ตอนนั้นก็หกปีแล้ว....มีวันใดบ้างหรือที่ข้าปล่อยมือเจ้า....เชื่อใจในตัวข้าเสียหน่อยเถิด อาลีน

     

    อาลีนที่ได้ยินก็รู้สึกสะอึกไปบ้าง เพราะความจริงแล้วที่ตนฝืนทำอะไรก็เป็นเพราะว่ากลัวตัวเองจะไร้ประโยชน์ต่อนางจนหมดสิ้น ทว่าเพียงแค่ออกมาต้อนรับก็ยังทำไม่ได้...นับว่าน่าละอายอย่างแท้จริง มันคือความรู้สึกผิดและสมเพชตนเองที่ไม่อาจสามารถทำอะไรได้ ต้องพึ่งพาผู้เป็นนายของตนทั้งที่เป็นข้ารับใช้ หนำซ้ำนางยังอายุเพียงแค่สิบสองปี....มันไม่ใช่เรื่องที่เด็กยังนางต้องมาแบกรับเรื่องลำบากพวกนี้หรือเขาที่เป็นภาระก็ตาม...ไม่เลย

     

    พอรู้ตัวอีกที...ร่างของเด็กหญิงก็ได้หายลับสายตาจากประตูไปเสียแล้ว ทิ้งไว้เพียงชายผู้อ่อนแอบนเตียงเพียงลำพัง...

     

    .

    .

    .

     

    หลังจากจัดการธุระในบ้านเสร็จสิ้นดีแล้ว....เอลลิโอร่าที่เปลี่ยนชุดแล้วนั้นก็เดินออกจากบ้านอีกครั้ง ซึ่งมันก็ตรงเวลาที่พวกคนในชนเผ่าฮันเรย์ตื่นมาสักพักแล้ว...ดังนั้นในตอนนี้จึงมีผู้คนออกมาเผ่นพ่านตามประสาช่วงเวลายามเช้า ดวงตาอสรพิษกวาดมองพวกเขาอย่างชั่งใจคล้ายครุ่นคิดบางสิ่ง

     

    ทว่าไม่ทันไรก็มีชายชนเผ่าผู้หนึ่งสังเกตเห็นว่าเธอเดินออกมาจากบ้านจึงเอ่ยทักพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง

    เอลลิโอร่าได้ข่าวว่าพึ่งกลับมาจากแดนเหนือเมื่อวานเองสินะ เหนื่อยหรือเปล่า?...จริงสิ! เมื่ออาทิตย์ก่อนข้าได้ใบชามาจากสหายเผ่าอิสแบร์ เดี๋ยวจะเอามาแบ่งให้นะ ตอบแทนที่ไปช่วยขนฟางข้าวในคอกม้าข้า

     

    ไม่เป็นไรหรอก...แล้วภรรยาคนที่สามของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? จำได้ว่าตอนข้าไปเฟย์ติสครั้งนี้ เขาใกล้คลอดแล้วสินะ

    เอลลิโอร่าแสร้งยิ้มและเอ่ยถามตอบโต้ในทันที...

     

    ใช่แล้ว เห็นตาเฒ่าบอกว่าอีกไม่กี่วันเมียข้าก็คลอดแล้ว...อย่าลืมมาร่วมงานลูกข้าจารึกรายชื่อลงพื้นธรณีล่ะ

    ชายชนเผ่ากล่าวอย่างอารมณ์ดีเมื่อเด็กหญิงถามถึงบุตรที่กำลังจะเกิดมา ก่อนเอ่ยชวนให้ไปร่วมงานเสียด้วยอย่างเต็มใจ

     

    ซึ่งเอลลิโอร่าก็พยักหน้าส่งตามมารยาทและหวังปิดบทสนทนาในไม่ช้า...ทว่าเมื่อได้ยินคำกล่าวต่อมาของชายชนเผ่าก็ทำให้เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่

     

    แล้วเมียชาวเฟย์ติสของเจ้าล่ะเป็นอย่างไรบ้าง? พวกข้าแทบไม่เคยเห็นเขาตั้งแต่มาอยู่ชนเผ่าเลยนะ คนแดนเหนือนี่อ่อนแอขี้โรคทุกคนรึเปล่านะ?”

     

    เอลลิโอร่ารู้สึกว่ารอยยิ้มของตนนั้นเย็นแข็งขึ้นไม่รู้ตัว...

     

    .

    .

    .

     

    น้องมีภรรยาแต่เด็กไปแล้ว555----เดี๋ยวจะมาเฉลยอีกทีนะคะว่าน้องมีภรรยาได้อย่างไง(?)



    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×