ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นอัลฟ่าหญิงเพียงหนึ่งเดียวในโลกนิยายBL

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4 แม่เลี้ยงคนงาม

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 63


      

    กลับมาแล้วเหรอ เอลลิโอร่า ท่านคาเอลรอส

    เป็นนักล่าวัยผู้ใหญ่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังเห็นสองปู่หลานคนเก่งประจำเผ่ากลับมา เขาที่กำลังเก็บเนื้อที่พึ่งล่ามาเอาไว้ในครัวนั้นยื่นหน้ามาทักทายด้วยความเป็นมิตร รอยยิ้มฉีกกว้างด้วยความจริงใจสมคนทุ่งกว้าง

     

    วันนี้ล่าอะไรมาล่ะ? เสบียงครัวบ้านเจ้ายังล้นเหลืออยู่เลยมิใช่รึ

    เป็นชายชนเผ่าอีกคนที่เป็นโอเมก้าเอ่ยถามขึ้นด้วยความนุ่มนวลกว่าชายนักล่าถึงเจ็ดส่วน เขากำลังตากเนื้อที่หั่นขนาดพอดีคำและหมักด้วยสมุนไพรต่างๆเพื่อถนอมอาหาร...

     

    จริงสิ! เอลลิโอร่า  ข้าขอบใจนะ ที่สองอาทิตย์ก่อนมาช่วยข้าปูหลังคาบ้าน เมียข้าอยากเอาเนื้อราซีตากแห้งไปขอบคุณเจ้าอยู่พอดี แต่ตอนนั้นเจ้าดันไปเฟย์ติสเสียก่อน รอก่อนๆ ข้าจะหยิบเนื้อมาให้

    เป็นนักล่าชนเผ่าอีกคนหนึ่งที่วิ่งมาเอ่ยทัก พร้อมกับหยุดยืนเพื่อหยิบเนื้อตากแห้งจากกระเป๋าของตนพลางยื่นให้แก่เด็กหญิงจนล้นมือ

     

    ทางด้านเอลลิโอร่าที่กลับมาชนเผ่าทีไร ก็อดรู้สึกขนลุกไม่ได้กับความเป็นกันเองที่ประดุจดั่งสายสัมพันธ์ครอบครัวอันแน่นแฟ้นแม้เธอจะไม่ใช่ลูกหรือญาติของพวกเขาก็ตาม...ช่างซื่อนัก

     

    ดวงตาอสรพิษจับจ้องไปยังผู้คนที่ต่างมาทักทายกับเธอด้วยความเป็นมิตร บ้างถามไถ่ บ้างให้ของ บ้างแลกเปลี่ยน...พวกเขาซื่อตรงอยู่เสมอ แม้คราแรกที่เธอมาอยู่ที่นี้...พวกเขาที่แม้จะไม่เปิดรับเธอตามประสาคนแดนใต้ ทว่าก็ไม่เคยปิดกั้น...และเมื่อสร้างความเชื่อใจให้กับพวกเขาแล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือหัวใจอันเต็มเปี่ยมของพวกเขา

     

    ซึ่งหากเป็นเอลลิโอร่า...เธอก็คงไม่สามารถให้ใจใครได้เต็มที่เท่าพวกเขา เธอยังคงหวังผลประโยชน์จากผู้อื่นอยู่บ้าง เคลือบแคลงคนอื่นไม่น้อย...และไม่อาจดีกับใคร หากเขาไม่ทำอะไรให้เธอได้ผลประโยชน์...

     

    เอลลิโอร่าเชื่อในหลักการแลกเปลี่ยน...ดั่งเช่นเงินตราที่แลกสิ่งของ ใจผู้คนก็แลกใจ....ซึ่งมันทัดเทียมสำหรับเธอ

     

    ปู่ของเธอเลี้ยงดูและสั่งสอนความรู้มากมายให้แก่เธอ เธอจึงมอบความเคารพและความนอบน้อมให้แก่เขา...ผู้คนในชนเผ่ามอบการเปิดใจและหัวใจของพวกเขาให้แก่เธอ เธอจึงมอบน้ำใจและมิตรภาพให้แก่พวกเขา...

     

    ทว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เอลลิโอร่ามอบใจและกายของตนให้แก่เขา...ดั่งเช่นความทัดเทียมในหลักการของเธอ

     

    ข้าขอเสียมารยาทกลับบ้านเสียก่อนนะ...ท่านปู่

    เป็นเด็กหญิงที่เอ่ยขึ้นหลังทักทายผู้คนในชนเผ่าอย่างเสร็จสิ้น เธอเหลือบมองปู่ร่วมสายเลือดของตนอย่างนอบน้อมและหมายหยิบเหยื่อที่ตนล่าไปกับเขาเมื่อไม่นานมามอบให้ตามที่ตั้งใจเพื่อให้เสร็จธุระ

     

    ครานี้ไม่ต้อง...

    คาเอลรอสเอ่ยปฏิเสธอย่างเรียบเฉย ก่อนพยักหน้าให้หลานสาวของตนกลับบ้านตามที่ต้องการได้ เขาจูงสายม้าของตนหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไรเพื่อกลับบ้านของตนเช่นกัน แต่เดิมคาเอลรอสก็ไม่ใช่คนเคร่งมารยาทอะไรอยู่แล้ว จึงไม่มีการทำความลาจากกัน

     

    เอลลิโอร่าที่ถูกทิ้งกลางทางไปแล้ว จึงหันหน้ากลับทางบ้านของตนอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน ดวงตาของเธอกวาดสายตามองพระจันทร์ทั้งสามอย่างเรื่อยเปื่อย เพราะระยะทางบ้านของเธอในชนเผ่านั้นค่อนข้างไกลที่สุด...

     

    ตามหลักความจริงแล้วเอลลิโอร่าต้องอาศัยอยู่บ้านของคาเอลรอสผู้เป็นปู่ เพราะเธอยังคงเป็นเด็ก ไม่สิ...นับเป็นทารกสำหรับโลกใบนี้เลยด้วยซ้ำและคาเอลรอสก็เป็นญาติร่วมสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของเธอในชนเผ่านี้  ทว่าเพราะความดื้อดึงของเธอจึงร้องขอการแยกตัวออกมา...ด้วยเหตุผลบางประการ...

     

    เมื่อเท้าที่ก้าวถึงเป้าหมายแล้วดวงตาอสรพิษจึงเลื่อนมอง...บ้านของเธอเป็นรูปแบบบ้านที่สร้างจากโคลนดิน มีลักษณะหลังคาสูงโปร่งเป็นหลังคาหญ้าแฝก มีช่องระบายความร้อนอยู่ด้านบนอันเนื่องมาจากสภาพอาการของดินแดนทางใต้ในตอนกลางวัน ผนังสูงและมีชายคากว้างเพื่อกันแสงแดด จากนั้นภายนอกก็ฉาบด้วยปูนขาวเพื่อช่วยสะท้อนความร้อน...ซึ่งก็มีผ้าแพรประดับเป็นที่บังแดดอยู่ภายนอกบ้านอีกที

     

    ชาวเผ่าฮันเรย์ส่วนมากจะย้ายที่อยู่ครั้งหนึ่งก็ประมาณแปดสิบหรือร้อยปี พวกเขาจึงเลือกสร้างกระโจมบ้าง บ้านดินบ้าง โดยไม่สร้างที่อยู่ที่ถาวร เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้อยู่เป็นหลักตลอดไป ทว่าสำหรับเอลลิโอร่าแล้ว ร้อยปีไม่ใช่เวลาน้อยๆสำหรับเธอหรือเวลาในโลกก่อนด้วยก็ตาม ดังนั้นการสร้างบ้านดินส่วนน้อยของชนเผ่า จึงไม่ใช่เรื่องเสียเวลาอะไรสำหรับเธอ เมื่อคำนึงถึงความสะดวกสบายในการอยู่ของอีกคน

     

    ข้ากลับมาแล้ว....อาลีน

    เอลลิโอร่ากล่าวพลางเดินเข้าบ้านของตนอย่างเรียบๆ มือของเธอยกผ้าแพรที่ใช้กั่นประตูก่อนหอบสัมภาระมาวางใว้ที่เก็บให้เรียบร้อย

     

    ก่อนเดินไปหยิบชุดและผ้าเช็ดไปมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งมีที่เก็บน้ำเป็นดินเผาขนาดใหญ่ระดับหนึ่งลักษณะสี่เหลี่ยม มีฝาไม้ขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยเพื่อปิด ป้องกันฝุ่นหรือแมลงตกลงไป

     

    เอลลิโอร่าเอื้อมมือกวักน้ำขึ้นมาเช็ดใบหน้าและปากที่เปื้อนเลือดของตน จากนั้นจึงใช้ผ้าเช็ดที่หยิบมาเช็ดใบหน้าลวกๆให้แห้งสะอาดอีกที มือกร้านปลดกระดุมถอดชุดของตัวเองออกอย่างไม่ใส่ใจ เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งลงตะกร้าสาน ก่อนใส่ชุดลำลองของชนเผ่าสีดำที่มีลักษณะคล้ายชุดโต๊ปมุลลิมอาหรับของผู้ชายในโลกก่อน ซึ่งมันมีลวดลายปักเล็กน้อยพอประดับ

     

    โดยปกติแล้วเอลลิโอร่าไม่สวมใส่ชุดผู้หญิงและไม่เคยคิดสวมใส่มัน อันเนื่องด้วยเหตุผลสองประการคือ ชุดสำหรับผู้หญิงในโลกนี้แทบมีน้อย บางทีอาจต้องสั่งทำเลยด้วยซ้ำเพราะประชากรเพศหญิงในโลกนี้แทบสูญพันธุ์ จึงไม่มีคนคิดผลิตให้ขาดทุน และเหตุผลที่สองคือ ชุดของผู้หญิงไม่ได้มีความสะดวกหรือคล่องตัวอะไรเมื่อเทียบกับชุดของผู้ชาย เธอไม่เห็นผลประโยชน์อะไรจากการต้องแต่งตัวเป็นหญิง หนำซ้ำหากให้เธอใส่กระโปรงสีหวานก็คงเป็นเรื่องชวนน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี

     

    เมื่อเอลลิโอร่าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยดีแล้วและมั่นใจว่าตนสะอาดและไร้คราบเลือด จึงก้าวเดินไปยังอีกห้องหนึ่งที่มีผ้าแพรม่านสีฟ้าอ่อนกั้นเอาไว้ มือกร้านปัดยกผ้าม่านออกพลางจับจ้องไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่อ่อนลงถึงแปดส่วน

     

    ตรงหน้าของเอลลิโอร่าคือ ห้องขนาดกลางที่ไร้หน้าต่าง มีเพียงช่องระบายความร้อนข้างบนเท่านั้น ผนังถูกประดับด้วยผ้าแพรหลากสีและลวดลายเพื่อเพิ่มความน่าอยู่ของห้องทดแทนหน้าต่างที่ขาดหายไป ส่วนพื้นห้องที่โดยปกตินั้นเป็นพื้นดินที่สร้างจากดินโคลนผสมแกลบโดยมีฐานเป็นท่อนไม้เอาไว้ก่อนเพื่อความมั่นคง ถูกปูทับด้วยผ้าพรมขนสัตว์มากมายจนมั่นใจว่าพื้นนิ่มพอให้คนที่อยู่แม้ล้มลงจะไม่เป็นอันตราย แสงเชิงเทียนสุกสว่างในห้องพร้อมกับกลิ่นดอกไม้แห้งที่ชาวฮันเรย์ส่วนมากชอบนำดอกไม้ที่มีกลิ่นแรงมาตากแห้งเพื่อลดความฉุน จากนั้นจึงได้กลิ่นที่พอเหมาะไว้ประดับกลิ่นห้อง และภายในห้องนี้มีเพียงเครื่องใช้อยู่สองสามอย่างเท่านั้นคือเตียงและโต๊ะข้างๆที่เอาไว้วางเชิงเทียนและจานดอกไม้หอมกับเก้าอี้ที่วางไว้มุมห้อง

     

    ข้าต้องขออภัยจริงๆที่ไม่อาจออกไปต้อนรับท่านได้....ท่านเอลลิ

    เป็นเสียงของชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น มันเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน หากผู้ที่ได้ฟังย่อมรับรู้ถึงความอ่อนหวานในตัวของผู้พูดอย่างชัดเจน

     

    เบื้องหน้าของเอลลิโอร่าคือ...คนสำคัญที่สุดที่เธอยกไว้เหนือเกล้า...

     

    ใบหน้าถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมสีครามเสมอ....มีเพียงเรือนผมยาวสีฟ้าอ่อนเท่านั้นปรากฏให้เห็นนอกผ้าคลุม เรือนร่างดูบอบบางและอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นคนชนเผ่าฮันเรย์หรือคนทั่วไป ผิวสีขาวซีดนั้นยิ่งขับให้อีกฝ่ายดูขี้โรคมากกว่าสุขภาพดี บรรยากาศรอบตัวนั้นดูนิ่มนวลและชวนให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ

     

    อาลีน เบลล์

     

    เขาคือแม่เลี้ยงและพ่อบ้านคนรับใช้เพียงคนเดียวของเธอ...แต่เดิมเป็นข้ารับใช้ในวังหลวงก่อนถูกคัดเลือกให้มาเป็นแม่เลี้ยงของเธอหลังจากตอนเธอเกิดได้เพียงสามวัน...ซึ่งเขามีเพศเป็นโอเมก้า ดูเหมือนคนโลกนี้มีความคิดที่ว่าเพศโอเมก้านั้นจะอ่อนโยนและนิ่มนวลกว่าผู้ชายที่เป็นอัฟฟ่าและเบต้า เหมาะแก่การทำหน้าที่ดูแลเลี้ยงเด็ก จึงทำให้อาลีนเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลือกให้เลี้ยงดูเธอ...

     

    ไม่เป็นไรหรอก...นอนพักแบบนั้นน่ะถูกต้องแล้ว สุขภาพของเจ้ายิ่งไม่แข็งแรงอยู่

    เอลลิโอร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลลงถึงเจ็ดส่วน ความสุขุมที่เอาไว้ปิดกั้นผู้คน...ลดหย่อนลงเมื่อเป็นชายตรงหน้าเธอ เธอเดินไปลากเก้าอี้ไม้ที่มุมห้องมาอยู่ข้างๆเตียงของเขาก่อนนั่งลง

     

    มือกร้านของเด็กหญิงเอื้อมมือไปสัมผัสมือบางของชายบนเตียงด้วยความคิดถึงและหวงแหน

     

    สบายดีไหม?...มีใครรังแกเจ้ารึเปล่า?...หรืออาการเจ็บป่วยกำเริบหรือไม่?”

    เอลลิโอร่าเอ่ยถามคำถามมากมายกับแม่เลี้ยงของตนด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ามือกร้านของเธอก็ลูบมือบางของเขาอย่างเบามือที่สุดเท่าที่คนหนึ่งกระทำได้

     

    ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ...ต้องขอบคุณความเมตตาของท่านเอลลิต่างหาก

    อาลีนเอ่ยตอบอย่างเจียมตนและพลางส่ายหน้าใต้ผ้าคลุมเบาๆให้คุณหนูของตนสบายใจ ทั้งที่แท้จริงแล้วร่างกายของตนนั้นก็เป็นที่รู้กันดี...

     

    ทางด้านเอลลิโอร่าที่ได้ยินก็เพียงนิ่งไป มือกร้านที่ลูบมือบางอย่างเบาๆอยู่นั้นเผลอบีบแรงเล็กน้อย...ดวงตาอสรพิษมองชายตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด

     

    เขาก็ยังคงเลือกโกหกเธออยู่วันยังค่ำ...ร่างกายของเขาอ่อนแอจนแทบต้องอยู่บนเตียงเป็นส่วนมากเพียงใดมีหรือที่จะปกปิดได้ หนำซ้ำยังมีโรคร้ายจากยาพิษในอดีตอีก....ร้อยทั้งร้อยย่อมไม่มีทางไม่เป็นอะไร

     

    ภาพของอดีตในวันวานตีย้อนเข้ามาในสมองของเอลลิโอร่า ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดและความสำคัญของชายตรงหน้าราวกับคมมีดกรีดที่ผ่าหัวใจของเธอ....พอรู้ตัวอีกที ร่างของเธอก็ก้มลงไปและหัวของเธอก็แนบลงที่มือบางของเขาที่มีมือกร้านของเธอกุมอยู่

     

    ข้าขอโทษ อาลีน....ข้าขอโทษจริงๆ

     

    มีเพียงเสียงที่ลอดมาจากมือทั้งสองที่กุมอยู่...มันคือน้ำเสียงที่สั่นเทาเพราะความรู้สึกผิดในอดีตของตน แม่เลี้ยงหนุ่มที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะยกมือที่ไร้แรงอีกข้างขึ้นมาลูบหัวของเด็กหญิง

     

    ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษข้าหรอกครับ...มันเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษและขอบคุณท่าน...กระทั่งข้าเป็นเศษขยะ ท่านก็ยังไม่ทอดทิ้งข้า

    อาลีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่นและสมเพชตัวเอง...เขาเป็นข้ารับใช้แท้ๆ เหตุใดจึงต้องให้ผู้เป็นนายลำบาก หนำซ้ำยังต้องมาแบกภาระเช่นเขาอีก

     

    แม้ตนจะร้องขอให้นางทิ้งตัวเองเพื่อลดภาระเพียงใด กลับเป็นนางที่ปฏิเสธและจับมือของเขาเรื่อยมา...เป็นความสมเพชตัวเองอย่างถึงที่สุดและความซาบซึ้งต่อผู้เป็นนายอย่างหาใดเปรียบ

     

    เจ้าไม่ใช่เศษขยะ...อาลีน แล้วจะไม่มีวันเป็นด้วย...

    เอลลิโอร่าเงยหน้าของตนขึ้นจากมือบาง เธอเอ่ยชัดอย่างแข็งกร้าวพลางทอดมองอีกฝ่ายอยู่สักพักด้วยความนิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยว่า

     

    ข้าอยากเห็นหน้าเจ้า อาลีน

     

    และเพียงคำขอนั้นก็ทำให้ร่างบางบนเตียงต้องแข็งทื่อและชะงัก....มือบางที่ถูกกุมอยู่สั่นเทาแม้พยายามสงบนิ่งเพียงใด

     

    ต...ตัวข้าไม่น่ามองเพียงใด...ท่านก็น่าจะรับรู้ดี เหตุใดจึงขอดูมันเช่นนี้เสมอกันล่ะครับ

     

    อาลีนได้แต่เบือนหน้าของตนหลบภายใต้ผ้าคลุมพลางพยายามปกปิดมัน เขารู้สึกอับอายกับใบหน้าของตน มันคือความน่าเกลียดอย่างแท้จริง แต่เหตุใดคุณหนูจึงอยากมองมันตลอดเวลากัน...

     

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าเห็นหน้าเจ้าเสียหน่อย....ตามใจข้าเช่นทุกคราเถิดหนา คนดี

    เอลลิโอร่าเอ่ยอย่างนิ่มนวลและเปี่ยมด้วยความเอ็นดู...มือกร้านเอื้อมล่วงเข้าไปในใต้ผ้าคลุมและลูบใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยนเช่นทุกที ดวงตาอสรพิษจ้องมองเขาอย่างตรงไปตรงมาคล้ายบุรุษคนหนึ่งที่อยากเชยชมความงามของหญิงงาม...

     

    และก็เป็นดั่งเช่นทุกครา....เป็นแม่เลี้ยงหนุ่มที่ไม่อาจต้านเด็กหญิงตรงหน้าได้

     

    สุดท้ายจึงยอมพยักหน้าเบาๆเชิงอนุญาตด้วยความอับอายอย่างถึงขีดสุด ทำให้เอลลิโอร่าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆเพราะความเอ็นดูแม่เลี้ยงของตน เขาน่ารักดีจริงๆ

     

    มือกร้านปัดผ้าคลุมสีครามของชายหนุ่มบนเตียงลงอย่างช้าๆและเบามือ  ก่อนเผยถึงรูปลักษณ์ที่พยายามปกปิดต่อผู้คนมามากมาย

     

    ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวผิดจากคนปกติทั่วไปหนำซ้ำคล้ายมีรอยเหมือนโดนน้ำกรดสาดใส่อยู่ประดับใบหน้า ทว่ามันก็ไม่ได้กลบดวงตาสีฟ้าอ่อนอันอ่อนโยนของเขาได้...แม้จมูกจะบิดเบี้ยวไป แม้ริมฝีปากจะขาดหายไปบางส่วน หรือผิวหนังจะหยิกงอและรอยแผลเป็น แม้ทุกอย่างที่เป็นเขาในตอนนี้จะถูกใครๆกล่าวว่าอัปลักษณ์...

     

    เอลลิโอร่าก็ยังคงมองเขาเช่นเดิม...ดวงตาอสรพิษจับจ้องไปยังใบหน้าที่ไร้การปกปิดของเขา แสงจากเชิงเทียนสาดกระทบเข้ากับชายผู้อ่อนหวานตรงหน้า ดวงตาสีฟ้าอ่อนหลุบตาลงหลบสายตาของเธอเพราะความอับอายและเขินอายในเวลาเดียวกัน

     

    ครั้งหนึ่งอาลีนเคยเป็นโฉมงาม....เขาคือชายที่งดงามคนหนึ่งในดวงตาของเธอ ทว่าเพราะความอ่อนแอและอ่อนด้อยในตัวเธอ....โฉมงามตรงหน้าจึงสิ้นโฉมและพังลง

     

    “อา...เจ้ายังคงงดงามในสายตาข้าเสมอ อาลีน”

     

    เอลลิโอร่าอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าของเขา มือกร้านยังคงลูบไล้ใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยนและเบามือคล้ายกลัวเหลือเกินว่าจะสร้างความเจ็บให้แก่เขาต่อให้เพียงเล็กน้อยก็ตาม...แม้มันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทว่าดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นก็ยังคงอ่อนหวานและนิ่มนวลเสมอ

     

    ไม่เคยมีคำตัดพ้อหรือด่าทอใดหลุดออกจากปากของชายผู้อ่อนหวานคนนี้...แม้เธอจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตของเขาจมลงสู่เหวลึกก็ตาม เอลลิโอร่าหวังไม่น้อยที่เขาจะด่าเธอ ว่าเธอ เพื่อบรรเทาความรู้สึกผิด...แต่อาลีนก็ไม่เคยเลย

     

    ภาพของเขาไม่อาจลบความงามในใจได้ เอลลิโอร่าได้ตระหนักแล้วว่าโฉมงามผู้นี้ได้ตราตรึงเธออย่างแท้จริงแม้ไร้รูปลักษณ์ที่เคยเป็น

     

    โฉมงามอย่างไรก็คือโฉมงาม

     

    .

    .

    .


    ประวัติของอาลีนที่มีต่อหนูเอลลิโอร่าไม่ธรรมดานะคะ555----น้องหวงคนนี้สุด



    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×