ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครานี้เป็นสตรีสองใจนามว่านางวันทอง

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 เพื่อนเล่น

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 62


      

    จงทำความรู้จักกันไว้เสียนะพวกเจ้าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน สนิทกันไว้เป็นสหายกันตั้งแต่เนิ่นๆจะได้ไม่ลำบาก

     

    เพียงสิ้นเสียงของบิดาบังเกิดเกล้าที่เอ่ยกับนาง คล้ายกับโลกทั้งใบแตกสลายก็ไม่ปาน  เมื่อตรงหน้าของนางคือเด็กชายสองคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง แม้อาจจะมากกว่านางสักสองสามปีก็ตาม

     

    นางเผลอซุกตัวแอบซ่อนอยู่หลังขาของพ่อโดยไม่รู้ตัว มือเล็กๆกำชายขาเสื้อของผู้เป็นบิดาแน่น พร้อมกับดวงตาหวาดระแวงเล็กๆที่พยายามเก็บซ่อน

     

    ลูกสาวข้านั้นขี้อายไปเสียหน่อย ไหนก็ออกมาสวัสดีคุณลุงด้วยหน่อยสิ

    พันศรโยธาเอ่ยกับบุตรสาวของตน โดยไม่ดุอะไร ถึงนางจะเฉลียวฉลาดมากนักแต่อย่างไงก็ยังเป็นเด็กสำหรับเขาอยู่ดี ทำให้มุมมองของผู้เป็นบิดาอย่างเขาจะมองว่านางตื่นคนก็ไม่แปลก

     

    พิมพิลาไลยลืมไปเสียว่าคนที่มาเยือนนั้นไม่ได้มีแค่เด็กชายสองคน หากแต่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ต้องสองคน นางเผลอทำตัวเสียมารยาทไปเสียแล้ว...แย่จริงๆ

     

    หนูต้องขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาทกับพวกคุณลุงนะคะ....สวัสดีค่ะ หนูชื่อ พิมพิลาไลย ค่ะ....จากนี้ต้องขอความกรุณาฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

     

    นางไม่คิดเปล่า พลางเดินออกมาจากผู้เป็นพ่อและยกมือไหว้สวัสดีตามมารยาทไทยอย่างสง่างามตามที่ถูกสั่งสอนมา

     

    ในขณะเดียวกันเหล่าคนที่มาเยือนก็ได้ชมโฉมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อพันศรโยธาที่หวงนักหวงหนาจนไม่ยอมให้ออกมาพบใคร เลี้ยงแต่ในเรือนคล้ายกลัวใครลักพาตัวไป

     

    แต่เมื่อได้เห็นรูปโฉมบุตรสาวของพันศรโยธาก็ไม่เกินจริงเลย...หากเขามีลูกงามมากมายเช่นนี้ก็กลัวจะถูกใครลักพาตัวเป็นแน่แท้

     

    แม้จะเป็นเพียงเด็กหญิงวัยห้าขวบปลายๆ แต่ก็เผยเค้าโครงความงามมากมายอย่างล้นเหลือ หน้าตาเรียวเล็กสวยงามสมดุลกันแก้มเล็กน้อยจากความเป็นเด็ก ดวงตาคมโตสีครามออกเทาแปลกประหลาดที่แม้จะจืดจางแต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์งดงามชวนดึงดูดให้จ้องมองไปที่ดวงตาคู่นั้นตลอดไป เรือนผมยาวสีดำขลับสนิทคล้ายขนกาช่างงามราวกับผ้าไหมชั้นดี ผิวงามขาวผ่องผิดจากลูกชาวบ้านปกติทั่วไป ไหนจะบรรยากาศรอบตัวที่คล้ายมีแรงดึงดูดน่าพิศวงราวกับเป็นกลลวงของภูตพรายที่เชิญชวนให้นักเดินทางหลงเสน่ห์และตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่อาจหลุดพ้นได้

     

    งามแท้...หากโตไปคงเป็นเพชรเม็ดงามหาจับต้องได้ยากเป็นแน่แท้

    ขุนไกรพลพ่ายผู้มาฝากบุตรชายของตนให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับบุตรสาวของสหายเก่าเอ่ยขึ้นด้วยความชมชอบ

     

    ก็มักได้ยินคำเล่าลืออยู่หรอกว่าบุตรสาวบ้านเจ้าพันศรโยธานั้นสะสวยแต่เล็ก แต่ไม่คิดว่าจะงามมากมายเช่นนี้ ขนาดหญิงงามในวังหลวงที่เขาเคยพบเจอมา ก็เทียบกับเด็กหญิงตัวเล็กๆผู้นี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากโตคงเป็นที่ต้องตาเจ้าอย่างง่ายดายนัก...

     

    ที่แท้เหตุผลที่ไม่ยอมให้ข้ามาเยี่ยมเยือนมาดูลูกเจ้าก็เพราะเช่นนี้เองหรอกเหรอ

    ทางขุนศรีวิชัยก็จับจ้องไปยังเด็กหญิงตาไม่วาง แม้ทางเจ้าพันศรโยธาและภรรยาจะหน้าตาดีมากนัก แต่เขาก็ไม่คิดว่าบุตรสาวของมันจะสะสวยมากขนาดนี้ สวยจนเกินมนุษย์มนาไปมากโข....จนน่าแปลกใจ ความคิดที่ว่าใช่ลูกจริงๆของสหายตนหรือไม่ผลุดขึ้นมาในหัว ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่เด็กหญิงเย็นขึ้น

     

    แต่เอาเถอะ สหายของเขาก็ไม่ใช่คนซื่อ หากเป็นลูกชู้ มันก็คงไม่อยู่กับภรรยาของมันจนถึงทุกวันนี้หรอก นิสัยจริงๆของมันนั้นหัวดีและเจ้าเล่ห์สมอาชีพพ่อค้า มีหรือจะดูคนไม่ออก...

     

    ย่อมเป็นบุตรสาวของข้า...

    คล้ายรับรู้ความคิดของสหายเก่า พันศรโยธาเอ่ยกับสหายอย่างลอยๆพลางลูบหัวบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างเอ็นดู

     

    คราแรกที่เห็นการเติบโตของรูปลักษณ์บุตรสาวของตนนั้นก็เคยถูกผู้คนมากมายต่อว่าภรรยาของตนคบชู้สู่ชายอื่น...เดิมทีมารดาของเขานั้นก็ไม่ได้ชื่นชอบในตัวของภรรยาของเขาเท่าไหร่นัก เพราะเป็นสาวชาวบ้านอาชีพแม่ค้าธรรมดาทั่วไปไม่ได้ร่ำรวยอะไร หนำซ้ำภรรยาของเขายังเป็นคนปากจัด มารดาจึงยิ่งไม่ชอบใจไปอีก พอรู้ข่าวเรื่องบุตรสาวที่ต่างจากภรรยาและเขา มารดาของเขาก็แทบจะให้เขาหย่ากับภรรยาแล้ว แต่โชคดีนัก เมื่อเห็นว่าสีตาของบุตรสาวตนนั้นคล้ายคลึงกับเขามากนัก ซึ่งนับเป็นสีตาหายากที่ไม่มีใครมีนัก จึงเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดี

     

    หลังจากนั้นหากมีผู้ใดกล้าเอ่ยว่าบุตรสาวของตนใช่ลูกของตนจริงๆหรือไม่ ก็ล้วนแล้วแต่ถูกเฆี่ยนตีทั้งสิ้น

     

    แต่มาครานี้กลับเป็นสหายเก่าที่ตั้งข้อสงสัยในบุตรสาวของเขาเสียได้....

     

    ขอโทษที่คิดอะไรเสียมารยาทเช่นนั้นลงไป...

    ขุนศรีวิชัยเอ่ยขอโทษสหายในทันทีเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ความคิดอันเสียมารยาทของตน หนำซ้ำสายตาที่สหายผู้นั้นส่งมาก็แทบจะฆ่าแกงเขาเสียแล้ว

     

    เรื่องที่ว่าเจ้าพันศรโยธาหวงและรักลูกสาวผู้นี้มากมายนักคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ...

     

    แต่ก็นับว่าแปลกนัก ที่นี้ไม่มีใครนิยมชมชอบบุตรสาวนักหรอก ใครๆต่างก็อยากได้บุตรชายไว้สืบสกุลและงานทั้งนั้น...หากบุตรคนแรกเกิดมาเป็นหญิงย่อมต้องผิดหวังไม่ใช่รึ...

     

    เอาล่ะๆ...พวกเรายืนคุยมานานแล้ว ปล่อยให้เด็กๆไปทำความรู้จักเสียดีกว่านะ

    ขุนไกรพลพ่ายผู้รู้จักดูบรรยากาศรีบเอ่ยขึ้น เพราะเกรงว่าเด็กๆจะต้องมาเห็นสงครามเย็นของผู้ใหญ่ทั้งสอง

     

    นั่นสินะ...หนูพิมไปเล่นกับพวกเขาก่อนนะลูก....เดี๋ยวพ่อจะไปนั่งคุยกับสหายที่เรือนทำงานของพ่อก่อน

    พันศรโยธาเอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะลูบหัวน้อยๆและเดินจากไปพร้อมกับสหายอย่างเงียบๆ ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากห่างจากบุตรสาวและไม่อยากให้เด็กชายสองตัวนั้นเข้าใกล้นางนัก แต่เหล่าสหายน่าชังนั่นกลับหาเหตุผลมากมายมากรอกหูภรรยาของเขาจนนางยินยอมตกลงเสียได้

     

    .

    .

    .

     

    หลังสิ้นสุดความวุ่นวาย เหล่าบิดาก็พากันไปนั่งพูดคุยกันตามประสาเพื่อนเก่าที่เรือนของตน ทิ้งเด็กทั้งสามเอาไว้ที่เรือนรับรอง...

     

    พิมพิลาไลยกวาดสายตาของตนไปมองเด็กชายทั้งสองอย่างวิเคราะห์...แต่ก็หาได้สนใจไม่

     

    หากนางไม่คิดเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขา เรื่องหายนะข้างหน้าก็ไม่เกิดขึ้น...เพราะฉะนั้นการเมินเฉยจึงเป็นสิ่งดี

     

    ส่วนพลายแก้วและขุนช้างที่คราแรกได้เห็นโฉมเด็กหญิงที่บิดาของตนอยากให้รู้จักนั้นก็คล้ายพึ่งตื่นจากมนต์สะกด พอรู้ตัวอีกเด็กหญิงก็เดินไปนั่งมุมเรือนและหยิบยกตำราขึ้นมาอ่านเสียแล้ว

     

    แตกต่างจากเด็กหญิงที่แสดงท่าทีเขินอายเมื่อครู่ยามเจอบิดาของพวกเขา...สีหน้าของนางเรียบนิ่งสนิท

     

    นี่ ข้าชื่อพลายแก้ว ลูกของพ่อขุนไกรพลพ่ายกับแม่ทองประศรี ยินดีที่รู้จักนะ

    เป็นพลายแก้วที่เดินเข้าไปทักเด็กหญิงอย่างซื่อตรง เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้กับนางเพราะมีไม่บ่อยนักที่เขาจะได้มีเพื่อนเช่นนี้

     

    พิมพิลาไลยเหลือบมองเด็กชายท่าทางใสซื่อที่ดูไม่ออกรึไงว่านางไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย...เขาคือขุนแผน...

     

    เขามีรูปลักษณ์เป็นเด็กชายหน้าตาดี โครงหน้าคมคายหล่อเหลาอย่างมากแม้จะเป็นเด็ก หากโตขึ้นไปก็ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสาวๆจึงหลงเขามากมายนัก  ดวงตาสีเหลืองทองดุจอำพันเป็นประกายมีชีวิตชีวาคล้ายพยัคฆ์เด็กเปี่ยมแรง เส้นผมสีดำออกประกายครามดุจหมาป่า ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นเด็กชายที่เกิดมาเพื่อเป็นชายบุรุษชาตินักรบโดยแท้

     

    ซึ่งถึงแม้จะหน้าตาดีมากเช่นไร แต่สำหรับพิมพิลาไลยแล้ว เขาก็เป็นเพียงหายนะสำหรับเธอ เธอเลือกที่จะเมินเฉยต่อเขาและจะกลับไปอ่านหนังสือของตนต่อ

     

    แต่ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเด็กชายอีกคนแนะนำตัว

     

    ข้า...ขุนช้าง...

    ขุนช้างเอ่ยแนะนำตัวสั้นๆก่อนจะหันไปสนใจตำราที่ตัวเองพกมา เขารู้ดีว่าเด็กหญิงตรงหน้าก็คงไม่อยากมีเพื่อนเล่นอะไรเหมือนกันหรอก คงถูกฝ่ายบิดาไม่ก็มารดาบังคับมาเป็นแน่แท้และในเมื่อเขาเองก็ไม่อยาก นางก็ไม่อยาก จึงไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องทำเรื่องวุ่นวายเช่นนั้น

     

    ท่าทางของเด็กหญิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย สีหน้าเรียบนิ่งเผยความแปลกใจบนใบหน้าก็จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    เจ้าชื่อขุนช้างจริงๆเหรอ?”

    นางเอ่ยถามราวกับย้ำเตือนอะไรบางอย่าง

     

    ย่อมเป็นเช่นนั้น...

    ขุนช้างที่แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่ก็ตอบคำถามของเด็กหญิงไป

     

    หลังได้รับคำตอบคล้ายเด็กหญิงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ พลางพึมพำว่าไม่เหมือน ก่อนจะหันกลับไปอ่านหนังสือของตน

     

    รูปลักษณ์ของขุนช้างที่นางเห็นนั้น แตกต่างจากบทประพันธ์สิ้นเชิง...เขาเป็นเด็กชายร่างบาง ไม่ได้อ้วนเหมือนดั่งที่เขียนไว้ หนำซ้ำยังเป็นเด็กชายหน้าตาดีมากไม่แพ้พลายแก้ว เขามีเค้าโครงหน้างามสมเป็นคุณชายและสวยคล้ายสตรีเล็กน้อย ดวงตาสีม่วงงดงามที่ดูลึกลับและยากจะเข้าถึงคล้ายเขาวงกตและเมื่อหลงเข้าไปแล้วก็ยากจะกลับมา เรือนผมสีดำสนิทยาวมัดรวบตามประสาบุตรขุนนาง บรรยากาศท่าทางเงียบขรึมและเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ใบหน้านิ่งสนิทไม่ต่างจากนาง

     

    นางเพียงถอนหายใจเบาๆและอ่านหนังสือของตนเงียบๆต่อไปพลางคาดหวังว่าเด็กชายทั้งสองจะเข้าใจความต้องการนางดีและจะไม่เข้ามายุ่งย่าม

     

    .

    .

    .

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×