คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 เพื่อนเล่น
“จงทำความรู้จักกันไว้เสียนะ…พวกเจ้าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน
สนิทกันไว้เป็นสหายกันตั้งแต่เนิ่นๆจะได้ไม่ลำบาก”
เพียงสิ้นเสียงของบิดาบังเกิดเกล้าที่เอ่ยกับนาง
คล้ายกับโลกทั้งใบแตกสลายก็ไม่ปาน เมื่อตรงหน้าของนางคือเด็กชายสองคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนาง
แม้อาจจะมากกว่านางสักสองสามปีก็ตาม
นางเผลอซุกตัวแอบซ่อนอยู่หลังขาของพ่อโดยไม่รู้ตัว
มือเล็กๆกำชายขาเสื้อของผู้เป็นบิดาแน่น
พร้อมกับดวงตาหวาดระแวงเล็กๆที่พยายามเก็บซ่อน
“ลูกสาวข้านั้นขี้อายไปเสียหน่อย ไหนก็ออกมาสวัสดีคุณลุงด้วยหน่อยสิ”
พันศรโยธาเอ่ยกับบุตรสาวของตน โดยไม่ดุอะไร
ถึงนางจะเฉลียวฉลาดมากนักแต่อย่างไงก็ยังเป็นเด็กสำหรับเขาอยู่ดี
ทำให้มุมมองของผู้เป็นบิดาอย่างเขาจะมองว่านางตื่นคนก็ไม่แปลก
พิมพิลาไลยลืมไปเสียว่าคนที่มาเยือนนั้นไม่ได้มีแค่เด็กชายสองคน
หากแต่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ต้องสองคน นางเผลอทำตัวเสียมารยาทไปเสียแล้ว...แย่จริงๆ
“หนูต้องขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาทกับพวกคุณลุงนะคะ....สวัสดีค่ะ
หนูชื่อ พิมพิลาไลย ค่ะ....จากนี้ต้องขอความกรุณาฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
นางไม่คิดเปล่า พลางเดินออกมาจากผู้เป็นพ่อและยกมือไหว้สวัสดีตามมารยาทไทยอย่างสง่างามตามที่ถูกสั่งสอนมา
ในขณะเดียวกันเหล่าคนที่มาเยือนก็ได้ชมโฉมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อพันศรโยธาที่หวงนักหวงหนาจนไม่ยอมให้ออกมาพบใคร
เลี้ยงแต่ในเรือนคล้ายกลัวใครลักพาตัวไป
แต่เมื่อได้เห็นรูปโฉมบุตรสาวของพันศรโยธาก็ไม่เกินจริงเลย...หากเขามีลูกงามมากมายเช่นนี้ก็กลัวจะถูกใครลักพาตัวเป็นแน่แท้
แม้จะเป็นเพียงเด็กหญิงวัยห้าขวบปลายๆ แต่ก็เผยเค้าโครงความงามมากมายอย่างล้นเหลือ
หน้าตาเรียวเล็กสวยงามสมดุลกันแก้มเล็กน้อยจากความเป็นเด็ก ดวงตาคมโตสีครามออกเทาแปลกประหลาดที่แม้จะจืดจางแต่ก็แฝงไปด้วยเสน่ห์งดงามชวนดึงดูดให้จ้องมองไปที่ดวงตาคู่นั้นตลอดไป
เรือนผมยาวสีดำขลับสนิทคล้ายขนกาช่างงามราวกับผ้าไหมชั้นดี ผิวงามขาวผ่องผิดจากลูกชาวบ้านปกติทั่วไป
ไหนจะบรรยากาศรอบตัวที่คล้ายมีแรงดึงดูดน่าพิศวงราวกับเป็นกลลวงของภูตพรายที่เชิญชวนให้นักเดินทางหลงเสน่ห์และตกอยู่ในภวังค์อย่างไม่อาจหลุดพ้นได้
“งามแท้...หากโตไปคงเป็นเพชรเม็ดงามหาจับต้องได้ยากเป็นแน่แท้”
ขุนไกรพลพ่ายผู้มาฝากบุตรชายของตนให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับบุตรสาวของสหายเก่าเอ่ยขึ้นด้วยความชมชอบ
ก็มักได้ยินคำเล่าลืออยู่หรอกว่าบุตรสาวบ้านเจ้าพันศรโยธานั้นสะสวยแต่เล็ก
แต่ไม่คิดว่าจะงามมากมายเช่นนี้ ขนาดหญิงงามในวังหลวงที่เขาเคยพบเจอมา ก็เทียบกับเด็กหญิงตัวเล็กๆผู้นี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หากโตคงเป็นที่ต้องตาเจ้าอย่างง่ายดายนัก...
“ที่แท้เหตุผลที่ไม่ยอมให้ข้ามาเยี่ยมเยือนมาดูลูกเจ้าก็เพราะเช่นนี้เองหรอกเหรอ”
ทางขุนศรีวิชัยก็จับจ้องไปยังเด็กหญิงตาไม่วาง
แม้ทางเจ้าพันศรโยธาและภรรยาจะหน้าตาดีมากนัก
แต่เขาก็ไม่คิดว่าบุตรสาวของมันจะสะสวยมากขนาดนี้ สวยจนเกินมนุษย์มนาไปมากโข....จนน่าแปลกใจ
ความคิดที่ว่าใช่ลูกจริงๆของสหายตนหรือไม่ผลุดขึ้นมาในหัว
ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่เด็กหญิงเย็นขึ้น
แต่เอาเถอะ สหายของเขาก็ไม่ใช่คนซื่อ
หากเป็นลูกชู้ มันก็คงไม่อยู่กับภรรยาของมันจนถึงทุกวันนี้หรอก นิสัยจริงๆของมันนั้นหัวดีและเจ้าเล่ห์สมอาชีพพ่อค้า
มีหรือจะดูคนไม่ออก...
“ย่อมเป็นบุตรสาวของข้า...”
คล้ายรับรู้ความคิดของสหายเก่า พันศรโยธาเอ่ยกับสหายอย่างลอยๆพลางลูบหัวบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างเอ็นดู
คราแรกที่เห็นการเติบโตของรูปลักษณ์บุตรสาวของตนนั้นก็เคยถูกผู้คนมากมายต่อว่าภรรยาของตนคบชู้สู่ชายอื่น...เดิมทีมารดาของเขานั้นก็ไม่ได้ชื่นชอบในตัวของภรรยาของเขาเท่าไหร่นัก
เพราะเป็นสาวชาวบ้านอาชีพแม่ค้าธรรมดาทั่วไปไม่ได้ร่ำรวยอะไร หนำซ้ำภรรยาของเขายังเป็นคนปากจัด
มารดาจึงยิ่งไม่ชอบใจไปอีก พอรู้ข่าวเรื่องบุตรสาวที่ต่างจากภรรยาและเขา
มารดาของเขาก็แทบจะให้เขาหย่ากับภรรยาแล้ว แต่โชคดีนัก เมื่อเห็นว่าสีตาของบุตรสาวตนนั้นคล้ายคลึงกับเขามากนัก
ซึ่งนับเป็นสีตาหายากที่ไม่มีใครมีนัก จึงเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นหากมีผู้ใดกล้าเอ่ยว่าบุตรสาวของตนใช่ลูกของตนจริงๆหรือไม่
ก็ล้วนแล้วแต่ถูกเฆี่ยนตีทั้งสิ้น
แต่มาครานี้กลับเป็นสหายเก่าที่ตั้งข้อสงสัยในบุตรสาวของเขาเสียได้....
“ขอโทษที่คิดอะไรเสียมารยาทเช่นนั้นลงไป...”
ขุนศรีวิชัยเอ่ยขอโทษสหายในทันทีเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ความคิดอันเสียมารยาทของตน
หนำซ้ำสายตาที่สหายผู้นั้นส่งมาก็แทบจะฆ่าแกงเขาเสียแล้ว
เรื่องที่ว่าเจ้าพันศรโยธาหวงและรักลูกสาวผู้นี้มากมายนักคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ...
แต่ก็นับว่าแปลกนัก ที่นี้ไม่มีใครนิยมชมชอบบุตรสาวนักหรอก
ใครๆต่างก็อยากได้บุตรชายไว้สืบสกุลและงานทั้งนั้น...หากบุตรคนแรกเกิดมาเป็นหญิงย่อมต้องผิดหวังไม่ใช่รึ...
“เอาล่ะๆ...พวกเรายืนคุยมานานแล้ว
ปล่อยให้เด็กๆไปทำความรู้จักเสียดีกว่านะ”
ขุนไกรพลพ่ายผู้รู้จักดูบรรยากาศรีบเอ่ยขึ้น
เพราะเกรงว่าเด็กๆจะต้องมาเห็นสงครามเย็นของผู้ใหญ่ทั้งสอง
“นั่นสินะ...หนูพิมไปเล่นกับพวกเขาก่อนนะลูก....เดี๋ยวพ่อจะไปนั่งคุยกับสหายที่เรือนทำงานของพ่อก่อน”
พันศรโยธาเอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ก่อนจะลูบหัวน้อยๆและเดินจากไปพร้อมกับสหายอย่างเงียบๆ ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากห่างจากบุตรสาวและไม่อยากให้เด็กชายสองตัวนั้นเข้าใกล้นางนัก
แต่เหล่าสหายน่าชังนั่นกลับหาเหตุผลมากมายมากรอกหูภรรยาของเขาจนนางยินยอมตกลงเสียได้
.
.
.
หลังสิ้นสุดความวุ่นวาย
เหล่าบิดาก็พากันไปนั่งพูดคุยกันตามประสาเพื่อนเก่าที่เรือนของตน
ทิ้งเด็กทั้งสามเอาไว้ที่เรือนรับรอง...
พิมพิลาไลยกวาดสายตาของตนไปมองเด็กชายทั้งสองอย่างวิเคราะห์...แต่ก็หาได้สนใจไม่
หากนางไม่คิดเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขา
เรื่องหายนะข้างหน้าก็ไม่เกิดขึ้น...เพราะฉะนั้นการเมินเฉยจึงเป็นสิ่งดี
ส่วนพลายแก้วและขุนช้างที่คราแรกได้เห็นโฉมเด็กหญิงที่บิดาของตนอยากให้รู้จักนั้นก็คล้ายพึ่งตื่นจากมนต์สะกด
พอรู้ตัวอีกเด็กหญิงก็เดินไปนั่งมุมเรือนและหยิบยกตำราขึ้นมาอ่านเสียแล้ว
แตกต่างจากเด็กหญิงที่แสดงท่าทีเขินอายเมื่อครู่ยามเจอบิดาของพวกเขา...สีหน้าของนางเรียบนิ่งสนิท
“นี่ ข้าชื่อพลายแก้ว ลูกของพ่อขุนไกรพลพ่ายกับแม่ทองประศรี
ยินดีที่รู้จักนะ”
เป็นพลายแก้วที่เดินเข้าไปทักเด็กหญิงอย่างซื่อตรง
เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้กับนางเพราะมีไม่บ่อยนักที่เขาจะได้มีเพื่อนเช่นนี้
พิมพิลาไลยเหลือบมองเด็กชายท่าทางใสซื่อที่ดูไม่ออกรึไงว่านางไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย...เขาคือขุนแผน...
เขามีรูปลักษณ์เป็นเด็กชายหน้าตาดี
โครงหน้าคมคายหล่อเหลาอย่างมากแม้จะเป็นเด็ก
หากโตขึ้นไปก็ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสาวๆจึงหลงเขามากมายนัก ดวงตาสีเหลืองทองดุจอำพันเป็นประกายมีชีวิตชีวาคล้ายพยัคฆ์เด็กเปี่ยมแรง
เส้นผมสีดำออกประกายครามดุจหมาป่า
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นเด็กชายที่เกิดมาเพื่อเป็นชายบุรุษชาตินักรบโดยแท้
ซึ่งถึงแม้จะหน้าตาดีมากเช่นไร แต่สำหรับพิมพิลาไลยแล้ว
เขาก็เป็นเพียงหายนะสำหรับเธอ เธอเลือกที่จะเมินเฉยต่อเขาและจะกลับไปอ่านหนังสือของตนต่อ
แต่ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเด็กชายอีกคนแนะนำตัว
“ข้า...ขุนช้าง...”
ขุนช้างเอ่ยแนะนำตัวสั้นๆก่อนจะหันไปสนใจตำราที่ตัวเองพกมา
เขารู้ดีว่าเด็กหญิงตรงหน้าก็คงไม่อยากมีเพื่อนเล่นอะไรเหมือนกันหรอก
คงถูกฝ่ายบิดาไม่ก็มารดาบังคับมาเป็นแน่แท้และในเมื่อเขาเองก็ไม่อยาก นางก็ไม่อยาก
จึงไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องทำเรื่องวุ่นวายเช่นนั้น
ท่าทางของเด็กหญิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สีหน้าเรียบนิ่งเผยความแปลกใจบนใบหน้าก็จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าชื่อขุนช้างจริงๆเหรอ?”
นางเอ่ยถามราวกับย้ำเตือนอะไรบางอย่าง
“ย่อมเป็นเช่นนั้น...”
ขุนช้างที่แม้จะไม่เข้าใจนัก
แต่ก็ตอบคำถามของเด็กหญิงไป
หลังได้รับคำตอบคล้ายเด็กหญิงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
พลางพึมพำว่าไม่เหมือน ก่อนจะหันกลับไปอ่านหนังสือของตน
รูปลักษณ์ของขุนช้างที่นางเห็นนั้น
แตกต่างจากบทประพันธ์สิ้นเชิง...เขาเป็นเด็กชายร่างบาง ไม่ได้อ้วนเหมือนดั่งที่เขียนไว้
หนำซ้ำยังเป็นเด็กชายหน้าตาดีมากไม่แพ้พลายแก้ว เขามีเค้าโครงหน้างามสมเป็นคุณชายและสวยคล้ายสตรีเล็กน้อย
ดวงตาสีม่วงงดงามที่ดูลึกลับและยากจะเข้าถึงคล้ายเขาวงกตและเมื่อหลงเข้าไปแล้วก็ยากจะกลับมา
เรือนผมสีดำสนิทยาวมัดรวบตามประสาบุตรขุนนาง
บรรยากาศท่าทางเงียบขรึมและเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ใบหน้านิ่งสนิทไม่ต่างจากนาง
นางเพียงถอนหายใจเบาๆและอ่านหนังสือของตนเงียบๆต่อไปพลางคาดหวังว่าเด็กชายทั้งสองจะเข้าใจความต้องการนางดีและจะไม่เข้ามายุ่งย่าม
.
.
.
ความคิดเห็น