คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่21 คำขอกับค่าตอบแทน
ปลายนิ้วเรียวบางนั้นลูบสัมผัสริมฝีปากของตนอย่างเชื่องช้าราวพินิจบรรจง ดวงตาสีอรุณอันเป็นเอกเหลือบมองทุกสิ่งอย่างเรียบเฉยคล้ายครุ่นคิดบางสิ่ง ร่างนวลนางเอนพิงทิ้งกายลงบนเตียงอย่างเกียจคร้านตามนิสัยอันเป็นสันดาน ปลายขาทั้งสองแกว่งไปมาเหนือผืนผ้าห่มดุจแหวกว่ายบนปุยเมฆ เสียงร้องร่ำเพลงขับกล่อมเพียงลำคอเป็นบทบรรเลงชวนพิศวงของภาษาดั้งเดิมในแรกอดีตชาตินั้นยากจะเข้าใจได้...
หากแต่เหล่าข้ารับใช้ทั้งหลายก็ล้วนมิกล้าเอ่ยขัดเพื่อไถ่ถามราวกลัวเสียมารยาทกับนายหญิงคนโปรดแห่งผู้เป็นนาย เมื่อวันวานในคราอดีตเป็นศีรษะของหญิงสาวรับใช้ทั้งสามซึ่งประดับเหนือยอดคมดาบประหารอันอาบย้อมด้วยโลหิตเสียแล้ว ดุจคำประจักษ์กร้าวของผู้เป็นเจ้าชายเคียร์เนย์ถึงความสำคัญและยกเหนือสูงค่าของสตรีผู้นี้
แลมัวเรลล์เองก็มิใช่คนเขลาที่จะมองมิออกว่าความโปรดปรานที่ตนได้รับนั้นช่างแสนมากมายเหลือคณานัก...ทว่ามันก็คล้ายบึงน้ำเน่าอย่างไม่ต้องสงสัย...เมื่อเบื้องลึกความรักใคร่ของจอมมารนั้นคือสิ่งโสมมคิดผิดจารีตประเพณีกับน้องสาวร่วมสายเลือด หากหลงมัวเมาเพลิดเพลินใจกลางสายธารโคลนเน่านี้คงย่อมถูกดูดกลืนให้ร่วงหล่นสู่ห้วงนรกอเวจีโดยมิอาจกลับมาได้อีก...
“เหตุใดท่านจึงมิยอมมอบใจให้แก่นายเหนือหัวแห่งข้ากัน?”
เป็นเสียงคำเอื้อนเอ่ยถามของนายทหารคนสนิทผู้ทำหน้าที่เฝ้าหน้าบานประตูห้องของท่านหญิงตัวน้อยตามคำสั่งของผู้เป็นนาย วาตินนอฟซึ่งเดิมทำหน้าที่คอยส่งข่าวสารต่างๆระหว่างประจำการที่อาณาจักรวาสตินนั้นแม้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ทว่าด้วยฐานะทหารชั้นผู้น้อยจึงทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“มีเหตุผลมากมายที่จะทำให้ข้าไม่สามารถรักเขา....”
มัวเรลล์เอ่ยตอบคำถามของนายทหารหนุ่มผู้มีเพียงบานประตูกั้นระหว่างกันอย่างไม่ใส่ใจ...ดูเหมือนมารร้ายเฉกเช่นเคียร์เนย์คงวางนายทหารคนสนิทผู้นี้มาจับตามองเธอเสียมากกว่าคอย’ดูแล’ตามคำกล่าวอ้างของเขากระมัง
“หากท่านคิดปฏิเสธเขาคนนั้น...ย่อมเป็นคำตอบที่ไม่พึงประสงค์นัก”
วาตินนอฟรับรู้ดีว่านิสัยอันไม่น่าอภิรมย์ของนายเหนือหัวตนนั้นเป็นเช่นไร....ซึ่งบางครามันก็รู้สึกไม่ยุติธรรมนักที่ผู้คนมากมายต้องหวาดกลัวกับอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ของผู้เป็นนายที่สามารถตัดสินชีวิตคนได้อย่างง่ายดายโดยที่ท่านหญิงตัวน้อยเองก็มิได้ตระหนักถึงมัน...
นายเหนือหัวของเขาด้วยนิสัยอันเห็นแก่ตนแลใคร่ปรารถนาทุกอย่างในบาปนั้นย่อมมิยอมรับการปฏิเสธใดๆอย่างแน่แท้...ความไม่สบอารมณ์ผสมเคล้าความโกรธาคงระบายกระทำลงที่ผู้น้อยทั้งหลายเฉกเช่นมัน
“นั่นมันก็เป็นปัญหาของผู้อื่น....มิใช่ข้า”
ความเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์นั้นต่ำต้อยราวพื้นดิน เสียงหัวเราะเบาบางคล้ายเย้ยหยันต่อเหล่าเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบทั้งหลายแสดงถึงความไม่ใส่ใจแม้กระทั่งชีวิตผู้อื่น...หากไม่แม้นมองดูรูปลักษณ์อันงดงามเพริศพรายดุจนางฟ้านางสวรรค์ผู้ร่วงหล่น ย่อมปรากฏรูปแท้เป็น’ลิลิธ’นามของสตรีผู้ชั่วร้ายแห่งสวนสวรรค์อีเดน...
‘สุดท้ายไม่ว่ามนุษย์คนใด...ก็ล้วนต้องถูกกำจัดโดยน้ำมือของจอมมารเฉกเช่นเคียร์เนย์อยู่ดี’
ความคิดอันหมองหม่นนี้เป็นสิ่งที่มัวเรลล์มิได้กล่าวออกไป...มันคือความสิ้นหวังอย่างแท้จริง ดังนั้นเธอจึงเลิกที่จะตระหนักถึงความสำคัญของชีวิตผู้คนมาเนิ่นนานแล้ว
วาตินนอฟที่ได้ยินคำดั่งกล่าวแลเสียงหัวเราะขับร้องเพียงไพเราะดั่งมนต์สะกดของไซเรน หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับบรรยายความน่าขนลุก อันตรธานสิ้นคำถามใดๆในหัวสมองของทหารชั้นผู้น้อยเช่นมัน...
“ความสัมพันธ์ของข้าแลเคียร์เนย์นั้นจะเป็นเช่นไร...ก็มิเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าทั้งสิ้น”
มัวเรลล์เอ่ยถามอย่างยียวนเมื่อรับรู้ถึงความเงียบงันจากนายทหารคนสนิทหน้าประตู ใบหน้างามล้ำก้มลงเพื่อฝังตัวลงหมอนผืนใหญ่อย่างไม่ใส่ใจนัก พลางยกแขนทั้งสองข้างขึ้นชูเหนือผ้าห่มราวร่ายคาถาไล่ความเซื่องซึม
หากเปรียบเปรยความวิมลักของมารร้ายนั้นเป็นกลิ่นควันหลงยามแดดสาง...สองมือที่ไขว่คว้าจึงยากนักที่จะเอื้อมถึงเพื่อจับต้อง สายเลือดปะปนกายราวสายนทีอันหล่อเลี้ยงกายหยาบนั้นมีร่วมกัน แม้นกรีดกรายเนื้อหนังมังสาก็มิอาจขูดรีดวงศาซึ่งยามแรกก่อเกิดได้
“เพียงเพราะท่านมิได้ตระหนักถึงความลำบากยากเข็ญของชนชั้นผู้น้อยต่างหาก”
ความจริงแท้ของชนชั้นศักดินาคือความไม่เท่าเทียมในฐานะใด หนึ่งมนุษย์หากแต่คุณค่าไม่เท่ากัน หากผู้เป็นนายเอื้อนเอ่ยคำสั่งปรารถนาให้มันฆ่าชีวิตตนเอง...ย่อมต้องน้อมรับราวคำสรรเสริญและผูกคอดุจการบูชา
“แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นความผิดของข้า...เจ้าไม่กล้ากล่าวโทษนายเหนือหัวของตนผู้เป็นคนกระทำเสียเองล่ะ”
ความเขลากลัวของนายทหารชั้นผู้น้อยนั้นช่างน่าขัน...เขาเลือกเอ่ยตำหนิติเตียนอันตัวเธอซึ่งเป็นเหตุปลายทาง คงเพราะเห็นว่าเป็นเพียงสตรีผู้ถูกตามใจอย่างสุขสบายไร้ซึ่งความทุกข์กระมัง
บทบาทของมัวเรลล์นั้นมิใช่พระเอกผู้ทรงธรรมหรือนักบุญมากเมตตากรุณา...ดังนั้นตรรกะความคิดของเธอจึงไม่ได้มีความคิดที่จะต้องคอยรับผิดชอบชีวิตผู้คนทั้งหลายนอกเหนือจากตน...เธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดาซึ่งชีวิตตนเองก็ผูกติดกับจอมมารแล้ว เช่นนั้นจะมีปัญญาช่วยเหลือผู้อื่นหรืออย่างไร...
“ท่านเป็นเพียงคนโชคดี ที่ได้รับความโปรดปรานจากนายเหนือหัวแห่งข้า...จึงได้รับการยกเว้นความโกรธาทั้งปวง หากแต่ความจริงคือไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นท่าน”
คำกล่าวของท่านหญิงตัวน้อยช่างแสนง่ายดาย นางมิได้ตระหนักเลยว่าจุดยืนที่พวกมันมีอยู่นั้นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกรีดร้องอ้อนวอนใดๆ
“ไม่เลย...เจ้าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ความโปรดปรานของชายผู้นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากยาพิษ”
มัวเรลล์ฉีกยิ้มดูแคลนความเข้าใจมักง่ายของผู้คนโดยไร้ซึ่งอารมณ์ฉุนเฉียว มือบางตบหมอนอันพิงแอบเบาๆคล้ายจัดแจงให้เรียบร้อย เพราะรับรู้ดีว่าอีกไม่นานย่อมมีมารร้ายมาแย่งที่นอนตนด้วย
“ข้าไม่เข้าใจ”
คิ้วเรียวเข้มสีดำสนิทของวาตินนอฟนั้นขมวดเข้าหากันราวปริศนายากแก้ไข แม้นไม่เคยเห็นตัวตนของนายหญิงตัวน้อยในห้องปิดตายนี้...ทว่าคำเล่าลือของเหล่าหญิงสาวรับใช้ทั้งหลายต่างก็ล้วนลงความเห็นว่า หากความทะนุถนอมของนายเหนือหัวที่มีต่อนางเป็นลำดับสอง ย่อมไม่มีลำดับที่หนึ่ง
“เอาเถิด อย่างน้อยเจ้าก็ยังไม่ตายนะ...ดีกว่าข้าที่ตายมาแล้วคราหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะต้องตายอีกหรือเปล่า”
คำเอ่ยตลกขบขันคล้ายมุขตลกร้ายของมัวเรลล์นั้นเอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ เธอไม่คิดว่าตนเองนั้นเพียงมีความโปรดปรานเป็นพิเศษจะสามารถตัดสินใจตนได้ทุกสิ่งดั่งเช่นที่ผู้คนทั้งหลายคิดหรอก
‘หากเคียร์เนย์รักเธอ... เขาจะไม่ปล่อยให้เธอตายเพื่อมาใช้เป็นผลประโยชน์’
ความเจ็บปวดจากการถูกเผาทั้งเป็นราวแม่มดผู้ผิดบาปนั้นดุจตะปูไม้ที่ตอกลึกย้ำแล้วย้ำเล่าปวดร้าวเป็นเสี่ยงๆ มือไม้ของชายแปลกหน้าล่วงลึกเข้ามาในกายเธอ เส้นผมที่ถูกฉีกกระชากจากหนังศีรษะนั้นยังคงสร้างอาการแสบสันเยี่ยงคนวิกลจริต เนื้อในที่ถูกหินทุบตีนั้นยังคงบอบช้ำอยู่ภายใต้จิตสำนึกอันมิเคยลืมเลือน
บางทีการตายโดยไม่หวนกลับมานั้นคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า...แลน่าเสียดายนักที่ผู้กำหนดชีวิตของเธอนั้นมิใช่พระผู้เป็นเจ้าที่เปี่ยมด้วยความกรุณา หากแต่เป็นงูร้ายที่ล่อลวงเข้ามายังสวนสวรรค์อีเดนอย่างกําเริบเสิบสานพึงตนเป็นหนึ่งเดียวในโลกาแห่งนี้
“แหมๆ...คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือ ดูน่าสนุกเสียจริงนะ”
เป็นน้ำเสียงกะแนะกะแหนปนความดูแคลนอันเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งยวดของมารร้าย มือหนาหยาบกร้านคลายเกี่ยวพันรอบเส้นผมยาวของเด็กหญิงตัวน้อยคล้ายผูกมัด ปลายเท้าอันแต่เดิมเคยทิ้งน้ำหนักผิดมารยาทนั้นเบาบางราวขนนก
พลางปรากฏเป็นรูปโฉมแห่งจอมมารเบื้องบนเรือนร่างของมัวเรลล์ราวผู้วิเศษ...ดวงตาสีโลหิตจับจ้องมองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่หาญกล้าเอื้อนเอ่ยใส่ร้ายเขาอย่างไม่เป็นธรรมนัก เขานั้นแสนรักใคร่ในตัวนางเสียยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกหล้า แลเหตุไฉนนั้นจึงคิดว่าความโปรดปรานของเขาเป็นยาพิษกัน
“เข้ามาได้อย่างไร?”
มัวเรลล์ที่คราแรกเริ่มตั้งใจงีบหลับนั้นเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจไม่น้อย เมื่อพบว่าจอมมารหนุ่มขึ้นมาคร่อมบนเรือนกายของเธอ มือบางเอื้อมยันใบหน้าของผู้ร้ายตัวดีด้วยความรำคาญเล็กน้อย
“ทุกที่อันล้วนมีเจ้า...ข้าย่อมอยู่ที่นั่น”
จอมมารหนุ่มเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยคล้ายแสดงความยียวน ก่อนค่อยๆผ่อนแรงของตนลงเมื่อรับรู้แรงผลักของเด็กหญิง เพราะกลัวว่าหากตนฝืนต้านเล็กน้อย...อีกฝ่ายคงเสียแรงหมดไปเสียเปล่า
ว่าแล้วมือหนาของจอมมารหนุ่มจึงเลื่อนไปจับมือบางของนางที่แสดงความผลักไสตนอย่างเต็มเรี่ยวแรงนักหนาด้วยความเอ็นดู ซึ่งปลายนิ้วเล็กนั้นก็เกิดรอยแดงเบาๆชวนรู้สึกน่าขบขัน ริมฝีปากของมารร้ายอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้างกับความน่ารักเหลือคณาเช่นนี้
ก่อนที่งูร้ายเฉกเช่นมันจะตัดสินใจก้มโน้มลงไปเป่าลมให้แก่มืออันบอบบางซึ่งตนถนอมมาราวดุจดอกใบบัว คล้ายกลัวความเจ็บปวดแม้นเพียงน้อยนิดนั้นสร้างรอยบาปให้แก่นาง ดอกไม้ในมือมารนั้นย่อมถูกเทิดทูนให้ล้ำค่าประเสริฐสุดแล้วหนา....
“ส่วนพวกเจ้า...ออกไปข้างนอกให้หมด”
ความโปรดปรานแลรักใคร่นั้นมิได้เผื่อแผ่ผู้คนทั้งหลาย น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเปล่งวาจาไร้ซึ่งไมตรีใดๆ ดวงตาอันน่าขนลุกเหลือบมองเหล่าข้ารับใช้ของตนราวหนอนแมลง หากพวกมันไม่เชื่อฟังก็คงล้วนถูกบดขยี้ด้วยปลายเท้า
“แลตัวเจ้าด้วย...วาตินนอฟ”
“ครับ”
วาตินนอฟเพียงรับคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างเรียบเฉียบและรวบรัด พลางนึกถึงบทสนทนาของตนที่หาญกล้าเอ่ยถามเรื่องราวจากท่านหญิงตัวน้อย...คำตอบของนางอันไร้ซึ่งความยินดีใดๆ คล้ายสร้างความสงสัยให้แก่มันอย่างถึงที่สุด
แลเมื่อไร้สิ้นผู้คนใดๆท่ามกลางวิมานอันลวงหลอกของทั้งสอง...จอมมารหนุ่มจึงค่อยพลิกร่างนวลนางของน้องสาวร่วมสายเลือดมาสวมกอดราวปานกลืนกิน ในขณะที่มัวเรลล์เองก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวคล้ายไม่ใส่ใจต่อการกระทำเกินงามศีลธรรม ดวงตาสีอรุณเหลือบมองนภาลัยนอกเหนือหน้าต่างแทนการจับจ้องมองชายเบื้องบนตน ใบหน้างามล้ำเพียงซุกลงที่ไหล่ของพี่ชายต่างมารดาราวครุ่นคิดบางสิ่งอยู่...
“แม้นอาณาจักรวาสตินล่มสลายแล้ว...หากแต่เพียงข้าปรารถนาถึงความปลอดภัยของเด็กน้อยผู้หนึ่ง”
เป็นคำกล่าวคล้ายเอื้อนเอ่ยขอร้องโดยอ้อมจากริมฝีปากบาง มัวเรลล์ตระหนักดีว่าบทประพันธ์เนื้อเรื่องของโลกใบนี้ได้บิดเบี้ยวไปแล้ว...อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอันโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้ามิสมควรล่มสลายเช่นนี้ ผู้กล้าจะไม่อาจมีที่ยืน นักบุญจะไร้ซึ่งบทบาท แลตัวละครทั้งหลายจะได้รับผลกระทบ
หาก’ยูริอัส’จบสิ้นชีวิตลงท่ามกลางสงครามหรือกลายเป็นเพียงเชลยศึก...ตัวละครในบทบาทของผู้กล้าเพียงหนึ่งเดียวย่อมสูญหายไปตลอดกาล...
แลนั่นหมายความว่า ตัวตนของจอมมารเบื้องหน้านั้นจะไม่มีวันถูกกำจัด....
“ทุกอย่างล้วนมีค่าตอบแทน”
ปลายนิ้วหนาลูบไล้ริมฝีปากบางของสตรีคนโปรดตัวน้อยเล่นเบาๆ เคียร์เนย์รับรู้ดีว่าสิ่งที่เด็กหญิงต้องการอยู่นั้นคืออะไร...หากแต่เขาก็ไม่เอ่ยปฏิเสธ
“ข้าจะมอบความโปรดปรานให้เจ้า”
มัวเรลล์คิดว่าคำขอที่ตนอ้อนวอนนั้นอาจดูบ้าเกินไปนัก ไม่มีทางที่จอมมารนั้นจะช่วยเหลือผู้กล้าโดยสมัครใจ...พวกเขาล้วนต่างกำเนิดมาเพื่อเป็นศัตรูแก่กันและกันอย่างแท้จริง...
ทว่าดูเหมือนจอมมารหนุ่มเบื้องหน้ากลับตอบตกลงได้อย่างง่ายดายชวนน่าสงสัย...หรือเพราะความหยิ่งยโสอันดูแคลนว่าผู้กล้าตัวน้อยในยามนี้เป็นเพียงเด็กไร้สัญชาติแล้วกัน? บางทีหากเป็นแผนการบางอย่างของงูร้ายตัวนี้ล่ะ?
“เช่นนั้น...ก็แสดงให้ดูเสีย”
เป็นน้ำเสียงกระซิบทุ้มต่ำข้างปลายหูลวงให้มอมเมาราวควันบุหรี่อันอบอวล พร้อมดวงตาสีโลหิตหรี่ลงเป็นประกายแสงท่ามกลางความมืดมิดของภายนอก ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาดุจความลุ่มหลงแห่งราคะของเขาจะโน้มลงมาอีกครา....
ริมฝีปากของมารร้ายกดลงที่ริมฝีปากบางของนาง...พลางอ้าปากของตนและแลบลิ้นออกมาสอดลงไปที่โพรงปากของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเชื่องช้า ค่อยๆใช้ปลายลิ้นเกี่ยวพันและรุกล้ำจนเกิดเสียงน้ำลายอันน่าอับอาย..
เขากำลังเล่นภายในปากของเธอราวของเล่น....
ใบหน้างามล้ำของมัวเรลล์ถูกย้อมเป็นสีแดงฉานอ่อนๆคล้ายผลสัมผัสของแอปเปิลก็ไม่ปาน...ดวงตาสีอรุณหลุบลงอย่างสั่นไหวเมื่อถูกนัยน์ตาคมคู่นั้นแสดงความต้องการในตัวเธออย่างมากมายเหลือเกิน กลิ่นอายของบุรุษเพศผสมเคล้าควันหลงของยาสูบอันเบาบางมัวเมาสติของเธอให้พร่าเลือน...
เป็นงูร้ายที่ค่อยๆกลืนกินลมหายใจของเด็กหญิงตัวน้อยทีละนิด...มือหนาที่หยาบกร้านจับเส้นผมยาวของนางทัดลงที่หู แล้วจึงเล่นใบหูเล็กๆนั้นอย่างนุ่มนวล พลางปนป้อนลิ้มลองน้ำหวานนั้นด้วยความโลภราวกับเป็นหยดน้ำจากจอกศักดิ์สิทธิ์
และในที่สุดลมหายใจของมัวเรลล์ค่อยหมดลงไปช้าๆ มือบางข้างหนึ่งพยายามเอื้อมขึ้นมาข้างบนเพื่อตะเกียกตะกายดิ้นรนให้จอมมารหนุ่มรับรู้ด้วยความความรู้สึกทรมานปนความหอมหวานอันน่าแปลก...
ทว่ามือหนาของจอมมารร้ายกลับเพียงกอบกุมมือข้างนั้นของเด็กหญิงราวโซ่พันธนาการ แลยิ่งทวีคูณจุมพิตอันหนักหน่วงและเชื่องช้าเฉกเช่นบทลงโทษ...สุดท้ายเป็นปลายเท้าของมัวเรลล์ที่จิกเกร็งผ้าห่มเพื่อระบายความทรมาน ดวงตาสีอรุณนั้นเริ่มเหลือกลนพร้อมกับสติที่พร่ามัวราวหลุดลอยเสียแล้ว...
บัดดลนั้นงูร้ายสารเลวจึงค่อยผ่อนปรนริมฝีปากของตนออกมา...
เพียงเสี้ยววินาทีนั้นหัวสมองของเด็กหญิงก็กลับมาโล่งสบายอีกครา ลมหายใจค่อยๆเติมเต็มเข้าสู่ปอดราวเป็นสิ่งล้ำค่านักหนา...แลความทรมานก่อนหน้านั้นทำให้ความรู้สึกของความธรรมดาในตอนนี้กลายเป็นความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด...
แล้วฝ่ามือหนาอันหยาบกร้านของจอมมารหนุ่มนั้นเอื้อมช้อนแก้มนวลนางของเด็กหญิงตัวน้อยที่เริ่มได้สติดีแล้ว ก่อนโน้มตัวลงไปเอ่ยข้างหูอย่างเบาๆว่า
“แม้นข้าจะเป็นคนบาป....แต่ข้าก็สามารถนำพาสรวงสวรรค์มามอบให้แก่เจ้าได้”
.
.
.
ลืมบอกไปเลยว่ารสนิยมอิพี่จอมมารนี่smอยู่นะคะ555
ปล.อยากย้ำอีกรอบว่าพระเอกเป็นจอมมารจริงๆ(?) คือชั่วจริงๆไม่ได้มานั่งกลับใจนะคะ(ฮา)
ปล.ที่2 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
ความคิดเห็น