ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แด่เธอผู้เป็นสตรีของจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่18 เริ่มเปิดเผย

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 63


      

    เรือนผมเกศาต้องจันทร์คล้ายแสงอาทิตย์ยามรุ่งที่เบาบางถูกถักเปียยาวหนึ่งสายแล้วจึงประดับด้วยดอกไม้เครื่องเพชร ใบหน้างามล้ำของโฉมงามคนโปรดแห่งจอมมารมิได้ตกแต่งอะไรเพราะความเยาว์วัย เครื่องแต่งกายถูกผลัดเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรมที่อิงแอบ...เนื้อผ้าสีดำนั้นไซร้ตัดกับผิวกายขาวดุจหิมะของเธอ ลวดลายผ้าประดับสีทองและแดงเล็กน้อยนั้นตามความสวยงามที่ไม่มากเกินพอดี อัญมณีที่ตกแต่งเองก็มิได้ฟุ่มเฟือยจนน่าเกลียด ทว่าสิ่งที่ดูพิเศษนักเมื่ออยู่บนเรือนกายของเด็กหญิงนั้นเป็นสร้อยคอไม้กางเขนกลับหัวที่ดูไม่ดีนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อความงดงามบริสุทธิ์ถูกสวมใส่โดยสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายกลับเพิ่มพูนความเสน่หาของจอมมารหนุ่มที่มีต่อนาง

     

    เจ้าช่างงดงามจริงๆ....เรย์ของข้า

    เคียร์เนย์อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเรือนกายของเด็กหญิงในชุดของสตรีชาวมีลาธาที่ดูแล้วช่างดูเหมาะสมกับนางยิ่ง พลางพยายามดับกิเลสตัณหาที่มีอยู่ไม่ให้ล่วงล้ำนางในตอนนี้ ดวงตาสีโลหิตได้แต่หรี่มองด้วยความเสียดาย มือของเขาพลางเอื้อมสัมผัสปลายผมของสตรีนางน้อยอย่างเอ็นดูมิได้เกินเลยความคิดโสมมในหัว

     

    อย่างนั้นเหรอ...

    มัวเรลล์เอ่ยตอบกลับคำชมของจอมมารหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจนัก เธอยืนนิ่งอย่างว่าง่ายเพื่อให้สาวใช้ทั้งหลายแต่งกายเธอได้สะดวก และหลุบดวงตาสีอรุณให้ก้มต่ำลงหลบสายตาที่จับจ้องตนราวกับต้องการกลืนกินเธอไปทั้งตัวของเขาเพราะความไม่สบายใจ มือบางภายใต้แขนเสื้อยาวนั้นกำแน่นด้วยความหวั่นใจเล็กๆ....

     

    บางทีมันก็น่าขนลุก....ที่พี่ชายร่วมสายเลือดแม้ต่างมารดามองเธอด้วยความพิศวาสเช่นนั้น...ถึงยังไม่อาจแน่ใจว่าภายในหัวของจอมมารเช่นเขาคิดอะไรกับเธอกันแน่ ทว่าความโปรดปรานอันย้อนแย้งที่ผ่านมาของเขาก็ทำให้เธอหวาดกลัวอยู่เสมอ...

     

    และด้วยความระแวงนี้เอง...มัวเรลล์จึงเผลอตัวยกมือขึ้นสัมผัสลำคอที่ถูกมารร้ายกัดไปเมื่อวันก่อนตามประสาคนครุ่นคิดถึงเรื่องเก่า ปลายนิ้วเรียวสัมผัสรอยแผลที่ถูกชายหนุ่มทิ้งเอาไว้อย่างช้าๆ....และกลับพบว่า ร่องรอยแผลลึกที่ถึงขนาดเลือดซึมออกมา...ไม่มีอยู่แล้ว...ดวงตาสีอรุณจึงแอบเบิกกว้างเล็กๆด้วยความแปลกใจ ก่อนตัดสินใจลูบหลังลำคอของตนอีกคราเพื่อย้ำเตือนความจริงว่าไม่ได้คิดไปเอง...

     

    ทว่าไม่ทันที่เด็กหญิงตัวน้อยจะได้พินิจพิจารณาตน เป็นเคียร์เนย์ที่เดินเข้ามาใกล้ชิดกับร่างบางซึ่งสวมใส่ชุดเสร็จเรียบร้อยดีแล้วและยกมือจับข้อมือแสนซนของนางที่กำลังลูบรอยแผลที่จางหายไปอย่างปริศนา รอยยิ้มของมารร้ายยังคงประดับบนใบหน้าที่ล่อลวงผู้คนมามากมาย ก่อนเอ่ยตอบความสงสัยของเด็กหญิงอย่างคลุมเครือ

    เพราะเรย์เป็นคนพิเศษอย่างไงล่ะ....พระผู้สร้างจึงประทานพรแสนวิเศษนี้มอบให้แด่เจ้า

     

    หมายความว่าอย่างไง?”

    มัวเรลล์ทวนคำกล่าวของจอมมารหนุ่มอย่างไม่เข้าใจนัก ใบหน้างามล้ำเงยขึ้นมองชายหนุ่มคล้ายอยากทักท้วงถามให้มากความอีกครา มือบางภายใต้แขนเสื้อยาวนั้นเอื้อมมือไปฉุดชายเสื้อของเขาอย่างเงียบๆราวเด็กน้อยที่ต้องการขอขนมก็ไม่ปาน

     

    ซึ่งนั่นก็เรียกความเอ็นดูให้กับจอมมารหนุ่มอย่างยิ่งยวด...ประกายความโสมมในดวงตาสีโลหิตจางหายลงไปถึงห้าส่วน มือหนาเอื้อมสัมผัสหลังคอของเด็กหญิงคนโปรดที่ตนเคยกระทำกัดเล่นอย่างอารมณ์ดี...

     

    คงเพราะพระผู้สร้างแสนหวาดกลัวกระมังว่าร่างอันแสนบอบบางและงดงามนี้จะพังไม่เหลือชิ้นดีเมื่อมาอยู่เคียงข้างคู่กับจอมมารเช่นข้า...

     

    ด้านมัวเรลล์ที่ได้ฟังคำกล่าวคล้ายทีเล่นทีจริงก็เพียงนิ่งเงียบไป...เพราะเธอรู้สึกว่าที่ผู้สร้างคิดนั้นเป็นเรื่องจริง การอยู่เคียงข้างกับจอมมารเช่นเคียร์เนย์นั้นรังแต่จะถูกบีบให้แหลกคามือตอนใดก็ได้ จอมมารมิใช่ตัวละครที่รู้จักปกป้องคนรักตนอย่างพระเอกหรือพระรอง...เขามีความซับซ้อนและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ชัดเจนสมเป็นตัวตนที่แสดงถึงความโสมม

     

    เอาเถิด...ต่อจากนี้ไป เจ้าคือเด็กหญิงผู้สูงศักดิ์จากอาณาจักรวาสตินที่ข้าพามาอยู่ด้วยที่จักรวรรดิมีลาธาเพราะความโปรดปราน อย่าเอ่ยถึงศักดิ์ในอดีต อย่าบอกเล่าความเป็นมา และอย่าวางใจใครที่นี้

    เคียร์เนย์นับเป็นคนหนึ่งที่มีตำแหน่งไม่น้อยในราชวงศ์มีลาธา อิทธิพลของเขาค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับตอนอยู่อาณาจักรวาสตินแล้วก็นับเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น ในทวีปมืดนี้เขาเป็นบุคคลมากอำนาจที่สุดผู้หนึ่ง ดังนั้นการนำเด็กหญิงปริศนาสักคนมาอยู่โดยปลอมแปลงประวัติและตำแหน่งจึงเป็นเรื่องง่ายดายนัก ต่อให้ผู้ใดสงสัยก็คงไม่มีความกล้าจะสืบค้นหรือตั้งคำถามต่อตัวเขา

     

    แล้วตัวข้าอยู่ที่นี้ในสถานะอะไรกันหรือ?”

    มัวเรลล์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เธอถูกพามาที่นี้เพราะความต้องการของจอมมารหนุ่ม...ไม่รู้เลยว่าจะต้องวางตัวเช่นไร ผู้คนจะมองอย่างไง หรือแม้กระทั่งอาจต้องอยู่อย่างหลบซ่อนผู้คนอีกหรือเปล่า เธอต้องการบทบาทที่ชัดเจน...

     

    แล้วเจ้าอยากอยู่ในสถานะใดกันล่ะ?”

    เป็นจอมมารหนุ่มที่ไม่เอ่ยตอบความอันใดของเด็กหญิง มีเพียงดวงตาสีโลหิตที่จับจ้องใบหน้างามล้ำของนางเป็นคำตอบชัดอย่างลุ่มลึก เพราะหากเอ่ยสถานะของนางที่เขาต้องการให้เป็น....นางย่อมยอมรับไม่ได้อย่างแน่แท้ เขาพานางมาอยู่ในดินแดนที่ไม่มีผู้ใดรู้จักนางเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่...ไม่สิ แค่ปกปิดความจริงอันโสมมทั้งหมดก็เท่านั้น....

     

    โดยเฉพาะเรื่องที่นางและเขาเป็นพี่น้องครึ่งสายเลือดกัน....จะไม่มีใครได้รับรู้...ความรักความโปรดปรานที่ผิดประเวณีนั้นเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ...ทว่าจอมมารเช่นเขาก็มิได้แยแสต่อศีลธรรมและเส้นบรรทัดฐานของสังคมเหล่านั้น ตัวเขาปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะมีนางมาอยู่เคียงข้างกายในทุกเวลาของชีวิต....

     

    หนึ่งสิ่งที่ผู้สร้างนั้นกระทำผิดพลาดคือการที่มิได้บรรยายรูปธรรมของความโปรดปรานที่จอมมารเช่นเขามีต่อเด็กหญิงผู้นี้ คำเขียนที่ว่าเพียงโปรดปรานและรักใคร่นั้นมิได้เจาะจงในความสัมพันธ์ฉันพี่น้องหรือครอบครัว จึงไม่แปลกเลยที่มันจะเปิดโอกาสให้ตัวตนอันบิดเบี้ยวอย่างเขามีความคิดเกินเลยผิดแผกคนปกติทั่วไปได้

     

    ซึ่งจอมมารหนุ่มก็รู้ดีว่าเด็กหญิงที่ตนแสนโปรดปรานและรักใคร่นั้นมิได้มีความคิดน่าขยะแขยงเหมือนตน....

     

    เช่นนั้นเป็นน้องสาวต่างมารดาเหมือนเดิมล่ะ

    มัวเรลล์เอ่ยสถานะที่ตนคิดออกให้แก่ชายหนุ่ม เพราะอย่างไรเสียเธอก็เป็นน้องสาวของเขาจริงๆ หากจะเอ่ยพึ่งบารมีของเขาจะมิได้ขัดปาก เพราะอย่างน้อยก็มีสายเลือดร่วมกัน....

     

    คำตอบที่แสนตรงไปตรงมาและเป็นความจริงนั้นทำให้จอมมารหนุ่มที่ได้ฟังอดไม่ได้ที่จะขบยิ้มอย่างเอ็นดู มือหนาและหยาบกร้านทั้งสองของเขาประสานเอวบางของนางให้แนบชิดใกล้กับตัวเขา ใบหน้าของมารร้ายที่ล่อลวงผู้คนเสมอนั้นยื่นอิงแอบหน้าผากไปทาบกับหน้าผากของเด็กหญิงตัวน้อยจนไม่เหลือช่องว่าง ดวงตาสีโลหิตสบมองดวงตาสีอรุณที่ช้อนมองตนอย่างชมชอบ ก่อนตัดสินใจค่อยๆจุมพิตลงบนแก้มทั้งสองของนางอย่างรักใคร่...

     

    ข้าไม่เคยนับเจ้าเป็นน้องสาว....เรย์

     

    คำกล่าวเพียงสั้นๆของจอมมารหนุ่มนั้นทำให้มัวเรลล์คล้ายรู้สึกขนลุกและผิดแปลกในเวลาเดียวนี้...ร่างของเธอเกร็งไปชั่วขณะและเงยมองเขาด้วยความไม่อยากเข้าใจ

     

    ทว่าไม่ทันที่มัวเรลล์จะได้เอ่ยอะไรต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นสามคราคล้ายรหัสบางอย่าง....ทำให้เคียร์เนย์ต้องปล่อยมือจากร่างของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเรียบเฉย ก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกจากห้องไปโดยบอกเพียงว่าไปทำธุระสักพักเท่านั้น

     

    .

    .

    .

                                                                                                        

    ซึ่งผู้เคาะประตูเป็นสัญญาณเรียกนั้นคือชายหนุ่มในเครื่องแต่งกายทหารมีภูมิฐานที่ดี เขามีเรือนผมสีดำสนิทตามพันธุกรรมของชาวทวีปมืดโดยแท้ ดวงตาสีดำสนิททว่าเจือปนเทาเล็กน้อย ใบหน้าแม้ไม่ได้หล่อเหลาเท่าเจ้าชายผู้เป็นนายของตน แต่ก็ดูดีในระดับคนทั่วไปเห็นแล้วรูปงาม ร่างกายสูงใหญ่ท่าทางไหล่ตรงผ่าเผยสมชายชาติทหารที่ฝึกมา สีหน้าขึงขังยิ่งส่งเสริมให้เขาดูเป็นคนจริงจังจนชวนรู้สึกอึดอัด

     

    มีความเคลื่อนไหวในอาณาจักรวาสตินแล้วสินะ

    เคียร์เนย์เอ่ยประเด็นบทสนทนาอย่างเรียบเฉย เขาที่พึ่งเดินออกจากห้องมาเพียงเอื้อมมือไปปิดประตูจากด้านหลัง ก่อนก้าวเดินห่างจากประตูพอเหมาะไม่ให้เสียงคุยงานของตนรบกวนเด็กหญิงในห้อง

     

    เป็นเช่นนั้นพะยะค่ะ....ดูเหมือนทางกษัตริย์คาเทียสจะพยายามควบคุมข่าวเรื่องการตายของเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชาย มิให้รั่วไปถึงประชาชนเพราะกลัวว่าความน่าเชื่อถือจะตกต่ำลง อีกทั้งกังวลว่าอาจเป็นประเด็นให้ต่างอาณาจักรเล่นกระแสโจมตีได้ แต่ถึงอย่างนั้นภายในราชสำนักก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด...ตระกูลมาร์ควิสอาควาฟ จานอลและเปเซลทั้งสามพยายามเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสืบสวนการตายโดยใช้คนของตัวเองเพราะไม่เชื่อใจในเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจเบี่ยงเบนไปทางกษัตริย์คาเทียส ส่วนตระกูลเอกอัครราชทูตอองเดฟก็พยายามแอบส่งข้อมูลข่าวสารไปยังต่างอาณาจักรกลางเพื่อฟ้องร้องความเป็นธรรมกับองค์กรภาคีกลุ่มรักษาสันติภาพแห่งมวลมนุษย์...แล้วก็อีกสองอาณาจักรอย่างกริโคและยูนาลยังคงไม่เคลื่อนไหวอะไร เพราะพระสนมในสายพระวงศ์ของสองอาณาจักรถูกกักตัวไว้ที่ปราสาทส่วนตัวจนกว่าคดีจะจบลงเนื่องจากกลัวว่าทั้งสองจะส่งข่าวไปบอกแก่ต้นอาณาจักรของตน

    ชายหนุ่มในชุดทหารหรือวาตินนอฟเอ่ยรายงานคร่าวๆ พลางยื่นซองบรรจุเอกสารซึ่งเป็นข้อมูลละเอียดให้แก่นายของตนเพื่ออ่านดู แต่เดิมแล้วอาณาจักรวาสตินค่อนข้างมีระบบราชการที่โปร่งกว่าจักรวรรดิมีลาธา ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นเรื่องง่ายในการหาข้อมูลอย่างไม่ยากเย็น

     

    แล้วการวางตัวของมารดาข้าตอนนี้ล่ะ?”

    เคียร์เนย์ที่ได้รับข้อมูลมาก็เปิดซองเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างง่ายๆ ปากพลางเอ่ยถามข้อมูลยิบย่อยที่จำเป็นอย่างไม่ใส่ใจนัก แม้สมองจะขบคิดตามอยู่ก็เถอะ

     

    พระนางทรงส่งจดหมายไปแสดงความเสียใจกับพระสนมแห่งกริโคและยูนาลทั้งสองถึงปราสาทส่วนตัว....นอกจากนั้นยังพยายามเรียกร้องให้กษัตริย์คาเทียสยอมรับข้อเสนอการสืบสวนโดยคนของมาร์ควิสทั้งสาม

    วาตินนอฟเอ่ยตอบกลับคำถามของเจ้าชายหนุ่มแม้จะขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไร 

     

    มารยาจริงๆ

    ส่วนทางด้านเคียร์เนย์ที่ได้ฟังก็เพียงยิ้มเยาะกับความเสแสร้งของมารดาที่เป็นหนึ่ง และปิดซองเอกสารเมื่ออ่านจบลงแล้วด้วยความเรียบเฉย

     

    ความจริงแล้วเรื่องราวการตายของเจ้าหญิงเจ้าชายตัวน้อยทั้งหกแห่งราชวงศ์วาสตินมิใช่ความบังเอิญ

     

    จะมีหรือที่โอกาสเด็กที่โง่เขลาทั้งหลายจะผ่านเข้ามาในปราสาทต้องห้ามที่เต็มไปด้วยผนึกชั้นสูงได้ แล้วจะมีหรือที่เด็กโง่เขลาทั้งหลายที่ทำร้ายเด็กน้อยของเขาจะบังเอิญล้วนแต่มีต้นตระกูลฝั่งมารดาที่ปฏิปักษ์กับราชวงศ์วาสตินได้ทั้งหมด...

     

    หากความบังเอิญที่เหมาะเจาะเช่นนี้นับว่าเรียกปาฏิหาริย์แล้ว ทว่าน่าเสียดายนักที่มันเป็นเรื่องที่เขาวางแผนเอาไว้ทั้งหมดสิ้น...

     

    แต่เขาก็หาใช่ผู้กระทำด้วยมือตัวเองไม่...เป็นมารดาของเขาต่างหากที่กระทำแทนโดยที่เขาไม่ต้องลงแรงอะไรเสียด้วยซ้ำ

     

    เพียงแค่เขาจงใจแสร้งแสดงความสำคัญของเด็กหญิงคนโปรดออกนอกหน้าก็ทำให้มารดาบังเกิดเกล้าแสนริษยาและหึงหวงอย่างโง่งมจนวางแผนหาวิธีกำจัดเด็กน้อยของเขาโดยที่นางไม่คำนึงถึงผลกระทบใดๆเลยแม้แต่น้อยสมความเห็นแก่ตัวอันเป็นนิสัยหลัก

     

    สตรีเช่นคาริน่ายึดถือความคิดและความต้องการของตัวเองเป็นหนึ่งดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่นางจะไม่คิดถึงผลกระทบของอาณาจักรหรือแม้กระทั่งมนุษยชาติแม้ตนจะกำจัดเด็กต้องสาปไปก็ตาม ซึ่งนั่นทำให้มารดาผู้นี้เป็นตัวเลือกหนึ่งในการเป็นแพะรับบาปให้แก่เขาได้ดี....

     

    จอมมารหนุ่มไม่นิยมชมชอบในการลงมือด้วยตัวเองนัก เขาก็เหมือนตัวร้ายทั่วไปตามเนื้อเรื่องที่ชักใยทุกสิ่งอยู่เบื้องหลัง....ผลประโยชน์ที่ได้นั้นมีแต่ทวีคูณ....

     

    เช่นนั้นจงปล่อยให้พวกมันทะเลาะกันเองไปเสียก่อน....แล้วจึงค่อยส่งหลักฐานชิ้นพิเศษไปก็ยังไม่สาย

    เคียร์เนย์เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าอาณาจักรวาสตินจะแตกภายในวันเดียว ความแตกแยกของภายในราชสำนักจะทำให้คนในชาติแบ่งก๊กแบ่งเหล่าง่ายต่อการยุยงปลุกปั่นยิ่ง

     

    ด้านวาตินนอฟที่ได้ยินก็เพียงนิ่งเงียบ แม้ตนเป็นนายทหารใต้บัญชาของเจ้าชายผู้นี้ ทว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวความคิดหรือแผนการของผู้เป็นนายทั้งหมด บางทีคำสั่งทั้งหลายที่เขาได้รับอาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของแผนร้าย ถึงสงสัยใคร่รู้ก็มิกล้าท้วงถามเพราะหน้าที่ของเขาคือการปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น

     

    และในระหว่างนั้นเองคล้ายจอมมารหนุ่มก็ละความสนใจจากการสนทนา ใบหน้าหล่อเหลาของมารร้ายที่เรียบนิ่งยามพูดคุยกับข้ารับใช้นั้นมองเผินไปยังประตูที่ตนปิดสนิทเอง จากนั้นจึงเอ่ยปากกับนายทหารเบื้องหลังอย่างเลือดเย็นว่า

    ก้มหัวมองพื้นซะ....หากไม่อยากถูกควักลูกตา

     

    ซึ่งวาตินนอฟที่ได้ยินคำสั่งก็แสดงความงุนงงและไม่เข้าใจเท่าใดนัก หากแต่ก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ศีรษะของนายทหารก้มลงต่ำจนเห็นเพียงพื้นกระเบื้องทางเดินและเท้าของตน ก่อนใบหูจะได้ยินเสียงก้าวเดินของเจ้าชายผู้เอ่ยคำสั่งกำลังเดินจากไป จากนั้นจึงเป็นเสียงประตูที่ถูกเปิดออกอย่างเบามือ...

     

    .

    .

    .

     

     

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×