ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่เป็นอัลฟ่าหญิงเพียงหนึ่งเดียวในโลกนิยายBL

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 ว่าด้วยเรื่องครอบครัว

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 63


      

    เรือนผมยาวสีดำดั่งความมืดแห่งรันติกาลนั้นคล้ายดูดกลืนทุกสิ่งที่เพียงแตะต้องนับเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งยวด ดวงตาคมคู่งามสีเหลืองอำพันคล้ายอสรพิษร้ายทำให้ผู้คนต้องขนลุกยามถูกมันจับจ้อง ใบหน้างามล้ำที่ผู้คนใดพบเห็นย่อมสรรเสริญถึงความสมบรูณ์แบบราวกับสวรรค์สรรค์สร้างนั้นแสดงสีหน้าอันเคร่งขรึมเกินวัยจนผู้มองเห็นแล้วยังรู้สึกหวาดเกรงถึงสองส่วน ผิวสีแทนที่แปลกจากชาวแดนเหนือตามสายเลือดนั้นชวนผิดหูผิดตา บรรยากาศรอบตัวที่ดูสุขุมนิ่งสงบแต่แฝงไปด้วยความสง่างามนั้นบ่งบอกถึงวุฒิภาวะและการขัดเกลาตนได้เป็นอย่างดี

     

    เครื่องแต่งกายที่ดูแตกแยกจากชาวเฟย์ติสนั้นยิ่งเสริมสร้างให้เด็กหญิงผู้นี้ดูโดดเด่นขึ้นไปอีก เป็นการแต่งกายคล้ายสตรีก็ไม่เชิงบุรุษก็คล้ายๆอย่างไม่คุ้นตา มันคือเครื่องแต่งกายของชนเผ่าฮันเรย์อันเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ในดินแดนทางใต้ลงไปของจักรวรรดิเฟย์ติส ซึ่งนับเป็นอิทธิพลมาจากการที่นางเติบโตที่ดินแดนทางใต้แห่งนั้นตั้งแต่ยังเยาว์วัยเมื่อครั้งผู้เป็นบิดาส่งนางไปให้ปู่ของตนรับเลี้ยงแทน....นานครั้งที่จะได้กลับบ้านเกิดเช่นจักรวรรดิเฟย์ติส...

     

    เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งแห่งดินแดนอันแสนยิ่งใหญ่กว้างขวางและเกียงไกร เอลลิโอร่า เดอ เฟย์ติส

     

    แม้จะมีพระชันษาได้เพียงสิบสองปี แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจนน่าพิศวงและเสียงเล่าลือเล่าอ้างถึงความผิดแปลกจากเจ้าหญิงปกติทั่วไปเหมือนอาณาจักรอื่น ก็ทำให้นางยิ่งดูโดดเด่นและน่าจับตามองแม้ไม่ขยับกายเลยก็ตาม

     

    นับว่าเจ้าหญิงผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงและต่ำสุดที่ทำให้ผู้คนต่างต้องเงยหน้าขึ้นมองตามความหมายชื่อของนางอย่างแท้จริง

     

    เจ้ามาสาย...เอลลิโอร่า

     

    เป็นเสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ความรู้สึก...แต่ทว่าสำหรับผู้คนที่รู้จักเขาดีย่อมรับรู้ว่ามันแอบแฝงไปด้วยความไม่พอใจเอาไว้ นับเป็นน้ำเสียงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี...เพราะตลอดระยะสิบสองปีที่เกิดมา...เป็นชายหนุ่มผู้นี้ที่เป็นทั้งบิดาและผู้ชิงชังเธอในเวลาเดียวกัน

     

    เขาคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิเฟย์ติส...เป็นชายผู้ปกครองเหนือใครในดินแดนอันแสนกว้างขวางและเกรียงไกรนี้....องค์จักรพรรดิที่แปด คาเดย์ เดอ เฟย์ติส

     

    แม้ช่วงอายุของเขาจะไม่มาก แต่ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว...ทว่ารูปลักษณ์ที่ปรากฏให้เห็นนั้นก็ยังคงความเป็นหนุ่มที่มีภูมิฐานได้เป็นอย่างดี ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายรูปปั้นประติมากรรมชั้นยอดแห่งยุคนั้นเย็นชาอยู่เสมอ เรือนผมสีขาวบริสุทธิ์คล้ายกับเหมันต์อันเย็นยะเยือกชวนให้จับตามอง ดวงตาสีแดงฉานดุจโลหิตคู่นั้นเองก็นิ่งลึกเสมอจนไร้คลื่นและกลายเป็นความเย็นชาในที่สุด....บรรยากาศรอบตัวของเขานั้นย่อมเปี่ยมไปด้วยอำนาจและบารมีอย่างแท้จริง เพียงแค่ได้มองก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าเขาคือชนชั้นปกครองโดยกำเนิด

     

    รูปลักษณ์ของเขาแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง....ราวกับไม่ใช่บุตรและบิดา

     

    เช่นนั้นก็คงต้องขออภัย....

    เอลลิโอร่าเอ่ยตอบกลับอย่างเรียบเฉยบ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจในคำติเตียนของผู้เป็นพ่อ เด็กหญิงเพียงก้าวเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่เหลือว่างเพียงหนึ่งเดียว เพราะบนโต๊ะรับประทานอาหารนี้ มีเพียงเธอเท่านั้นที่มาช้าสุด

     

    แล้วใครใช้ให้ข้ารับใช้ของเขามาแจ้งเวลาทานอาหารของเธอช้ากว่ากำหนดกันล่ะ....

     

    สำหรับเอลลิโอร่าแล้วนั้นเธอใช้เวลาอยู่นานนักกว่าที่ตนจะทราบว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้เป็นโลกที่ตนรู้จัก...โลกที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับยุคสมัยตะวันตกตอนกลาง มีเวทมนต์เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันและความเท่าเทียมทางเพศที่ไม่ยุติธรรมดุจดั่งพีระมิดแห่งชนชั้น หนำซ้ำเรื่องทางเพศก็ดูจะเปิดเผยและรวดเร็วกว่าในโลกเก่ามากนัก ถึงขนาดที่ว่าการอาจพบเจอคนมีเพศสัมพันธ์กันบ่อยครั้งจะกลายเรื่องปกติ...แต่ก็สมเป็นนิยายแนวอย่างว่าที่เพื่อนสนิทของเธอชอบแต่งจริงๆนั่นแหละ...ไวไฟและง่ายดายกันจริงๆ

     

    โลกแห่งนิยาย[BL]แนวสิบแปดบวกที่มีความหลากหลายทางเพศจนเธอต้องปวดหัวและโลกใบนี้ก็ถูกสรรสร้างโดยเพื่อนสนิทของเธอในอดีตชาติ เพื่อนสนิทของเธอมักเล่าเรื่องราวของนิยายเรื่องนี้ให้ฟังเสมอ...ถึงเรื่องราวความรักของเจ้าชายหนุ่มผู้เป็นถึงว่าที่จักรพรรดิกับทาสหนุ่มที่หลงทางมา...การฝ่าฟันอุปสรรคและการกีดกันเรื่องของยศถาบรรดาศักดิ์ แต่สุดท้ายก็ล้วนจบลงด้วยดี...ฟังแล้วก็ช่างน่าอิจฉา

     

    ซึ่งการจบลงด้วยดีนั้นก็ไม่ใช่สำหรับเธอ...

     

    เมื่อเอลลิโอร่านั้นมีสถานะเป็นน้องสาวของพระเอกผู้นี้....เธอเป็นที่ชิงชังของบิดาแตกต่างจากพี่ชายอย่างเขาหรือน้องชายที่เป็นตัวละครรองด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าเธอเกิดมาเป็นสตรี...ในโลกใบนี้นั้นมีเพศหลักๆอยู่สามเพศเท่านั้นคือ อัลฟ่า โอเมก้า เบต้า ซึ่งมันก็คล้ายๆนิยายBLเรื่องอื่น หากแต่ในกลุ่มของเบต้านั้นมีจำนวนประชากรเพศหญิงที่น้อยนิดมากนัก...จนกล่าวกันว่าจะมีเพศหญิงเกิดมาบนโลกนี้เพียงแค่หลักร้อยหรือหลักสิบคนเท่านั้นต่อช่วงระยะเวลาหลายร้อยปี นับว่าเป็นของหายากยิ่งกว่าอะไรเสียอีก

     

    เพราะเมื่อครั้งอดีตการเกิดของจำนวนประชากรเพศหญิงลดลงจนแทบสูญพันธุ์ ทำให้เพศชายมีการปรับตัวจนเกิดเป็นโอเมก้าในบางส่วนขึ้นเพื่อทดแทนการสืบพันธุ์ของกลุ่ม ดังนั้นผู้หญิงจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับที่นี้

     

    มุมมองของผู้คนบนโลกใบนี้ก็มองว่าเพศหญิงนั้นอ่อนแอและไม่สามารถทำอะไรได้เท่าเพศชาย ดังนั้นโอเมก้าที่เป็นเพศสามารถสืบพันธุ์หรือตั้งครรภ์ได้เหมือนกันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเห็นๆ เพราะอย่างน้อยสภาพร่างกายก็ยังคงเป็นชายอยู่ จึงไม่ได้บอบบางหรืออ่อนแอเท่าเพศหญิงที่พวกเขาคิดว่าไร้ประโยชน์

     

    ซึ่งก็นับว่าช่างน่าบัดซบโดยแท้...เพราะเป็นเธอที่ดันเกิดมาเป็นเพศหญิงที่โดนดูถูกเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ในความโชคร้ายนั้นก็ยังคงมีความโชคดีอยู่ เมื่อเธอนั้นดันเป็นอัลฟ่าชั้นสูง นับเป็นความย้อนแย้งในเพศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนที่ทราบ

     

    ไม่เคยมีอัลฟ่าที่เป็นผู้หญิงเกิดขึ้นมาก่อนในโลกใบนี้....หนำซ้ำยังเป็นอัลฟ่าชั้นสูงที่หายากยิ่งเสียด้วย...ร้อยทั้งร้อยย่อมสร้างความโกลาหลมากกว่าความชื่นชม...ดังนั้นบิดาจึงไม่ได้ยินดีกับการเกิดมาของเธอเท่าไหร่นัก ในสายตาของเขา...เธอเป็นเพียงตัวประหลาดตัวหนึ่งก็เท่านั้น

     

    ไม่เคยมีความรักอยู่ในสายตาคู่นั้นสำหรับเธอ...

     

    เจ้าควรตระหนักในความผิดของตนให้มากกว่านี้นะ

    เป็นน้ำเสียงของเด็กชายที่เปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันต่อเธอเอ่ยขึ้นอย่างเปิดเผย...ท่าทางแสนหยิ่งยโสนั้นบ่งบอกถึงการตามใจของผู้เป็นบิดา คำกล่าวถือดีที่กล้าเอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใครนั้นเป็นมารดาที่ไม่เคยดุ หากให้เปรียบเทียบเขากับเธอ....เด็กชายผู้นี้เป็นดั่งฝั่งตรงข้าม เพราะเขานั้นคือบุตรที่ได้รับการโปรดปรานมากที่สุด

     

    เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแห่งจักรวรรดิเฟย์ติส อันวาร์ เดอ เฟย์ติส

     

    เขาคือพี่ชายร่วมสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของเธอและเป็นพระเอกของเรื่องราวทั้งหมดในนิยายเฮงซวยเรื่องนี้...เด็กชายผู้เกิดเป็นอัลฟ่าที่จะเป็นดั่งเส้นคู่ขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันของเธอ

     

    ด้วยรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นบิดาก็ไม่ปานนั้นทำให้ผู้คนที่พบเห็นย่อมสรรเสริญถึงสายเลือดอันเข้มข้นหรือการเจริญตามรอยเท้าบิดาเป็นแน่ ใบหน้าหล่อคมคายที่แม้ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นักเนื่องจากยังวัยเยาว์นั้นแต่ก็ฉายแววความเป็นหนุ่มรูปงามอย่างเหลือล้น เรือนผมสีขาวดุจหิมะคล้ายของผู้เป็นบิดานั้นถอนแบบมาถึงเจ็ดส่วน ดวงตาสีแดงนั้นไม่ได้เป็นสีเลือดเท่าไหร่นักมันออกไปทางสีหม่นเสียมากกว่า ท่าทางและบรรยากาศรอบตัวที่แผ่ออกมานั้นบ่งบอกถึงความหยิ่งยโสที่ทะนงตนสมสายเลือดชนชั้นปกครอง

     

    หากแต่สำหรับเอลลิโอร่าแล้ว...เด็กชายผู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ชอบถือดีเท่านั้น...

     

    ข้าย่อมสำนึกผิดในการกระทำของตนเสมอ...ท่านพี่อันวาร์

    เป็นเอลลิโอร่าที่ตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน พลางแสร้งยิ้มแสยะดูแคลนคำแซะของเขาที่ไม่เคยทำอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย แม้จะเป็นพระเอกของเรื่องราวทั้งหมด แต่อย่างไรเสีย...เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก

     

    สายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของเธอและอันวาร์นั้นค่อนข้างไปในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่ออันวาร์ถูกสั่งสอนและเลี้ยงดูตามแบบแผนที่เจ้าชายเลือดบริสุทธิ์เป็นกัน เขาจึงถือคติและแนวคิดหัวอนุรักษ์นิยมของจักรวรรดิเฟย์ติสเต็มประดา ดังนั้นการที่เธอเกิดมาเป็นผู้หญิงก็เป็นเรื่องน่าดูแคลนสำหรับเขาไม่ใช่น้อย...แต่ทว่าใจหนึ่งของเขาก็คงอิจฉาริษยาในสถานะอัลฟ่าชั้นสูงของเธอด้วยเช่นกัน นับว่าเป็นเรื่องน่าตลกอย่างแท้จริง....

     

    ต่อให้เขาไม่อิจฉาเธอ ก็ได้ทุกสิ่งอยู่แล้ว...ไม่ว่าจะเป็นบิดา มารดา ความรัก ทรัพย์สิน ฐานะหรือแม้แต่ความสุข ทุกสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับ...เป็นเขาที่ได้ไปหมด เธอไม่มีอะไรให้เขาน่าอิจฉาด้วยซ้ำ

     

    ตัวละครอย่างเอลลิโอร่านั้นแต่เดิมก็เป็นตัวละครเสมือนตัวเปรียบเทียบระหว่างลูกรักและลูกชัง หากจะกล่าวว่าเป็นตัวประกอบก็คงไม่ใช่ เป็นนางร้ายก็ไม่เชิง...ในเนื้อเรื่องนั้นเอลลิโอร่าเป็นคนผู้ก้าวร้าวและสวนกระแสทุกสิ่งเสมอ หากพระเอกไปขวา นางจะไปซ้าย...นางทำทุกสิ่งที่ครอบครัวเกลียดชังเพื่อตอบสนองความชิงชังของพวกเขา เป็นเพียงเด็กมีปัญหาคนหนึ่งที่ต่อต้านบ้านอันเฉยชาและผลักไสตน

     

    เอลลิโอร่าเป็นตัวละครที่เกลียดชังพระเอกหาใช่นายเอก ดังนั้นการเรียกว่านางร้ายจึงไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากนัก เป็นตัวละครที่ผ่านไปผ่านมาของเรื่องราว นางเพียงหวังให้ชีวิตของพระเอก ไม่สิ...ทุกคนในครอบครัวพบเจอแต่ความเหน็บหนาวไม่ต่างจากตน จึงสร้างเรื่องวุ่นวายให้พระเอกแตกคอกับสหายรัก ทะเลาะกับบิดาบ้างหรือแม้แต่ล่อลวงนายเอกให้จงเกลียดจงชังพระเอกเสียเอง

     

    ชีวิตของเอลลิโอร่าประกอบไปด้วยสองอย่างคือความเมินเฉยจนก่อเกิดเป็นความไม่ใส่ใจและความรุนแรงต่อร่างกายที่พ่วงด้วยจิตใจ

     

    ตั้งแต่เกิดมาก็ถูกวางยาพิษหรือลอบทำร้ายอยู่เสมอตามประสาเชื้อพระวงศ์...แต่ที่น่าแปลกกลับไม่เคยมีหมอหลวงคนใดส่งมาเลยสักครั้ง เป็นเพราะครอบครัวไม่ได้สนใจจนแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุตรสาวของพวกเขาต้องเกือบตายอยู่หลายครา พวกเขามัวแต่ไปสนใจกับพระเอกและน้องชายเท่านั้น...จนกระทั่งแม้ตอนอายุได้เพียงหกปีก็เนรเทศเธอไปยังดินแดนทางใต้ให้ปู่เลี้ยงดูแทน...ซึ่งเธอก็โชคดีที่มีแม่เลี้ยงดีคอยดูแลทุกครั้งไป...หากไม่ได้แม่เลี้ยงผู้นี้นับว่าชีวิตในร่างเด็กของเธอย่อมลำบากไม่น้อย

     

    ส่วนเรื่องของความรุนแรงนั้นแม้จะไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับเธอที่มีวุฒิภาวะโตในระดับหนึ่งแล้ว แต่ทว่ามันก็บ่งบอกถึงความลำเอียงของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้เป็นอย่างดี...หากในบรรดาสามพี่น้องทำผิด พระเอกและน้องชายของเธอจะได้รับการอภัย หากแต่เมื่อเป็นเธอ...สิ่งที่ได้รับกลับเป็นบทลงโทษด้วยการตีหรือคุกเข่าท่ามกลางความหนาวเย็นอยู่เนิ่นนานจนความรู้สึกของขานั้นขาดหายไป...และเธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกลงโทษให้อยู่ในห้องมืดโดยอดอาหารและน้ำเพียงลำพัง....ร่างกายเด็กน้อยของเธอแทบน่าสมเพชยิ่งหากเทียบกับเจ้าชายเจ้าหญิงคนอื่นๆ เพราะสุดท้ายเป็นรอยช้ำและแผลเป็นมากมายที่ยังคงหลงเหลือในใต้ร่มผ้านี้

     

    ไม่มีลูกกษัตริย์หรือจักรพรรดิคนใดที่ถูกเลี้ยงดูและทำโทษเช่นเธอ...

     

    เอลลิโอร่าไม่ได้ร้องไห้งอแงในโชคชะตาเยี่ยงเด็กๆ เธอเพียงรู้สึกขบขันกับมันก็เท่านั้น นิยายเรื่องนี้ช่างไร้เหตุผลยิ่ง นับว่าเส็งเคร็งดี

     

    แต่ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้วความรู้สึกสำนึกผิดคงต่ำเตี้ยเรี่ยดินกระมั้ง...

    อันวาร์ผู้ถือตนมีหรือจะยอมหยุดแซะน้องสาวร่วมสายเลือดที่โดนพูดกรอกหูตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ว่าน่าอับอายเพียงใดเมื่อมีนางเกิดมาในราชวงศ์และยิ่งเห็นท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของนางก็คล้ายน้ำมันที่สาดเข้ามายังกองไฟ

     

    เด็กหญิงที่ได้ฟังก็อยากกรอกตามองบนไม่น้อย หากแต่ก็ยังรักษามารยาทเพียงนิ่งเงียบอย่างที่เคยเป็น ไม่ตอบโต้และไม่สนใจ...แม้ตอนที่เธอตายจะไม่ได้โตเป็นผู้ใหญ่หรือบรรลุนิติภาวะอะไร แต่อย่างน้อยเธอก็มีความคิดพอเข้าใจได้ว่า การพูดกับคนมีอคติ ย่อมไม่มีการเปิดรับใดๆ...มันจึงไร้ประโยชน์ที่จะเอ่ยอะไร

     

    ท่านพี่อันวาร์อย่าถือโทษโกรธเคืองท่านพี่เอลลิโอร่ามากเลยนะครับไหนๆก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ท่านพี่หญิงยิ่งไม่ค่อยเดินทางมาหาพวกเราสักเท่าไหร่นัก ปล่อยว่างบ้างเสียเถอะครับ

    เป็นน้ำเสียงนุ่มนวลของเด็กชายที่เยาว์วัยกว่าเอ่ยขึ้นอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แตกต่างจากผู้เป็นพี่ทั้งสองอย่างชัดเจน ท่าทางหรือคำพูดนั้นบ่งบอกถึงความอ่อนโยนและนิ่มนวลที่ได้รับจากผู้เป็นมารดาอย่างล้นเหลือนัก

     

    ดวงตาอสรพิษของเด็กหญิงเหลือบสายตามองไปยังน้องชายร่วมสายเลือดที่ดูจะฉลาดอยู่ในสังคมกว่าพี่ชายเป็นไหนๆอย่างพินิจพิจารณา เธอไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวเหมือนเด็กคนอื่นๆนัก จึงทำให้ความสนิทสนมหรือความรู้จักที่พบเห็นนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอกแสนผิวเผินเท่านั้น...และน้องชายผู้นี้เองก็ไม่ใช่ความสนิทสนิมของเธอ เพราะฉะนั้นเอลลิโอร่าจึงพยายามมองคำกล่าวและการกระทำของเขาเพื่อหาจุดประสงค์ของเขา

     

    แม้เด็กชายผู้นี้จะเป็นถึงตัวละครรองของนิยายเรื่องนี้ หากแต่บทบาทของเขากลับไม่ได้เป็นอะไรนอกไปเสียจากคนให้กำลังใจพระเอกและนายเอกหรือการให้คำปรึกษาในความรักของทั้งคู่...เป็นตัวละครที่เพื่อนสนิทของเธอเขียนแสดงไว้แต่ด้านดี...ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กชายผู้นี้จะเป็นคนดีได้เพียงเพราะเอาใจช่วยพระเอกและนายเอก ดังนั้นการที่เธอไม่ได้เชื่อใจเขาจึงไม่ใช่สิ่งที่แปลกอะไร

     

    เจ้าชายลำดับที่สองแห่งจักรวรรดิเฟย์ติส โลริส เดอ เฟย์ติส

     

    น้องชายผู้นี้ถอดแบบมาจากผู้เป็นมารดาไม่แคล้วกัน ด้วยใบหน้างดงามหวานล้ำประดุจสตรีหรือโอเมก้าบางส่วนนั้นทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่แท้จริงแล้วก็เป็นอัลฟ่าไม่ต่างกัน เรือนผมสีน้ำตาลเข้มคล้ายสีเปลือกไม้ของพฤกษ์อันนิ่งสงบชวนให้ผ่อนคลายนั้นทำให้ผู้คนต่างชมชอบเสมอ ดวงตาสีม่วงดุจอเมทิสต์ถูกยกยอว่าเป็นดวงตาที่งดงามยิ่งกว่าอัญมณีใด รูปลักษณ์ที่แสนอ่อนโยนและนิ่มนวลนี้ถูกถ่ายทอดมาจากมารดาผู้เป็นโอเมก้าถึงสิบส่วน จึงเป็นไปได้ว่าน้องชายร่วมสายเลือดผู้นี้จะเจริญตามรอยมารดามากกว่าใคร...

     

    ซึ่งในบรรดาลูกทั้งสามคน...มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีเรือนผมหรือสีตาใดเหมือนบิดามารดา...

     

    ดังนั้นเมื่อเกิดมาคราแรกจึงถูกตั้งครหาหนักอย่างหลากหลาย ทั้งเรื่องเพศหรือความแตกต่างนี้ ผู้คนมากมายต่างเชื่อว่ามารดาของเธอเล่นชู้ ทว่าโชคดีนักที่รูปลักษณ์ของเธอดันคล้ายถอดแบบมาจากปู่ร่วมสายเลือดของตนราวกับภาพพิมพ์...อดีตจักรพรรดิที่เจ็ดคาเอลรอส จักรพรรดิจอมบ้าคลั่งแห่งสงครามชายผู้ครั้งหนึ่งเคยล่าอาณานิคมให้แก่จักรวรรดิเฟย์ติสถึงครึ่งแผ่นดินโลก...แต่เดิมไม่ใช่ชาวเฟย์ติสโดยสายเลือดหรือไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้อพยพเข้ามา ทว่าเป็นองค์ชายจากชนเผ่าฮันเรย์อันเป็นใหญ่ในดินแดนทางใต้ซึ่งส่งมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอย่างแอนโทเซียผู้เป็นย่าของเธอในกาลปัจจุบัน....

     

    หลังสละราชบัลลังก์ให้แก่บุตรชายเพียงหนึ่งเดียวอย่างคาเดย์ เขาก็เดินทางจากจักรวรรดิสู่ดินแดนทุ่งกว้างทางใต้อันเป็นบ้านเกิดโดยไม่หวนกลับมา...นับเป็นช่วงปลายชีวิตของชายที่ผ่านสนามรบมามากมายคนนี้...ช่างดูเรียบสงบเสียจริงๆ

     

    บางทีเจ้าก็ดูเหมือนพวกชนเผ่ามากกว่าจะเป็นชาวเฟย์ติสนะ น้องหญิงของข้า...

    แม้น้องชายร่วมสายเลือดจะพยายามห้ามปรามแล้ว ทว่ามีหรือที่เจ้าชายผู้แสนยโสจะยอมหยุด เหตุใดบิดาจึงไม่ไล่นางไปอยู่ดินแดนทางใต้ถาวรกัน แล้วไฉนท่านปู่จึงโปรดปรานมัน...เป็นความหงุดหงิดและริษยาต่อน้องสาวร่วมสายเลือดคนนี้ เกิดเป็นหญิงแท้ๆ เหตุใดจึงยังลอยหน้าลอยตาเหมือนเท่าเทียมกับเขากัน...

     

    เป็นชนเผ่าแล้วอย่างไร เป็นชาวเฟย์ติสแล้วอย่างไรมันต่างกันตรงไหนหรือ ท่านพี่อันวาร์

    เอลลิโอร่ารับรู้ดีว่าทุกครั้งที่เธอกลับมายังพระราชวังแห่งนี้จะไม่เป็นที่พอใจของเด็กชายผู้นี้อย่างยิ่งยวด ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีไม่น้อย เพราะเพียงเห็นหน้าเธอ พี่ชายผู้นี้ก็ทำตัวจะเป็นจะตายแล้วทั้งๆที่เธอยังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ น่าขำดี...

     

    พูดอะไรโง่ๆ พวกเราชาวเฟย์ติสย่อมเหนือและอยู่สูงกว่าพวกชนเผ่าเร่ร่อนอยู่แล้ว----“

    ด้วยการศึกษาเยี่ยงจักรวรรดินิยมของอันวาร์ ดินแดนและชาติพันธุ์ของเขาจึงยกตนสูงกว่าชนเผ่าหรือแม้แต่อาณาจักรอื่นๆอย่างแน่นอน ซึ่งคำตอบนั้นก็ไม่ผิดจากที่เอลลิโอร่าคาดคิดเลยแม้แต่น้อย

     

    หากท่านปู่ได้ยินเช่นนั้นคงเสียใจและโกรธาแย่....อีกทั้งลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเฟย์ติสที่แท้จริงมันไม่มีอยู่จริง แม้กระทั่งท่านด้วยนะ....ท่านพี่อันวาร์

    เอลลิโอร่าที่เห็นเด็กชายติดกับคำพูดของตนก็อดไม่ได้ที่จะฉายแววตาขบขัน....พระเอกผู้นี้เหยียดเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่เฟย์ติส ทั้งๆที่แท้จริงแล้วเขาเองก็เป็นลูกเสี้ยวของชนเผ่าฮันเรย์อันเป็นเชื้อสายจากผู้เป็นปู่ของเขามิใช่หรือ อีกทั้งจักรวรรดิเฟย์ติสเองแต่เดิมก็เป็นผู้อพยพทั้งหลายเข้ามาอยู่ การสร้างชาติไม่ได้ยาวนานเสียจนเรียกตนว่าเป็นต้นเชื้อสายหรืออารยธรรมได้

     

    เลิกพูดสร้างความแตกแยกได้แล้ว เอลลิโอร่า

    เป็นเสียงเย็นยะเยือกจากผู้เป็นบิดาที่ส่งผ่านมายังเด็กหญิง เมื่อเห็นบุตรสาวผู้นี้ชาญฉลาดกว่าบุตรชายของตนมาก...นางรู้จักที่จะพูดให้บุตรชายของเขาติดกับได้อย่างไม่ยากเย็น นับว่าน่าชัง...

     

    บุตรชายที่ตนคาดหวังให้เหนือใครกลับยังคงเป็นเด็กตามอายุ ส่วนบุตรสาวที่ตนผลักไสและเมินเฉยกลับหัวดีสร้างปัญหาได้ ดูเหมือนอนาคตข้างหน้าคงเกิดปัญหาไม่น้อย....

     

    อีกไม่นานเจ้าก็กลับแดนใต้แล้ว อย่าสร้างปัญหาให้มาก

     

    แม้จะถูกบิดากล่าวเช่นนั้น....บุตรสาวผู้ถูกเกลียดชังก็หาได้แสดงบทเศร้าโศกไม่ มีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางเท่านั้น...

     

    ความลำเอียงที่ไม่เคยได้รับการขัดเกลานี้...ช่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยจริงๆ

     

    .

    .

    .



    [ตอนวาดน้องก็ยังรู้สึกว่าหล่อมากกว่าสวยแฮะ5555 สมเป็นพระเอกของเรื่องจริงๆ!(?)]


    ปล.เรื่องนี้ตัวเอกไม่เก่งแมรรี่ซูนะคะ แต่เก่งเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งพยายาม แล้วก็เนื้อหามีการต่อสู้ทางการเมืองผสมเล็กๆ(?) ไล่เก็บฮาเร็ม ดาร์คเล็กน้อย(?) 

    ปล.ที่สอง คนแต่งดองเก่งมาก(?) หายไปอย่าแปลกใจนะคะ5555


    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×