ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แด่เธอผู้เป็นสตรีของจอมมาร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 น้องสาวต้องคำสาปและพี่ชายจอมมาร

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 63


     

    ความตายคือความว่างเปล่าและมืดมนสำหรับเธอ...มันไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ นั่นคือความรู้สึกของเธอยามเผชิญกับมัน ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ สุดท้ายก็เป็นเพียงการสูญสลายไปตามกาลเวลาของกายหยาบและวิญญาณ...เธอมีความเชื่อเช่นนั้นและก็ไม่ได้คาดหวังให้ใครมาเทศน์คำสอนศาสนาให้แก่เธอ

      

    ทุกคนมีสิทธิเชื่อในความคิดของตน แต่ก็ไม่มีสิทธิมาเบียดเบียนหรือยัดเหยียดความคิดของตนแก่คนอื่น...

     

    แต่สิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดเอาไว้คือการได้กำเนิดใหม่ในโลกเกมส์ที่เธอรู้จัก...

     

    โลกที่มีเหล่าตัวเอกเป็นผู้กล้าและเจ้าหญิงโฉมงามเป็นนางเอก พระราชาผู้ทรงยุติธรรมและผู้คนที่ใจดีและแสนเป็นมิตร แต่นั่นก็เป็นแค่มุมมองของผู้คนผ่านตัวเกมส์เท่านั้น

     

    เธอเกิดใหม่อีกคราในฐานะของเจ้าหญิงลำดับที่สี่แห่งอาณาจักรวาสติน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ให้กำเนิดเหล่าจอมมหาเวทย์ ผู้กล้าหรือแม้กระทั่งนักบุญ มาหลายยุคสมัยและหลากผู้คน

     

    จนเป็นอาณาจักรที่ถูกยกย่องให้เป็นดินแดนของพระผู้เป็นเจ้า เพราะไม่มีอาณาจักรไหนจะผลิตเหล่าบุคคลสำคัญเหล่านี้ได้มากมายราวกับเป็นจุดสปอตได้เท่าอาณาจักรแห่งนี้

     

    แต่เอาเถอะ...ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าดินแดนที่ผลิตผู้คนที่คอยช่วยเหลือโลกมามากมายอย่างอาณาจักรวาสติน จะได้ให้กำเนิดตัวต้องคำสาปของโลกเสียแล้ว

     

    มัวเรลล์ ลอเรน วาสติน’

     

    เจ้าหญิงผู้ประสูติในพระสนมลำดับที่หกผู้เป็นเจ้าหญิงจากแดนเหนือ’แอนเนีย’กับกษัตริย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างวาสติน คาเทียสที่สิบ

     

    เพียงประสูติไม่นาน...คำทำนายแห่งศาสนจักรก็ปรากฏกล่าวถึงความเลวร้ายและลางหายนะของเด็กหญิงที่พึ่งเกิดมา

     

    เด็กหญิงผู้นี้จะนำหายนะมาสู่มวลมนุษย์...จงฝังนางให้ลึกของปราสาทจนถูกลืมลาง’

     

    เพียงคำพูดประโยคเดียวของคนๆหนึ่ง เหตุไฉนจึงสามารถตัดสินชีวิตของเด็กที่พึ่งเกิดมาได้กันนะ?

     

    .

    .

    .

     

    เส้นผมลอนยาวสีทองอ่อนเป็นประกายดุจฟางข้าวสีอ่อนเจิดจรัสเยี่ยงแสงอรุณนั้นโดดเด่นเพียงแรกสบตา ดวงตาเฉียบคมคล้ายราชสีห์คู่งามสวยสีเหลืองทองออกแดงส้มสุกสกาวประกายคล้ายดวงอาทิตย์ก็ไม่ปานนั้นช่างดูน่าขนลุก ใบหน้างามล้ำที่หากใครได้พบเห็นย่อมถูกเล่าลือกันว่าเป็นความงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ผิวขาวซีดดุจหิมะคล้ายดินแดนถิ่นเดิมของมารดาจากการไม่เคยสู่โลกภายนอก ริมฝีปากประดับรอยยิ้มตลอดเวลาจนมิอาจคาดเดาความคิดได้ บรรยากาศและความสง่าที่แผ่ออกมาย่อมบ่งบอกถึงความห่างชั้นและชนชั้นได้เป็นอย่างดี

     

    ไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์หรือบรรยากาศท่าทางที่แผ่ออกมาจากเด็กหญิงผู้นี้ย่อมชวนให้รู้สึกราวกับไม่ใช่มนุษย์ เหมือนเป็นดั่งตัวตนของเทพ....ไม่สิ เป็นแสงสว่างมากกว่าที่จะเป็นความมืดตามชื่อของนาง

     

    หากแต่ร่างของเด็กหญิงผู้แม้เกิดมาจะงดงามเพียงใดวัยเพียงสิบสองปีนี้กลับถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนนั้นถูกตรึงมาจากที่ใดที่หนึ่งของมุมห้อง

     

    ราวกับสัตว์เดรัจฉานที่ถูกจองจำ...

     

    ความหวาดกลัวและความอับอายนั้นมีมากพอที่จะทำให้กษัตริย์ผู้เป็นบิดาจับบุตรสาวของตนที่อายุเพียงน้อยใส่โซ่ตรวนเหล็กและกักขังไว้ในปราสาทลึกของราชวัง

     

    ส่วนเหตุผลที่ไม่ฆ่าเธอตั้งแต่แรกเริ่มนั้นไม่ใช่เพราะกษัตริย์คาเทียสจะมีจิตใจพระบิดาหรือพระสนมแอนเนียจะร้องขอไว้ หากแต่เมื่อฆ่าเธอไป...ย่อมมีดาวหายนะเกิดใหม่แทนที่

     

    เพราะฉะนั้นศาสนจักรจึงเลือกให้กักขังเธอแทนไม่ให้ทำอะไรได้ ดีกว่าฆ่าทิ้งแล้วต้องออกตามหาดาวหายนะดวงใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่เสียด้วย เพราะฉะนั้นต่อให้กษัตริย์คาเทียสจะรู้สึกอับอายที่มีลูกสาวเป็นตัวกาลกิณีเพียงใด ก็ต้องเก็บลูกสาวไว้

     

    มือหยาบกร้านทั้งสองถูกโซ่ล่ามราวกับไม่ใช่มนุษย์ มงกุฎของเจ้าหญิงถูกแทนที่ด้วยปลอกคอเหล็กที่ถูกสวมใส่บ่งบอกถึงพันธนการ

     

    น่าเบื่อ....”

    เป็นเด็กหญิงผู้ถูกโซ่ตรวนพันธนาการเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่รู้ไม่รู้หนาว การใช้ชีวิตในโลกใหม่นี้มาถึงสิบสองปีนั้นเป็นอะไรที่ต้องปรับตัวยิ่ง

     

    แม้ชีวิตในชาติก่อนของเธอจะไม่ได้สุขสบายเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ถูกล่ามโซ่จนไม่สามารถดิ้นรนทำมาหากินได้เช่นนี้ แต่เพราะเธอเป็นคนง่ายๆและปรับตัวเก่งไม่มากก็น้อยจากอดีตที่สมัยเด็กๆแม่ของเธอต้องย้ายบ้านบ่อยครั้งจึงทำให้เธอมีความพยายามที่จะอยู่จนถึงปัจจุบัน

     

    หากเป็นคนปกติย่อมต้องนึกถึงหนทางหนีไม่ก็ออกจากโซ่ตรวนนี้....ซึ่งเธอก็เป็นเช่นกัน

     

    แต่เพราะสภาพร่างกายที่เป็นเพียงเด็กมีหรือจะเอาแรงที่ไหนหลุดจะโซ่เหล็กได้ แถมตัวเธอก็ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรเหมือนเหล่าตัวเอกด้วย จึงได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปหลังจากพยายามอยู่นานหลายปี

     

    นอกเหนือจากโซ่ตรวนและปลอกคอนี้ก็ยังคงมีโลกภายนอกที่ไม่ต้อนรับเธออยู่ดี...

     

    ว่าแล้วร่างบางก็เหยียดแขนของตนขึ้นอย่างเกียจคร้านและนอนลงบนเตียงใหญ่ราวกับไม่ใส่ใจอะไร แม้จะบอกว่าถูกจองจำ แต่เธอก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร เผลอๆอาจจะสบายกว่าชาติที่แล้วถมเถไป

     

    นับว่ายังเป็นความโชคดีที่อย่างน้อยกษัตริย์คาเทียสก็ไม่ได้แล้งใจซะทีเดียว เธอยังได้รับการปฏิบัติในฐานะของเจ้าหญิง...ผู้มีสายเลือดของเชื้อพระวงศ์ไหลเวียนอยู่ในกาย หากตัดเรื่องที่เธอถูกล่ามโซ่ไป ห้องที่เธออยู่ก็จัดว่าเป็นห้องที่หรูหราและฟุ่มเฟือยยิ่ง...อาหารการกินก็ถูกส่งมาไม่เคยอดอยาก แม้จะไม่มีใครอยู่ที่นี้...แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรสำหรับเธอ

     

    ความเหงาอาจสามารถฆ่าคนได้...เพราะมันอาจเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมากนัก ที่เธอจะอยู่โดยไม่มีใครเลย ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆจนวันตายอย่างไม่มีอะไร....หากแต่ไม่รู้ว่าเธอนั้นโชคดีหรือโชคร้ายกัน

     

    ที่ความจริงแล้ว...เธอก็ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว....เพียงผู้เดียว

     

    เกิดเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างเจ้าท่าทางจะมีเวลาว่างมากมายจนน่าอิจฉาจริงเชียวนะ น้องข้า”

     

    ว่าแล้วก็มีเสียงหนึ่งที่เอ่ยขึ้นกับเธอ น้ำเสียงที่ดูเย้ยหยันต่อทุกสิ่งราวกับทุกอย่างที่เขาเห็นนั้นต่ำต้อยกว่าเขาทั้งมวล การพูดที่เอ่ยแซะปนประชดประชันนั้นเป็นเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้ในตัวเจ้าชายคนอื่น

     

    เขาคือ แกะดำในบรรดาเจ้าชายทั้งหมด

     

    เจ้าชายลำดับที่สาม เคียร์เนย์ ลอเรน วาสติน’

     

    เขาคือลูกชังของบิดาและเป็นเด็กนอกคอกในบรรดาเจ้าชายที่อยู่ในศีลธรรมทั้งหลาย...และในอนาคตเขาก็คือ

     

    จอมมาร’

     

    ข้าไม่แปลกใจนักที่พวกเจ้าชายทั้งหลายจะเกลียดเจ้า”

    มัวเรลล์หรือเธอตอบกลับคำพูดคำจาของเด็กชายที่อายุมากกว่าเธออยู่หกปี คำพูดของเขาก็บ่งบอกถึงความแปลกแยกในหมู่ผู้คนในวังแล้ว ไม่แปลกนักที่แม้แต่พระบิดาจะไม่ชื่นชอบในตัวเขาเท่าไหร่นัก

     

    เขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจากเจ้าชายทั้งหมดในราชวงศ์ราวกับอีกาในฝูงหงส์ เรือนผมสีดำสนิทดุจความมืดมิดจนกลืนกินนั้นเป็นเอกลักษณ์ไม่น้อย เพราะในบรรดาเจ้าชายทั้งหมดไม่มีใครมีผมสีดำเลยสักคนหรือแม้แต่กษัตริย์คาเทียสผู้เป็นบิดาเองก็ตาม ดวงตาสีเลือดส่องประกายความเล่ห์กลและเย้ยหยันดูถูกต่อทุกสิ่งนั้นชวนให้รู้สึกน่าคลื่นไส้ ใบหน้าคมรูปงามนั้นหล่อเหลาตามฉบับเจ้าชาย หากแต่มันกลับแฝงเสน่ห์ความเย้ายวนและลึกลับเอาไว้มากกว่าจะเป็นความบริสุทธิ์เหมือนชายชั้นสูง ร่างสูงสง่าและเหยียดตรงผ่าเผยนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งทำให้เด็กชายดูโดดเด่นกว่าใครไม่ว่าจะใบหน้าหรือบุคลิกก็ตาม

     

    ตัวเจ้าเองก็ใช่ย่อยนิ”

    เคียร์เนย์ตอบกลับเด็กหญิงปากดีที่แม้จะถูกล่ามโซ่ราวกับสัตว์เดรัจฉานก็ยังไม่ตระหนักถึงสถานะของตน...

     

    ไม่สิ...อาจเป็นเพราะนางตระหนักถึงสถานะของตนนั่นแหละ จึงไม่หวาดกลัวเขาหรือใคร...

     

    เพราะต่อให้นางจะถูกเกลียดชังแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์จะ’ฆ่า’นางได้

     

    หากเจ้าหญิงต้องคำสาปผู้นี้ตายลง ดาวหายนะดวงใหม่ก็ไม่รีรอที่จะเกิดใหม่แทนที่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฝั่งมนุษย์ทำอยู่ตอนนี้คือ การยื้อเวลาการคงอยู่ของเด็กหญิงตรงหน้าให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่ให้นางจะสามารถทำอะไรได้เพื่อปิดกั้นการก่อหายนะตามคำทำนาย

     

    ตัวข้านั้นต่างจากเจ้า...แม้ไม่ต้องทำอะไรก็ถูกเกลียดชังอยู่แล้ว”

    มัวเรลล์ตอบกลับด้วยท่าทางเรียบๆทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่ เธอหาได้ใส่ใจกับการมาของเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ ร่างบางเหยียดนอนอย่างเกียจคร้านไปกับผ้าผืนหนาและหมอนของตนบนเตียง

     

    เธอต่างจากจอมมารตรงหน้า ที่แม้ยังไม่ได้ทำอะไรผิดก็ถูกเกลียดชังแล้ว ในขณะที่ฝ่ายของจอมมารตรงหน้ากลับมีโอกาสแก้ตัวและทำดีกับผู้อื่นมากโข...แต่เขากลับไม่ทำมัน

     

    คิดแล้วช่างอิจฉาและน่าชิงชังจริงๆ

     

    ทั้งๆที่เกิดมาพร้อมกับทุกอย่างแล้วแท้ๆ...แต่กลับเลือกที่จะสวนทางกับกระแส

     

    หากกล่าวคือ เคียร์เนย์ที่เป็นจอมมารนั้นแต่เดิมเขาก็เป็นเจ้าชายที่มีความสามารถล้นเหลือจนทุกคนไม่อาจสามารถก้าวตามได้แท้ๆ แม้แต่เจ้าชายลำดับหนึ่งผู้เป็นพี่ชายก็ยังไม่สามารถเอาชนะพรสวรรค์และความสามารถที่สวรรค์ทรงประทานให้กับมารผู้นี้ได้ หากไม่นับเรื่องที่เขาถูกผู้คนมากมายเกลียดชังเคียร์เนย์ย่อมเป็นเจ้าชายที่มีความสามารถยอดเยี่ยมที่สุดและสมบูรณ์พร้อมมาแต่กำเนิดกว่าผู้ใด

     

    แต่คล้ายว่าสวรรค์จะมอบพรวิเศษนี้ให้ผิดคน....

     

    พรสวรรค์และความสามารถที่ได้มาอย่างง่ายดาย ทำให้เด็กชายเย้ยหยันต่อทุกสิ่ง เขาดูถูกดูแคลนผู้คนราวกับเป็นเบี้ยล่างที่ต่ำกว่าและหยิ่งผยองในตนเองจนกลายเป็นความยโส

     

    งั้นมาลองทำให้พระราชวังที่แสนน่าเบื่อนี่เต็มไปด้วยความเกลียดชังกันดูไหมล่ะ? น้องข้า”

    เป็นเคียร์เนย์ที่ฉีกยิ้มกว้างมาให้แด่เธอและเดินเข้ามานั่งบนเตียงนอนของเธอ ดวงตาสีเลือดของเขาเป็นประกายความน่าขนลุกพร้อมกับมือที่เอื้อมมาลูบหัวของเธอ

     

    ดวงตาสีอรุณดุจราชสีห์ของมัวเรลล์ลืมตาขึ้นและจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างเงียบๆแต่ก็ไม่เอ่ยอะไร ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบสงบ

     

    เธอไม่น่าพบเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลย...คล้ายจะทำทุกสิ่งให้ยุ่งเหยิง

     

    สมกับเป็นตัวหายนะที่แท้จริง

     

    .

    .


    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×