คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 น้องสาวต้องคำสาปและพี่ชายจอมมาร
ความตายคือความว่างเปล่าและมืดมนสำหรับเธอ...มันไม่ได้ดี
แต่ก็ไม่ได้แย่ นั่นคือความรู้สึกของเธอยามเผชิญกับมัน ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์
สุดท้ายก็เป็นเพียงการสูญสลายไปตามกาลเวลาของกายหยาบและวิญญาณ...เธอมีความเชื่อเช่นนั้นและก็ไม่ได้คาดหวังให้ใครมาเทศน์คำสอนศาสนาให้แก่เธอ
ทุกคนมีสิทธิเชื่อในความคิดของตน
แต่ก็ไม่มีสิทธิมาเบียดเบียนหรือยัดเหยียดความคิดของตนแก่คนอื่น...
แต่สิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดเอาไว้คือการได้กำเนิดใหม่ในโลกเกมส์ที่เธอรู้จัก...
โลกที่มีเหล่าตัวเอกเป็นผู้กล้าและเจ้าหญิงโฉมงามเป็นนางเอก
พระราชาผู้ทรงยุติธรรมและผู้คนที่ใจดีและแสนเป็นมิตร
แต่นั่นก็เป็นแค่มุมมองของผู้คนผ่านตัวเกมส์เท่านั้น
เธอเกิดใหม่อีกคราในฐานะของเจ้าหญิงลำดับที่สี่แห่งอาณาจักรวาสติน
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ให้กำเนิดเหล่าจอมมหาเวทย์ ผู้กล้าหรือแม้กระทั่งนักบุญ
มาหลายยุคสมัยและหลากผู้คน
จนเป็นอาณาจักรที่ถูกยกย่องให้เป็นดินแดนของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะไม่มีอาณาจักรไหนจะผลิตเหล่าบุคคลสำคัญเหล่านี้ได้มากมายราวกับเป็นจุดสปอตได้เท่าอาณาจักรแห่งนี้
แต่เอาเถอะ...ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าดินแดนที่ผลิตผู้คนที่คอยช่วยเหลือโลกมามากมายอย่างอาณาจักรวาสติน
จะได้ให้กำเนิดตัวต้องคำสาปของโลกเสียแล้ว
‘มัวเรลล์ ลอเรน วาสติน’
เจ้าหญิงผู้ประสูติในพระสนมลำดับที่หกผู้เป็นเจ้าหญิงจากแดนเหนือ’แอนเนีย’กับกษัตริย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างวาสติน
คาเทียสที่สิบ
เพียงประสูติไม่นาน...คำทำนายแห่งศาสนจักรก็ปรากฏกล่าวถึงความเลวร้ายและลางหายนะของเด็กหญิงที่พึ่งเกิดมา
‘เด็กหญิงผู้นี้จะนำหายนะมาสู่มวลมนุษย์...จงฝังนางให้ลึกของปราสาทจนถูกลืมลาง’
เพียงคำพูดประโยคเดียวของคนๆหนึ่ง
เหตุไฉนจึงสามารถตัดสินชีวิตของเด็กที่พึ่งเกิดมาได้กันนะ?
.
.
.
เส้นผมลอนยาวสีทองอ่อนเป็นประกายดุจฟางข้าวสีอ่อนเจิดจรัสเยี่ยงแสงอรุณนั้นโดดเด่นเพียงแรกสบตา
ดวงตาเฉียบคมคล้ายราชสีห์คู่งามสวยสีเหลืองทองออกแดงส้มสุกสกาวประกายคล้ายดวงอาทิตย์ก็ไม่ปานนั้นช่างดูน่าขนลุก
ใบหน้างามล้ำที่หากใครได้พบเห็นย่อมถูกเล่าลือกันว่าเป็นความงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง
ผิวขาวซีดดุจหิมะคล้ายดินแดนถิ่นเดิมของมารดาจากการไม่เคยสู่โลกภายนอก ริมฝีปากประดับรอยยิ้มตลอดเวลาจนมิอาจคาดเดาความคิดได้
บรรยากาศและความสง่าที่แผ่ออกมาย่อมบ่งบอกถึงความห่างชั้นและชนชั้นได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์หรือบรรยากาศท่าทางที่แผ่ออกมาจากเด็กหญิงผู้นี้ย่อมชวนให้รู้สึกราวกับไม่ใช่มนุษย์
เหมือนเป็นดั่งตัวตนของเทพ....ไม่สิ
เป็นแสงสว่างมากกว่าที่จะเป็นความมืดตามชื่อของนาง
หากแต่ร่างของเด็กหญิงผู้แม้เกิดมาจะงดงามเพียงใดวัยเพียงสิบสองปีนี้กลับถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนนั้นถูกตรึงมาจากที่ใดที่หนึ่งของมุมห้อง
ราวกับสัตว์เดรัจฉานที่ถูกจองจำ...
ความหวาดกลัวและความอับอายนั้นมีมากพอที่จะทำให้กษัตริย์ผู้เป็นบิดาจับบุตรสาวของตนที่อายุเพียงน้อยใส่โซ่ตรวนเหล็กและกักขังไว้ในปราสาทลึกของราชวัง
ส่วนเหตุผลที่ไม่ฆ่าเธอตั้งแต่แรกเริ่มนั้นไม่ใช่เพราะกษัตริย์คาเทียสจะมีจิตใจพระบิดาหรือพระสนมแอนเนียจะร้องขอไว้
หากแต่เมื่อฆ่าเธอไป...ย่อมมีดาวหายนะเกิดใหม่แทนที่
เพราะฉะนั้นศาสนจักรจึงเลือกให้กักขังเธอแทนไม่ให้ทำอะไรได้
ดีกว่าฆ่าทิ้งแล้วต้องออกตามหาดาวหายนะดวงใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่เสียด้วย
เพราะฉะนั้นต่อให้กษัตริย์คาเทียสจะรู้สึกอับอายที่มีลูกสาวเป็นตัวกาลกิณีเพียงใด
ก็ต้องเก็บลูกสาวไว้
มือหยาบกร้านทั้งสองถูกโซ่ล่ามราวกับไม่ใช่มนุษย์
มงกุฎของเจ้าหญิงถูกแทนที่ด้วยปลอกคอเหล็กที่ถูกสวมใส่บ่งบอกถึงพันธนการ
“น่าเบื่อ....”
เป็นเด็กหญิงผู้ถูกโซ่ตรวนพันธนาการเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่รู้ไม่รู้หนาว
การใช้ชีวิตในโลกใหม่นี้มาถึงสิบสองปีนั้นเป็นอะไรที่ต้องปรับตัวยิ่ง
แม้ชีวิตในชาติก่อนของเธอจะไม่ได้สุขสบายเท่าไหร่นัก
แต่ก็ไม่ได้ถูกล่ามโซ่จนไม่สามารถดิ้นรนทำมาหากินได้เช่นนี้
แต่เพราะเธอเป็นคนง่ายๆและปรับตัวเก่งไม่มากก็น้อยจากอดีตที่สมัยเด็กๆแม่ของเธอต้องย้ายบ้านบ่อยครั้งจึงทำให้เธอมีความพยายามที่จะอยู่จนถึงปัจจุบัน
หากเป็นคนปกติย่อมต้องนึกถึงหนทางหนีไม่ก็ออกจากโซ่ตรวนนี้....ซึ่งเธอก็เป็นเช่นกัน
แต่เพราะสภาพร่างกายที่เป็นเพียงเด็กมีหรือจะเอาแรงที่ไหนหลุดจะโซ่เหล็กได้
แถมตัวเธอก็ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรเหมือนเหล่าตัวเอกด้วย
จึงได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไปหลังจากพยายามอยู่นานหลายปี
นอกเหนือจากโซ่ตรวนและปลอกคอนี้ก็ยังคงมีโลกภายนอกที่ไม่ต้อนรับเธออยู่ดี...
ว่าแล้วร่างบางก็เหยียดแขนของตนขึ้นอย่างเกียจคร้านและนอนลงบนเตียงใหญ่ราวกับไม่ใส่ใจอะไร
แม้จะบอกว่าถูกจองจำ แต่เธอก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร เผลอๆอาจจะสบายกว่าชาติที่แล้วถมเถไป
นับว่ายังเป็นความโชคดีที่อย่างน้อยกษัตริย์คาเทียสก็ไม่ได้แล้งใจซะทีเดียว
เธอยังได้รับการปฏิบัติในฐานะของเจ้าหญิง...ผู้มีสายเลือดของเชื้อพระวงศ์ไหลเวียนอยู่ในกาย
หากตัดเรื่องที่เธอถูกล่ามโซ่ไป ห้องที่เธออยู่ก็จัดว่าเป็นห้องที่หรูหราและฟุ่มเฟือยยิ่ง...อาหารการกินก็ถูกส่งมาไม่เคยอดอยาก
แม้จะไม่มีใครอยู่ที่นี้...แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรสำหรับเธอ
ความเหงาอาจสามารถฆ่าคนได้...เพราะมันอาจเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมากนัก
ที่เธอจะอยู่โดยไม่มีใครเลย
ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆจนวันตายอย่างไม่มีอะไร....หากแต่ไม่รู้ว่าเธอนั้นโชคดีหรือโชคร้ายกัน
ที่ความจริงแล้ว...เธอก็ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว....เพียงผู้เดียว
“เกิดเป็นตัวไร้ประโยชน์อย่างเจ้าท่าทางจะมีเวลาว่างมากมายจนน่าอิจฉาจริงเชียวนะ
น้องข้า”
ว่าแล้วก็มีเสียงหนึ่งที่เอ่ยขึ้นกับเธอ
น้ำเสียงที่ดูเย้ยหยันต่อทุกสิ่งราวกับทุกอย่างที่เขาเห็นนั้นต่ำต้อยกว่าเขาทั้งมวล
การพูดที่เอ่ยแซะปนประชดประชันนั้นเป็นเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้ในตัวเจ้าชายคนอื่น
เขาคือ
แกะดำในบรรดาเจ้าชายทั้งหมด
‘เจ้าชายลำดับที่สาม
เคียร์เนย์ ลอเรน วาสติน’
เขาคือลูกชังของบิดาและเป็นเด็กนอกคอกในบรรดาเจ้าชายที่อยู่ในศีลธรรมทั้งหลาย...และในอนาคตเขาก็คือ
’จอมมาร’
“ข้าไม่แปลกใจนักที่พวกเจ้าชายทั้งหลายจะเกลียดเจ้า”
มัวเรลล์หรือเธอตอบกลับคำพูดคำจาของเด็กชายที่อายุมากกว่าเธออยู่หกปี
คำพูดของเขาก็บ่งบอกถึงความแปลกแยกในหมู่ผู้คนในวังแล้ว
ไม่แปลกนักที่แม้แต่พระบิดาจะไม่ชื่นชอบในตัวเขาเท่าไหร่นัก
เขามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจากเจ้าชายทั้งหมดในราชวงศ์ราวกับอีกาในฝูงหงส์
เรือนผมสีดำสนิทดุจความมืดมิดจนกลืนกินนั้นเป็นเอกลักษณ์ไม่น้อย
เพราะในบรรดาเจ้าชายทั้งหมดไม่มีใครมีผมสีดำเลยสักคนหรือแม้แต่กษัตริย์คาเทียสผู้เป็นบิดาเองก็ตาม
ดวงตาสีเลือดส่องประกายความเล่ห์กลและเย้ยหยันดูถูกต่อทุกสิ่งนั้นชวนให้รู้สึกน่าคลื่นไส้
ใบหน้าคมรูปงามนั้นหล่อเหลาตามฉบับเจ้าชาย
หากแต่มันกลับแฝงเสน่ห์ความเย้ายวนและลึกลับเอาไว้มากกว่าจะเป็นความบริสุทธิ์เหมือนชายชั้นสูง
ร่างสูงสง่าและเหยียดตรงผ่าเผยนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งทำให้เด็กชายดูโดดเด่นกว่าใครไม่ว่าจะใบหน้าหรือบุคลิกก็ตาม
“ตัวเจ้าเองก็ใช่ย่อยนิ”
เคียร์เนย์ตอบกลับเด็กหญิงปากดีที่แม้จะถูกล่ามโซ่ราวกับสัตว์เดรัจฉานก็ยังไม่ตระหนักถึงสถานะของตน...
ไม่สิ...อาจเป็นเพราะนางตระหนักถึงสถานะของตนนั่นแหละ
จึงไม่หวาดกลัวเขาหรือใคร...
เพราะต่อให้นางจะถูกเกลียดชังแค่ไหนก็ตาม
ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์จะ’ฆ่า’นางได้
หากเจ้าหญิงต้องคำสาปผู้นี้ตายลง
ดาวหายนะดวงใหม่ก็ไม่รีรอที่จะเกิดใหม่แทนที่
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฝั่งมนุษย์ทำอยู่ตอนนี้คือ
การยื้อเวลาการคงอยู่ของเด็กหญิงตรงหน้าให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่ให้นางจะสามารถทำอะไรได้เพื่อปิดกั้นการก่อหายนะตามคำทำนาย
“ตัวข้านั้นต่างจากเจ้า...แม้ไม่ต้องทำอะไรก็ถูกเกลียดชังอยู่แล้ว”
มัวเรลล์ตอบกลับด้วยท่าทางเรียบๆทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่
เธอหาได้ใส่ใจกับการมาของเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ ร่างบางเหยียดนอนอย่างเกียจคร้านไปกับผ้าผืนหนาและหมอนของตนบนเตียง
เธอต่างจากจอมมารตรงหน้า
ที่แม้ยังไม่ได้ทำอะไรผิดก็ถูกเกลียดชังแล้ว ในขณะที่ฝ่ายของจอมมารตรงหน้ากลับมีโอกาสแก้ตัวและทำดีกับผู้อื่นมากโข...แต่เขากลับไม่ทำมัน
คิดแล้วช่างอิจฉาและน่าชิงชังจริงๆ
ทั้งๆที่เกิดมาพร้อมกับทุกอย่างแล้วแท้ๆ...แต่กลับเลือกที่จะสวนทางกับกระแส
หากกล่าวคือ
เคียร์เนย์ที่เป็นจอมมารนั้นแต่เดิมเขาก็เป็นเจ้าชายที่มีความสามารถล้นเหลือจนทุกคนไม่อาจสามารถก้าวตามได้แท้ๆ
แม้แต่เจ้าชายลำดับหนึ่งผู้เป็นพี่ชายก็ยังไม่สามารถเอาชนะพรสวรรค์และความสามารถที่สวรรค์ทรงประทานให้กับมารผู้นี้ได้
หากไม่นับเรื่องที่เขาถูกผู้คนมากมายเกลียดชังเคียร์เนย์ย่อมเป็นเจ้าชายที่มีความสามารถยอดเยี่ยมที่สุดและสมบูรณ์พร้อมมาแต่กำเนิดกว่าผู้ใด
แต่คล้ายว่าสวรรค์จะมอบพรวิเศษนี้ให้ผิดคน....
พรสวรรค์และความสามารถที่ได้มาอย่างง่ายดาย
ทำให้เด็กชายเย้ยหยันต่อทุกสิ่ง
เขาดูถูกดูแคลนผู้คนราวกับเป็นเบี้ยล่างที่ต่ำกว่าและหยิ่งผยองในตนเองจนกลายเป็นความยโส
“งั้นมาลองทำให้พระราชวังที่แสนน่าเบื่อนี่เต็มไปด้วยความเกลียดชังกันดูไหมล่ะ?
น้องข้า”
เป็นเคียร์เนย์ที่ฉีกยิ้มกว้างมาให้แด่เธอและเดินเข้ามานั่งบนเตียงนอนของเธอ
ดวงตาสีเลือดของเขาเป็นประกายความน่าขนลุกพร้อมกับมือที่เอื้อมมาลูบหัวของเธอ
ดวงตาสีอรุณดุจราชสีห์ของมัวเรลล์ลืมตาขึ้นและจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างเงียบๆแต่ก็ไม่เอ่ยอะไร
ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบสงบ
เธอไม่น่าพบเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลย...คล้ายจะทำทุกสิ่งให้ยุ่งเหยิง
สมกับเป็นตัวหายนะที่แท้จริง
.
.
.
ความคิดเห็น