ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Darling Missangel หยุดหัวใจไว้ที่เธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : The first day in Thailand.

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 56


     

    1

    The first day in Thailand.

     

                    “ยอลมิน เธอฟังฉันอยู่มั้ย? -*-” คุณอึนฮเยพูดพลางส่งรังสีอำมหิตมาให้ฉัน

                    “ฟังอยู่ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะละความสนใจจากเธอ ก็คุณอึนฮเยขี้บ่น ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด มากเกินไป มันขัดเวลาฉันที่กำลังนั่งดูรูปพวกวง Divinty โอปาอยู่ คุณอึนฮเยจะรู้มั้ยการกระทำของเธอช่างทำลายสมาธิฉัน -o-

                    “เธอจะเริ่มงานในวันพรุ่งนี้แล้วนะ เตรียมตัวรึยัง? ”

                    “เตรียมแล้วค่ะ”

                    “นี่เธอจะไม่สนใจฉันจริงๆ ใช่มั้ย? -*- ก็ได้งั้นขอนิตยสารคืน! ” คุณอึนฮเยพูดจบก็ดึงนิตยสารที่ฉันดูอยู่ออกจากมือก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตูออกนอกห้องไป

                    “อะไรของเขา”

                    ฉันเบื่อคุณอึนฮเยจริงๆ เธอเหมือนคนวัยทองไม่มีผิด แค่นั่งดูรูปไม่สนใจเธอก็โกรธซะแล้ว =^=

                    “ยัยหื่นเป็นอะไรไป? ทำหน้าเหมือนใครห้ามเธอดูรูปผู้ชาย” ชียอลที่เดินลงบันไดมาถามฉันขึ้น

                    แล้วทำไมต้องเรียกฉันว่า ยัยหื่น ด้วย =_=^

                    “เปล่า แค่เซ็งนิดหน่อย”

                    “ใครขโมยนิตยสารรูปผู้ชายถอดเสื้อของเธอไปเผาทิ้งล่ะ? ”

                    อะไรของเธอเนี่ย!! ชียอล!! จะยัดเยียดความหื่นมาให้ฉันถึงไหน!!! แค่นี้ก็หื่นจะตายอยู่แล้ว ไม่สงสารกันบ้างหรอ T.,T (เธอยอมรับแล้วสินะ =_=;;)

                    “ออนนีเลิกแกล้งได้แล้ว =^=

                    “ฮ่าๆๆๆ อย่างอนนะมักเน่ ฉันแค่ล้อเล่นเอง ^o^” เธอพูดแล้วเดินมาลูบหัวฉันหนึ่งทีก่อนจะเดินไปใส่รองเท้าหน้าประตู

                    เพิ่งสังเกตนะเนี่ยว่าวันนี้ชียอลแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ O_O เพราะปกติเธอจะแต่งตัวโทรมๆ เหมือนซากปรักหักพัง สรุปคือเธอเป็นคนไม่ชอบแต่งตัว =_='' แต่วันนี้สงสัยจะออกไปเที่ยวกับชินซองโอปาถึงได้จัดเต็มขนาดนี้ >o< พอนึกถึงแล้วก็เขินแทนชียอล ชินซองโอปาทั้งน่ารัก ขี้เล่น ไม่อยากจะจินตนาการถึงตอนถอดเสื้อมันต้องงง >///< (เกี่ยวอะไร!! ยัยหื่น!! )

                    “เป็นอะไรยอลมิน? ยิ้มอยู่คนเดียว” ซังมีที่หอบหิ้วหนังสือจำนวนมหาศาลเดินลงบันไดมาถามฉันขึ้น

                    สมองของเธอต้องระเบิดออกมาแน่ถ้าอ่านหนังสือทั้งหมดนั่น ขนาดตอนสอบฉันยังไม่อ่านเลย -.-

                    “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ซังมีเธอจะอ่านทั้งหมดนี่จริงๆ หรอ? ”

                    “ใช่ ถ้าฉันไม่อ่านหมด สอบตกแน่ๆ ยิ่งเรียนไม่ทันคนอื่นเขาอยู่ด้วย” ซังมีพูดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ ฉันอย่างอ่อนแรง

                    ซังมีเป็นน้องเล็กสุดของวงและเป็นคนเดียวที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย ก็ต้องเหนื่อยหน่อยนะเพราะเราไม่ค่อยมีเวลาว่างเดินสายงานไปทั่ว ยิ่งเพิ่งเดบิวต์แบบนี้ด้วย น่าสงสารซังมีที่ต้องเอาเวลาพักผ่อนซึ่งมีอยู่น้อยนิดมาอ่านหนังสือเตรียมสอบ พวกฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากคอยให้กำลังใจ~

                    สู้ต่อไปนะ ซังมี ^_^

                   

                    การไปทำงานครั้งนี้ฉันต้องเอาอะไรไปบ้าง

                    ฉันกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ ไปไม่กี่วันทำไมของถึงได้เยอะขนาดนี้เนี่ย แล้วใครจะช่วยฉันขน =_=''

                    ฉันต้องเอาเสื้อโค้ทไปมั้ยนะ” ฉันบ่นกับตัวเองพลางหยิบเสื้อโค้ทสีน้ำตาลที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมามองอย่างชั่งใจ

                    ประเทศไทยคงไม่หนาวขนาดต้องใส่โค้ทหรอกมั้ง (_ _) ฉันคิดในใจก่อนจะวางเสื้อโค้ทไว้ที่เดิม แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง

                    ขี้เกียจมากกก ไปทำงานคนเดียวอีกแล้ว~ ฉันคงคิดถึงพวกเมมเบอร์ในวงน่าดูเลย อีกอย่างเป็นครั้งแรกที่ฉันไปประเทศไทย มันจะเป็นยังไงนะ

                    ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะเปิดออกเผยให้เห็นบุคคลที่มาเยือน

                    “มักเน่เธอจัดของเสร็จหรือยัง? ” คุณอึนฮเยถามฉันขึ้น

                    “ใกล้แล้ว~” ฉันตอบก่อนจะพลิกตัวนอนคว่ำบนเตียงอย่างขี้เกียจ

                    ขี้เกียจทุกอย่างไม่อยากทำอะไรเลย~ ความจริงถ้างานนี้ไม่มีโฮซูมาร่วมงานด้วย ฉันคงไม่ไปหรอก อยู่นี่ถ่ายนิตยสารเล่นไปวันๆ ดีกว่า สบายกว่าเยอะ -3-

                    เพี๊ยะ!!

                    “โอ้ยยย เจ็บนะคุณอึนฮเย =^=” ฉันเงยหน้าจากหมอนแล้วมองคุณอึนฮเยอย่างเคืองๆ ใครใช้ให้เธอตีก้นฉันแรงเองอ่ะ ถ้าก้นอันนุ่มนิ่มและแสนบอบบางของฉันเป็นรอยช้ำขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ

                    “มาจัดของต่อได้แล้ว อย่ามัวแต่ขี้เกียจ ฉันไม่เคยเจอใครขี้เกียจได้เท่าเธอเลยจริงๆ นะยอลมิน พรุ่งนี้ฉันจะเอาเธอไปโยนทิ้งไว้ที่สนามบินตอนเช้า เพราะต้องรีบไปประชุมต่อ ดังนั้นเธอต้องจัดของให้เสร็จภายในวันนี้ พรุ่งนี้ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอเธอจัดของ เข้าใจมั้ย? ”

                    “เข้าใจ =^=

                    “ฉันไม่มีอะไรแล้ว ไปก่อนนะ” เธอพูดจบก็ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตูออกไปข้างนอก

                    ถ้ายกเลิกงานนี้จะทันมั้ยนะ แต่ไปก็ดีเหมือนกันนะ *o* จะได้เจอโฮซูโอปาสุดหล่อ! >_< งานนี้ฉันได้ใกล้ชิดกับเขาอย่างจัง!! อ๊ากกก แทบอดทนรอไม่ไหวแล้วโฮซูโอปาจร้าาา (ต่อมความหื่นแตก =_=;;)

     

                    “ฮะ!!! ทำไมต้องเป็นผมด้วยอ่ะฮยอง -*-

                    “นายนั่นแหละดีแล้ว อีกอย่างเขาก็ล็อกตัวนายไว้เรียบร้อย”

                    “แต่ฮยองครับ ผม

                    “ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นนายเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางได้แล้วโฮซู พรุ่งนี้เช้าฉันจะมารับไปส่งที่สนามบิน”

                    “ครับๆ ” ผมตอบรับคำอย่างเซ็งๆ ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้แล้วนี่ 

                    “ฉันไปแล้วนะ บาย~ ^_^” คุณจงอุนพูดจบก็ปิดประตูห้องผมทันที

                    ให้ตายเถอะ ชีวิตผมในอนาคตจะเป็นยังไง จินตนาการไม่ออกเลย ผมต้องไปร่วมงานกับ เธอ คนนั้น พระเจ้ากลั่นแกล้งกันชัดๆ

                    เธอคนนั้น ที่ผมไม่เคยลืมตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา

                    “เธอจะจำฉันได้มั้ยนะ ” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะหยิบรูปที่ซ่อนไว้ในลิ้นชักออกมาดู

                    ผมสบตากับเด็กผู้หญิงในรูป เธอมีดวงตาสีดำสนิทตัดกับผิวสีขาวอมชมพู ใบหน้ารูปเรียวไข่ซึ่งมีรอยยิ้มแต้มอยู่เสมอ

                    ผมขอสารภาพว่าเธอคือรักแรกของผม ในตอนเด็กทุกคนอาจจะคิดว่ามันป็นแค่ความรักอย่างไม่จริงจัง แต่สำหรับผมมันไม่ใช่

                    ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ก่อนที่มาของต้นเสียงเมื่อกี้จะเปิดประตูเข้ามา

                    “ฮยอง~

                    “นายช่วยเคาะประตูห้องฉันเบาๆ หน่อยได้มั้ย -*-” ผมพูดทำเสียงดุใส่ยูจอง ถ้าเคาะแรงกว่านี้หน่อย ผมเกรงว่าประตูมันจะพังเหมือนครั้งก่อนที่ฮวาซึลทำผมนอนตบยุงทั้งคืน ไม่พอนะยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะผมอีก น่าเกลียดมาก -_-''

                    “ขอโทษฮะ =^=” ยูจองพูดพลางทำหน้าสำนึกผิด

                    “ช่างมันเถอะ นายมีอะไร? ” ผมพูดปัดๆ แล้วถามเข้าเรื่องทันที เพราะรำคาญกับสีหน้าสำนึกผิดของยูจอง

                    “ผมจะมาถามว่าพรุ่งนี้ฮยองจะไปประเทศไทยหรอฮะ *o*

                    “ใช่ ฉันต้องไปทำงานนิดหน่อย”

                    “ว้าว *o*

                    ผมไม่เข้าใจว่าการไปประเทศไทยมันน่าตื่นเต้นตรงไหน(?) ยูจองถึงได้ทำหน้าอย่างกับผมจะไปดูออโรร่าที่ขั้วโลกเหนือ -_-;;

                    “นายมีอะไรอีกมั้ย? ” ผมถามอีกรอบ ถ้าไม่มีจะได้ไปจัดสัมภาระต่อ ให้ตาย ยูจองทำผมเสียเวลา ข้าวก็ยังไม่ได้กิน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ นี่ก็ปาไปสี่ทุ่มแล้วนะ สมแล้วที่วังซองชอบเรียกว่า ไอ้จอบมารผจญ -_-^

                    “มีฮะ! >_<

                    “แต่ฉันไม่มีเพราะฉะนั้นนายออกไปได้แล้ว” ผมพูดจบก็อันเชิญโดยการใช้เท้าถีบยูจองออกนอกห้องผมไป พอดีมือผมกำลังถืออากาศอยู่มันไม่ว่าง -.-

                    พอกำจัดตัวรบกวนออกไปได้ห้องผมก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง เหนื่อยใจจริงๆ เลย ผมบ่นในใจก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อจัดการยัดของใส่กระเป๋าสัมภาระใบใหญ่

                    “ใหญ่ไปป่ะเนี่ย” ผมเพิ่งเห็นว่ากระเป๋าที่คุณจงอุนเอามาให้มันใหญ่โตซะขนาดนี้ ไปทำงานนะ ไม่ใช่ย้ายบ้าน

                    ก๊อกๆ

                    และแล้ว เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    ใครอีกเนี่ย? -*- ผมบ่นในใจ

                    “ขอเข้าไปนะ” เสียงนุ่มๆ พูดขึ้นก่อนประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นผู้ชายใบหน้าสวยหวานราวกับผู้หญิงในทรงผมสีบลอนยาวประบ่า

                    ตึกตักๆๆๆ

    ให้ตาย ซอนกิทำหัวใจผมเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ผมไม่ใช่เกย์นะ แต่ถ้าผู้ชายจะสวยได้ขนาดนี้ ก็ไม่ไหวนะ -///-

    ผมละสายตาจากใบหน้าสวยๆ ของซอนกิมายัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าต่อก่อนจะถามขึ้น

    “นายมีอะไร? ”

    “ฉันคิดว่าฉันลืมน้ำยาทาเล็บไว้ในห้องฮยองน่ะ” ซอนกิพูดก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือของผม ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมายจนสูงท่วมหัว -_-;;

    “ฉันว่าแล้ว” ซอนกิพูดพลางโชว์ขวดน้ำยาทาเล็บสีชมพูให้ดู

    อยากจะบ้าตาย!! หน้าสวยไม่พอยังชอบทาเล็บ!!! นายจะทำให้ฮยองทั้งวงกลายเป็นเกย์นะ ให้ตายสิ

    “ผมไปล่ะ”

    ปึก! พอสิ้นเสียงปิดประตูผมก็หันมาสนใจกับกองเสื้อผ้าที่เตรียมจะยัดใส่กระเป๋าสัมภาระต่อ

    เราลืมอะไรรึเปล่า ผมคิดในใจพลางกวาดสายตามองข้าวของที่กองอยู่รวมกันก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมของสำคัญที่ติดตัวผมมาตลอดหลายปี ผมลุกจากพื้นแล้วเดินไปตรงลิ้นชักก่อนจะเปิดและหยิบรูปออกมา

    เราไม่ได้เจอกันมานานมาก จนผมคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอเธออีก แต่สุดท้ายฟ้าก็ลิขิตทำให้ผมได้พบเธออีกครั้งด้วยความบังเอิญ ตอนนั้นเมเนเจอร์ประจำวงผมซึ่งก็คือคุณจงอุนรับงานถ่ายแบบโฆษณาน้ำหอม ใช่ เธอมาร่วมงานด้วย ผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้พบเธอ

    เรื่องราวระหว่างเธอกับผมในอดีตมันมีอะไรหลายอย่างที่มันลึกซึ้ง

    ผมเก็บรูปเธอใส่กระเป๋าสัมภาระโดยไว้ด้านในสุด มันเหมือนกับการที่ผมเก็บ ความลับ บางอย่างไว้ภายในใจซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร นอกจากผม

     

    ประเทศไทย

                    ผมลงจากรถตู้ซึ่งเป็นของทางโรงแรมส่งมารับที่สนามบิน ความจริงผมจินตนาการไว้ว่าจะต้องไปอยู่ตามป่าตามเขาใกล้ชิดติดธรรมชาติอะไรเทือกนี้ สงสัยผมคงคิดมากเกินไป ^_^;;

                    โรงแรมนี้ภายนอกตกแต่งสไตล์บาโรกทุกอย่างช่างลงตัวและสวยงามจับตา จนผมไม่สามารถละสายตาไปจากมันได้ ตัวอาคารเป็นสีขาวสะอาดถูกล้อมรอบด้วยดอกไม้นานาชนิด มีสนามหญ้าเล็กๆ ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยเด็กกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เห็นแล้วก็ทำให้ผมนึกถึงตอนเด็ก เธอกับผมมักจะมาวิ่งเล่นด้วยกันเสมอ

                    “คุณโฮซูครับ”

                    คุณอินจุนซึ่งเป็นล่ามแปลภาษาที่บริษัทผมส่งให้ตามมาเรียกผมพร้อมกับยิ้มแห้งๆ

                    “ครับ? ”

                    “คือ คุณยอลมินเธอ ” คุณอินจุนพูดพลางชี้นิ้วเข้าไปรถ ผมจึงมองตามไปก็พบกับผู้หญิงขี้เซานอนหลับไม่ยอมตื่น ภาพที่เห็นทำให้ผมกระตุกยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก

                    ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ

                    ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แล้วหันไปพูดกับคุณอินจุนที่ยืนมองหน้าผมอยู่ ขอให้ไม่เห็นรอยยิ้มเมื่อกี้ละกัน

                    “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ^_^”

                    ผมเดินขึ้นไปบนรถแล้วอุ้มยอลมินขึ้น เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กแถมน้ำหนักเบามาก มีความรู้สึกเหมือนได้อุ้มเด็กเลย ^_^

                    ระหว่างทางตั้งแต่ประตูทางเข้าโรงแรมถึงประตูห้องพัก มีแต่คนมอง ก็แน่ล่ะ ผมเป็นบอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีนี่ แต่ที่ทุกคนให้ความสนใจมากกว่าคือ ผู้หญิงที่ผมอุ้มอยู่เนี่ยแหละ -_-;; เธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลย หลับอย่างเดียว ถ้าเป็นคนอื่นเขารู้สึกตัวตั้งแต่อุ้มแล้ว

                    ยัยต๊องเอ้ย” ผมพูดกับเธอเบาๆ จนเรียกได้ว่ากระซิบ ก่อนจะค่อยๆ วางเธอลงบนเตียงขนาดคิงไซส์สีมิดไนท์บลู

                    “เธอนี่มัน ไม่ได้เรื่องเลย” ผมพูดกับร่างบางที่นอนหลับไม่รู้เรื่องพลางใช้มือลูบหัวเธออย่างแผ่วเบา เพราะกลัวเธอจะตื่น  

                    “ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ยอลมิน” เธอคงไม่ได้ยินเสียงผมหรอก แล้วผมก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

                    การที่เธอไม่ได้รับรู้อะไร มันคือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเธอรู้ เธออาจจะไม่ให้อภัยผม

    ปล่อยให้ ความลับ ยังเป็น ความลับ ต่อไป ไม่ว่ายังไง เธอจะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ผมขอสัญญา

     

    ปึ้ง! เสียงประตูปิดลงพร้อมกับที่ฉันลืมตาขึ้น

    ประโยคนั้นหมายความว่าไง” ฉันพูดพรึมพรำก่อนจะใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียง

    ประโยคคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ไหนหัวฉันพร้อมกับมีคำถามเต็มไปหมด การที่เขาพูดอย่างนั้นมันเหมือนว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ฉันพยายามคิดทบทวนหลายรอบแล้ว

    “ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนนี่” หรือฉันเคยรู้จักเขา? แต่จำไม่ได้! ไม่น่าจะใช่นะ!! ฉันเป็นคนที่มีความจำเป็นเลิศ ไม่มีทางลืมหรอก :

                    “คุณเป็นใครกันแน่ โฮซูโอปา”

                    ตอนนี้สาบานเลยว่าสมองของฉันว่างเปล่ามาก!! คิดอะไรไม่ออก ชักจะเริ่มปวดหัว #_# ไปอาบน้ำดีกว่าเผื่อจะนึกออกบ้าง >_<

                    พอก้าวเท้าลงจากเตียงก็ถึงกับชักเท้ากลับเพราะไปเหยียบอะไรบางอย่างเย็นๆ เข้า ฉันจึงค่อยๆ โผล่หน้าไปดูก็พบกับสร้อยคอมีแหวนห้อยอยู่ด้วย

                    ฉันหยิบขึ้นมาสำรวจดู เผื่อจะมีบอกว่าเป็นของใคร แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย นอกจากตัวอักษรที่สลักอยู่ด้านในแหวน เป็นตัววาย

                    แล้วฉันจะรู้มั้ยเนี่ยว่าเป็นของใคร!! มาเล่นปริศนาคำใบ้กับฉันรึไง =^=

                    ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูทำให้ฉันได้สติ

                    “ใครมาเนี่ย ชิ! -*-” ฉันเดินบ่นกับตัวเองไปถึงหน้าประตูแล้วกระชากออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะผงะจนเซถอยหลัง

    ตายๆๆๆ ฉันจะล้มแล้ว!! >0<

                    “กรี๊ดดด!!

                    จู่ๆ ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คว้าตัวฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นว่าเขากำลังกอดฉันอยู่!! ถ้าเป็นแบบนี้ฉันขอล้มหัวฟาดพื้นไปเลยดีกว่า!!! >///<

                    เขินนะ!! บ้าที่สุดเลย!!! แต่ชอบนะ(?) >//////////<

                    “ซุ่มซ่าม” โฮซูพูดกระซิบข้างหูฉัน ทำให้รู้สึกถึงไอร้อนจากปากเขา จั๊กจี๋~

                    ฉันชักจะยืนไม่ไหวแล้ววว รู้สึกขาไม่มีแรงเลย สงสัยเป็นเพราะโฮซูที่กอดฉันอยู่ -///- เขาเป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อฉันมากจริงๆ สูบเรี่ยวแรงไปหมดเลย ให้ตายเถอะ อยากจะให้เขาปล่อย แต่ในใจลึกๆ ก็ไม่อยาก มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน!! ตอบฉันที!!!

                    “เป็นอะไรหน้าแดง? ร้อนหรอ? ก็ไม่นี่” เขาพูดก่อนจะปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระ แล้วใช้มือปิดประตู

                    ทำไมบรรยากาศมันดูแปลกๆ ร้อนๆ ชอบกล -///-

                    “เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลย ว่าเป็นอะไร? ”

                    “ปะ เปล่า -0-” 

                    “แล้วทำไมเธอหน้าแดงล่ะ? ” เขาถามพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวฉันอย่างรวดเร็ว

                    “ก็ไม่ได้เป็นอะไร -///-” ฉันหันหน้าไปอีกทางก่อนจะตอบ เพราะตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมาก ชนิดฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเขา อยากจะถอยหลังหนีแต่ทำไม่ได้ เขาเล่นต้อนฉันมาติดกำแพงแบบนี้ แถมใช้มือยันอีก สรุปฉันกำลังอยู่ในอ้อมแขนทั้งสองข้างของเขา

                    เขาเลื่อนใบหน้ามาอยู่บริเวณซอกคอฉันก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง

                    “แน่ใจ? ”

                    “แน่ใจสิ -///-

                    โอ้ย!! ออกไปสีกทีเถอะ!!! ฉันจะไม่ไหวแล้วนร้าาา คนบ้า! บ้าที่สุด!!

                    “หรอ งั้นก็ดี” แล้วเขาก็ผละออกจากฉันอย่างรวดเร็ว

    ให้ตาย!! เขาทำฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าขาดอากาศหายใจตาย ใครจะรับผิดชอบ!! -*- ฉันบ่นในใจพลางมองหน้าเขาที่กำลังยืนยิ้มสบายใจอยู่ข้างหน้าฉัน

    “เป็นอะไร? หน้าหงิกเชียว ไม่น่ารักเลย ^_^

    ยังมีหน้ามาล้อฉันอีก โกรธจริงๆ นะ!! ชิ! ฉันเชิดหน้าใส่เขาก่อนจะเดินไปยืนตรงริมหน้าต่าง เพื่อสงบสติอารมณ์

     น่าโมโห! มาล้อเล่นแบบนี้กับคนอื่นได้ไง!!

    โฮซูเดินมายืนข้างๆ ฉันก่อนจะพูดขึ้น

    “งอนหรอ? ”

    ฉันหันไปมองหน้าเขาก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

    “เปล่า”

    “แล้วทำไมต้องเดินหนี? ”

    “ก็เปล่าไง!! โอปามีอะไรรึเปล่าคะ? ถ้าไม่มียอลมินขอเชิญโอปาออกไป ยอลมินอยากพักผ่อน”

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่จะมาดูว่าผมทำสร้อยคอตกไว้ที่นี่รึเปล่า”

    “สร้อยคอ? ”

    “ใช่”

    “ถ้าเป็นสร้อยคอที่มีแหวนห้อยอยู่ด้วย ยอลมินเจอมันตกอยู่ข้างเตียงค่ะ” ฉันพูดพลางเดินไปหยิบสร้อยคอที่วางอยู่บนเตียง ชูขึ้นให้เขาดู

    “นั่นแหละ ของผมครับ”

    “ของโอปา? ทำไมแหวนถึงสลักเป็นตัววายล่ะคะ ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นตัวเอช ในเมื่อโอปาชื่อโฮซู -0-

    “ไม่ต้องรู้หรอก ผมขอคืนนะครับ”

    เขาพูดก่อนจะหยิบสร้อยคอจากมือฉัน แล้วเดินออกจากห้องไปเลย โดยไม่ตอบคำถามฉันสักคำ

    “อะไรของเขา -*-

     

    “ย๊ากกก” ฉันบิดขึ้เกียจอีกหนึ่งทีก่อนจะลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าเพื่อจะไปอาบน้ำ

    เมื่อคืนฉันนอนคิดเรื่องโฮซูจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว แต่ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ ว่าเคยรู้จักเขารึเปล่า มันข้องใจ!! :(

    ก๊อกๆ

    ใครมารบกวนการแปรงฟันของฉันตั้งแต่เช้าเนี่ย -*- ฉันบ่นในใจพลางเดินออกจากห้องน้ำไปเปิดประตูห้องเพื่อดูว่าใครมา

    แต่แล้วการปรากฏตัวของเขา ทำให้ฉันถึงกับตกใจ!!

    O0O โอ๊ะ! ” ฉันเผลออุทานออกมาทำให้ฟองจากยาสีฟันที่อยู่ในปากฉันพุ่งตรงดิ่งด้วยท่าทีที่สวยงามแถมเป็นละออง ไปเกาะบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

    ตายแล้ววว >0<

    “นี่เธอ =_=*” เขาพูดพลางใช้มือปาดฟองยาสีฟันออกจากใบหน้าอย่างขยะแขยง

    ฉันกำลังจะอ้าปากขอโทษเขา แต่เขาพูดขัดขึ้นมาก่อน

    “เธออย่าพูดนะ! เดี๋ยวมันมาเลอะผมอีก =_=^

    =^=” นี่เขาขยะแขยงยาสีฟันจากปากฉันขนาดนี้เลยหรอ งอนแล้ว!!

    “ผมว่าเธอไปแปรงฟันให้เสร็จก่อนจะดีกว่า”

    ฉันทำตามที่เขาบอกโดยเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ชิ! แค่ฟองยาสีฟันนิดหน่อยเอง(?) ทำเป็นขยะแขยง ปากฉันไม่ได้สกปรกนะ ออกจะหอม สะอาด~

    “เธอใช้ห้องน้ำเสร็จรึยัง? ผมจะขอล้างหน้าและล้างมือหน่อย ฟองยาสีฟันของเธอมันเหนียวเต็มไปหมดเลย =_=;;”              

    “เสร็จแล้ว -*-” ฉันพูดก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วไปนั่งที่โซนห้องรับแขก

    สักพักเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะเต็มไปหมด จนฉันทนไม่ได้เลยหยิบผ้าขนหนูของทางโรงแรมส่งให้เขา แต่ถึงยังไงฉันผิดสินะ ที่ไปพ่นฟองยาสีฟันใส่หน้าเขา =^=

    “ขอบคุณนะ” เขารับผ้าขนหนูจากฉันไปก่อนจะเช็ดหน้าทันที

    “โอปาไม่กลัวคนอื่นเขาเข้าใจผิดหรอคะ? ”

    “เรื่องอะไร? ”

    “ก็โอปาชอบมาหาฉันที่ห้องอย่างนี้ ถ้าคนอื่นเห็นเขาจะเข้าใจผิดได้นะ -0-

    “ผมว่าเธอนั่นแหละที่น่าจะกลัวคนอื่นเขาเข้าใจผิด ไม่ใช่ผม อีกอย่างผมเป็นผู้ชายด้วย” เขาพูดพลางส่งยิ้มเยาะมาให้ฉัน

    มันก็จริง ฉันควรจะคิดสินะ ไม่ใช่เขา อายจัง -///-

    “โอปามีอะไรหรอคะ? ถึงได้มาหายอลมินแต่เช้า” ฉันรีบพูดเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนที่เขาจะได้ล้อฉันอีกรอบ

    “จะมาบอกว่าเดี๋ยวเก็บของใส่กระเป๋าได้แล้ว เพราะเราจะต้องเดินทางต่อ”

    “เดินทางต่อ? อ้าว ยอลมินนึกว่าเรามาทำงานที่นี่ซะอีก -0-

    “ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว ขอบคุณสำหรับผ้านะ” เขาพูดจบก็ยักคิ้วกวนประสาทให้ฉันหนึ่งทีแล้วเดินออกจากห้องไป

    “บ้าที่สุด -///- ” ฉันบ่นกับตัวเองก่อนจะละความสนใจจากเขา

    ผู้ชายบ้า ชอบทำให้คนอื่นเขาเขินแล้วก็จากไป แต่แอบสงสัยว่าเราจะไปทำงานที่ไหนกันแน่ ทำไมต้องเก็บของด้วย

    ช่างเถอะ ไปอาบน้ำดีกว่าเรา~ >_<

     

    BY: SweetTy_Sunday 

             
    สวัสดีจร้า ไรเตอร์คัมแบ็คแล้วนร้าาา(คำพูดแลดูอลัง -_-'') หลังจากหนีไปกกดานอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่นาน TT_TT ก็ได้เวลากลับมาแต่งนิยายต่อ

              จะอัพสลับกับเรื่อง Nail Up Story สืบรักเคลียร์หัวใจไขปริศนาลับ ที่ตอนนี้ก็กำลังแต่งอยู่ด้วยจร้า


    อัพล่าสุดวันที่ 22/03/2013 >>> อัพต่อวันที่ 3/04/2013.  

    อัพเดตข่าวจร้าาาา  ตอนนี้คอมไรเตอร์พัง ส่งซ่อมอยู่จร้าเลยไม่ได้อัพเนื้อเรื่องต้องขอโทษด้วยนะคะ Y_Y

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×