ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KISMET LOVE; ลิขิตรักมังกร

    ลำดับตอนที่ #5 : Third Kismet; FREAK OUT! 100%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 55







    Frigg Van Der Rohe
    Everything  is freaking me out!
    Somebody do me favor please! :3



















    Third Kismet; Freak out!

     

     

           “ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วย ฉันซึ้งใจคุณจัง” ฟริกเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มพิมพ์ที่เธอมักใช้เวลาถ่ายแบบให้กับนิตยสาร ซึ่งเป็นรอยยิ่มประเภทที่ว่า ผู้ชายคนไหนเห็นเป็นต้องหลงทุกราย

     

     

                    “ไม่เป็นไร ข้ามีหน้าที่ต้องดูแลเจ้าอยู่แล้ว..จินหยู่” ชายหนุ่มปริศนาเอ่ยตอบก่อนจะมองไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้พวกทหารยามได้แยกย้ายกันไปตามที่อื่นตามคำสั่งของเขาเรียบร้อยแล้ว “มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ก่อน ข้ามีเรื่องสงสัยที่ใครอยากจะถามเจ้านัก” ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งก่อนจะเอื้อมแขนมากุมมือเธอพร้อมกับลากเธอไปยังทิศทางที่ปลอดภัย

     

     

                    หญิงสาวเงยหน้ามองชายปริศนาที่แสนจะเป็นสุภาพบุรุษอย่างชื่นชม เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าผู้ชายแบบนี้ยังมีเหลืออยู่ในโลกใบนี้ หญิงสาวอมยิ้มกับตนเองก่อนจะปฎิญาณตนในใจทันทีว่า เธอจะไม่มีวันปล่อยชายปริศนาคนนี้หลุดมือแน่นอน!’

     

     

     

     

                    “ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ พระสนมจินหยู่เสียสติไปแล้ว นางกล้าทำกับท่านพี่เยี่ยงนี้ได้อย่างไร นางไม่ละอายใจเลยหรืออย่างไร” พระสนมถางอินเอ่ยขึ้นก่อนจะบรรจงนำผ้าชุบหน้าเช็ดหน้าองค์รัชทายาทต้าเหว่ยเบาๆ เพื่อเอาใจ “ท่านพี่ไม่ต้องเป็นกังวลนะเจ้าคะ ข้าจะสั่งให้หยางฟงตามจับพระสนมจินหยู่มาสำเร็จให้ได้”

     

     

                    “ข้าไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าหรอกถางอิน ข้าไม่ได้เป็นอันใดมาก ข้ามีเรื่องต้องคุยกับหยางฟงตามลำพัง เจ้าออกไปเถอะ” องค์รัชทายาทต้าเหว่ยตรัสก่อนจะส่งสัญญาณเรียกให้นางกำนัลในห้องมาเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องบรรทมของพระองค์

     

                    เธอไม่ได้โง่ การที่องค์รัชทายาทตรัสกับเธอเช่นนี้เป็นการไล่เธอทางอ้อม! นังจินหยู่มันมีดีอะไรกัน เป็นแค่นางกำนัลธรรมดาๆ ที่บังเอิญต้องตาต้องใจองค์รัชทายาทเลยมีวาสนาได้เป็นพระสนม เธออุตส่าห์ทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดมันแล้วเชียว แต่มันก็รอดไปได้ทุกครั้ง! ไม่รู้ท่านพี่จะถูกใจอะไรมันนักหนา!

     

                    “เพคะ ท่านพี่ หม่อมฉันทูลลาเพคะ” พระสนมถางอินเอ่ยตอบก่อนจะถวายคำนับและยอมออกจากห้องบรรทมขององค์ชายรัชทายาทไป แต่แน่นอนเธอไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจแก่ท่านพี่แม้ในใจเธอจะร้อนลุ่มเพียงใดก็ตาม

     

                    “หยางฟง เจ้าพบพระสนมจินหยู่หรือยัง” องค์รัชทายาทตรัสต่อองครักษ์ส่วนพระองค์อย่างไม่อ้อมค้อม อีกทั้งหยางฟงยังเป็นองครักษ์ที่รู้ใจพระองค์ที่สุดเพราะหยางฟงอยู่รับใช้องค์รัชทายาทตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

     

                    “กระหม่อมขออภัย หม่อมฉันไม่พบนางเลยพะย่ะคะ แต่หม่อมฉันคิดว่า นางน่าจะได้รับการช่วยเหลือ

     

                    “จากใคร!” ยังไม่ทันที่หยางฟงจะทูลถวายจบองค์รัชทายาทได้ตรัสขึ้นขัดทันที

     

                    “เอ่อ กระหม่อมคิดว่าเป็นท่านแม่ทัพเหวิน บุตรชายของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายพะย่ะคะ หากแต่การนั้นคงเป็นไปไม่ได้เพราะท่านแม่ทัพได้หายสาบสูญไปนานแล้ว กระหม่อมคาดว่าอาจเป็นคนของท่านแม่ทัพก็เป็นได้” หยางฟงทูลตอบตามความเป็นจริง แม้ความเป็นจริงนั้นอาจทำให้องค์รัชทายาทกริ้วได้ แต่ทว่าหากเขาทูลความเท็จไป เห็นทีเขาอาจจะหัวขาดทันทีก็เป็นได้

     

                    “เป็นไปไม่ได้ แม่ทัพเหวินหายสาบสูญไปตั้งแต่ช่วงสงครามเมื่อสามปีที่แล้ว ไม่มีทางที่คนตายจะฟื้นคืนชีพได้ เจ้าจงไปสืบมาให้ได้ว่าพระสนมจินหยู่หายไปได้เยี่ยงไหร่ ไป!” องค์รัชทายาทตรัสอีกครั้งก่อนที่หยางฟงจะถวายความเคารพและค่อยๆ ออกจากห้องไป

     

                    องค์รัชทายาทต้าเหว่ยหลับตาลงพร้อมกับระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้นกับจินหยู่ หญิงสาวซึ่งเป็นผู้กุมหัวใจของเขา เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

     

     

     

     

                    นางแบบสาวมองสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนกัน แต่เธอก็ไม่อาจบอกได้ว่ารู้สึกเช่นไร แต่สิ่งที่เธอบอกได้ในตอนนี้ คือ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเธอเริ่มประหลาดไปทุกที ตอนนี้เธอเริ่มจะประสาทกินแล้ว แม้ว่าเธอจะอยู่ข้างหนุ่มหล่อ สุดแสนจะสุภาพบุรุษก็เถอะ

     

                    “คุณช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ฉันเริ่มขนลุกแล้วนะ” นางแบบสาวเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างตนและบุรุษปริศนาผู้นั้น แต่เขาก็ยังคงเงียบและจูงมือเธอเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าเธอลำบากในการเดินแค่ไหน! แหงสิ เธอเพิ่งจะถอดรองเท้าส้นสูงห้านิ้วโยนทิ้งไปเมื่อกี้ข้างหนึ่ง ตอนนี้เธอต้องเดินเท้าเปล่า ในขณะที่เท้าอีกข้างนึงนั้นเป็นรองเท้าส้นสูงห้านิ้ว! ต่อให้เธอเป็นนางแบบเธอก็ไม่ชินกับการต้องเดินประหลาดๆ แบบนี้หรอกนะ

     

                    “นี่ ฉันถามอะ ไม่ได้ยินหรือไง ไหนๆ ก็ช่วยฉันแล้วก็ช่วยอธิบายฉันหน่อยสิ ฉันไม่เข้าใจ แล้วคุณก็ช่วยหยุดเดินก่อนได้ไหม ก่อนที่ฉันจะตาย! นายรู้หรือเปล่าว่าการเดินด้วยเท้าเปล่าข้างนึง ในขณะที่อีกข้างนึงเป็นส้นสูงห้านิ้วมันเมื่อยแค่ไหนน่ะ” ตอนนี้เธอไม่สนว่าชายปริศนาผู้นี้จะหล่อแค่ไหนหรอกนะ ตอนนี้เธออยากฆ่าคน เธอยากฆ่าไอ้เกย์เอ็ด ไอ้โรคจิตที่บังอาจมากอดเธอเมื่อกี้ ยัยโรคจิตที่มาด่าเธอปาวๆๆ เมื่อกี้ด้วย อ้อ! ตอนนี้มีไอ้โรคจิตชายปริศนาที่จูงมือเธออยู่อีกคนนึง!

     

                    “โอ้ย ฉันไม่เดินแล้ว พอกันที บ้าที่สุดเลย” นางแบบสาวตะโกนก่อนจะหยุดจังหวะการเดินที่เท้าพร้อมกับสะบัดมืดออกจากการจับกุมของอีกฝ่าย “ก่อนจะลากฉันไปไหนก็ช่วยบอกก่อนได้ป่ะ ฉันซึ่งใจนะที่นายช่วยฉันน่ะ แต่ตอนนี้ฉันงง สับสน ปวดหัด ปวดขา เมื่อยไปหมดแล้ว อารมณ์ฉันถึงจุดพีคแล้วนะ! ช่วยอธิบายหรือพูดอะไรหน่อยได้ไหม โว้ย!

     

                    ชายหนุ่มปริศนามองหน้าหญิงสาวที่เขารักอย่างสุดหัวใจที่กำลังเดินไปตามเพื่อหากิ่งไม้นั่งพักเหนื่อยพร้อมกับทำท่าทางแปลกประหลาด อันที่จริงนางแปลกประหลาดมาตั้งแต่ต้นแต่เขาก็ทราบถึงเหตุนั้น แต่มันยังไม่ถึงเวลา ใช่ มันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะได้รู้ความจริง

     

                    กึก กึก กึกเสียงแปลกประหลาดที่เล็ดลอดมาจากป่าอีกด้านนึงทำให้ชายหนุ่มต้องรีบหันหน้าไปมองทันทีตามนิสัยแห่งนักรบ

     

                    “นี่เจ้าเราต้องรีบไปแล้ว ก่อนที่พวกนั้นจะตามทัน จินหยู่เจ้าควรลุกขึ้นแล้วตามข้ามาเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มออกคำสั่งแก่หญิงสาวที่กำลังนั่งนวดเท้าตัวเองอยู่ ชุดที่นางใส่ช่างสั้นเหลือเกิน ท่าทางของนางในตอนนี้ช่างห่างไกลกับจินหยู่คนเดิมนัก

     

                    “อะไร ไปไหน จะไปตามใคร ใครตามมา บ้าหรือเปล่า ฉันปวดขาจะตายอยู่แล้ว ชุดสุดหรูฉันก็เละหมดแล้วนายเห็นหรือเปล่า ฉันนึกว่าจะมาช่วยฉันแล้วพาฉันไปหาพี่เอลล่า แต่นี่อะไรเนี่ย พาฉันมาเดินบ้าแถวไหนก็ไม่รู้ นี่ฉันกำลังถูกลักพาตัวแน่ๆ เลย นายเป็นใครสารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ กล้าดียังไงมาลักพาตัวฉัน” นางแบบสาวตะคอกใส่ชายแปลกหน้าก่อนจะค่อยๆ ถอดรองเท้าคู่โปรดของเธอออกมาอย่างระมัดระวัง

     

                    “โอ้มายก็อด รองเท้าของฉัน ไม่นะ รองเท้าราคาเหยียบแสนของฉันเหลือราคาเพียงหลักร้อยเพราะไอ้ป่าบ้านี่แน่ๆ เลย ฉันอยากจะบ้าตาย บ้าที่สุดเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้น รอบตัวฉันมีแต่คนบ้า ฉะ….ว้ายยยย!! ไอ้บ้า นี่แกทำอะไรเนี่ย แกมาอุ้มฉันทำไม ปล่อยนะ ปล่อยยยยย!!

     

                    หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอหมายตาก็ตรงดิ่งเข้ามาอุ้มเธอพาดขึ้นหลังพร้อมพาเธอเดินไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ใส่ใจเลยว่าคนที่ถูกอุ้มพาดหลังนั้นจะรู้สึกอย่างไร ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในสภาพกลับหัว ผมชี้ฟู ห้อยโต่งเต่งไม่เป็นทรงราวกับผีบ้าก็ไม่ปาน

     

                    “ไอ้บ้า ปล่อยฉันลงนะ นายทำรองเท้าฉันร่วงกลับไปเก็บก่อนได้ไหม โอ้ไม่นะ ใครก็ได้ช่วยฉันที!” หญิงสาวตะโกนเสียงดังพร้อมทุบหลังและพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากร่างของชายหนุ่มปริศนา

     

                    “จินหยู่เจ้าช่วยเงียบก่อนแล้วข้าจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าขออภัยที่ต้องล่วงเกินเจ้า แต่เจ้าช่วยเงียบก่อนจะได้ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยในขณะที่พยายามก้าวเท้าให้เร็วขึ้น ถ้าความรู้สึกของเขาไม่ผิดพลาด ตอนนี้พวกมันใกล้เขามาและพร้อมจะโจมตีเขาและเธอแล้ว ส่วนเหตุผลที่พวกมันเจอเขาก็คงไม่ต้องถามเพราะหากไม่ใช่เสียงร้องลั่นป่าของนางแล้ว พวกมันไม่มีทางรู้ได้แน่นอนว่าเขาอยู่ที่ใด

     

                    “เงียบกับผีน่ะสิ ปล่อยนะ ปล่อยยยย! กรี๊ดดดดดดด” ในขณะที่เธอกำลังดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากร่างของชายแปลกหน้านั้นจู่ๆ ก็มีวัตถุลอยผ่านเฉียดผมและหน้าเธอไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น นิดเดียวจริงๆ โอ้โนว! มันคือ ธนู ใช่ไหม เธอจำได้ เธอเคยไปดูการแข่งขันยิงธนูโอลิมปิค ธนูมันมีหน้าตาคล้ายๆ แบบนี้แหละ! เธอกำลังถูกยิงธนูใส่! นี่มันการลักพาตัวประเภทไหนเนี่ยยยยย!

     

                    “ข้าเตือนเจ้าแล้ว เจ้าควรอยู่นิ่งๆ แล้วอย่าส่งเสียง อีกอย่างเจ้าควรจะหยุดดิ้นเสียทีเพราะชุดที่เจ้าใส่มันสั้นนัก ข้าไม่รับประกันความปลอดภัยของร่างกายเจ้า หากเจ้ายังดิ้นต่อไป” ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งก่อนจะก้าวฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อหลบหนีเหล่าคนที่ติดตามเขาอยู่ภายหลัง ในขณะที่นางแบบสาวได้แต่อ้าปากค้างในคำขู่ของเขา! นี่เขากำลังขู่ว่าจะกระทำชำเราเธอใช่ไหม!

     

                    โอเค เธอยอมรับว่าตอนแรกเธออยากได้ผู้ชายคนนี้ใจจะขาดรอนๆ แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนความคิดแล้ว ต่อให้โลกนี้ทลายและเหลือเพียงผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว เธอก็ไม่เอา! หญิงสาวคิดในใจและอยากจะกรีดร้องแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวในคำขู่ของเขาและเธอยังไม่อยากตาย!

     

                    เธอได้แต่กรีดร้องในใจคนเดียวพร้อมกับสติสตังที่ค่อยๆ หลุดลอยไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิดมาเธอที่ชีวิตที่เพอเฟ็กต์มาตลอด เธอไม่เคยต้องวิ่งหนีเพราะถูกตำรวจจับ เธอไม่เคยต้องเดินป่า เธอไม่เคยถูกคนยิงธนูใส่ เธอไม่เคยถูกลักพาตัวและเธอก็ไม่เคยถูกขู่ว่าจะถูกกระทำชำเรา! พระเจ้าโปรดช่วยเหลือลูกด้วย

     

    ===============================


    'มาช้ายังดีกว่าไม่มา 5555555'

     

    ในที่สุดคนแต่งก็กลับมาอะ -.,- กรี๊ดมาก ไม่อยากจะเชื่อ :3 
    หายไปนานมากเคอะ ยอมรับผิด 555555 (เมื่อกี้แอบเห็นคอมเม้น 7 เดือนแล้วนะ กร๊ากกก)
    โทษทีค่า ที่หายไป..ช่วงแรกที่หายไปคือ ขี้เกียจ ส่วนช่วงหลังนี่ ติดเรียน ติดสอบค่า =_=; สารพัดจะติด
    วันนี้เพิ่งสอบเสร็จ สดๆ ร้อนๆ แบบว่า..คันไม้คันมืออยากระบายเลยแวะมาแต่งนิยายและอัพลงให้นิดนึง
     ฟิกยังไม่อ่านทวนเลยอะ แต่รู้สึกได้ว่ามันทุเรศ -_-; มันจะเพ้อๆ หน่อยนะเพราะช่วงนี้ไรเตอร์เพ้อมาก
    เขียนตอบข้อสอบกฎหมายเหนื่อยมากคะ จิเป็นลม เฮือก TwT 

    แต่ยังไงก็กลับมาแล้วเนอะ ช่วงปิดเทอมนี้ฟิกก็จะพยายามแต่งและมาวนๆ อยู่แถวนี้แหละค่าา
    สัญญาว่าจะมาอัพให้อ่านแน่นอนจนกว่าจิเปิดเทอม (เพราะเปิดเทอมเป็นอนาคตที่ไม่แน่นอน 555555)
    เอาเป็นว่ามาลุ้นช่วยนางเอกกันนะ ว่าจะเป็นไงต่อไปและ...
    ชายปริศนาคือผู้ใด แม่ทัพเหวินเป็นใคร แท่น แทน แท๊นนนน...ลุ้นกันต่อไป ;P

    ไว้เดี๋ยวมาอัพอิมเมจตัวละครเพิ่มให้นะะะ 
    ขอไปหาอะไรกินก่อนแปบนึง รักคนอ่านสุดๆ จ๊วบๆ <3 
    รักแฟนพันธุ์แท้ทั้ง 24 คนด้วย (เมื่อกี้เพิ่งแอบเห็น) น้ำตาจะไหลคะ 

    เจอกันตอนหน้าจ้าาาา 
    Bis Bald! :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×