ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (-short fic-) TAOKACHA

    ลำดับตอนที่ #7 : ( SF ) เธอคือคนนั้นรึเปล่า :partone' tao x kacha

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 54


    ร่างสูงของคนคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ลุมล้อม บทสนทนาดังอย่างไม่ได้ขาดสาย�
    ไม่มีว่าคนคนนั้นมีอะไรพิเศษ ทำไมตาของผมเหมือนสั่งงานอัตโนมัติให้หมองตามอย่างไม่คลาดสายตา




    อยากเข้าไปทักทาย อยากเข้าไปคุยด้วย แต่คนมากมายที่ลุมล้อมพี่อยู่ตอนนี้�
    มันทำให้ผมรู้ว่าผมควรอยู่ตรงนี้แหละดีแล้ว ตรงที่พี่จะไม่รู้ว่ามีคนคนี้มองพี่อยู่ และ....
    มีความรู้สึกดีดีให้พี่มานานแล้ว �





    'พี่บาส สวัสดีครับ' �ถ้อยคำเหล่านั้นมันไม่ได้ออกไปจากปากของผมหรอก ผมทำได้ก็แค่
    คิดอยู่ในใจ มันก็ดังอยู่ในใจผมเองนั่นแหละ � ผมมองร่างสูงสาวเท้าเดินต่อไปจนอีกคนหันหลังและลับตาไป




    พี่บาสเป็นรุ่นพี่ที่คณะผมเองครับ �ขนาดผู้ชายด้วยกันในคณะยังพากันบอกว่าพี่บาสหล่อ หน้าหวานเหมือนผู้หญิง
    หน้าตาถือได้ว่าดีมากเลยทีเดียว นั้นก็ไม่แปลกที่ใครๆก็พากันชอบ � ซึ่งรวมถึงผมด้วย....
    ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังของผม




    "ชอบแล้วมัวแต่มอง เดี๋ยวก็มีคนคาบไปแดกหรอกมึง"






    "อ่าวไอ่เหี้ยเต๋า แล้วมึงจะให้กูทำยังไงล่ะ เห็นไหมคนชอบพี่เขาเยอะขนาดนั้น"






    "นั่นแหละ ถ้ามึงไม่รีบเผล็จศึก ระวังโดนคนอื่นฉวยไป แล้วอย่ามาโทษกูก็แล้วกัน"






    "แล้วกูต้องทำยังไงล่ะ"






    "หึ " อีกคนหัวเราะในลำคอก่อนจะบอกสิ่งที่ผมควรจะทำ �ไอที่เรียกว่าเผด็จศึกจริงๆคือไม่มีอะไรครับ
    มันก็แค่แผนจีบเฉยๆ �ก็มีไปบอกพี่เขาตรงๆ �ตีสนิท แล้วก็ขอคบ �พูดเหมือนง่ายเนอะมึง�
    ผมควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน �กูผิดไหมที่จีบใครไม่ค่อยเป็น ไม่ได้หน้าม่อเหมือนมึงหนิเต๋า






    ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็ทำตามแผนที่มันบอก ตั้งแต่ไปตีสนิท จนได้เบอร์พี่บาสมา
    คือพี่บาสเนี่ยอยู่ชมรมดนตรี �แล้วเขาขาดคนเล่นกลองพอดี �ผมสนิทกับไอ่พี่แจ็ค เลยทำเนียนๆ
    ขอมาช่วยเล่น �โชคดีเหมือนบุญหล่นทับ มาซ้อมทุกวันก็ได้เจอพี่บาสทุกวัน จนบางทีผมก็ไปส่งพี่บาส
    ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ�








    "คชา วันนี้ไปซ้อมด้วยนะไอแจ็คมันบอกมา"






    "คร้าบ :)" ผมหันไปตอบอีกคน พร้อมยิ้มหวานส่งไปให้ �วันนี้แหละผมจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับพี่บาส�
    ว่าความรู้สึกของผมน่ะ จะเหมือนกับที่พี่เขารู้สึกกับผมบ้างรึเปล่า�





    เสียงดนตรีดังไปทั่วห้องซ้อมของมาวิทยาลัยอย่างไม่มีหยุด �ดนตรีก็เป็นสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างนึง
    ผมสามารถอยู่กับมันไปทั้งชีวิตเลยล่ะ �มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุข ยิ่งได้ทำสิ่งที่ชอบกับคนที่ผมชอบ
    ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังหัวใจพองโตอยู่ไม่น้อย �อีกไม่นานแล้วสินะ .






    "เออ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะเว้ย ขอบคุณทุกคนมากที่อยู่ซ้อมกันจนดึก กลับบ้านได้แล้วเว้ย"
    เสียงของพี่แจ็คประธานชมรมดนตรีดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งไม่น้อย ยอมรับว่าตื่นเต้นพอสมควร�
    เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!






    "พี่บาสครับ กลับบ้านด้วยกันไหม" ผมหันไปถามอีกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่




    "อื้ม �เอาสิ" คำตอบพร้อมกับรอยยิ้มหวานส่งมาให้ผม �


    ผมยืนรอพี่บาสเก็บของอยู่สักพักหนึ่งก่อนเราจะร่ำลาเพื่อนๆพี่ๆออกมาได้ก็พักใหญ่อยู่เหมือนกัน
    คนในวงก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน � นี่ก็ดึกมากแล้วจึงทำให้ในมหา'ลัยไม่มีคน �ไฟก็เปิดไว้แต่เพียงบางดวง
    ไม่มีเสียงรบกวนใดๆ มีเพียงแต่เสียงลมที่พัดเอาไปไม้ไปกระทบกับกิ่งไม้ � เวลานี้แหละ ....






    "พี่บาส " ผมหยุดเดินแล้วส่งเสียงเรียบให้อีกคนที่กำลังเดินนำหน้าผมไปอยู่ ทำเอาคนตรงหน้าผมหันกลับมาเลิกคิ้วสูง






    "ทำไมหรอ" � ผมมองหน้าอีกคนก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือของอีกคนเอาไว้หลวมๆ







    "ผม... ชอบพี่บาสนะ"






    "......." ไม่มีคำตอบจากอีกคน มีเพียงแต่แววตาเรียบเฉย กับสีหน้าตกใจเพียงเล็กน้อย นั่นทำเอาผมใจไม่ดี






    "ผมรู้สึกดีเวลาที่อยู่ใกล้พี่นะ �รู้สึกใจมันเต้นเร็วขึ้นทุกครั้งที่เห็นพี่ยิ้ม มีความสุขที่เห็นพี่ แม้พี่จะไม่เห็นผม �แล้วพี่..."



    "จะเปิดใจให้ผมบ้างได้ไหม ?" �ผมพยายามควบคุมอารมณ์พูดคำสุดท้ายออกไป�








    "คะ ..คชา คือ พี่ .."�






    "คือพี่ ขอบคุณนะ ที่คชารู้สึกดีกับพี่ �แต่พี่..."





    "พี่มีคนที่ชอบแล้วใช่ไหม" น้ำเสียงสั่นคลอของผมถามขึ้นด้วยอารมณ์ �แต่กลับไม่มีเสียงตอบจากคนตรงหน้าเลย�
    แต่กลับพยักหน้าเบาเบา กับสายตาที่ไม่ยอมสบกับผม �ตอนนี้ผมรู้สึกวูบไปทั้งตัว �สมองมันไม่สั่งการอะไร �มันชาไปหมด
    เพราะผม... หวังมากไปหรอ �ผมไม่ได้เตรียมใจที่จะผิดหวังมาเลยสินะ หึ �รู้ตัวอีกที ผมก็รู้สึกได้ถึงของเหลวใสที่คลออยู่บริเวณ
    ขอบตาของผม �'น้ำตา'�


    บ้าเอ้ย ! อ่อนแอชะมัดเลยคชา ใครเขาจะอยากให้แกดูแลปกป้องเขา มาร้องไห้ต่อหน้าเขาแบบนี้




    "คชา พี่ขอโทษ "






    "พ..พี่ไม่ต้องขอโทษผมหรอก พี่ไม่ได้ผิดสักหน่อย " ผมพูดประโยคสุดท้ายออกไปก่อนที่น้ำอุ่นๆจะไหลลงอาบแก้ม
    อีกคนดูตกใจไม่น้อยกับสภาพของผมตอนนี้ที่กำลัง 'ร้องไห้' �




    "หึ หน้าสมเพชสินะ" ผมหัวเราะกับตัวเองก่อนจะพูดคำสุดท้ายทิ้งไว้ �หงุดหงิดตัวเองเว้ย ทำไมขี้แยอย่างนีว่ะคชา�
    แกมันงี่เง่า �สมแล้วที่ดดนเขาปฎิเสธนะ ! ขาของผมสองข้างสั่งการเองให้วิ่งออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
    ตอนนี้ผมจะไปไหน �กลับบ้านไปสภาพแบบนี้คงโดนถามแน่ๆ �เอาไงดีว่ะ ไอน้ำตาเหี้ยนี่ก็ไหลไม่ยอมหยุด
    หยุดซักทีสิเว้ย !




    ระหว่างที่ผมวิ่งออกมาสักพักผมเจ้ากรรมก็ดันตกซะงั้น จะตอกย้ำซ้ำเติมกูไปถึงไหน�
    แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว �เจ็บจนมันชาไปทั่ว �ไม่รู้สึกถึงความหนาวจากหยาดฝน
    ที่ตกลงมากระทบกับตัวผมสักนิด�




    ______________________________________________________________________________________







    ผมรู้ตัวอีกทีผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่งก่อนจะเคาะประตูสองสามที�
    แล้วเจ้าของห้องก็มาเปิดพร้อมด้วยสีหน้าตกใจ �





    "เห้ย ชามึงเป็นอะไร เข้ามาก่อน"�





    "มึงไปทำอะไรมา ทำไมตัวเปียกแบบนี้ นั่นมึงร้องไห้หรอ"






    "เต๋า มึงอย่าพึ่งถามอะไรกูได้ไหม กู....กูไม่อยากพูดถึงตอนนี้" ผมพูดเรียบๆก่อนจะสังเกตเห็นอีกคนลดสีหน้าลง
    แล้วเงียบไม่ถามอะไรผมอีกเลย �ก่อนจะโยนผ้าขนหนูผืนเล็กสีฟ้ามาให้ผม�





    "อ่ะเช็ดผมซะมึง เดี่ยวไม่สบาย" �ผมรับผ้าขนหนูมาก่อนจะเช็ดผมอย่างช้าๆ พลางคิดทบทวนเรื่องของวันนี้�
    ที่ผม... ไม่อยากจะจำ







    ผมจัดการอาบน้ำสระผมเรียบร้อยก่อนจะแต่งตัวด้วยชุดของมัน �ผมคุยกับมันแล้วว่ามีเรื่องนิดหน่อย
    ไว้ผมสบายใจแล้วผมจะเล่าให้มันฟังเป็นคนแรก �ผมกับเต๋าเป็นเพื่อนกันมานาน



    �เวลาผมมีเรื่องไม่สบายใจผมก็จะชอบระบายกับมัน
    แต่..เรื่องนี้ไว้รอกูพร้อมก่อนนะ กูเชื่อใจมึง




    ผมทิ้งตัวลงนอนด้วยความรู้สึกล้า รู้สึกแย่จนไม่อยากจะทำอะไร�
    อยากจะนอนหลับตาอยู่แบบนี้ �ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่มันพึ่งจะเกิดขึ้น หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้น�
    รสชาติของความผิดหวัง �มันเป็นอย่างนี้สินะ คชามึงได้ลิ้มลองมันสักครั้งแล้วล่ะ





    เป็นยังไง �มันเจ็บเจียนตายเลยใช่ไหมคชา �...




    ผมปล่อยความคิดของผมให้มันวนเวียนอยู่ในหัว �ก่อนจะหลับตาแล้วเขาสู้ห้วงนิทรา
    ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ในนั้น แต่ไม่เคยจะเกิดในชีวิตจริงได้ �
    ฝันเราลิขิตมันได้ แต่มันก็คือฝันไม่ใช่ ชีวิต.



    _______________________________________________________________________________________



    "ชาชา ชาเว้ย " ผมรู้สึกถึงแรงสะกิดทำให้ผมรู้สึกตัว แล้วพรือตาขึ้น ก็พบว่าร่างสูงของใครสักคนกำลังนั่ง
    อยู่ข้างๆเตียงเหมือนเช่นเคยทุกเช้า �ผมมาอยู่ที่คอนโดเต๋าเกือบจะอาทิตย์แล้ว �
    ถึงแม้ว่าจะเกรงใจมันอยู่ แต่ก็ไม่อยากกลับบ้าน�




    "ตื่นมากินโจ๊ก �กูซื้อมาให้ "




    "มึงกินเถอะ กูไม่หิว " คำตอบเดิมตอบคำถามไป �




    "มึงไม่หิวมาจะอาทิตย์นึงแล้วนะเว้ย ดูหน้ามึงดิ โทรมจะตายห่า กูขอร้องมึงอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้"





    "มึงไม่รู้หรอกว่ามีใครจะเจ็บเพราะมึงบ้าง" ��






    "มึงหมายถึงใคร " คำพูดแบบนั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่�






    "... เปล่า กินโจ๊กด้วยกูเดี่ยวกูออกไปซื้อของก่อน" ว่าแล้วร่างสูงของอีกคนก็เปิดประตูออกจากห้องไป
    � ทิ้งคนบนเตียงให้งงกับคำพูดที่ทิ้งไว้�





    'ทำไมไม่พูดให้เคลียร์วะ �กูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแล้วรู้ไหม ' ผมเจ็บ �เจ็บจนไม่กล้าอีกแล้วล่ะ





    ผมก้าวลงจากเตียงก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวแล้วคว้าจานกับถุงโจ๊กมาด้วย �
    ก่อนจะตักกินไปได้คำสองคำ �ผมกินไม่ลงจริงๆ �ถือซะว่ากูกินแล้วนะเต๋า �




    'ขอบคุณนะ'



    �คำที่ผมบรรจงเขียนใส่กระดาษก่อนเอาไปติดที่ตู้เย็น �ต้องขอบคุณมันจริงๆ
    ถ้าไม่มีมัน ผมคง..แย่กว่านี้ �มันคอยดูแลผมทุกเรื่องจนบางทีผมก็แอบ..........








    ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้งก่อนจะนึกรวมรวบเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต�
    บางทีผมอาจจะหยุดอยู่ที่เดิมนานเกินไป �ผมควรจะลุกขึ้นแล้วก้าวไปไหมรึเปล่านะ
    แต่มันเป็นเพราะ ผม..กลัว �กลัวจะต้องเสียใจอีก ซึ่งถ้าเป็นคนคนนี้ผมคงทนไม่ได้จริงๆ




    ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แปลกแฮะ วันนี้มันไม่ได้มาปลุกผมพร้อมถุงโจ๊ก�
    ผมใช้สายตากวาดหาไปทั่ว �แต่ก็ไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย




    �ไปไหนว่ะ ทิ้งกูหรอ!

    จนสายตาของผมไปสะดุดกับกระดาษสีส้มที่แปะอยู่บนตู้เย็น �




    'กูออกไปเคลียร์งานที่มหาลัยแปปนึง เดี่ยวกูกลับมา โจ็กอยู่บนโต๊ะนะ'

    ประโยคสั้นๆบนกระดาษนั่นทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาได้ไม่น้อย�
    ผมไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้วสินะ �คงถึงเวลากับการ
    ..เริ่มต้นใหม่




    ผมเทโจ็กใส่ถ้วยก่อนจะตักเข้าปาก วันนี้จะพยายามกินให้หมดเลย คอยดู




    ติ๊ง -

    เสียงใสดังขึ้น มันเป็นเสียงเมจเสจที่ส่งมานั่นเอง ทำไมผมจะไม่รู้ผมก็ใช้ไอโฟนนะครับ �
    ผมมองไปรอบๆจนเจอต้นเสียง เป็นโทรศัพท์นั่นเอง�แต่นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของผมนี่
    เต๋าคงลืมไว้ละมั้ง �ผมกดคำว่า open บนหน้าจอทัชสกรีน เพื่อเปิดดูเมจเสจว่าใครส่งมา
    เพื่อจะมีเรื่องด่วน �



    BAS': �คิดถึงแฟนนะ :)



    หัวใจผมกระตุกวูบแค่ประโยคสั้นๆ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    ไม่จริงใช่ไหม ใครก็ได้หาข้ออ้างมาบอกผมทีว่านี่มันอะไร � เรื่องในหัวผมตีกันยุ่งไปหมด




    � � � � � � �น้ำตาที่ผมคุ้นเคยเริ่มไหลออกมาช้าๆ ก่อนความรู้สึกเดิมจะปรากฏ �แต่ไม่สิ
    ไม่เหมือนเดิน แต่มันเจ็บกว่าเดิมอีกร้อยเท่า �มึงจะให้กูเจ็บไปถึงไหน �มึงเคบบอกว่าอย่าให้ใครเจ็บเพราะกู
    แล้วมึงไม่รู้หรอว่ากูเจ็บแค่ไหน ทำไมมึงทำแบบนี้ � มึงไปคบกับพี่บาสทั้งที่กู... กู !




    ผมวิ่งลงมาจากคอนโดพร้อมกับน้ำตาที่ยิ่งไหลหนักกว่าเก่า ก่อนจะโบกแท็กซี่กลับบ้าน�
    ผมไม่อยากจะอยู่แล้ว ไม่อยากเจอไอเหี้ยสองคนนั้น �คนที่ผมไว้ใจ..แล้วก็ให้ใจกับมันไป




    มันกลับบีบหัวใจดวงนั้นให้แตกสลาย �ทำไมมึงโง่แบบนี้คชา �มือสองข้างของผมปาดน้ำตาที่ค่อยๆ
    ทยอยไหลมาอาบแก้มได้ไม่หยุด







    หลังจากผมถึงบ้าน โชคดีที่แม่ไม่อยู่ผมก็เก็บข้าวของก่อนจะทิ้งโน็ตไว้ให้แม่ เพื่อแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง


    'ชาไปเที่ยวกับเพื่อน เดี่ยวสองสามวันก็กลับแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะครับแม่'






    � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � � TO BE CONTINUE �PART TWO


    - - - - - - - -�- - - - - - - -�- - - - - - - -�- - - - - - - -�- - - - - - - -�- - - - - - - -�- - - - - - -�



    talk talk talk : ติดตามตอนที่2 กันนะจ๊ะ ไรเตอร์สัญญาจะมาอัพให้เร็วที่สุด�
    เนื่องจากเรื่องที่แล้วมันสั้น ไรเตอร์เลยจัดเต็มเรื่องนี้ให้ ชอบไม่ชอบเม้นบอกด้วยนะจ๊ะ -3-





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×