ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนจ้าวมังกรเซฟารีน

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 49


                    ห่างเพียงไม่มากคือคมดาบที่หวังฟาดตัดคอของคู่ต่อสู้   ร่างแกร่งของนักฆ่าพร้อมทั้งดาบประจำตัวมาขวางไว้ได้ทัน   เสียงดาบกระทบกันอย่างจังดังได้ยินชัด   และนั่นหมายความว่าเธอลอดตายได้ด้วยน้ำมือของเพื่อนซี้นักฆ่าแห่งซาเรส   คู่ต่อสู้ของเธอกลับกลายเป็นของคิลไปเสียแล้ว   แต่จากการต่อสู้เธอก็บาดเจ็บไม่น้อย   แองจี้รีบวิ่งเข้ามาใช้มนรักษาให้ในทันที   ปล่อยภาระการต่อสู้ให้กับกลุ่มผู้นำทั้ง 5 การต่อสู้ดำเนินไปอีกพัก   ผู้บุกรุกก็รู้ว่าตนเองไม่อาจจะต่อกรกับคนกลุ่มนี้ได้   ผู้ที่มีท่าทางจะเป็นหัวหน้าจึงสั่งถอยอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเวลามา   การต่อสู้สิ้นสุดบรรยากาศแห่งความรื่นรมก็กลับมา   เวลาอาหารเที่ยงผ่านไปอย่างมีความสุข   หลังจากเวลาอาหารผ่านไป  ทุกคนยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร   โรเวนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็เอ่ยขึ้น

                    มีคนรู้ว่าพวกเราเป็นคนคุ้มกันศิรามายามา   มันชักยังไงอยู่

                    เราคงต้องระวังตัวมากขึ้นแล้วล่ะโรเวน

                    มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะลอรี่   โรวี่

                    เฟี้ยว....ฉึก....เสียงมีดแหวกอากาศมาปักเอาต้นไม่ใหญ่ข้างหลังซาตานหน้าเป็นที่หลบ  อาวุธของนักบวชจนชำนาญแล้วได้อย่างไม่ยากลำบาก   ก่อนที่เจ้าของมีดจะเอ่ยขึ้นอีกว่า

                    ถ้านายยังไม่อยากตาย   ก็เลิกเรียกฉันแบบนั้นซะไ

                    แน่นอนว่า  นักบวชหน้าบูดพูดทุกครั้งที่ซาตานหน้าเป็นเรียก   แต่ก็ไม่เคยทำให้คนถูกขู่ยอมเปลี่ยนการเรียกชื่อแบบนี้ซะที

                    พวกนั้นรู้ได้ไงฮะ   ว่าศิรามายาอยู่ที่เรา

                    ไม่มีใครรู้หรอกเฟริน   หน้าที่ของเราคือคุ้มกันมันไปส่งให้กับทางคาโนวาลเท่านั้น

                    แต่ถ้ามีการแย่งชิงแล้วครั้งนึง   มันต้องมีครั้งต่อไปแน่   แต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้น   การเดินทางจากนี่ไปคาโนวาลต้องใช้เวลากว่า 3 วัน   นั้นคือเดินทางทั้งวันด้วยซ้ำ   แต่พวกเราหยุดเป็นระยะแบบนี้อาจกินเวลาถึง 4 วัน

                    เจ้าชายมาดน้ำแข็งออกความเห็นบ้าง   ซึ่งในใจหลายคนก็เห็นด้วย   แต่จะเดินทางเร่งรีบเกินไปก็อาจเรียกให้พวกชุดดำเข้ามาหาหลายกลุ่มขึ้น   จึงย่นเวลาโดยการทานอาหารในเกวียนและจะไม่หยุดพักเพื่อทานอาหารอีก   เกวียนเดินทางต่อไปโดยมีผู้อยู่ในเกวียนครบทีม   รวมตัวกันเพื่อเล่นเกมต่างๆภายในห้องพัก   แต่เล่นกันไปนานเข้าต่างก็เบื่อขึ้นเรื่อยๆ   เริ่มเย็นลงพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า   แสงสุดท้ายดั่งกล่าวคำอำลาแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเจอกันใหม่    วันแห่งความวุ่นวายหมดไปอีกวัน   การเดินทางเกือบไม่มีอะไรมากไปกว่าเดิม   แต่อยู่ดีๆเกวียนก็หยุดนิ่ง   ม้าทั้งคู่พยศอย่างแทบเอาไม่อยู่   รอบด้านมีแต่ความมืดมิด   ที่ยังพอมองเห็นได้ก็ไม่ไกลนักด้วยความสว่างจากตะเกียงที่จุดไว้จากมุมทั้งสี่ของเกวียน  

                    การหยุดนิ่งเป็นสัญญาณให้นักรบที่อยู่ภายในต่างออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกทั้งหมด   ทุกคนต่างมีอาวุธพร้อมในมือ   ไม่มีใครรู้จะเกิดอะไรขึ้น   ภายในหนึ่งวันพวกเขาจะต้องเจอผู้เข้ามาชิงศิรามายาถึง 2 ครั้งที่เดียวหรือนี่   ต่างมองไปรอบๆ   เขาไม่รู้จริงๆว่าศัตรูจะเข้ามาทางใด   แต่การค้นหาก็ไม่กินเวลานานเลย   เมื่อหนึ่งในผู้บุรุกปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า   และตามมาด้วยบุกคนที่แต่งกายมิดชิดอีก  4 คน   บุคคลที่ก้าวมาเป็นคนแรกต่างมองมาที่นักรบจากป้อมอัศวินทั่ง 21 คนที่ยืนประจันหน้ากับพวกเขา   โรเวนที่ยืนมองหน้าอยู่เป็นคนแรกเอ่ยขึ้นทันทีว่า

                    ต้องการอะไร   เราไม่อยากมีเรื่อง   โปรดเปิดทางให้เราด้วย

                    เราจะเปิดทางให้   ถ้าพวกเจ้าจะทิ้งจ้าวมังกรไว้ที่นี่   แล้วไปซะ

                    คำพูดจากคนที่มีท่าทางเป็นหัวหน้าสร้างความงุนงงให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก   เพราะในที่นี้ไม่มีคนที่พวกเขาต้องการ   และเป็นที่ผิดคาดเมื่อพวกเขาคุ้มกันศิรามายา   แต่พวกมันกลับต้องการคนที่เขาไม่มี   แต่คาโลก็หวนนึกถึงหนังสือเล่มนั้น   100,000 ปี ดินแดนมังกร   ขึ้นมาได้จึงเหลือบเห็นแววตาของเฟรินไหวระริกเล็กน้อย   แองจี้ผู้ยืนถัดไปรีบเอ่ยทันที

                    ที่นี่ไม่มีคนที่เจ้าต้องการ   ไปซะเราต้องเดินทางต่อ   พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว

                    ไม่มีอะไรผิด   ส่งตัวเจ้ามังกรมาแล้วพวกเจ้าจะไปไหนก็ไป   ข้าไม่สนแต่ถ้าไม่พวกเจ้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่

                    กล่าวจบชายชุดดำที่มีท่าทางเป็นหัวหน้าก็พุ่งเข้าใส่ทันที   เป้าหมายคือโรเวนก่อนใคร   ลอเรนซ์กับลูคัสต่างลงมือเข้าช่วย   ชายชุดดำอีก 2 คนจึงออกโรงต่อสู้ด้วย   คาโลหันมามองเฟรินอีกครั้ง   ใบหน้างามยังคงนิ่งสงบ   คิลกับคาโลจึงออกไปต่อกรกับชายชุดดำที่เหลืออย่างรวดเร็ว   แต่ในขณะที่ทั้ง 5 กำลังต่อสู้อย่างสูสีกันแผ่นดินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง   ดินค่อยๆนูนตัวขึ้นเกิดเป็นนักรบดินหลายตัว   ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อทำลายนักรบดินเหล่านั้นทันที   เฟรินรู้สึกว่าต้องมีอะไรสักอย่าง  คิลกับคาโลที่กำลังต่อสู้อยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด   แต่ไม่อาจผละจากการต่อสู้ไปช่วยเพื่อนๆได้   เพราะคู่มือของตนนั้นฝีมือร้ายกาจใช่เล่น   และยังมีฝีมือที่แปลกประหลาดยิ่ง   หากไม่ตั้งใจเต็มที่แล้วนอกจากจะช่วยเพื่อนคนอื่นไม่ได้   ตัวเองก็อาจจะต้องตายด้วย

                    เฟรินรู้สึกตัวแต่การที่ต้องทุ่มกำลังในการฟันนักรบดินแต่ละตัวก็ต้องใช้แรงอย่างมาก   จะผละออกไปจัดการอะไรก็ยาก   นักรบดินถ่าโถมเข้าหาทุกคนอย่างต่อเนื่อง   การต่อสู้กินเวลาไปเรื่อยๆ   หลายคนเมื่อต้องทุ่มกำลังและเวทย์เพื่อทำลายนักรบเหล่านั้น   จึงเริ่มเหนื่อยอ่อน   ไม่นานเฟรินก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมาประชิดแผ่นหลังแตะตนเอง   เหลือบมองไปก็เห็นเจ้าขอทานกำมะลอนั่นเอง   เฟรินเห็นทางรอดทันที

                    โร   นายว่าแปลกไหม   นักรบดินพวกนี้น่ะ

                    ใช่   พวกที่สู้อยู่ตรงนั้นไม่น่าจะร่ายเวทย์สร้างนักรบดินพวกนี้ได้   เพราะพวกพี่โรเวนก็รับมือกันเต็มที่   ถ้าเป็นพวกนั้นจริงพวกเขาต้องทำอะไรแล้ว

                    ฉันว่ามันต้องมีใครอีกคนอยู่ในที่มืด   เห็นเราแต่เราไม่เห็น

                    ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น

                    โร   นายน่าจะลองหาซักหน่อยนะ

                    ฉันไปไม่ได้   พวกนั้นเข้ามามาก

                    ไม่ต้องห่วง   นายรีบไปหา   แล้วจัดการคนๆนั้นซะ   ทางนี้พวกเรารับมือเอง

                    เสียงจากครี้ด   นักรบตาเดียวที่กำลังต่อสู้อยู่ไม่ห่างเอ่ยขึ้นทันที   โรรีบส่งกระแสจิตบอกทุกคน   รวมถึงพวกที่สูกับชายชุดดำทั้ง 5 ด้วย   แล้วเขาก็พุ่งตัวออกไปทันที   จากที่หนึงไปอีกที่หนึงแม้จะไม่เร็วนัก   แต่ก็ไม่ช้า   ในสนามต่อสู้ยังคงเข้มข้น   โรเฝ้ามองอยู่เป็นระยะ   เพื่อนๆหลายคนหมดแรงแต่ยังยืนหยัดที่จะสู้ต่อไป   เขารีบเร่งหาบุคคลปริศนาทันที   ไม่นานหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีดำก็เข้ามาในสายตาของเขา   ร่างกายนั้นบอกได้ว่าคนๆนั้นคือผู้หญิง   เสียงพึงพำเวทย์ที่เขาไม่เข้าใจยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ   โรรีบทุ่มกำลังเรียกพลังของเขาขึ้นมาแล้วคว้างพลังกลุ่มนั้นไปยังหญิงสาวนิรนามทันที   เวทย์หยุดนักรบดินมลายหาย   ชายชุดดำทั้ง 5 หยุดการต่อสู้ในทันที   แล้วปล่อยพลังเข้าใส่คู่ต่อสู้ของตนเอง   พวกโรเวนกระโดดหลบได้ทันจึงไม่เป็นอะไร   แต่เมื่อหันไปอีกครั้งชายชุดดำเหล่านั้นก็หายไป   โร   เซวาเรสปรากฏตัวเข้ามาในแสงตะเกียงอีกครั้ง   ทุกคนต่างรีบใช้เวทย์รักษาตัวเองจากอาการบาดเจ็บทันที

                    คิลมีบาดแผลหลายที่  แต่ก็สร้างความพอใจให้เขาอย่างมากเมื่อเจ้าหญิงคนงามเรนอนเป็นผู้ดูแลรักษาให้เขา   แองจี้รีบเข้าไปดูแลซีบิลทันที   เพราะซีบิลมีท่าทางอ่อนแรงอยู่มาก   ส่วนมาทิลด้าฝืนยืนอยู่ครู่ก่อนจะถูกโรอุ้มกลับห้องไปพักผ่อน   เฟรินรีบเข้าไปดูคาโลที่ยืนโงนเงนจากการใช้พลังไปมากในการต่อสู้   ก่อนจะพยุงเขากลับขึ้นเกวียนไป   นอกนั้นต่างช่วยกันพยุงเพื่อนที่บาดเจ็บกลับไปพักบนเกวียน   พนักงานภายในเกวียนเพราะไม่เคยฝึกการต่อสู้จึงวิ่งวุ่นพยาบาลเหล่านักรบที่บาดเจ็บกลับมาทุกคน   ไม่นานเหล่านักรบก็กลับไปพักตามห้องของตัวเอง   โดยมีคนรักคอยดูแลอยู่เคียงข้าง   เพราะเหนื่อยจากการต่อสู้คาโลเมื่อกลับถึงห้องก็หลับไปทันที   เฟรินเป็นห่วงคาโลอย่างมาก  และแม้ว่าจะง่วงนอนขนาดไหนก็ฝืนนั่งดูอาการคาโลจนรุ่งเช้า   ตลอดคืนนั้นทุกคนต่างพักผ่อนอย่างสงบ   เพราะรู้สึกได้ถึงพลังของใครบางคนที่เข้ามาปกป้องเกวียนนี้ไว้   คืนนั้นเกวียนหยุดพักอยู่ที่ชานหมู่บ้านแห่งหนึ่ง   เพราะกว่าที่จะมาถึงก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว

                    หมู่บ้านชายแดนย่อมมีการตรวจเวรยามในเวลากลางคืนเพื่อความปลอดภัย   เกวียนจึงหยุดพักไม่ห่างจากหมู่บ้านมากนัก   แสงแดดยามเช้าส่องลอดบานหน้าต่างห้องของคาโลเข้ามาปลุกให้คนตื่นง่ายลุกลืมตาลุกขึ้นจากเตียง   เสียงเดินไปเดินมาจากห้องข้างๆที่เขารู้ดีว่าเป็นห้องของเฟริน   บอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องตื่นแล้ว   เขาจึงลุกขึ้นอาบน้ำแล้วลงไปที่ห้องทานข้าวข้างล่าง   ที่นั่นพวกรุ่นพี่และเพื่อนทุกคนมากันครบแล้ว   ขาดก็แค่เขากับเฟรินเท่านั้น   เมื่อเขานั่งลงเรียบร้อยอาหารก็เข้ามาเสริฟทันที   โรเวนขมวดคิ้วก่อนจะห้าม

                    อย่าเพิ่งรอเฟรินก่อน

                    ไม่ต้องรอหรอกค่ะ   เจ้าหญิงเฟลิโอน่ามรับสั่งว่าจะไม่มาร่วมโต๊ะในวันนี้ค่ะ   เชิญทุกท่านรับประทานอาหารได้เลยค่ะ

                    ทำไม   ปกติเฟรินไม่เคยพลาดเรื่องการกินนี่หน่า   เป็นอะไรหรือเปล่า

                    คำถามที่ดูจะยาวที่สุดจากเจ้าชายน้ำแข็งดังขึ้น   ทุกคนบนโต๊ะต่างพร้อมใจกันรับว่าจริง   เรื่องการกินของเฟรินนั้นเจ้าตัวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่   จะขาดไม่ได้   แต่ว่าวันนี้กลับบอกว่าจะไม่มาทาน   ทุกคนต่างเป็นกังวลว่าเจ้าตัวยุ่งจะไม่สบายไป   แต่พนักงานก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากบอกว่า

                    ไม่ทราบซิคะ   ดิฉันมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น   เชิญทุกท่านทานเถอะค่ะ

                    คำเชิญนั้นได้อาการลุกจากที่นั่งของเจ้าชายน้ำแข็งเป็นคำตอบ   ตามด้วยรุ่นพี่ที่ลุกขึ้นเดินตามกันออกไป   ทั้งหมดเดินตรงไปยังห้องที่ถูกจัดเป็นห้องพักของเฟริน   ที่หน้าห้องคาโลยืนเป็นคนแรกและลงมือเคาะเรียกทันที   แต่ไม่ว่าจะเคาะนานเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในห้องเลย   คาโลจึงเลื่อนมือไปจับลูกบิดประตู   เพื่อเปิดเข้าไปในห้องนั้นแต่กลับติดล็อค   ที่เจ้าตัวคงลงไว้ก่อนจะเข้านอน   คาโลจึงร่ายเวทย์เปิดประตูเข้าไป   ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะการเป็นเจ้าหญิงแห่งเดมอส   เตียงกว้างมีร่างบางของเฟรินนอนอยู่   เฟรินนอนหันหน้ามาทางประตูผู้ที่เข้ามาจึงเห็นเจ้าของห้องยังคงหลับตาพลิ้มอยู่บนเตียง   ผ้าปูเตียงสีขาวกับผ้าห่มสีขาวผืนหนาขับชุดนอนสีฟ้าตัวสวยให้ดูเด่นยิ่งขึ้น   คาโลเดินเข้าไปใกล้เผื่อจะปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้นมา  แต่สุนัขตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเฟรินได้กลิ่นคาโลเข้าจึงลุกขึ้น   แล้วเริ่มต้นเห่าเสียงดังอย่างลูกสุนัขในทันที

                    แล้วทุกคนก็ได้เห็นลูกสุนัขตัวสีขาวสะอาด   ขนไม่ยาวนักแต่ก็สวยในแบบที่ใครสาวไหนเห็นเป็นต้องขอกอดสักที   แน่นอน 3 สาวป้อมอัศวินก็เช่นกัน   ต่างอยากเข้าไปกอดเหลือเกิน   แต่เสียงเห่าของมันเนี่ยซิปลุกให้ร่างบางตื่นขึ้นมาจนได้   เสียงอู้อี้อย่างคนเพิ่งตื่นนอนก็เอ่ยขึ้นโดยที่ตายังไม่ลืมด้วยซ้ำ   ก่อนจะหันไปอีกทางหนึง

                    เงียบน่า   คาลินคนจะนอน

                    แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เพราะเจ้าสุนัขที่ได้ชื่อว่าคาลินยังคงเห่าต่อไป   ทุกคนมองเห็นการกระทำนั้นแต่น่าแปลกที่ไม่มีใครเลยเขาไปจนถึงตัวเฟริน   แต่กลับจ้องมองลูกสุนัขตัวนั้นกันอย่างไม่วางตา   ก็จะไม่มองได้ยังไงก็ในเมื่อหางของลูกสุนัขอันควรจะมีหางเดียว   แต่มันดันมีหางถึง 9 หางนี่หน่า   จิ้งจอก 9 หาง  จิ้งจอกที่ควรจะสูญพันธ์ไปแล้วกลับปรากฏอยู่ที่เตียงของเฟริน   แถมคงเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดเสียด้วย   คาลินยังคงเห่าต่อไป   แต่เมื่อเหมือนผู้เป็นนายจะไม่สนใจแถมยังหันไปอีกด้าน   แล้วผู้บุกรุกก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับมันจึงหยุดเห่า   แล้วตั้งหน้ามองดูทุกคนอยู่ครู่ก่อนจะหันหลังไปปีนนายเพื่อข้ามไปอีกฝาก   เป็นภาพที่น่ารักอย่างยิ่งสำหรับ 3 สาวที่ยื่นดูอยู่   เมื่อมันข้ามได้เป็นผลสำเร็จมันก็เห่าอีก 2-3 ครั้งก่อนจะหันไปเสียหน้าของเฟริน

                    ลิ้นอุ่นๆเล็กๆที่มาเลียแก้มของเฟริน  ปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาจนได้   เฟรินกระพริบตาปริบๆเพราะแสงที่แยงเข้าตา   หลังจากม่านตาปิดรับแสงไปเป็นครู่  เมื่อต้องเปิดกะทันหันจึงยังปรับสภาพตัวเองไม่ทัน   สักพักเฟรินก็ตื่นเต็มที่  ปัดเอาเจ้าลูกจิ้งจอก 9 หางสีขาวให้ออกพ้นหน้าตัวเองไปเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นทันที  ก่อนจะลุกขึ้นแล้วอุ้มเจ้าลูกสุนัขเข้ามาในอ้อมแขน

                    ตื่นแล้วๆ   คาลิน   มีอะไรเห่าจังนะเรา

                    แล้วเจ้าตัวยุ่งก็เริ่มรู้สึก   ภายในห้องที่เงียบไม่ได้มีแค่ตัวเองกับเจ้าคาลิน   ลูกจิ้งจอก 9 หางเสียแล้ว   เมื่อหันไปจึงได้เห็นทุกคนยืนจ้องมองเธอกับคาลินอยู่   แต่เงียบไรซึ่งเสียงอย่างที่มันควรจะเป็น   ทั้งที่ในห้องตอนนี้มีคนอยู่ถึง 21 คน  กับ 1 ตัว   แต่กลับมีแค่เสียงเห่าของลูกสุนัขเท่านั้นดังขึ้นนานๆครั้ง   ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอึ้ง   เฟรินอึ้งที่มีคนเข้ามาเห็นจิ้งจอก 9 หางตัวนี้   ส่วนอีกฝ่ายอึ้งที่สั ตว์ที่ควรจะสูญพันธ์ไปแล้วยังอยู่ในความครอบครองของเฟริน   คนที่อึ้งน้อยกว่าถอนหายใจหลุบเปลือกตาลงอย่างซ้อนแววตาเล็กน้อย   ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับชายคนแรกที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ

                    พวกนายมีอะไรหรอถึงเข้ามาในห้องฉันเนี่ย

                    คาโลหลุดจากอาการค้างทันทีที่เฟรินเอ่ยขึ้น   เขาจึงกล่าวตอบพาให้เพื่อนๆรู้สึกตัวเช่นเดียวกัน   แล้วมองมาที่เจ้าตัวยุ่งเจ้าของห้อง

                    พวกเราเห็นนายไม่ลงไปทานข้าว   พวกเราก็เลยขึ้นมาตามน่ะ

                    แล้วนายมีจิ้งจอก 9 หางได้ไงเฟริน   มันสูญพันธ์ไปแล้วไม่ใช่หรอ   มาทิลด้าเอ่ยถามทันทีที่มีโอกาส   หลังจากคาโลกล่าวจบ   ซึ่งเป็นคำถามที่อยู่ในใจของทุกคน   เฟรินหันมาหาคนถามก่อนจะตอบออกไปว่า

                    มีคนคนนึง   มีความสามารถทำให้สัตว์สูญพันธ์ไปแล้วกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง

                    ใคร   ทุกคนถามขึ้นมาพร้อมกัน   รวมถึงโร   เซวาเรส   ผู้ได้รับฉายาว่าห้องสมุดเคลื่อนที่ด้วย   เพราะเขาเองก็คิดไม่ออกและไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย

                    มันเป็นความลับ   ฉันบอกไม่ได้   แล้วเจ้าตัวก็เดินจากไป   เข้าห้องน้ำทิ้งความสงสัยให้กับเพื่อนทุกคน   ไม่นานเสียงน้ำก็ดังขึ้นภายในห้องน้ำนั้น   ส่วนเจ้าตัวที่เป็นจุดสนใจตอนนี้กำลังนั่งมองคาโลอยู่   ซักพักมันก็โดดลงจากเตียงวิ่งมาหาคาโลเห่าก่อนนั่งลิ้นห้อยอย่างน่ารักมองคาโล   แล้วคาโลก็ก้มลงอุ้มมันขึ้นมาในอ้อมแขน   คาลินเสยหน้าคาโลหางทั้ง 9 สั่นไปมาอย่างถูกใจพร้อมกับเห่าเหมือนจะทักทาย   ไม่นานทุกคนก็ล้อมเข้ามาดูเจ้าลูกสุนัขคาลิน   มีเพียงพวกรุ่นพี่ที่ลงไปรอข้างล่างหลังจากเห็นว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว

     

                    เฟรินได้ยินเสียงเจี๋ยวจ๋าวจากในห้อง   หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยเฟรินก็เดินออกมาด้วยชุดขาวทั้งชุดเป็นชุดแบบเด็กผู้ชาย   แต่ผมยาวสยายหมาดน้ำก็ยังมีน้ำหยดอยู่   มือบางใช้ผ้าเช็ดผมเดินออกมา   แป้งคาลินได้ยินเสียงเปิดประตูและเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านายของตน   จึงดิ้นลงจากอ้อมแขนของคาโลแล้ววิ่งไปหาเจ้านายที่เดินไปนั่งหน้ากระจก   แล้วเห่าเพื่อให้เจ้านายอุ้ม

                    เดี๋ยวคาลิน   เดี๋ยวนะแต่งตัวก่อนเดี๋ยวจะหาอะไรให้กิน

                    เฟรินแต่งตัวจนเสร็จ   ผมเส้นยาวยังไม่แห้งดีคาโลจึงเดินมาเช็ดผมให้   คิลกับทุกคนเห็นว่าตัวเองเป็นส่วนเกินจึงเดินมาอุ้มเจ้าคาลินแล้วพาออกจากห้องไปก่อน   เฟรินเห็นเพื่อนๆเดินออกไปเหลือแค่คาโลแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  

                    นายน่าจะบอกฉันได้นะ   ว่าคาลินรอดมาได้ยังไง

                    เฮ้อ   ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้คาโล   อย่าถามเลยนะ   เฟรินถอนหายใจก่อนจะตอบ   เมื่อผมแห้งดีแล้ว   เฟรินก็รับผ้าไปตากไว้ที่ราวในห้องน้ำ   ก่อนจะเดินกลับมาหาชายหนุ่มที่ยังอยู่ภายในห้อง   เพื่อจะชวนกันลงไปทานอาหารที่ห้องอาหารของเกวียน   แต่คำถามที่ทำให้ต้องชะงักเมื่อเฟรินก้าวเข้ามาถึงตัวจากปากคาโลเนี่ยซิ

                    พวกเมื่อคืนมาหานายใช่ไหมเฟริน

                    หลายนาทีที่เฟรินต้องอึ้งไป   ก่อนต้องถอนหายใจอีกครั้งแล้วพูดว่า

                    ทำไมนายถึงถามอย่างนั้น   ทำไมคิดว่าพวกนั้นมาหาฉัน

                    เพราะหนังสือเล่มนั้น   ที่นายไม่ยอมให้ฉันดูมันเขียนถึงจ้างมังกร   กษัตริย์แห่งดินแดนมังกรด้วย   มันคืออะไรเฟริน

                    คาโลจ้องมองในตาที่ไหวตลอดเวลาที่เขาพูด   แล้วร่างของเฟรินก็ก้าวเข้ามาชิด   คาโลกำลังคิดว่าเฟรินจะใช้วิธีเดียวกับตอนที่เอาหนังสือไปจากมือเขา   แต่เปล่าเฟรินเพียงก้าวเข้ามาใกล้ก้มหน้าลง   ก่อนจะเงยหน้ามองแย้มยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า

                    นายคิดว่าคนอย่างฉันจะเป็นจ้าวได้หรือไง   แค่ลูกจ้าวปีศาจเป็นเจ้าหญิงฉันยังไม่เคยเป็นได้เลย   มันไม่เหมาะกับฉันหรอก   นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ

                    แล้วเจ้าตัวยุ่งก็เดินออกจากห้องไป   แต่ถ้าจะมีใครสักคนมองเห็นใบหน้าของเฟรินตอนนี้ก็จะได้เห็นใบหน้าที่เครียดเคร่งที่แทบจะไม่เคยเกิดบนใบหน้าของเจ้าตัวยุ่งประจำป้อมอัศวิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×