คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6
เสียงหวานขอต่อหน้าคนทั้งชั้นปี 3 ป้อมอัศวิน อาการอึ้งเกิดกับทุกคนที่ได้ยิน แม้แต่เฟรินที่ยังคงมีอาการขำอยู่เมื่อครู่ก็ยังนิ่งค้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบแต่อย่างใด ส่วนสาวน้อยปี 1 ก็ยังคงยืนรอคำตอบอยู่เช่นนั้น คาโลรีบดึงใบหน้าประจำขึ้นมาใช้ทันที
“คงไม่ได้ เดี๋ยวบ่ายนี้พวกพี่มีประชุมกัน”
เสียงสวรรค์จากเจ้าชายโรเวนดังขึ้นเบื่องหลังทุกคน ไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวมาถึงตั้งแต่เมื่อไร และเมื่อหันไปมองดู 2 คู่หูนักบวชหน้าบึ้งกับซาตานหน้าเป็นเดินตามมาอยู่ข้างหลังของเสนาธิการคนสำคัญ โอลิเวียจึงไม่มีทางใดดีไปกว่ากล่าวลาแล้วจากไป โดยมีเสียงถอนหายใจจากบรรดารุ่นพี่ปี 3 ที่หวิดเกือบได้อากาศร้อนๆเพิ่มขึ้นมาจากที่ร้อนอยู่แล้วจากคนในห้อง แต่ไม่นานความสนใจของทุกคนก็มุ่งไปที่รุ่นพี่ทั้ง 3 ที่เดินมาหาพวกเขา
“พวกพี่มีอะไรหรอครับ ถึงมาหาพวกผมถึงนี่”
“ไม่ได้ยินหรอคิลลี่ บ่ายนี้จะมีประชุมน่ะ” เสียงซาตานหน้าเป็นตอบอย่างอารมดีแบบสุดๆ รุ่นน้องจึงได้แต่งง เพราะปกติพวกตนต้องรู้ตัวแต่เช้าแล้ว หรือก่อนหน้านั้นอย่างน้อยก็วันนึง แต่แบบว่าอีกไม่นานจะประชุมนี่เพิ่งจะเคยเกิดขึ้น จึงได้แต่อึ้งๆกันไป
“แต่พวกผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยนี่ครับ” ครี้ตรีบกล่าวอย่างยังงงไม่หาย
“พอดีเมื่อเช้าพวกฉันมีประชุมกันแต่เช้าน่ะซิ แล้วเรื่องก็ออกมาตอนนั้นด้วยพวกนายถึงเพิ่งรู้ยังไงล่ะ” คำตอบจากโรเวนทำให้ทุกคนถึงบางอ้อหายงงกันไปได้ ซึ่งในตอนนี้เฟรินได้เดินออกมารวมกับทุกคนเรียบร้อยแล้ว
“ดังนั้นพวกนายรีบไปกินข้าวแล้วไปเจอกันที่ห้องประชุมในอีก 1 ชั่วโมง” คราวนี้นักบวชหน้าบูดเอ่ยขึ้นบ้าง อย่างคนที่ไม่เคยอารมดี แล้วพากันเดินจากไป แต่ยังไม่ทันไปได้เท่าไรเสียงของเฟรินก็ดังขึ้นว่า
“เดี๋ยวดิพวกพี่ บอกก่อนว่าเรื่องอะไรกันฮะ”
“เดี๋ยวเข้าประชุมก็รู้เองล่ะเฟรี่ ตอนนี้รีบไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า” แล้วทั้งหมดก็เดินจากไปโดยไม่ให้ความกระจ่างอะไรเพิ่มมากขึ้น ทุกคนจึงทยอยกันลงไปยังโรงอาหารดราก้อนเพื่อที่จะได้ทานข้าวกันทันเวลา แต่ก่อนลงไปเฟรินก็ตรงไปที่โต๊ะเขียนหนังสือของตัวเอง ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มสำคัญเก็บเขาลิ้นชักพร้อมลงเวทย์ไว้อย่างเรียบร้อย โดยที่ไม่อาจรอดพ้นสายตาที่คอยจ้องอยู่ตลอดเวลาไปได้ และเพราะการกระทำนั้นทำให้เขานึกออกถึงหนังสือที่เขาเกือบจะลืมไปเสียแล้ว แต่ดูเหมือนเฟรินจะไม่อยากให้ใครรู้เขาจึงไม่ถาม เพียงเก็บไว้ก่อนรอเวลาที่จะถามเมื่ออยู่กันตามลำพัง
ที่โรงอาหารดราก้อนนักเรียนปี 3 ประจำป้อมกำลังเร่งรีบกับอาหารมื้อนั้น ประชุมด่วนที่ถึงแม้หลายคนจะไม่สนใจ แต่ถ้าไม้รีบเจ้าหญิงนางพญามาทิลด้าต้องกลายร่างเป็นแน่ และแม้แต่เฟรินก็ยังไม่อยากเสียง เพราะสายตาดุๆของแม่เจ้าประคุณช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร แถมยังฤทธิ์คทาของแองจี้ก็ยังน่ากลัวอย่างยิ่ง สำหรับสวัสดิภาพของกะบาลหนุ่มๆในป้อม รวมทั้งกะบาลของผู้หญิงที่ไม่เคยทำตัวให้สมกับความเป็นผู้หญิงเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะโดนน้อยลง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่โดน แล้วโดนแต่ละทีก็เจ็บเหลือหลาย ทั้งหมดรีบกินอย่างเร็วและคนที่รีบกินผิดวิสัยก็คือคาโล เพราะข้างๆเขาด้านหนึ่งคือเฟริน แต่อีกด้านที่ทำให้ต้องรีบก็คือสาวปี 1 โอลิเวียนี่แหละ แต่เพราะการกินที่มากกว่าคนอื่นถึง 3 เท่าทำให้เขาต้องทนนั่งรอให้เฟรินกินจนเสร็จก่อนจึงจะลุกได้ แต่เมื่อหมดจากที่ 3 เจ้าตัวกำลังจะไปตักจานต่อไป คาโลก็เกิดหมดความอดทนที่มีมานานลง
“นายจะไปไหนเฟริน”
“ก็ไปเอาข้าวไงคาโล”
“ไม่ต้องแล้ว ไปประชุมได้แล้วจะได้เวลาแล้ว”
แล้วก็ลากเจ้าตัวยุ่งออกไปทันที ตามด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆของนักฆ่าเพื่อนซี้นั่นเอง ทั้ง 3 เป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินไปห้องประชุม แต่ถ้าจะมีใครสักคนหันกลับมามองที่สาวน้อยที่นั่งอยู่แล้ว ก็คงจะได้เห็นความไม่เข้าใจในดวงตาของเธอ เจ้าชายคาโลมาดเท่สูงศักดิ์ทำไมถึงชอบเจ้าหญิงที่ดูเถื่อนๆแบบเฟรินที่มีนิสัยกระเดียดไปทางผู้ชายได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหาคำตอบได้จากใคร คนที่ดูจะรู้มากที่สุดก็กลับเป็นเพื่อนของคนทั้งคู่ ซึ่งสาวน้อยก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะได้คำตอบที่ต้องการหรือไม่ จึงทำได้เพียงมองตามไปจนร่างทั้ง 3 ลับตาไป
“เธอสนพี่คาโลใช่ไหม โอลิเวีย”
เสียงของทอม เพื่อนร่วมห้องดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ และโดยที่ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมอง สาวน้อยก็กล่าวออกไปว่า
“นายก็เหมือนกันนั่นหละทอม ชอบพี่เฟรินล่ะซิ ฉันรู้นะตั้งแต่วันที่ทาทารัสพาพี่เฟรินไปที่ห้องนั่งเล่นวันนั้นแล้ว นายมองพี่เขาไม่วางตาเลยนะ”
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่าใช่ล่ะเธอจะว่ายังไง จะร่วมมือกับฉันหรือเปล่า”
“ร่วมมือ ร่วมมือยังไง”
ทอมไม่ได้ตอบในทันที่นั้น แต่เดินออกไปจากโรงอาหารทำให้โอลิเวียเดินตามออกไปด้วยความอยากรู้ที่ถูกเพื่อนจุดขึ้น ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่จะทำอะไรกัน ทาทารัสที่แอบมองอยู่ก็ได้แต่งงงัน แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ผ่านไป
“อะไรนะฮะพี่ คุ้มครองของวิเศษไปส่งให้คิงบาโรหรือฮะ แล้วทำไมต้องเป็นพวกผมด้วยฮะ”
เสียงเฟรินดังขึ้นหลังจากที่ได้ทราบว่า นักเรียนปี 3 ป้อมอัศวินทั้งหมดพร้อมทั้งรุ่นพี่ทั้ง 3 จะต้องร่วมมือกันนำศิรามายาไปส่งให้กับคิงบาโรที่คาโนวาล ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ศิรามายาเป็นที่ต้องการของคนหลายกลุ่ม เพราะความวิเศษที่ว่ามันสามารถจะยืดอายุของผู้ครอบครองหรือทำให้ผู้ครอบครองมั่งมีเงินทอง จนชั่วลูกชั่วหลานก็ไม่อาจกินหมดได้ที่เดียว แต่จะต้องแลกกับของสำคัญที่สุดของผู้ที่ครอบครองมัน แม้กระนั้นก็ยังเป็นที่ต้องการของบุคคลทั้งหลายอยู่ดี
“เสี่ยง เสี่ยงมากที่จะถูกชิง และเสียงที่จะต้องตายหรือต้องสู้กับใคร”
“แล้วนายมีปัญหาหรือไงเฟริน เลโมธีไม่ได้ให้นายไปคนเดียวซะหน่อย”
“ยังแองจี้ เธอไม่สงสัยหรือไงของสำคัญขนาดนี้ทำไมให้พวกเด็กอย่างเราเอาไปส่ง ทำไมไม่ให้อาจารย์คนใดคนหนึ่งไปส่ง”
“ก็เพราะ ในพวกนายมีคนเก่งหลายคน และคงไม่มีใครคิดว่าของสำคัญแบบนี่จะมาอยู่ในความดูแลของพวกเด็กๆไงเฟริน”
คำตอบดังมาจากเสธฯคนสำคัญหนึ่งเดียวที่เรียกประชุมครั้งนี้ จากคำตอบทำให้ทุกคนไม่มีคำถามใดอีก และยิ่งวางใจมากขึ้นเมื่อรุ่นพี่ที่มีฝีมือที่สุดทั้ง 3 คนควบคุมไปด้วย
“ใครมีคำถามอะไรอีกหรือเปล่า ถ้ามีอะไรจะถามก็ถามซะตอนนี้”
แต่ก็ไม่มีคำถามอะไรที่จะต้องถามอีกแล้ว โรเวนจึงสรุปการประชุมว่า
“ถ้าไม่มีคำถาม พรุ่งนี้ 6 โมงเช้าเจอกันที่หน้าป้อม อย่าสายอย่าเลทโอยเด็ดขาด เพราะเราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า เลิกประชุมได้”
แล้วรุ่นพี่ก็เดินออกจากห้องประชุมตามกันไปจนหมด ถัดมาก็คือรุ่นน้องปี 3 ที่ทยอยกันออกไปที่ละกลุ่มๆ โดยมีเสียงวิภากวิจารย์กันไปตลอดทาง เหลือเพียง 3 นางฟ้ากับ 3 หัวหน้าป้อมปี 3 เท่านั้นที่ยังอยู่ในห้องประชุม หน้าของเฟรินยังคงรื่นรมอย่างปกติ แต่ถ้าใครจะมองลึกในแววตาของเฟรินเหมือนอย่างที่คาโลกับแองจี้มองแล้วล่ะก็ พวกเขาจะได้เห็นความกังวลอย่างมากมายภายในแววตานั้น แต่ก่อนที่จะมีใครถามอะไรกันขึ้น เฟรินก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเป็นคนแรกอย่างเงียบๆ คนที่เหลือทำได้เพียงมองตามโดยไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น
แสงอาทิตย์ของวันใหม่เพิ่งพ้นจากขอบฟ้า หลายคนมาถึงหน้าป้อมที่มีเกวียนคันขนาดกลางจอมอยู่เทียมด้วยม้าสีน้ำตาล 2 ตัว รุ่นพี่ทั้ง 3 กำลังเดินตรงมาที่รุ่นน้องปี 3 ที่ยืนคอยข้างเกวียนคุยกันเบาๆ คิลกับคาโลก็ยืนคุยกันอยู่เป็นคู่แรก แต่กลับไม่มีร่างของเฟรินตัวยุ่งประจำป้อมให้เห็น โรเวนยืนมองหน้ารุ่นน้องทุกคน แต่ไม่ว่ายังไงก็หาเฟรินไม่เจออยู่ดี
“เฟรินอยู่ในคิล คาโล”
“หลับอยู่ในเกวียนแล้วครับ มันบอกว่ากลัวไม่ตื่นก็เลยมานอนที่เกวียนตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” คิลเป็นคนตอบด้วยเสียงกลัวหัวเราะ
“เมื่อคืนผมกับคิลก็นอนในเกวียนเหมือนกันครับ”
คาโลตอบด้วยเสียงนิ่งๆมาดนิ่งๆอย่างเคยเป็นตามแบบฉบับของคาโนวาล(ซะละมั้ง) ซึ่งโรเวนก็ชักจะชินกับมาดมากๆของเจ้าชายคนนี้ซะแล้ว ก็เลยแค่พยักหน้ารับรู้แล้วหันมาเรียกทุกคนขึ้นเกวียนเตรียมเดินทาง
“เอ้า ถ้าครบแล้วก็ขึ้นเกวียนกันได้เลย จะได้ออกเดินทางกันซะที”
แล้วทุกคนก็ทยอยกันขึ้นเกวียนไป แต่เมื่อขึ้นไปแล้วทุกคนถึงได้รู้ ขนาดของพื้นที่แทบจะเรียกได้ว่ากว้างมหาศาลเลยทีเดียว แต่ถ้าจะให้เรียกให้ถูกที่สุด คงต้องเรียกว่าโรงแรมเคลื่อนที่ซะละมาก เพราะเพียงก้าวเท้าเข้าไปพนักงานต้อนรับก็มารับกระเป๋าของแต่ละคนไปเก็บไว้ตามห้องต่างๆ ที่ให้น่าสงสัยว่ามาได้ไงก็ไม่รู้ และยิ่งโดยไม่รู้ตัว เมื่อคนสุดท้ายก้าวเท้าขึ้นมาเรียบร้อยเกวียนก็เคลื่อนที่ในทันที แทบไม่รู้สึกถึงความสะเทือนเช่นเกวียนทั่วไป พนักงานต้อนรับคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า
“เชิญท่านทั้งหลายพักผ่อนได้ตามห้องที่จัดเตรียมไว้ให้นะคะ ที่หน้าห้องทุกห้องมีชื่อของแต่ละท่านเรียบร้อยแล้วค่ะ และหากท่านใดต้องการอาหารเช้าที่ห้องโปรดแจ้งทางเราด้วยนะคะ”
กล่าวจบพนักงานคนนั้นก็ผายมือเชื้อเชิญทุกคนสู้ห้องชั้นบน นักเรียนป้อมอัศวินนอกจากคิลกับคาโลแล้วต่างทำหน้าราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน โรเวน ลูคัสและลอเรนซ์ต่างพากันหันมามองหน้าทั้งคู่อยู่อย่างนั้น
“นี่คืออะไรคิล คาโล ไหนพวกนายช่วยอธิบายหน่อยซิ พวกเราไม่มีเกวียนแบบนี้นี่”
“ที่จริง เดมอสส่งมาเมื่อคืนฮ่ะ ไม่รู้โกโดมมันรู้ได้ยังไงว่าจะมีการเดินทาง มันเกิดกลัวเจ้าหญิงของมันจะเดินทางลำบาก มันก็เลยเอาเกวียนนี้มาให้เมื่อคืนนี้ฮะ”
คิลเป็นคนชิงตอบเสียเองในคำถามนี้ โรเวนไม่มีทางทำอะไรได้ เขาถูกนำไปสู่ห้องพัก ที่แน่นอนว่าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ภายใน เกวียนเทียมม้า 2 ตัวเดินทางไปเรื่อยๆหลายคนสงสัยการเดินทางเริ่มหรือยัง แต่เมื่อมองผ่านบานหน้าต่างออกไป ภาพวิว 2 ข้างทางก็ผ่านไปเรื่อยๆอย่างเชื่องช้า ผ่านเขตชนบทท้องทุ้งงดงามอยู่ข้างทาง เกวียนค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ จนจอดสนิดเสียงประกาศดังด้วยเวทย์จากพนักงานคนเดิม
“เที่ยงนี้เราจะทานอาหารกันที่ทุ่งดอกไม้นี่ค่ะ ขอเชิญทุกท่านเดินพักผ่อนกันก่อนถึงเวลาอาหารค่ะ อีก 20 นาทีอาหารจะพร้อมเสริฟค่ะ”
สิ้นเสียงประกาศ หลายคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องหนึ่งเดินลงจากเกวียน เดินชมดอกไม้ใบหญ้าไปเรื่อย การเดินทางคุ้มครองของวิเศษดังการเดินทางไปพักผ่อนก็ไม่ปาน ร่างบางของเจ้าหญิงเฟลิโอน่าเดินลงมาจากเกวียนด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งเต็มที่ ก็จะไม่ให้บูดได้ยังไงกัน ก็ตอนนี้ตัวเองต้องมาอยู่ในร่างของผู้หญิงที่ไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไร ข้างกายคือเพื่อนซี้ทั้งคู่ คิลยังคงมีสีหน้าที่เบิกบานอยู่เช่นเคย ส่วนคาโลก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปนอกจากมุมปากถูกยกน้อยๆอย่างถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น มีเพียงสาวน้อยที่มีใบหน้าหงิกงอเกือบหักซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีครีมตัวสวย แต่เจ้าตัวกลับไม่ทำหน้าให้สวยเหมือนเสื้อผ้าเอาเสียเลย ครี้ดหันมาเห็นเฟรินก่อนใครก็ผิวปากแซว่า
“เฮ้ย สวยว่ะ นางฟ้าที่ไหนมาโปรดวะ”
แค่นั้นสายตาเย็นชาก็ถูกตวัดส่งมาจากร่างสูงตาสีฟ้า ทำให้คนพูดถึงกับเสียวสันหลังวาบแล้วส่งยิ้มแหยๆไปให้ ก่อนจะรีบเผ่นไปให้ไกลจากจุดเดิมเผื่อจะต้องกลายเป็นน้ำแข็งก่อนกินข้าว เมื่อครี้ดจากไปแล้วคิลจึงได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะแยกตัวไปหาเรนอน คนที่เขาไฝ่ใจหาอยู่ตลอดเวลาที่ขณะนี้กำลังเดินเก็บดอกไม้เพลินอยู่ทางด้านหนึ่ง คาโลจึงพาเฟรินไปเดินเล่นเช่นกัน ไกลออกจากกลุ่มเพื่อนมาทางธารน้ำเล็กๆ ระดับน้ำไม่สูงนักสามารถมองเห็นก้อนกรวดหลายขนาดดั่งถูกวางไว้อย่างจงใจเพื่อความสวยงาม ปลาตัวน้อยๆว่ายทวนน้ำขึ้นไปให้เห็นบ้าง ธรรมชาติที่งดงามถึงจะทำให้หายอารมเสีย แต่ก็ยังมีขุ่นมัวอยู่บ้าง ร่างหนาของเจ้าชายคาโลนั่งอยู่เคียงข้างร่างบางของเฟริน คาโลหันไปมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงยิ้มกริ่มก่อนจะฉวยความหอมจากพวงแก้มนุ่มของคนข้างตัวเต็มที่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ยังไม่หายโกรธอีกหรอ”
“นายนี่ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวใครก็เห็นเข้าหรอก” เฟรินหน้าแดงขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปเฉ่งเอากับคนฉวยโอกาสที่มีโอกาสเป็นไม่ได้ แต่ก่อนที่ใครจะได้กล่าวอะไรออกไปอีก เงาจากฝั่งตรงข้ามของธารน้ำก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ทำให้ทั้งคู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน ที่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่กลุ่มเพื่อนที่มาแอบมองเป็นประจำแน่ ชายชุดดำกว่า 5 คนยืนอย่างมุ่งร้ายตรงมาที่คนทั้งคู่ คาโลกับเฟรินต่างรีบยืนขึ้นรับผู้มาเยือน ก่อนที่คาโลจะถามออกไป
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญ ส่งศิรามายามาเดี๋ยวนี้”
“พวกเราไม่มีศิรามายา ไปซะอย่ามายุ่งกับเรา”
“เมื่อขอดีๆไม่ให้ก็ต้องตาย”
ความคิดเห็น