ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนจ้าวมังกรเซฟารีน

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่5

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 49


                อากาศมืดครึ้มของฝนหลงฤดูทำให้อากาศกำลังสบาย   แต่ก็น่าเสียดายที่อากาศอย่างนี้ทำให้ไปไหนไม่ได้   โดยเฉพาะเฟรินคนที่ไม่เคยคิดจะอยู่เฉยๆ   แต่เมื่อฝนตกแล้วไปไหนไม่ได้   ด้วยความเป็นห่วงคาโลจึงลากเฟรินมาอยู่ในห้องสมุดด้วย   ครั้งแรกเฟรินก็เดินไปตามชั้นต่างๆเพื่อหาหนังสือมาอ่านเหมือนกัน   แต่เมื่อเดินรอบห้องแล้วไม่มีหนังสือที่น่าสนใจจึงกลับมานั่งข้างๆคาโล   แล้วไม่นานเจ้าตัวยุ่งก็เริ่มป่วน

     

                    คาโลออกไปข้างนอกกันเถอะ   อยู่ในนี้น่าเบื่อออก   ไปที่ลานข้างนอกก็ได้

     

                    ไม่   ฝนมันตกอย่างนี้จะออกไปไหนได้

     

                    เออ   จริง   งั้นไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารดีกว่านะ

     

                    เพิ่งจะกินไปเมื่อกี้ตั้งเยอะ   ยังไม่อิ่มหรือไงเฟริน

     

                    แต่เมื่อหันมา   คนชวนก็ฟุบหน้าหลับไปเรียบร้อยแล้ว   คาโลจึงเอาผ้าคลุมที่เขาฟาดไว้กับเก้าอี้มาคลุมให้คนข้างๆ   แล้วหันไปนั่งอ่านหนังสือต่ออย่างไม่สนใจ   แต่เสียงข้างหลังของผองเพื่อนก็ดังมาให้ได้ยินจนได้

     

                    โธ่เอ้ย   อุตส่าห์มีโอกาสแล้วมันยังปล่อยผ่านไปอีก   คาโลนี่นะ   น่าเสียดาย

     

                    อะไรน่าเสียดาย   ครี้ด   เพราะไม่ทันดูให้ตลอด   ไอ้คนที่พูดถึงก็มายืนอยู่ข้างๆเรียบร้อยแล้ว   และแน่นอนไม่ใช่แค่ครี้ดเท่านั้นที่อยู่ตรงนั้น   แต่เป็นเด็กป้องอัศวินปี 3 ทั้งหมด   ไม้เว้นแม้แต่ 3 นางฟ้าที่มายืนแอบดูอยู่ด้วย

     

                    เสียดาย   เอ่อ   เสียดายที่...ที่...แต่ครี้ดก็หาคำตอบไม่ได้   โรที่หัวไวกว่าก็รีบตอบทันที   เพราะกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียก่อนว่า

     

                    เสียดายที่หาหนังสือไม่เจอน่ะ   ไม่มีไรหรอก

     

                    แต่คาโลก็หาเชื่อคำพูดนั้นไม่   เขาจึงส่งสายตาเย็นๆมาให้พร้อมทั้งเสกเชือกมามัน   เจ้าพวกชอบถ้ำมองกองไว้ตรงนั้นเอง   จะลอดก็แค่นางฟ้าทั้ง 3 เท่านั้น   แต่ก็ไม่กล้าช่วยเพื่อนแต่อย่างใด   แถมคาโลยังลงมนต์ไม่ให้ใครแกะได้นอกจากเขาซะด้วย

     

                    งั้นพวกนายก็นอนหากันต่อไปแล้วกันนะ

     

                    เฮ้ย   ไม่เอานะคาโล    อื้อ....อื้อ....   คิลจะให้คาโลปล่อยเขาแต่   คาโลก็เกิดเอ้าผ้ามาปิดปากพวกเขาซะงั้นแหละ   แบบว่าห้องสมุดมันห้ามใช้เสียง   เดี๋ยวเจ้าพวกตัวดีมันจะทำเสียงให้เขาต้องรำคาญจนต้องรีบมาปล่อยซะ   ส่วนพวกที่ถูกมัดก็เริ่มคิดกันไปต่างๆนาๆ   แต่แค่คิดว่าถ้ามีสาวคนไหนเดินมาแถวนี้แล้วเห็นพวกเขาถูกมัดเป็นแหนมใบยอแบบนี้ก็หน้าซีดไปตามๆกัน   แค่นั้นคาโลก็เดินกลับไปที่เดิมเพื่อจะอ่านหนังสือต่อ   แต่เมื่อหันมาเฟรินก็ไม่ได้หลับอยู่ตรงนั้นแล้ว   และคนที่มานั่งแทนก็เป็นหัวหน้าป้อมปี 1  โอลิเวีย   เมลิซ   เขาหันกลับมาดูที่ 3 สาวป้อมอัศวินปี 3 เพื่อนของเขาซึ่งก็อยู่กันครบถ้วน   แล้วเฟรินไปไหน  ทั้งหมดเห็นสายตาที่มองกลับมา   จึงมองไปที่ที่พวกเขาเห็นว่าคาโลนั่งอยู่กับเฟรินเมื่อครู่นี้   แล้วก็ได้เห็เช่นที่คาโลเห็น    คาโลไม่สนใจอะไรเดินตรงไปที่โอลิเวียทันที   แล้วถามว่า

     

                    โอลีเวย   เฟรินไปไหน

     

                    ทอม   เขาพาพี่เฟรินไปนอนแล้วล่ะค่ะ

     

                    เมื่อไร

     

                    เมื่อกี้ค่ะ   ทอมเพิ่งออกไปได้สักครู่เดี๋ยวเองค่ะ   ไม่เป็นไรหรอกค่ะ   ทอมเขา....

     

                    แต่สาวน้อยไม่ทันพูดจบ    คาโลก็วิ่งออกจากห้องสมุดไปทันที   เพียงเปิดประตูออกมาเขาก็เห็นทอมกำลังอุ้มเฟรินเดินเกือบพ้นมุมตึกไปแล้ว   เขาจึงรีบวิ่งตามไป   เมื่อเลี้ยวหัวมุมเขาก็รีบเรียกอีกฝ่ายไว้ทันที

     

                    ทอม

     

                    เจ้าของชื่อหันมา   พร้อมร่างในอ้อมแขนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง   สร้างความกรุ่นโกรธขึ้นในใจของเจ้าชายน้ำแข็ง   ว่าเธอหลับจนผู้ชายอื่นอุ้มอยู่ก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก   เมื่อทอมเห็นว่าใครเป็นคนเรียกตนแล้วคาโลก็เดินเข้ามาใกล้

     

                    นายจะพาเฟรินไปไหนน่ะ

     

                    ผมจะพาพี่เฟรินไปนอนซิครับ

     

                    ไม่ต้อง   เดี๋ยวฉันจัดการเอง   ส่งเฟรินมาให้ฉัน

     

                    ทอมไม่มีทางใดที่ดีกว่า   จึงต้องจำใจส่งเฟรินให้คาโลอุ้มแทน   เมื่อคาโลรับเฟรินมาแล้วเขาก็พาร่างบางในอ้อมแขนกลับป้อม   และตรงไปยังห้องหัวหน้าป้อมทันที    เมื่อวางเฟรินไว้บนเตียงของเจ้าตัวแล้ว   คาโลก็ไม่คิดจะไปไหนอีก   จึงเดินไปหยิบหนังสือบนโต๊ะเขามานั่งอ่าน   แต่บนโต๊ะของเฟรินที่ปรกติจะมีหนังสือวางไว้เกะกะนั้น   เกิดมีหนังสือเล่มหนึ่งสะดุดตาเขาขึ้นมา   จึงเดินไปหยิบมาดูหน้าปก   ซึ่งมีตัวหนังสือสีทองเขียนไว้ว่า  100,000 ปี ดินแดนมังกร   คาโลไม่เคยเห็นหนังสือเล่มนี้   จึงหยิบมานั่งอ่านข้างๆเฟริน

     

                    ภายในหนังสือบรรยายเรื่องราวดั่งตำนาน   ตั้งแต่การแยกตัวของดินแดนมังกรจนถึงรัชสมัยของกษัตริย์พระองค์หนึ่ง    แต่กษัตริย์พระองค์นี้เหมือนยังบันทึกไม่เสร็จสิ้น   ซึ่งคาโลไม่เคยได้ยินเรื่องของดินแดนนี้จากที่ใด   และไม่เคยมีหนังสือเล่มใดกล่าวถึงดินแดนมาก่อนเลย   จึงให้ความสนใจมากหน่อยเพราะเขาอาจจะได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้  

     

                    หนังสืออะไรยังกับนิยายอ่านเล่น   เฟรินไปเอามาจากไหนนะ

     

                    ถ้านายจะคิดว่ามันเป็นนิยายก็แล้วแต่จะคิด

     

                    นายตื่นตั้งแต่เมื่อไรเฟริน

     

                    ตื่นได้สักพักแล้วล่ะ   ตั้งแต่นายเริ่มบ่นนั่นแหละ

     

                    นายไปเอาหนงสือนี่มาจากไหน   บอกหน่อยซิ   ฉันอ่านหนังสือมาเยอะมากยังไม่เคยเห็นหนังสือที่พูดทำนองนี้มาก่อนเลย

     

                    นายอย่าสนเลยน่า    ฉันขอคืนแล้วกัน

     

                    ตอนแรกคาโลก็ก่ะจะคืนให้ดีๆ   แต่เมื่อคิดได้ว่าหนังสือนี่คงไม่ธรรมดาจึงไม่ยอมคืนให้

     

                    นายต้องบอกก่อนว่าเอาหนังสือนี่มาจากไหนกันแน่   เฟริน   บอกมา

     

                    นายอย่าสนเลยน่ะ   แล้วฉันก็บอกไม่ได้ด้วย   มันผิดกฎ

     

                    กฎอะไรของนาย   ฉันไม่เคยเห็นนายจะรักษากฎอะไรนักหนา

     

                    และเพราะเฟรินไม่ต้องการให้คาโลสนใจต่อไป   เฟรินจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานของคาโลเรื่อยๆ   ทำให้คาโลต้องหยุดพูดเพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ไม่ค่อยทำตัวเป็นผู้หญิงกำลังจะทำอะไรกันแน่   แต่ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆแดงระเรือขึ้น   มือยังคงกำหนังสือไว้แน่น   จนเฟรินต้องตัดสินใจจูบคาโลทันที   และเมื่อหญิงสาวที่เขารักเริ่มก่อนสติที่เคยมีก็กระเจิดกระเจิงทันที   มือปล่อยจากหนังสือมาประคลองร่างบางไว้   ปลายลิ้นรุกรานควานหาความหวานที่ใช่ว่าจะหาโอกาสได้ง่ายๆนัก   เฟรินใช้จังหวะที่ตนยังมีสติอยู่นั้นคว้าหนังสือแล้วเสกให้มันหายไปทันที   เป็นนานกว่าคาโลจะยอมปล่อยเฟรินให้เป็นอิสระ   แล้วต่างก็นั่งหอบอยู่ตรงนั้นเอง

     

     

                    ก๊อก!!ก๊อก!!   เสียงเค่ะประตูขัดการสนทนาที่เกือบจะเกิดขึ้นทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมองทางประตูพร้อมกัน   ก่อนที่คาโลจะเป็นคนเดินไปเปิดประตูห้องออก   ที่หน้าห้องคนที่ยืนอยู่ก็คือ 3 นางฟ้านั่นเอง   แต่เมื่อมองไปข้างหลังพวกเธอก็จะได้เห็นบรรดาตัวหนอนทั้งหลายคลานกระดึบ!!กระดึบตามกันมาเป็นแถว   สร้างความขบขันให้กับคนที่ผ่านมาเห็นกันท่วนหน้า   คิลที่อยู่หน้าสุดของบรรดาหนอนทั้งหลาย   ใช้หัวของตัวเองแหวก 3 สาวขึ้นมาให้คาโลช่วยเกะผ้าผูกปากของตัวเองออก   และเมื่อคาโลเห็นสายตาของเพื่อนก็เสกให้ผ้าผูกปากของพวกหนอนนั่นหายไป

     

                    นายจะมาหวานกันก็ไม่ว่าหรอกนะ   แต่ช่วยปล่อยพวกเราก่อนไม่ได้หรือไง   เล่นลืมพวกเราซะงั้น   กว่าจะมาถึงนี่พวกป้อมอื่นชั้นอื่นหัวเราะกันจะตาย

     

                    เสียงบรรดาหนอนทั้งหลายรับรองกันอย่างแข็งขัน

     

                    ใช่ค่ะ   เรนอนอายจะตาย   ตอนเดินนำหน้าตัวหนอนใบชาพวกนั้นมา   เกือบจะไม่นำมาแล้วนะคะเนี่ย

     

                    พวกแกจะปล่อยฉันได้หรือยังล่ะ   หรือจะต้องกลับไปทำไรกันก่อนถึงจะปล่อยพวกฉันได้

     

                    ฉันจะไม่ให้คาโลปล่อยนายก็เพราะปากนายเนี่ยแหละ   ครี้ด

     

                    ดันนั้นทุกคนจึงพากันหุบปากของตัวเองลง   ส่งเป็นสายตาไปแทนว่า   ปล่อยซะทีซิโว้ย   คาโลจึงต้องจำใจปล่อยเจ้าพวกตัวดีเหล่านั้นไป   ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปได้   ครี้ดก็ยังไม่วายปากดีอีกว่า

     

                    ดีว่ะ   ห่วงแฟนยั่งก่ะอะไรดี   ดูดิทำพวกเราเป็นตัวตลกให้ไอ้ป้อมอื่นมันดู   เพื่อนนะเพื่อน

     

                    และเพียงจบประโยค   แองจี้ที่เริ่มทนไม่ได้ก็ฟาดเอาด้วยคทาประจำตัว  ลงบนกลางหัวของคนพูดทันทีนั้น   แบบว่าถ้านับก็คงไม่ทันแน่

     

                    แล้วนายจะพูดทำไม   หรืออยากจะกลายเป็นหนอนอีกรอบหา   นี่แน่ะๆๆๆๆๆ

     

                    โอ้ย....มันเจ็บนะแอ้งจี้

     

                    ก็ตีให้เจ็บน่ะซิ   นายจะได้สงบปากสงบคำซะมั่ง   ฉันเดินนำพวกนายมา   ฉันก็อายจะตายอยู่แล้ว   ยังอยากกลับไปเป็นอย่างเดิมใช่มั้ยครี้ด

     

                    ยังไม่ทันจะมีเสียงตอบอะไร  เสียงหวานๆของหญิงสาวปี 1ก็ดังขึ้นมา

     

                    พี่คาโลคะ   พี่ลืมของไว้ที่ห้องสมุดน่ะค่ะ   ฉันเอามาให้ค่ะ

     

                    เท่านั้นเสียงต่างๆก็หยุดลง   รวมถึงเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ในห้องด้วยเช่นกัน

     

                    ขอบคุณครับ   โอลิเวีย

     

                    สิ่งที่เธอหยิบมาคืนเขาก็คือผ้าคลุมที่เขาห่มให้เฟรินนั่นเอง   และเมื่อใจเขามัวพะวงแต่จะตามเฟรินจึงลืมมันทิ้งไว้อย่างนั้นเอง   เขารับคืนมาแล้วแทบต้องตาค้างตรงนั้น

     

                    พี่คาโลคะ   พี่ไปกินข้าวกับฉันได้ไหมคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×