คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4
ดวงจันทร์เสี้ยวส่องแสงจางๆลงมายังพื้นดินไม่ทำให้เห็นอะไรมากนัก ร่างของใคร 2 คนหันหน้าคุยกันเบาๆ แต่คนหนึ่งนั่งอย่างเคารพอีกคนอย่างสูงสุด ดวงหน้าเงยมองผู้ที่ยืนตัวตรงใบหน้าก้มลงมาสบตาอีกฝ่าย ผู้ที่แอบดูอยู่ไกลไม่อาจจะได้ยินที่คนทั้งคู่พูดคุยกันได้ แต่ความสนใจก็ยังไม่หมดไป 2 หนุ่มหัวหน้าป้อมอัศวินเฝ้ามองเพื่อนร่วมห้อง 1 และเพื่อนร่วมรุ่นสาวอีก 1 พูดคุยบางอย่างอยู่
“เฟรินกับแองจี้คุยอะไรกันก็ไม่รู้นะ คาโล”
คาโลเงียบตามนิสัย แต่สมองก็คิดอย่างหนัก ด้วยสาวที่ยืนอยู่นั้นท่าทางผิดจากที่เคย แล้วยังความเคารพที่อีกคนมีให้มากอย่างผิดสังเกตด้วย เขายังคงแอบมองคนทั้งคู่อยู่อย่างนั้น สักพักแองจี้ก็พยักหน้ารับคำก่อนจะทำความเคารพเฟรินอีกครั้งแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เฟรินยืนอยู่ที่นั่นเงยหน้ามองพระจันทร์เสี้ยว ด้วยสีหน้าที่เขากับคิลไม่เคยเห็น มือหนึ่งยกขึ้นไร้แผลเป็นใต้ตาตามนิสัยที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดกับเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็ยกมารองข้อศอกมือที่ไร้แผลเป็นอยู่ ท่าทางถอนหายใจอย่างไม่เคยเป็น แทบจะทำให้เพื่อนทั้งคู่วิ่งออกจากที่ซ่อนไปถามสาเหตุเลยทีเดียว แต่คาโลก็ตัดสินใจลากคิลกลับห้องไปอย่างเงียบๆ คิลกันมาจะถามแต่มือของคาโลก็ปิดปากเขาทันพร้อมสายหน้า ก่อนจะบุ่ยใบให้คิลตามเขาออกไป
คิลตามคาโลมาจนถึงห้องของพวกเขา ซึ่งเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วเขาจำต้องตื่นจากนิทราอันแสนสบายด้วยมือของคนเดินนำเสียนี่ เพราะก่อนหน้าที่คาโลจะมาปลุกคิล คาโลเห็นเฟรินแอบออกจากห้องไปเงียบๆด้วยความเป็นห่วงสาวคนรัก เขาจึงปลุกคิลไปด้วย ซึ่งความเป็นห่วงนี้ก็เกิดจากเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บนั่นเอง และเมื่อทั้งคู่ตามไปถึง สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ แองเจลีน่า โรมานอฟ และเมื่อเฟรินลงไปยินต่อหน้า แองจี้ก็ทำความเคารพอย่างนบนอบ และทั้งคู่ก็พูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆ แม้ในความเงียบยังไม่ได้ยินเสียงพูดนั่นเลย เมื่อพวกเขาเดินกลับมาเจ้าชายน้ำแข็งก็เงียบมาตลอดทาง เมื่อถึงห้องปิดประตูเรียบร้อย คิลที่อดปากมานานก็รบเอ่ยปากด้วยความสงสัยว่า
“แกให้ฉันกลับมาทำไมวะคาโล”
“ฉันยังไม่อยากให้เฟรินรู้ว่าเราเห็นพวกเธอ”
“แล้วแกคิดว่าพวกนั้นคุยอะไรกัน”
“ฉันคิดว่าพวกนั้นรู้อะไรบางอย่างจากเหตุการณ์เมื่อกลางวัน แล้วก็คงพูดกันเรื่องนี้”
“ทำไมนายคิดอย่างนั้น”
“ท่าทางของพวกนั้น นายไม่เห็นหรือไงคิล”
“อืม ก็อาจเป็นได้นะ”
“แต่ยังไง ก็อย่าเพิ่งให้เฟรินรู้แล้วกันว่าเราเห็นพวกเขา”
“ก็ได้”
ดังนั้นเมื่อเฟรินกลับขึ้นห้องมา ทั้งคู่จึงพร้อมใจกันแกล้งหลับแล้วมองดูเพื่อนกลับมานอนเครียดต่อไป แต่เฟรินก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟังทั้งสิ้น
เช้าวันใหม่มาพร้อมกับอากาศที่ออกจะวิปริตไปสักเล็กน้อย เมื่อเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล จนแสงอาทิตย์แทบจะผ่านกลุ่มเมฆลงมาไม่ได้ นักเรียนจากป้อมต่างๆยังคงต้องเร่งรีบกับการไปเข้าเรียน และในวันนี้วิชาแรกก็เป็นวิชาประวัติศาสตร์เอเดน ที่มีอาจารย์คนใหม่มาสอนแทนอาจารย์เจ้าชายชามัล ฟาโรเวล เนื่องด้วยขณะนี้อาจารย์เจ้าชายต้องขึ้นปกครองบารามอสแทนไฮคิง ที่สละราชให้ในระหว่างส่งครามเอเดน เดมอสนั่นเอง ส่วนอาจารย์คนใหม่ก็โหดไม่แพ้กัน และเช่นเคยเมื่อวิชานี้เป็นของป้อมอัศวินปี 3 เข้าเรียน ทั้งหมดก็พร้อมใจกันเตรียมหลับในทันที แต่สิ่งที่แปลกไปในวันนี้ก็คือ เฟริน เดอเบอโรว์ไม่ได้หลับ แต่เหม่อลอยจนเหมือนหลับเลยทีเดียว แล้วคนที่ทนไม่ได้ก็ยังคงเป็น เองเจลีน่าอีกเช่นเคย เพียงอาจารย์คนใหม่เผลอคทาประจำตัวของเธอก็มาปรากฏอยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว และเพียงเวทย์ 2 3 คำ ศีรษะของเฟรินก็เหมือนถูกใครตบอย่างแรง และมันคงจะแรงเกินไปหน่อยจึงโขกกับโต๊ะเสียงดังสนั่นห้องเลยทีเดียว ซึ่งเสียงนั้นก็เรียกให้ทุกคนที่ยังตื่นอยู่ให้หันมามองทางต้นเสียง ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเสียที รวมไปถึงอาจารย์ประจำวิชาคนใหม่ด้วย
“เธอมีปัญหาอะไร เฟริน เดอเบอโรว์”
“ป่าวครับอาจารย์”
“ถ้าอย่างนั้น ในฐานะที่เธอรบกวนการสอนของฉัน ไหนเธอลองอธิบายซิว่า หลังสิ้นสงครามแล้วโรมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วสภาพเป็นยังไง”
คำถามที่ทุกคนต้องตกใจ เพราะมันยังไม่ถึงบทเรียนนี้แน่นอน และกว่าจะถึงพวกเขาก็ต้องเรียนไปอีกหลายเดือนทีเดียว ขนาดคาโลที่อ่านหนังสืออยู่ตลอด ยังได้อ่านบทนี้ไปเพียงไม่เท่าไรเท่านั้น แล้วคนที่ไม่เคยสนใจในวิชานี้เลยอย่างเฟรินจะตอบได้ไง แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
“หลังสิ้นสงครามโรมันซึ่งเสียกษัตริย์ไปในระหว่างสงคราม ก็มีการคัดเลือกกษัตริย์ใหม่ แต่กษัตริย์ใหม่นั้นใส่ใจแต่ตนเอง จนละเลยบ้านเมืองทำให้ข้าวยากหมากแพง ต่อมาราชินีเตือนสติโดยแกล้งปลอมพระองค์ทั้ง 2 เป็นสามัญชนเข้าไปอยู่กับชาวบ้าน จึงทำให้คิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”
แต่ยังไม่ทันที่เฟรินจะเล่าอะไรต่อ แองจี้ก็ทำเสียงสำลักเหมือนไม่ได้ตั้งใจขึ้นทันที จนเฟรินหยุดเล่าแล้วหันไปมองชั่วแวบก่อนหันกลับมาพูดต่อ
“จึงกลับใจมาดูแลบ้านเมืองดีขึ้น จนเป็นเรื่องเล่าถึงความฉลาดของราชินีครับ”
“แล้วยังไงต่อ ทำไมไม่เล่าต่อล่ะเฟริน”
“มันก็เลยเป็นตำนานรักด้วยไงครับ โถ่อาจารย์เรื่องแบบนี้ผู้ชายหลายคนก็รู้ว่า ถ้าองค์กษัตริย์ไม่รักราชินีแล้วล่ะก็ พามาลำบากแบบนั้นมีหวัง ราชินีก็ราชินีเถอะน่า หัวคงหลุดจากบ่าบ้างล่ะ” แล้วเฟรินก็ใช้ความลื่นของตัวเองเอาตัวรอดไปได้ อาจารย์จึงกลับไปสอนต่ออย่างเคย
แต่แค่ที่เฟรินเล่ามานั้นก็เหนือความคาดหมายของคนที่อยู่ในห้องมากแล้ว หลังจากนั้นแม้แต่คาโลก็ยังคอยชำเลืองมองเจ้าตัวยุ่งอยู่หลายครั้ง เฟรินจึงเลือกที่จะฟุบหลับไปเลยตลอดชั่วโมงนั้น เมื่อเลิกเรียนแองจี้เป็นคนแรกที่เข้ามาหาเฟรินก่อนใครเพื่อน แล้วถามด้วยเสียงดังเล็กน้อยเหมือนไม่ตั้งใจว่า
“เฟริน นายไปรู้เรื่องพวกนั้นได้ไงน่ะ”
“ก็ไม่มีไรหรอกแองจี้ ตอนที่เดินทางกับพ่อมาดัสน่ะ ไปทางโรมด้วยแล้วคนแถวนั้นเคยเล่าให้ฟังก็เลยจำได้น่ะ”
เท่านั้นก็ช่วยคลายข้อสงสัยในใจของใครต่อใครไปได้ ยกเว้นคาโลกับคิลที่ไปเห็นภาพเมื่อคืนกับตาตัวเอง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา เพียงเฝ้าดูเฟรินที่หลังจากนั้นก็กลับมาทำตัวร่าเริงเหมือนเคย การกินที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และการกวนประสาทคนไปทั่วนั่นก็อีก จวบจนตอนค่ำเฟรินกับแองจี้ก็นั่งทานข้างกันอยู่บนโต๊ะไม่ห่างกันนัก ทั้งคู่กินมากกว่าปกติ ซึ่งอันที่จริงเฟรินก็ไปคนกินเยอะอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับนั่งกินยั่งกับว่าจะไม่ได้กินอีกแล้วยังไงยังงั้น
“เฟริน นายกินยังไม่พออีกหรือไง นี่นายกินมา 5 จานแล้วนะ ทำยังกับไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน แองจี้เธอก็เหมือนกัน วันนี้ทำไมกินเยอะขนาดนี้ เธอก็กินไป 3 จารแล้วนะ”
“ก็มันหิวนี่” เป็นคำตอบธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจากแองจี้ แล้วทั้งคู่ก็ดันตอบพร้อมกันอีกด้วย มันอะไรกันเนี่ย คำถามในใจของทุกคนในป้อม แล้วทั้งคู่ก็ทำท่าจะกลับไปตักอีกจานซะงั้น
มาทิด้าคนถามก็ถึงกับงง แล้วถามออกไปด้วยใบหน้าที่ว่างงสุดๆ
“นี่ยังจะกินกันอีกหรอเนี่ย ไม่อิ่มกันบ้างหรือไง”
“ยัง” สั้นและได้ใจความ แล้วทิ้งให้เพื่อนๆนั่งงงกันต่อไป
ตัวหนังสือบนหน้ากระดาษเรียงกันเป็นตับ บอกถึงเรื่องราวต่างๆที่เป็นความรู้ ดึกมากแล้วแต่คาโลก็ยังไม่นอน เพราะหนังสือตรงหน้ามีเรื่องที่เขากำลังสนใจอยู่พอดี ประวัติศาสตร์ที่วันนี้เฟรินสามารถบรรยายได้ในชั้นเรียน แล้วเขาก็อ่านเกือบจะจบอยู่แล้ว เมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่มาจากข้างนอกห้อง ส่งตรงมาถึงจอมยุ่งประจำป้อมแล้วถ้าเขาไม่ได้ตื่นอยู่ก็คงสัมผัสมันไม่ได้แน่ เปลือกตาที่หลับพริ้มอย่างสบายลืมขึ้นทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วพบว่า
“อ้าว คาโลนายยังไม่นอนอีกหรอ...”
“ยัง นายรู้สึกใช่ไหม ใครจะทำร้ายนาย”
คำถามตรงเป้าหมายอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมสักนิด แต่เฟรินกลับทำหน้างงอย่างยิ่ง ก่อนจะตอบออกไปว่า
“ฉันจะรู้ไหม นายก็เห็นฉันเคยมีเรื่องก่ะใครที่ไหน”
“แล้วไอ้ที่ส่งไอสังหารมาเนี่ยมันคืออะไร” เสียงคนที่น่าจะหลับไปแล้วดังขึ้นมา เรียกให้อีก 2 คนที่อยู่ในห้องต้องหันไปมอง
“ฉันนึกว่านายหลับไปแล้วซะอีกคิล ตื่นอยู่หรอ แต่เอาไว้ก่อนฉันอยากออกไปดูข้างนอกมากกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวก็คว้าผ่าปฐพีของตนเดินนำทุกคนออกจากห้องไป ที่ระเบียงชั้น 3 นอกจากพวกเฟรินแล้ว เหล่านางฟ้าทุกคนก็ออกมายืนดูอยู่ด้วย ที่ชั้นล่าง 4 ผู้คุ้มกฎที่กำลังต่อสู้กับผู้มาเยือนทั้ง 4 คนอยู่อย่างดุเดือด พวกเขามาในชุดดำสนิท ฝีมือแปลกประหลาดแต่ทั้ง 4 ก็ยังคงรับมือได้ ไม่นาน 12 ผู้พิทักษ์ป้อม 3 ขุนพล และ 2 เสนาธิการก็ปรากฏตัวขึ้นในหลายๆชั้น 3 นางฟ้าที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาใกล้พวกเฟรินตั้งแต่เมื่อไร
“พวกนั้นเดินเข้ามาหาเราเองอย่างที่คิดไว้”
“ใช่ค่ะ ฉันก็อยากรู้ว่าเป็นใคร และเท่าที่ดูก็คงไม่ผิดจากที่เราคิดสักเท่าไร”
“อืม อีกไม่นานพวกนั้นก็จะต้องถอยไป ฝีมือยังไม่ได้ที่หรอกจะเอาชนะ 4 ผู้คุ้มกฎยังอีกไกล”
เสียงแองจี้กับเฟรินตอบโต้กันไม่ดังนัก แต่ก็ทำให้คิล คาโล กับ 2 นางฟ้าที่เหลือได้ยินชัด แต่การต่อสู้ตรงหน้าก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จนไม่มีใครคิดจะพูดคุยกันต่อไป โรเรียกพลังมาอยู่ที่มือทั้ง 2 ข้าง ขนาดเท่าลูกฟุตบอลแล้วคว้างใส่คู่ต่อสู้ ชายชุดดำกระเด็นออกไปชนผนังป้อมแล้วทรุดตัวลง กองอยู่ตรงนั้นอย่างขยับไม่ค่อยไหว ไม่นานคู่อื่นๆก็จบลงตามการคาดการของเฟริน ผู้บุกรุกต่างต้องช่วยพยุงกันออกไป พร้อมกันถอยหนีเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องถูกจับสอบ และก่อนที่ใครจะมาเรียกเฟรินก็เดินนำทุกคนกลับเข้าห้อง แยกจากเหล่านางฟ้าตรงนั้นเอง
“นายคาดไว้แล้วใช่ไหมเฟริน” คำถามจากเจ้าชายน้ำแข็ง
“ฉันจะคาดได้ไงกัน ถ้าเป็นนายก็ไม่แน่จริงป่ะคิล”
“แต่ฉันก็ว่านายกับแองจี้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว”
“คิดมากไปได้ คนอย่างฉันจะทำได้ไง ถ้าเป็นพวกนายมันก็อีกเรื่อง แล้วฉันก็คงไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย ถ้าพลาดน่ะถึงตายเชียวนะโ ว้ย”
กล่าวจบเฟรินก็ล้มตัวลงนอนในทันทีเพื่อตัดบทสนทนา แล้วไอ้คนหลับง่ายก็หลับไปในเวลาไม่นาน ทิ้งให้เพื่อนทั้ง 2 ต้องมานั่งคุยกันต่อไป
“นายคิดว่าไงคาโล”
แต่คาโลก็ไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงสีหน้าเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคิดไม่ตก และยังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี หลังจากนั่งคิดอยู่นานจนคิลแทบจะละความพยายามที่จะรอคำตอบจากเจ้าชายน้ำแข็ง เสียงที่คิดว่าคงไม่มีอีกก็ดังขึ้น
“ยังไม่รู้แน่ แต่ที่รู้คือฝีมือพวกนั้นแปลกออกไปจากพวกเรานิดหน่อย กับ 4 ผู้คุ้มกฎต้องใช้ฝีมือเต็มที่ถึงจะไล่พวกนั้นไปได้ ฝีมือก็คงไม่ธรรมดา”
“เออ เรื่องนั้นน่ะรู้แล้ว แต่ที่เฟรินมันรู้ล่ะคืออะไร”
“ไม่รู้” สั้นๆแต่ได้ใจความ
ความคิดเห็น