คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 (ไม่มีชื่อตอนอีกเช่นกันค่ะ)
แสงแดดอ่อนของยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างบานสูงเข้ามาปลุกให้เจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลรู้สึกตัวตื่นขึ้นเช่นทุกเช้า แต่วันนี้แปลกออกไป เมื่อเตียงของเจ้าขี้เซาที่สุดไม่มีร่างของคนตื่นยากอยู่เลย มีเพียงร่องรอยว่าผ่านการนอนมาแล้วอยู่เท่านั้น ตั้งแต่เมื่อไรที่ร่างนั้นลุกออกไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว ทั้งที่คนอย่างคาโลจะมีความรู้สึกที่ไวมากอย่างยิ่ง คิ้วเรียวได้รูปผิดผู้ชายของคาโล วาเนบลีขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเหลือบไปที่อีกเตียงที่เจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใด ผ่านไปยังห้องน้ำเสียงอาบน้ำที่ควรจะมีก็ไม่มี แล้วเฟรินหายไปไหนคำถามในใจผุดขึ้นมามากมาย โดยไม่อาจหาคำตอบได้ ก็ไอ้คนต้นปัญหามันไม่อยู่แล้วเขาจะไปเอาคำตอบจากใครเนี่ย ถ้าจะไปถามอีกคนที่อยู่ในห้องเดียวกันมันก็หลับอยู่เห็นๆ ถามไปก็คงไม่ได้เรื่อง เขาจึงเข้าห้องน้ำไปก่อน แต่เพียงไม่นานก็ออกมาแต่งตัวเรียบร้อย แล้วรบคว้าของออกจากห้องไป แต่เหมือนนึกอะไรได้จึงเดินตรงไปที่คนที่หลับอยู่ อีกไม่กี่ก้าวจะถึงเตียงของคิลอยู่แล้ว
“ฉันนึกว่านายจะลืมฉันซะแล้วซิ คาโล แล้วแกก็ไม่ต้องห่วงว่าเฟรินมันหนีด้วย เมื่อ2ชั่วโมงก่อนมันออกไปกับแองจี้”
“แกรู้ได้ไงคิล”
“ก็ฉันเห็นน่ะซิ ฉันตื่นขึ้นมาพอดี เห็นเฟรินมันทำท่าย่องๆอยู่ จะทักแล้วล่ะแต่เห็นว่าแองจี้มารออยู่เลยไม่ได้ทักมัน”
“แล้วเฟรินไปไหน”
คำถามสั้นๆๆที่ไม่เคยเปลี่ยนของเขา ได้ใจความครบถ้วนดีแท้
“ใครมันจะไปรู้วะ ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ นายจะไปที่ห้องอาหารดราก้อนก่อนก็ได้ เฟรินอาจจะอยู่ที่นั้นแล้ว”
คาโลพยักหน้าก่อนจะก้าวออกจากห้องไป แต่ที่นั่นก็ไม่มีร่างของเฟรินอยู่ ไม่ว่าเขาจะมองหาสักเท่าไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ผ่านไปนานแต่คาโลก็ยังไม่ไปเลือกอาหาร แต่ทำทีว่านั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้นแต่คอยชำเลืองว่าเมื่อไรร่างที่เขาหามาตั้งแต่เช้าจะมาให้เห็นสักที จนในที่สุดคิลก็เดินเข้ามาที่โรงอาหารพร้อมกับร่างที่เขามองหาอยู่ เมื่อทั้งคู่นั่งลงคาโลก็ยิงคำถามมาหาเฟรินทันที
“นายไปไหนมาเฟริน”
“ไม่มีอะไรหรอกคาโล แค่ออกไปดูท้องฟ้านิดหน่อยน่ะ”
“ไปกับใคร”
“จะไปกับใคร ดึกขนาดนั้นจะมีใครตื่นอยู่หรือไง ก็ไปคนเดียวน่ะซิ”
คำตอบของเฟรินเรียกให้เพื่อนทั้ง 2 ต้องมองหน้ากัน ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมเฟรินต้องปิดบัง เรื่องที่ตนเองออกไปกับแองจี้ด้วย ปรกติเฟรินไม่ใช่คนแบบนี้ ทั้งคู่มีความคิดว่าเฟรินต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ แต่ก็ไม่ได้ถามถึงเฟรินจะปากเบาแค่ไหน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองตั้งใจว่าจะไม่พูดก็ไม่เคยมีใครง้างปากไอ้คนปากเบาได้
“แล้วนี่นายกินข้าวหรือยังคาโล”
“ยัง” สั้นๆแต่ได้ใจความอีกเช่นเคย
“อะไรวะ คิลบอกว่านายลงมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังไม่กินอีก”
“ก็เธอคิดว่าทำไมล่ะเฟริน” เสียงของคนที่มักจะมาปรากฏอยู่ข้างหลังเจ้าตัวยุ่งประจำป้อมอยู่เสมอ โร เซวาเรส เจ้าขอทานกิติมศักดิ์เอ่ยดังขึ้น ทำให้เจ้าตัวยุ่งได้แต่ถอนใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจเท่าไรว่า
“เมื่อไรนายจะมาปรากฏตัวแบบคนอื่นเขาบ้างวะ โร ชอบมาอยู่ข้างหลังเสียเรื่อยเลย”
“เอาน่า ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ ว่าแต่นายไม่อยากรู้แล้วหรอว่าทำไมคาโลถึงยังไม่กินข้าว ทั้งๆที่ลงมาถึงโรงอาหารตั้งนานแล้วแบบนี้”
“ถ้านายอยากบอก นายก็จะบอกโร นายจะไม่รอให้ถามเลยล่ะ”
“แล้วตกลงอยากรู้รึเปล่าล่ะ”
“ถามได้อยากซิวะ ไม่งั้นจะถามมันทำซากอะไร”
“อานะ ก็แค่คาโลมัวแต่มองหาใครบางคนอยู่ ก็เลยยังไม่ได้กินก็แค่นั้น”
คนถูกพูดถึงหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะงัดเอาหน้าประจำของตัวเองมาใช้ ใบหน้าเฉยสนิทที่ทุกคนเริ่มรู้ว่ามันไม่ได้เฉยตามหน้าแน่นอน แล้วมันจะบ้างัดมาใช้ทำไมก็ไม่รู้ ทุกคนที่เห็นต่างก็คิดเหมือนกัน ส่วนอีกคนก็ไม่มีทีท่าเลยว่าจะรู้เรื่องอะไรกับใครๆเขา พูดโพล่งออกมาว่า
“แล้วนายรอใครล่ะ คาโล”
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมานอกจากเจ้าตัวจะปิดหนังสือที่ทำเป็นอ่านลงเสียงดัง และเดินออกจากโต๊ะไปรับอาหารทันที ทำให้ 2 คนที่มาใหม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินไปเช่นเดียวกัน ทิ้งให้โรนั่งเฝ้าโต๊ะ ด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่กั้นไม่อยู่
วันนี้วิชาแรกเป็นวิชาฟันดาบของลาเวน ซึ่งต้องออกไปเรียนข้างนอกพร้อมกับพวกป้อมแผ่นดินประชาชน เฟรินชอบวิชานี้ที่สุดเพราะไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ไม่ถนัด ทุดคนถูกสั่งให้จับคู่กันซ้อมฟันดาบ ซึ่งเฟรินก็ทำได้ดีจึงต้องจับคู่กับคนที่ชนะจากคู่อื่นๆต่อไป ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมีเสียงแหวกอากาศของอะไรบางอย่างตรงเข้ามา เฟรินหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นอะไรและรู้ว่ามันตรงเข้ามาหาตัวเอง ร่างกายขยับจะหลบโดยอัตโนมัติแต่ไม่ทันเสียแล้ว แต่จากการเบี่ยงตัวลูกธนูจึงถูกบริเวณต้นแขนของเธอ
ฉึก!!! เสียงของมีคมแทงโดนเนื้อเสียงดัง และทุกคนก็หันไปมองผู้เคราะห์ร้ายที่โดนธนูนั้นเข้า ร่างบางของเฟรินค่อยๆล้มลง คาโลที่ยืนไม่ห่างนักรีบยื่นมือออกรับก่อนที่ร่างนั้นจะล้มฟาดพื้นลงไปทัน คิลผู้ได้ชื่อว่านักฆ่าเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ด้วยความไวที่มีจึงตรงดิ่งไปยังจุดที่คาดว่าธนูนั้นถูกปล่อยออกมา แต่เมื่อไปถึง ไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีกแล้วและไม่มีร่อยรอยใดปรากฏอยู่เลย สร้างความงุนงงให้กับคนเป็นนักฆ่าอย่างยิ่ง และเมื่อกลับมาร่างของเพื่อนรักทั้งคู่ก็หายไปแล้ว
“เฟรินกับคาโลไปไหนครับเรนอน”
“คาโลพาเฟรินไปห้องพยาบาลค่ะ อาจารย์ลาเวนก็ตามไปด้วยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปดูเฟรินก่อนนะ”
ทุกคนจึงตามไปด้วย โดยชั่วโมงนั้นมีเพียงนักเรียนจากป้อมแผ่นดินประชาชนเท่านั้นที่ซ้อมกันต่อไปตามคำสั่งผู้เป็นอาจารย์ พวกปี 3 ป้อมอัศวินมาออกันเต็มหน้าห้องพยาบาล แต่เสียงที่ดังออกมาข้างหน้าก็ทำให้ผู้หญิงที่สติอ่อนอย่างเรนอนต้องหน้าซีด เมื่อคนได้รับบาดเจ็บเล่นแหกปากอย่างกับหมาถูกเชือดดั่งออกนอกห้องพยาบาล ซึ่งถ้าคิลไม่รู้ก่อนว่าห้องนี้คือห้องพยาบาล เขาคงได้คิดว่าเป็นโรงฆ่าสัตว์ไปแล้วเป็นแน่ แล้วสัตว์ตัวนั้นก็ไม่ใช่ใครเพื่อนเขาเอง ส่วนอีกคนที่ไม่น่าจะหน้าซีดเลย ตอนนี้กลับซีดหนักอย่างยิ่ง แองเจลีน่า โรมานอฟ
“นายจะแหกปากทำไมเฟริน ไม่ได้เจ็บอะไรซะหน่อย”
เสียงที่ดังขึ้นด้วยความรำคาญจากเจ้าชายที่เป็นห่วงจัด จนไม่ยอมออกมารอกับพวกเพื่อน แต่เมื่อคนที่เขาเป็นห่วงนั้นเล่นร้องอย่างกับจะถูกเชือดเขาก็เลยทนไม่ไหวขึ้นมา
“ไอ้บ้า แกก็ลองมาโดนเองบ้างดิ จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง แกไม่ได้โดนเองนี่หว่าทำมาพูด”
เสียงสวนอย่างไม่ยอมแพ้ดังมาจากคนเจ็บ พี่พวกเพื่อนๆได้แต่ส่ายหน้า แต่แน่ใจได้ว่าไอ้คนเจ็บมันไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีแรงแหกปากได้ขนาดนี้
“เอ้าเสร็จแล้วจ้ะ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”
เฟรินรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลมาหาเพื่อนๆที่รออยู่ข้างหน้า เมื่อออกมาแล้วเสียงถามอาการก็ดังไปทั่ว อย่างตอบไม่ทันเลยทีเดียว แต่ก่อนที่เฟรินจะตัดบทอะไรออกไป ลาเวนก็คุกเข่าลงตางหน้า พร้อมก้มหน้าลง
“กระหม่อมเสียใจ ทั้งที่กระหม่อมก็อยู่ด้วยแต่องค์หญิงก็ยังได้รับบาดเจ็บ กระหม่อมเป็นราชองครักษ์ แต่กลับปกป้องพระองค์ไม่ได้”
“มันไม่ใช่ความผิดของอาจารย์หรอกฮะ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ช่างมันเถอะฮะ"
คนที่มีแต่ความกะล่อนไม่มีใครคิดว่าจะกล่าวอะไรเช่นนี้ได้ ทุกคนจึงอึ้งๆกันไป เฟรินจึงพยุงให้ลาเวนลุกขึ้นยืน ไม่นานพวกผู้คุ้มกฎกับเสธฯทั้ง 2 ก็มาถึง
“มันเกิดอะไรขึ้นเฟริน มันมีเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”
“ผมก็ไม่รู้ฮะพี่”
“แล้วจับคนร้ายได้หรือเปล่า เฟรี่”
“ผมไปดูแล้วครับพี่ลูคัส แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย ไม่มีร่องรอยอะไรเลยด้วยฮะ น่าแปลกจริงๆ”
“เป็นไปได้ยังไงคิลลี่ จะไม่มีร่องรอยอะไรได้ยังไง”
“แล้วจะเอายังไงกัน ไม่รู้ไอ้คนลงมือมันจะลงมือที่เฟรินอีกหรือเปล่า หรือจะมุ่งไปที่นักเรียนคนอื่นก็ไม่รู้นะเนี่ย”
“งั้นเราคงต้องให้นักเรียนทุกคนระวังตัวแล้วล่ะ แจ้งหัวหน้าป้อมทุกป้อมให้บอกคนในป้อมด้วยดีกว่า”
“มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่หรอครับพี่” คนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอกคาโล อย่างน้อยทุกคนจะได้ระวังตัวกันไว้ แล้วพี่ก็ขอบอกให้ทุกคนระวังตัวไว้ด้วย เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนลงมือมันพุ่งเป้าที่ใครเป็นพิเศษหรือเปล่า”
แล้วพวกรุ่นพี่ก็จากไป ทิ้งให้คนถูกลุมกลายเป็นคิลไปเสียแล้ว
“จริงหรอคิล ที่นายไม่ได้ร่องรอยอะไรเลยน่ะ”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังถามกันไปมานั้น มีเพียง 2 คนที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่มองตากันนิ่งอยู่เช่นนั้น แองเจลีน่ากับเฟริน ซึ่งไม่มีคำพูดใดหลุดมาจากปากของคนทั้งคู่เลย
“จริง คาโลฉันไม่ได้กลิ่นแม้แต่เวทย์มนต์อะไรเลยนะ”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังถามกันไปมานั้น มีเพียง 2 คนที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่มองตากันนิ่งอยู่เช่นนั้น แองเจลีน่ากับเฟริน ซึ่งไม่มีคำพูดใดหลุดมาจากปากของคนทั้งคู่เลย
ความคิดเห็น